กู้ภัยรับแจ้งเหตุ ขอความช่วยเหลือด่วนหลังเหมียวติดเหล็กดัด ใจก็คิดว่าคงต้องแรงแน่แต่ไปถึงก็อดขำไม่ได้
หากเพื่อนๆที่ได้เลี้ยงแมวแล้วก็คงจะรู้จักนิสัยใจคอของเหล่าเจ้าเหมียวกันดีว่าแมวนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถจะคาดเดาการกระทำของพวกเขาได้ ซึ่งในบางครั้งพวกเขาก็ทำเหมือนกับว่าพูดรู้เรื่องและเข้าใจในสิ่งที่เราพูด แต่ในบางครั้งพวกเขาก็ทำเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
ยิ่งไปกว่านั้นจากการกระทำสุดพิเรนของพวกเขานั้นยังได้ทั้งการสร้างรอยยิ้มและเรียกเสียงฮาให้แก่มนุษย์ เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Rungroj Prampipat ได้โพสต์เรื่องราวนี้ลงในโลกออนไลน์หลังจากที่เขานั้นเป็นหน่วยกู้ภัยและได้รับแจ้งเหตุ
ว่ามีแมวติดเหล็กดัดซึ่งขอให้ทางหน่วยกู้ภัยนั้นได้เข้าช่วยเหลือ ซึ่งในใจของเขาเองตอนนั้นก็คิดไปว่าแมวน่าจะถูกเหล็กทิ่มหรืออะไรแบบนี้ แต่ทว่าเขาก็เห็นว่ามีทางหน่วยกู้ภัยนั้นได้เข้าไปช่วยเหลือแมวตัวดังกล่าวแล้วซึ่งทางเขาเองก็เลยไม่ได้ไปช่วยและไม่ได้ติดตามข่าวใดๆต่อๆ
ทราบเรื่องภายหลังจากสาวใจดีท่านหนึ่งที่เธอนั้นมักจะให้อาหารแมวจรตัวนี้ สรุปน้องเป็นแมวจรจ้า โดยผู้โพสต์คุณ Elegant Moon ได้เล่าว่า นางตัวนี้นางเป็นแมวจรในซอยที่เราอาศันอยู่ค่ะ อาศัยนอนตามหลังคาบ้านตามระเบียงบ้านของคนในซอย บางบ้านก็ชอบบางบ้านก็ไม่ค่อยชอบนาง ปกตินางจะมารอกินอาหารที่หน้าบ้านเราทุกวัน 2 เวลา เช้ากับเย็น
เมื่อเช้าวันที่9 ไม่เห็นนางมากินเหมือนทุกวันที่เคยมา เราตะโกนหาเรียกหาตั้งแต่เช้าก็ไม่มีวี่แวว จนถึงมื้อเย็นนางก็ไม่มาสักที ในใจเราก็ห่วงกลัวว่าจะเป็นอะไรไหม จะได้กินข้าวหรือยัง สักพักมีเพื่อนข้างบ้านมาเรียกเราให้ช่วยไปจับนางในบ้านให้หน่อย เรารีบเข้าไปเห็นนางตามรูปที่โพสต์เลยค่ะ นางกลัวคนเพราะสัญชาตญาณแมวจร แต่นางให้เราจับแค่คนเดียวนะจับนี่หมายถึงลูบๆได้แค่นั้น
เราก็ถามเจ้าของบ้านว่านางเข้าไปในนั้นได้ยังไง พี่เจ้าของบ้านบอกนางเข้ามาตั้งแต่คืนวันที่8แล้ว นางมาอยู่ในบ้านเค้า เค้าไล่ให้ออกนางก็ไม่ยอมออก แล้วเช้าวันที่9เจ้าของบ้านต้องไปทำงานเลยเปิดหน้าต่างทิ้งไว้เผื่อนางจะออกได้ พอตกเย็นกลับมาเจ้าของบ้านบอกนางเข้าไปติดเหล็กดัดตอนไหนก็ไม่รู้ เราพยายามช่วยแต่ไม่ได้ เลยเรียกพี่กู้ภัยมาช่วยค่ะ ตอนนี้นางปลอดภัยแล้วค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Rungroj Prampipat , Elegant Moon
เก็บอาการไม่อยู่หลังหายออกจากบ้านนาน6วัน ดีใจที่เจอเจ้าของร้องไห้น้ำตาอาบแก้ม
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Supta Bublu ได้เผยเรื่องราวการตามหาหมาที่บ้านที่หายตัวออกไปนาน 6 วัน ทางสาวผู้โพสต์เองออกตามหาทุกวัน หวังจะได้เจอน้องอีกครั้ง...และในที่สุดวันนั้นก็มาถึง วันที่พบน้องมันดีใจจนบอกไม่ถูก ดีใจทั้งคนทั้งหมาและน้องหมาเองถึงขั้นร้องไห้ออกมาอาบแก้มกันเลยทีเดียว
.
โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า เมื่อพลิกแผ่นดินหา..สุดท้ายก็ต้องหาเจอ จงเชื่อในสิ่งที่คิดเพราะไม่เคยคิดว่ามิลลี่จะสิ้นใจไปแล้ว รู้แค่ว่าจะต้องหาเจอวันใดสักวันหนึ่ง และเช้าของวันที่ 6 ของการตามหาก็สิ้นสุดลงเสียที มีพี่ผู้ชายในหมู่บ้านขับรถมาหาแม่ บอกเจอสุนัขตัวนึงมีลักษณะตามที่ประกาศ หลบอยู่ในป่า สามวันที่ผ่านมาวิ่งออกมาตรงคอกวัวของพี่ชายคนนี้
มากินข้าวกับน้องหมาที่พี่แกเลี้ยงเอาไว้ และนอนเกลือกไปยังที่วัวนอนอยู่ และที่ตรงนั้นเองเราก็ได้ขับไปดูถึงสามรอบตั้งแต่วันที่ 7 8 9 ที่ผ่านมา แต่ด้วยเพราะไม่แน่ใจ พี่แกเลยมาถามว่าน้องหมาชื่ออะไรจะลองเรียกน้องดู หลังจากนั้นพี่แกก็ขับรถกลับไปบ้านไปลองเรียกชื่อ ลี่ๆๆ อยู่หลายครั้ง ครั้งสุดท้ายยอมออกมาจากป่าในทันใด แล้วกระดิกหางวิ่งมาหา ทำท่ากล้าๆกลัวๆ
แต่ก็ยังไม่ยอมให้จับ แกเลยย้อนกลับมาหาแม่อีกครั้ง เพื่อตามให้เราไปดู ไม่รอช้าแม่รีบซิ่งมอไซต์ไปกับพี่เค้า หน้าก็ไม่ล้างเพราะพึ่งตื่นนอนมา แต่ในสมองคิดแต่ว่าต้องเป็นมิลลี่แน่นอนที่สุด พอไปถึง ไม่มีมิลลี่ จึงลองร้องเรียกดังๆดู ตะโกนเข้าไปในป่าอยู่หลายสิบครั้ง เท่านั้นแหละ น้องวิ่งออกมาจากป่าในทันที ยืนดูเราด้วยความตกใจ
จนแน่ใจว่าใช่เราแน่ๆ น้ำตาสุนัขไหลอาบแก้ม ร้องเสียงฟังไม่เป็นศัพท์เลย กระโดดดิ้นแบบสุดตัว น้องดีใจมากที่เจอเราอีกครั้ง
เราได้แต่ตะโกนกรี้ดเสียงดังลั่น บอกลู่ลี่กลับบ้านเราๆๆๆๆ อุ้มน้องนั่งมาบนเบาะมอไซค์ของพี่เขา..น้องดิ้นเพราะดีใจมาก จนจะตกรถอยู่หลายครั้ง เขาคงคิดถึงบ้าน คิดถึงพี่ชาย คิดถึงแม่ คิดถึงพ่อ เขาคงไม่คิดว่าจะได้กลับมาอีกจนวันนี้
ส่วนแม่ก็ดีใจมากๆคนในซอยทุกคนวิ่งออกมาดู...
บทเรียนสาวทาสแมว หลังแมวป่วยเพียง1ตัวกลับทำให้แมวอีก60ชีวิตต้องป่วยตามไปด้วยเพราะความชะล่าใจ
ถือเป็นอีกหนึ่งบนเรียนราคาแพงสำหรับเพื่อนๆหลายคนที่ได้เลี้ยงแมวหลายๆตัว เพราะสิ่งที่จะตามมาในการที่เพื่อนๆนั้นได้เลี้ยงแมวหลายๆตัวในระบบปิดนั้นก็คือโรคติดต่อ ที่จะส่งผลเสียและแพร่กระจายตัวได้อย่างรวดเร็วซึ่งหากเราเกิดการชะล่าใจแล้วก็ยิ่งหนัก
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Ple App ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวของเธอซึ่งเธอนั้นได้นำมาโพสต์เอาไว้ในกลุ่มทาสแมวหลังจากที่แมวของเธอนั้นมีอาการป่วยมีอาการไอมีน้ำมูกไหล หายใจทางปากประมาณ 2-3 ตัวซึ่งพอตอนเช้าก็เป็นกันทั้งหมด 5 ตัว
โดยในเย็นวันจันทร์ที่เธอกลับมาจากทำงานเธอก็ซื้อยามาให้น้องแมวสำหรับ 5 ตัว แต่ทว่าเมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาลมแทบจับเพราะเจ้าเหมียวที่เธอเลี้ยงไว้นั้นติดกันจนหมด 60 ตัว ซึ่งเธอเลี้ยงน้องแมวในระบบที่ปิดแต่มีอากาศถ่ายเทดี แต่ด้วยความที่มีแมวเยอะจนทำให้ติด
และด้วยเหตุผลที่เธอนั้นชะล่าใจจนทำให้ไม่ได้แยกน้องตัวที่ติดโรคเอาไว้ จนทำให้ทุกตัวนั้นติดกันหมดซึ่งอาการของน้องๆเองก็ทรงๆทรุดๆโดยเธอเองก็ต้องดูแลน้องตลอดเวลา ในขณะที่หนึ่งวันเธอได้นอนเพียงแค่ 2-3 ชั่วโมงเพียงเท่านั้นเพราะด้วยเธอตัวคนเดียวและอยู่เพียงลำพัง
จนในที่สุดแมวของเธอก็สิ้นใจไปหนึ่งตัวเพราะจากอาการป่วยและการชะล่าใจของเธอ เธอจึงได้นำเรื่องราวมาบอกกับเพื่อนๆลงในกลุ่มเพื่อเป็นบทเรียนหากบ้านไหนที่มีแมวเยอะและเกิดมีอาการแมวป่วยก็ควรรีบจะแยกก่อนที่พวกเขาจะติดกันไปทั้งหมดเหมือนกับเรื่องราวนี้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Ple App
บทเรียนราคาแพงเกือบต้องเสียแมวสุดที่รัก เพราะแมวเครียดต้องส่งคลีนิคจนเกือบไม่รอด
เพื่อนๆที่ได้เป็นทาสแมวหลายๆคนก็คงจะเคยได้ยินเรื่องราวของเหล่าเจ้าเหมียวว่าความเครียดนั้นเป็นสิ่งสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของพวกเขา เพราะถ้าหากว่าแมวของเพื่อนๆเกิดเครียดขึ้นมาปัญหาที่จะตามมานั้นย่อมถึงแก่ชีวิตได้เลยทีเดียว ซึ่งทั้งนี้เรามาดูกันว่ามันอันตรายมากขนาดไหน
หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า วรพรรณ กลับแก้ว ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวสุดที่รักซึ่งเรียกได้ว่าเป็นนาทีที่บีบหัวใจของผู้เป็นเจ้าของที่สุดตั้งแต่เลี้ยงน้องแมวมาเลย เพราะวันนี้อยู่ๆน้องก็เกิดอาการชัก โดยเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเร็วมากๆ เพราะวันนี้ผู้เป็นเจ้าของนั้นได้กลับมารับตี๋ (ชื่อแมว)
เพื่อที่จะมานอนด้วยที่คอนโด แต่ทว่าจังหวะที่เธอนั้นได้เอาเจ้าตี๋ใส่ลงในตะกร้าตี๋กลับดิ้นแรงมากและไม่ยอมที่จะลงไปในตะกร้า แต่เธอก็ยังฝืนใจน้องด้วยความที่คิดไม่ถึงว่าน้องจะเครียดขนาดนี้ ซึ่งตี๋ก็ร้องโวยวายไม่หยุด เธอก็ยังคิดว่าน้องคงงี่เง่าเป็นปกติ
แต่อีกไม่กี่นาทีต่อมาเจ้าตี๋กลับเกิดอาการชักในตะกร้า พี่แยมจึงรีบวิ่งพาไปที่คลีนิคอย่างเร็วและคุณหมอก็รีบฉีดยากันชักให้เลยในทั้นที ซึ่งจากการวัดค่าอุณหภูมิในร่างกายติ๋นั้นมีไข้ขึ้นสูงถึง 137 ซึ่งไม่ปกติและต่อจากนั้นตี๋ก็ไม่ได้สตินอนแน่นิ่งอยู่พักใหญ่ ซึ่งผู้เป็นเจ้าของก็ได้แต่นั่งลุ้นรอตี๋ฟื้น
ซึ่งถือได้ว่าเป็นวินาทีชีวิตเลยก็ว่าได้เพราะหมอบอกว่าตี๋อาจจะฟื้นหรือไม่ฟื้นก็ได้ ซึ่งต้องรอดูอาการเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หัวอกแม่กับป๊านั้นก็ได้แต่นั่งรอลูกฟื้นขึ้นมาทั้งน้ำตาร้องไห้ไปหลายตลบมากๆ เพราะด้วยความกลัวว่าตี๋จะไม่กลับมาอีกแล้ว จนในที่สุดคุณหมอก็วัดอุณหภูมิตี๋อีกครั้ง
และตี๋ก็ค่อยๆกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง ซึ่งทั้งนี้ก็อยากจะฝากเป็นบทเรียนสำหรับเพื่อนๆที่เป็นทาสแมวว่าให้เลี้ยงดูแมวของท่านให้ดีเพราะความเครียดนั้นมีผลต่อร่างกายของเขามากกว่าที่พวกเราคิด ซึ่งถ้าหากว่าบ้านของผู้โพสต์นั้นไม่ได้อยู่ใกล้ๆกลับคลีนิคเจ้าตี๋ก็คงจะจากไปแล้ว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก วรพรรณ กลับแก้ว
ถูกจองจำมาตั้งแต่เกิด กลัวว่าน้องจะตัวใหญ่จึงได้กักอาหารจนขาลีบ
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : mayacrasy ได้เผยเรื่องราวของแมวที่เธอนั้นได้เลี้ยงมันเอาไว้ โดยเจ้าเหมียวตัวนี้ก่อนที่เธอจะรับมาเลี้ยงเธอหมดเงินไปทั้งหมด 30,000 บาทเพื่อรักษาเพราะน้องอยู่ในกรงนานกว่า 1ปี เพราะขายไม่ได้ ทางร้านค้าสัตว์ก็ไม่ยอมเอาข้าวให้กินเพราะกลัวว่าน้องจะตัวใหญ่แล้วจะขายไม่ได้
โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ใช้ทั้งเวลา ใช้ทั้งเงินเกือบ 30,000 ในการรักษาและบำรุง เจ้าชีวาส เด็กที่อยู่ในกรงร้านสัตว์เลี้ยงมาเป็นเวลากว่า 1ปีเต็มๆ (ไปตลาดเจอน้องทุกวัน) จนทางร้านเริ่มกักอาหารแล้ว(กลัวน้องโตแล้วจะขายยาก)
แถมน้องยังโดนตัดไข่อีก ขาทั้งสี่ลีบเล็ก เพราะไม่เคยได้ออกกำลังไม่เคยได้เดินไปไหนมาไหน ขนทั้งตัวก็เป็นเชื้อราลุกลาม จนอาการเริ่มไม่ดีแล้ว เราก็จ่ายเงินไถ่ชีวิตเขามา แล้วเอามารักษา บอกตรงๆรักษาจนท้ออ่ะ ใส่ลำโพง ทั้งยากินจากทางไทยและทางมาเลเซีย
ทั้งแชมพูทุกขนานที่เขาคิดว่าดี รวมไปถึงมาลาเซ็ป วิตามิน คอลลาเจ้น อาหารก็ต้องให้เกรดพรีเมี่ยม และต้องทำจากไก่เท่านั้น งดปลาและพวกของทะเลทุกชนิด อัดทุกอย่างเข้าไป 3เดือนกว่าๆ ที่เพื่อนซื้อยาจากไทยมา รวมแล้วมูลค่าเกือบสองหมื่นบาท
ยากินอีก 4อย่าง และแชมพูที่ต้องละไว้เพราะหิ้วขึ้นเครื่องไม่ได้ อีกรอบเลยซื้อมาลาเซ็ปโหลดกระเป๋ามา น้องก็อาการดีขึ้นๆเรื่อยๆ จนตอนนี้คิดว่าจะไม่ใส่ลำโพงให้น้องอีกแล้วจ้า เห็นแล้วชื่นใจจริงๆเลย จากผอมกะหล่องแต่น้องกลับมาแข็งแรงสุขภาพดีอีกครั้ง
ที่มา mayacrasy
ภัยมืดใกล้ตัวแม้จะเลี้ยงแมวในระบบปิด จากการเลี้ยงแมวให้อยู่กับลูกหลานเด็กเล็กเพียงลำพัง
หากเพื่อนๆที่ได้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงแล้วก็คงจะเกิดทั้งความรักและความผูกพัน ซึ่งหากวันนึงสัตว์เลี้ยงของเพื่อนๆนั้นเกิดต้องเจ็บปวดขึ้นเพราะความสะเพร่าหรือถูกรังแกก็คงจะไม่มีใครทนอยู่ได้หรอกจริงมั้ย ยิ่งถ้าเราเกิดระมัดระวังแล้วเลี้ยงพวกเขาในระบบปิดแล้วแต่ก็ยังไม่วายมาทำแมวเราได้แม้จะเป็นคนใกล้ตัวก็ตาม
ก็คงจะไม่มีใครอยากจะให้เกิดอันตรายกับสัตว์เลี้ยงแสนรัก เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Beam Charanpohn Sommatio ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวเพื่อมาเตือนเพื่อนๆในกลุ่มชมรมคนรักแมวสายดาร์ก หลังจากที่เธอนั้นเลี้ยงเจ้าเหมียวมีชื่อว่าเจ้ามะลิในระบบปิด
แต่แล้ววันนี้เจ้าเหมียวมะลินั้นมีอาการหอบและหงุดหงิดตั้งแต่เช้า ซึ่งเธอก็นึกว่าเป็นเพราะอากาศร้อนจึงพยายามให้น้องกินน้ำและเปิดแอร์เปิดพัดลมให้ แต่ก็ไม่หายน้องยังมีท่าทีหอบเลยลองสังเกตจึงได้เห็นว่าเท้าหลังของเจ้าเหมียวมะลินั้นบวมเป่ง
จึงได้จับมาดูกลับพบหนังยางถูกรัดเอาไว้จนแน่นประมาณ 2-3 เส้นรัดเอาไว้หลายๆครั้งจนแน่นมาก และไม่แน่ใจเลยว่าโดนรัดมานานแล้วกี่วันซึ่งโดยปกติแล้วเธอก็เลี้ยงน้องในระบบที่ปิดเท่านั้นและไม่เคยได้ออกไปไหนมาไหน และน้องเองก็ไม่ได้พบเจอผู้คนเลย แต่ทว่าก็จะมีแต่หลานๆที่มาเล่นที่บ้านทุกวัน
ซึ่งเธอจีงได้นำเรื่องราวมาเตือนเพื่อนๆในกลุ่มเพราะหากใครมีลูกมีหลานก็อาจจะต้องระวังให้ดีเพราะแมวนั้นไม่สามารถพูดหรือบอกเราได้ว่าพวกเขานั้นเจ็บหรือต้องการความช่วยเหลือซึ่งเราก็จะต้องสังเกตอาการของพวกเขาให้ดี โดยหลังจากนั้นเธอก็ได้พาน้องมะลิไปหาหมอและฉีดยาแก้ปวดแก้อักเสบแถมหมอก็ได้บอกอีกด้วยว่าน้องมะลิไข้ขึ้นสูงถึง 103 หรือเกือบเท่า 40 องศาของคนเลยทีเดียว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Beam Charanpohn Sommatio และชมคลิป
https://www.facebook.com/showclip3/videos/133387958088368/
ล้มทั้งยืนหลังถูกให้มาเร่เดินขายของหากินเพื่อแลกอาหารมาประทังชีวิต แต่ไม่วายหมดแรงเพราะเดินต่อไม่ไหวแล้ว
หากเราจะพูดถึงช้างไทยเราซึ่งถือเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองแถมยังเคยทำประโยชน์ที่เคยช่วยสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่ให้พวกเราได้มีที่อยู่ได้มีแผ่นดินได้อยู่อาศัย แม้ต้องยอมสละชีวิตเพื่ออนาคตของลูกหลานไทยแต่ทว่ามนุษย์เรานั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่เห็นแก่ตัวมากที่สุด
ซึ่งในหลายๆครั้งเรามักจะเห็นภาพเหตุการณ์เหล่านี้ของคนรักสัตว์มาโดยตลอด เพราะเรามักจะได้พบกับเจ้าช้างเล็กหรือช้างใหญ่ที่ถูกบังคับให้มาเดินเร่หากินเพื่อประทังชีวิตของผู้เป็นเจ้าของ แม้อากาศจะร้อนเพียงใดก็ต้องทำเพราะถูกเขาบังคับถูกเขาสั่งมา
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้แฟนเพจ JS100 Radio ได้มาโพสต์บอกเรื่องราวของเจ้าช้างน้อยที่น่าสงสารรายนี้ลงในเพจ ในวันที่ 7 มีนาคมหลังพลเมืองดีได้พบเจ้าช้างตัวน้อยตกอยู่ในสภาพที่ไร้เรี่ยวแรงจะเดิน เพราะถูกบังคับให้มาเร่ขายอาหารเพื่อประทังชีวิตทั้งตนและเจ้าของ
แต่ทว่าด้วยอากาศที่ร้อนแถมไม่รู้ได้เลยว่าต้องเดินมานานเพียงใดเพราะเขานั้นก็ไม่มีปากเสียงพูดจะบอกหรือเอ่ยกับใครจึงทำได้เพียงแค่ล้มตัวไปนอนกับพื้นเพราะตนนั้นเดินไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ซึ่งพลเมืองดีจึงได้นำเรื่องราวส่งมาให้กับทางเพจเพื่อจะมีหน่วยงานใดช่วยเหลือน้องได้บ้าง
ซึ่งทั้งนี้ก็ได้มีผู้ใช้เฟสบุ๊คในโลกออนไลน์เป็นจำนวนมากต่างพากันเข้ามาแสดงความเห็นและสงสารเจ้าช้างตัวน้อยตัวนี้โดยหวังว่าจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปช่วยเหลือน้องจะได้ไม่ต้องมาเดินตากแดดตามลมจนหมดแรงล้มพับไปแบบนี้อีก ซึ่งก็ยังมีเพื่อนๆในโลกออนไลน์ทิ้งเบอร์และคำแนะนำเอาไว้หากต้องพบเจอกับเจ้าช้างน้อยถูกเอามาเร่ขายแบบนี้ให้แจ้งไปที่เบอร์ที่หน่วยงานนั้นๆ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก JS100 Radio
ลูกแมวจรนอนกลางถนน อากาศก็ร้อนไม่มีใครคิดช่วยจนหนุ่มใจดีถอดเสื้อคลุมให้หวังให้น้องปลอดภัย
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Lalita Satjajaroenchai ได้เผยเรื่องราวหลังเธอนั้นได้พบเจอลูกแมวตัวหนึ่ง น้องเป็นลูกแมวตัวน้อยที่นอนอยู่ข้างถนนใหญ่กลางแดดร้อนๆ ตอนจะเข้าไปช่วยเห็นน้องนอนแน่นิ่งไปแล้วคิดว่าไม่รอด แต่พอเดินเข้าไปใกล้ๆเห็นดวงตาคู่น้อยๆ ขุนพระน้องยังคงมีชีวิต
.
โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า จะไปกินข้าวพอดี เห็นน้องแมวตัวสีส้มเดินอยู่ข้างถนนใหญ่ หาที่จอดรถก็ไม่ได้เลยไปวนรถแล้ววิ่งไปหาน้อง แต่ตอนนั้นนางนอนแน่นิ่งไป คิดว่ามาช้าไปเสียแล้ว แต่พอไปดูใกล้ๆ กริ๊ดดด ตาใสเชียว น้องมีขู่จะตบด้วย เลยให้พี่ถอดเสื้อมาคุมน้องเอาไว้
ข้าวไม่กินล่ะ มุ่งหน้าไปหาหมอก่อนเลยจ้า ตรวจหมดทุกอย่างก่อน x-ray ทุกอย่างเช็คแล้วดูปกติ ตอนนี้คุณหมอให้น้ำเกลือฝากหมอไว้ก่อน แก๊สในกระเพาะเยอะ น้องอาจจะร้องไห้ตอนกลางคืนเยอะไปหน่อย (เอ็นดู แมวจรตัวน้อย) มองหน้ากับแฟนล่ะ เอายังไงกับน้องดีนะ
ตรวจสุขภาพเบื้องต้นก่อน ผลก็ปกติดี รอตรวจซ้ำตอนน้องอายุครบ 3 เดือน แล้วหาบ้านให้น้องไหม หรือจะเลี้ยงน้องเลย อิอิ
อัพเดทล่าสุดจากผู้โพสต์ว่า หลังตรวจเช็คกับคุณหมออย่างระเอียดอาการของน้องค่อนข้างหนัก เพราะน้องถูกรถเฉี่ยวชนมา เราได้แต่หวังว่าน้องจะปลอดภัยและหายในเร็ววันนี้ แต่ตอนนี้อยู่ในมือของคุณหมอแล้วครับ หายไวๆนะน้องแกงส้ม
ขอขอบคุณ : Lalita Satjajaroenchai
เจ้าของบ้านรวยมีบ้านหลังใหญ่ กลับไม่ให้ข้าวกินต้องคาบแบงค์20เพื่อมาขอแลกกับไก่ปิ้ง
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Nurnisa Nurnisa ได้เผยเรื่องราวของหมาที่มีเจ้าของก็เหมือนไม่มี น้องเป็นหมาแถวบ้านที่เธอนั้นชอบให้อาหารกับน้อง น้องชอบคาบใบไม้เพื่อมาขอแลกกับอาหารเพราะไม่อยากขอกินฟรี แต่ในวันนั้นเธอได้พูดกับน้องว่าใบไม้มันซื้อไก่ไม่ได้นะลูก พออีกวันเท่านั้นแหละน้องกลับคาบแบงค์20มาให้เพราะรู้ว่าใบไม้ใช่สิ่งที่ต้องการ
.
โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า สิ่งที่เรากำลังจะพูดอาจไม่มีใครเชื่อนะ ขนาดตัวเราเองยังไม่อยากจะเชื่อเลย แต่เป็นเรื่องจริงทุกอย่างนะ จำได้ไหมน้องหมาคาบใบไม้เอามาแลกไก่ เราเคยลงมาแล้วรอบนึงน้องหมาตัวนี้คือหมาบ้านตรงข้ามแต่เราให้อาหารเขาทุกวัน
พอตกเย็นเรากลับถึงบ้านเขาเห็นจะรีบคาบใบไม้มาให้ทุกครั้ง บางทีพูดกับเขาเอาใบไม้มาทำไมเหรอมันชื้อไก่ไม่ได้นะลูก แต่พอวันนี้นางกลับคาบแบงค์ 20 มาให้ไม่รู้เอาจากที่ไหนมา เอามาให้กับมือเราถ่ายรูปไม่ทันไม่คิดว่าเขาจะคาบเงินมาให้ ไม่น่าเชื่อเลยนะคะหมาทีเขาเลื้ยงแบบไม่สนใจจะแสนรู้ได้ถึงขนาดนี้
และเธอยังบอกอีกว่าเจ้าของของน้องบ้านรวยมาก มีบ้านหลังใหญ่โตแต่ไม่ให้ข้าวกิน น้องก็เลยต้องเดินข้ามถนนมาขอข้าวกินในทุกๆวัน เหมือนเลี้ยงให้เฝ้าบ้าน คอยปกป้องเจ้าของแต่ไม่คิดเลี้ยงดูให้ดี
ด้านชาวเน็ตหลังได้รับชมเรื่องราวต่างกล่าวว่า น้องหมาแสนรู้มากๆเลยอยากให้สาวผู้โพสต์รับน้องไปดูแลไหนๆเจ้าของเขาก็ไม่สนใจใยดีน้องแล้ว แต่เธอได้เข้ามาตอบกลับว่าไม่สามารถรับน้องได้นะเพราะน้องมีเจ้าของ ทางเจ้าของเขาไม่ให้ไม่รู้จะเลี้ยงไว้ทำไม เลี้ยงไปก็ไม่เคยสนใจ
ข้าวก็ให้บ้างไม่ให้บ้างปล่อยให้น้องต้องอดและเดินข้ามถนนมาขอข้าวกินอยู่ทุกวันเลย บ้างก็บอกว่าลองบอกให้น้องคาบแบงค์ 1,000 มาให้สิถ้าน้องจะรู้เรื่องขนาดนี้ ฮ่าฮ่า แต่อย่าเลยนะ เดี๋ยวน้องคาบมาจริงๆแล้วจะยุ่ง และก็ไม่รู้ว่าน้องไปเอาแบงค์ 20 จากที่ไหนมาเนอะ อาจจะไปเอามาจากเจ้าของของน้องก็เป็นได้
ขอขอบคุณ : Nurnisa Nurnisa
ตามทักไปทั่วขอแมวในเขาเฟสมาเลี้ยง พอไปส่งให้ถึงที่กลับเอาน้องไปปล่อยตั้งแต่วันแรก
เพราะในสมัยนี้จิตใจมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่ยากจะเข้าถึง เพราะเราไม่รู้ได้เลยว่าบางคนแต่งตัวดีอาจจะดูภูมิฐานแต่ภายในจิตใจนั้นเป็นเช่นไร เพราะด้วยการหาบ้านให้กับแมวจรในสมัยนี้นั้นเป็นสิ่งที่เราควรจะคัดกรองบ้านหรือประวัติผู้เลี้ยงกันให้ดีเพราะในบางรายนี้ก็อาจจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้
หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Parichat Chakkrathorn ได้โพสต์เล่าเตือนภัยหลังจากที่เธอนั้นโดน 2 บุคคลนี้มาขอน้องแมวเพื่อที่จะไปเลี้ยง แต่แล้วเมื่อได้น้องไปกลับถูกบล็อคเฟสบล็อคไลน์คนให้แมว ซึ่ง 5 วันผ่านไปเธอก็พยายามที่จะติดต่อไปจึงตามไปถึงยังที่ทำงาน
และก็เค้นหาความจริงว่าสรุปแล้วน้องแมวที่ขอไปนั้นอยู่ที่ไหนกันแน่ แล้วทำไมถึงบล็อคการติดต่อของผู้ที่ให้แมวกับเธอไป ซึ่งในทื่สุดทั้งสองก็ยอมรับความจริงว่าได้เอาแมวไปปล่อยตั้งแต่วันแรกที่รับมาเลี้ยง ด้วยเหตุผลที่ว่าเพราะเข้ากับน้องแมวเปอร์เซียของตัวเองไม่ได้
ซึ่งสาวรายดังกล่าวก็ไม่ลดละความพยายามที่จะตามหาน้องแมวคืน จนได้พบว่าน้องโชคดีที่เจอคนใจดีเก็บน้องเอาไว้เพราะจากการเดินอ้อนตามผู้คน ซึ่งเธอเองก็ได้ช่วยน้องคืนมาได้สำเร็จ จึงได้นำเรื่องราวมาโพสต์เอาไว้ในกลุ่มหาบ้านน้องหมาน้องแมว
ซึ่งทั้งนี้เธอยังแจ้งอีกด้วยว่าในขณะนี้บุลคลดังกล่าวก็ยังไปตามขอแมวจากโพสต์ต่างๆเพื่อมารับเลี้ยงซึ่งก็ไม่รู้เลยว่าพวกเขานั้นทำแบบนี้กันไปทำไมกันแน่ ซึ่งก็อยากจะให้ช่วยระมัดระวังและคัดกรองบ้านให้กับเหล่าน้องแมวให้ดี ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์ที่แมวเข้ากันไม่ได้ก็ควรที่จะติดต่อผู้เป็นเจ้าของเพื่อที่จะนำมาคืนไม่ใช่เป็นการบล็อคเบอร์บล็อคการติดต่อแบบนี้แล้วเอาน้องไปปล่อย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Parichat Chakkrathorn