อดีตหมาวัดที่ถูกรับเลี้ยง เดินไกลเกือบ2กิโลเพื่อเฝ้าน้องที่โรงเรียนจนคุณครูต้องโทรมาหาผู้ปกครอง
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : มล โอเครป๊ะ ได้เผยเรื่องราวสุดน่ารักของเจ้าตูบที่เธอนั้นได้เลี้ยงมันเอาไว้ โดยเมื่อวันก่อนคุณครูประจำชั้นของลูกสาวของเธอได้โทรมาหาเธอว่า มีหมามานอนเฝ้าลูกของเธอใช่มั้ย โอ้ยยย น้องหมาเดินไปหาลูกสาวที่โรงเรียนแล้วไปนอนเฝ้านั่งเฝ้าอยู่ในห้องเรียนด้วย
.
โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า เรื่องเล่าวันนี้...ของน้องหมาที่ชื่อน้ำตาล น้ำตาลเป็นหมาวัดที่ถูกรับมาเลี้ยงตั้งแต่น้องยังเล็กๆเราก็มีลูกเล็กเรียกว่าเลี้ยงมาคู่กัน ถึงวันนึงที่ลูกเราต้องไปโรงเรียนมันก็แอบตามลูกเราไปนอนเฝ้าลูกเราที่โรงเรียนอยู่เสมอๆ..
โดนครูประจำชั้นโทรมาหาโทรมาบอกว่ามีหมามานอนเฝ้าลูกเราใช่หมาเราไหม เห้อ...คงเหงาสินะไม่มีใครอยู่บ้านเลยแอบตามเด็กๆไปที่โรงเรียน ปล.บ้านเราห่างจากโรงเรียนประมาณ 1 กิโลครึ่ง เอ็นดูนาง ครูก็กลัวว่านางจะไปงับเด็กคนอื่นๆดีนะที่นางรักเด็กๆมาก และใจดีไม่ดุไม่งับเฝ้ากันยันโรงเรียนเลิกรักนางมากๆเลย
นี่แหละนะหมาผู้ซื่อสัตย์เดินไปปกป้องน้องถึงที่โรงเรียน แถมไปนั่งเฝ้านอนเฝ้าทั้งวันจะแสนรู้ไปไหนลูกเอ้ย แถมยังรู้ทางระหว่างโรงเรียนกับที่บ้านด้วยนะ จากอดีตหมาวัดแต่ปัจจุบันผันตัวมาเป็นบอดี้การ์ดให้กับน้อง น้องหมาเองก็คงห่วงน้องแหละเนอะเห็นว่าไปโรงเรียนมีคนเยอะๆน้องก็เลยต้องเดินตามไปปกป้องถึงที่โรงเรียนเลย
ขอขอบคุณ : มล โอเครป๊ะ
ต้องกลายเป็นแมวจร เดินเร่ร่อนขอข้าวเขากินเพราะพ่อจากไปแบบไม่ทันตั้งตัว
เรามักจะย้ำเตือนบอกกับเพื่อนๆเสมอว่า การนำแมวหนึ่งตัวมาเลี้ยงนั้นก็เท่ากับการรับเด็กตัวน้อยๆมาเลี้ยงที่เราจะต้องรับผิดชอบต่อภาระในหนึ่งชีวิตที่เราจะต้องดูแลพวกเขานั้นตลอดไป ซึ่งถ้าหากไม่พร้อมจริงๆก็ไม่ควรที่จะเอาพวกเขามาเลี้ยงตั้งแต่แรก
หรือว่ายิ่งถ้าเกิดปัญหาเลี้ยงร่วมกันกับแฟนแล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาถ้าพวกคุณเลิกกันก็คือตัวเจ้าเหมียวเอง เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวที่ชื่อว่า เจ้าเหลือง หลังจากเจ้าเหลืองนั้นต้องกลายเป็นแมวจรแบบกะทันหัน
ซึ่งเหลืองนั้นเคยเป็นแมวมีเจ้าของรูปร่างหน้าตาดีกำยำหล่อในแบบแมนๆ โดยโศกนาฏตกรรมของเหลืองนั้นได้เริ่มขึ้นในวันที่พ่อของเหลืองนั้นได้ผูกคอจนสิ้นใจ ใช่แล้วล่ะอ่านไม่ผิดหรอกพ่อของเหลืองได้คิดสั้นแล้วจากไปเพราะทะเลาะกับแม่เหลือง แล้วเขาก็ได้จากไปในกลางดึกคืนนั้น
ซึ่งจากวันนั้นแม่ของเหลืองเองก็ได้ย้ายออกไปจากบ้านเกือบจะในทันที จนเหลืองต้องกลายมาเป็นแมวพเนจร เข้าบ้านนั้นทีออกบ้านนี้ที แต่ก็ยังมีคนใจดีได้คอยให้อาหารให้กับเหลืองได้ประทังชีวิตได้บ้าง โดยเหลืองจะอาศัยชายคาบ้านว่างในหมู่บ้านนอน แต่ทว่ากิจวัตรประจำวันของเหลืองนั้นก็ไม่เคยเปลี่ยน
เพราะเราจะเห็นว่าช่วงเช้าช่วงค่ำเหลืองจะเดินจากแถวบ้านที่เคยอยู่ไปยังท้ายหมู่บ้าน แต่ทว่าก็ไม่รู้ว่าเหลืองนั้นไปไหนแล้วก็ยังคงจะกลับไปนอนยังบ้านเดิมที่เคยอยู่ ซึ่งทางผู้โพสต์เองก็มีอาหารติดรถไว้เสมอเพราะเวลาที่เข้าออกหมู่บ้านถ้าเจอก็จะเอาอาหารเข้าไปให้ตลอด ซึ่งก็อยากที่จะให้เหลืองได้มีบ้านได้มีครอบครัวใหม่ โดยทั้งนี้หลังจากที่โพสต์นี้ถูกเผยแพร่ออกไปเหลืองก็ได้บ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็หวังว่าเหลืองจะมีความสุขกับครอบครัวใหม่นะลูกนะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Kitchanan Payomyong
เด็กหลงทางกลับบ้านไม่ถูก หลังพลัดหลงกับเจ้าของวิ่งไปแอบในเซเว่นหวังได้กลับบ้านอีกสักครั้ง
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Korpkanok Sangasri ได้เผยเรื่องราวหลังเธอนั้นได้ทำงานที่เซเว่นสาขาหนึ่งในจังหวัดชลบุรี และในวันดังกล่าวเธอก็ได้พบเจอกับเจ้าเหมียวตัวหนึ่ง เจ้าเหมียวตัวนี้ยังเด็กมากน่าจะพลัดหลงกับเจ้าของมาแอบอยู่ในชั้นวางขนมและน้องก็กล้าๆกลัวๆได้แต่แอบอยู่ข้างในไม่กล้าเดินไปไหน
.
โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า เมื่อทำงานอยู่ดีๆได้ยินเสียงแมวร้องเบาๆไอ้เราก็งงว่ามาจากไหนมุดอยู่ใต้เชลล์ขนมเหมือนว่าน้องหลงมานานแล้ว ตัวเริ่มมีกลิ่นขนก็เริ่มยุ่งพันกันไปหมด น้องน่ารักมาก โดยน้องน่าจะเป็นแมวพันธุ์เปอร์เซียเพราะขนาดเป็นแมวเด็กยังขนยาวมากๆ
ชาวเน็ตหลายท่านต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นหลังได้รับชมเรื่องราวอยากให้น้องได้เจอกับเจ้าของ เพราะตอนนี้เจ้าของก็คงคิดถึงน้องมากแต่ไม่รู้ว่าน้องหายไปไหน แต่ในขณะนี้ทางสาวผู้โพสต์ได้เอาแมวไปฝากเลี้ยงไว้กับเพื่อนร่วมงานของเธออยู่ เพราะเธอเลี้ยงเองไม่ได้เพราะที่บ้านมีแต่หมา
แต่ก็ยังอยากให้น้องเจอกับเจ้าของโดยไว ถ้าหากใครคุ้นหน้าคุ้นตาแมวหน้าตาแบบนี้ พิกัดเซเว่นตลาดอุดมกิต2 ต.หนองขาม อ.ศรีราชา ชลบุรี น้องแมวเองก็น่าจะพลัดหลงกับเจ้าของไม่น่าไกลจากเซเว่นดังกล่าวมาก หากใครเป็นเจ้าของก็ลองติดต่อไปยังผู้โพสต์ได้เลยนะ หวังว่าน้องจะได้กลับบ้านในเร็ววัน
ขอขอบคุณ : Korpkanok Sangasri
สุนัขสองพี่น้องที่ใครหลายคนเห็นต่างก็ยิ้มได้ ปัจจุบันน้องกะหล่ำกำลังป่วยส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Kanokpon Onjunprasert ได้เผยเรื่องราวของน้องกะหล่ำน้องหมาตัวสีดำ หลายคนอาจคุ้นหน้าคุ้นตากับหมาพี่น้องคู่นี้ในโลกออนไลน์ที่เธอนั้นได้โพสต์ในครั้งก่อนๆ แต่ปัจจุบันน้องกะหล่ำกำลังป่วยหนัก และต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลสัตว์อย่างเร่งด่วน
.
โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า คุณจำภาพเหล่านี้ได้ไหมคะ ภาพของสองพี่น้องน้องกะหล่ำกับพี่ผักโขม ภาพที่ทำให้หลายคนมีความสุข มีเสียงหัวเราะ และอดที่จะอมยิ้มตาม ตอนนี้น้องหมาในภาพตัวสีดำอย่างน้องกะหล่ำกำลังป่วยหนักด้วยโรคตับอักเสบและไข้หัด
ตั้งแต่เล็กจนโตน้องร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่เวลาป่วยน้องจะใจสู้อดทนเก่งที่สุด ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน น้องผ่านพ้นโรคมาได้อีกครั้งแต่ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงพักฟื้นร่างกาย วันนี้วัดไข้น้องไม่มีไข้แล้วร่างกายอุณหภูมิปกติ แต่ร่างกายน้องกล้ามเนื้ออ่อนแรงและขาดวิตามินสารอาหาร
แนวทางการรักษาตามที่คุณหมอแนะนำมาก็คือ น้องจะต้องกินยาเกี่ยวกับระบบประสาท ยาเขียว ยาโรคตับ ยาบำรุงโลหิต กินยาวิตามินบำรุง พ้นจุดที่น่าห่วงจุดวิกฤตมาแล้วนะ คุณหมอได้บอกอีกว่าน้องยังเด็กมีโอกาสหายแน่นอน แต่น้องต้องใช้เวลาพักฟื้นสักระยะกินยาให้ครบฉีดยาวิตามินบำรุงร่างกายทุกอาทิตย์
เดี๋ยวน้องก็จะกลับมาวิ่งเล่นกับพี่ผักโขมและเพื่อนๆ ได้เหมือนเดิม สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้ คือกำลังใจ วันนี้มาขอกำลังใจจากเพื่อนๆ ช่วยส่งมาให้น้องกะหล่ำสักคนละนิดหน่อยพอได้ไหมคะ อาการล่าสุดน้องกะหล่ำพ้นจุดวิกฤตพ้นจุดที่น่าเป็นห่วงไปแล้วนะ
น้องอยู่ในช่วงพักฟื้นร่างกาย แม่ออยเป็นคนดูแลด้วยตัวเอง น้องอยู่ในกรงกักโรค ทำความสะอาดบริเวณบ้าน สมาชิกตัวอื่นๆจะได้ปลอดภัยค่ะ ขอให้น้องกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมนะ แอดมินเอาใจช่วยอีกแรงจ้า ส่งกำลังใจไปแล้วนะหนูรับไว้ด้วย
ขอขอบคุณ : Kanokpon Onjunprasert
เกือบต้องเสียแมวไปตลอดทั้งชีวิต และอาจต้องตาบอดเพราะซื้อยามาใช้เองที่ร้านขายอาหารสัตว์
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Khathawut Somrit ได้เผยเรื่องราวอุทาหรณ์ให้กับผู้เลี้ยงแมว โดยก่อนหน้านี้เขาได้ซื้อยาหยอดเห็บหมัดที่หลังคอให้กับแมวของเขาที่ร้านขายอาหารสัตว์ แต่พอใช้ไปได้ไม่นานน้องก็เริ่มมีอาการทางประสาท และอาจต้องตาบอดไปตลอดทั้งชีวิต
.
โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า ผมตัดสินใจจะเล่าบทความนี้เป็นวิทยาทานและด้วยกุศลนี้ผมขอให้แมวอันเป็นที่รักของผมหายป่วยด้วยเถอะครับ ขออนุญาตนำภาพที่ถ่ายติดมากับเพื่อนผมมาเล่าให้คนรักแมวฟังด้วยนะครับ บทเรียนเตือนภัย กับใครที่เลี้ยงหมาแมว ยาที่ใช้กับหมาแมวไม่ว่าจะโรคอะไรก็อย่าไปซื้อมาใช้เองเด็ดขาด
กะหล่ำต้องเข้า รพ.สัตว์ เพราะเราหยอดยากำจัดเห็บหมัดที่หลังคอของน้องด้วยตัวเอง คนขาย(ร้านขายอาหารสัตว์)บอกว่าให้ใช้ทั้งขวด แต่ผลที่ได้คือ เกินขนาด ยาไม่มี อย. แมวมีอาการทางประสาทตามมา ตาอาจจะบอดตลอดชีวิต(ตอนนี้ม่านตาขยายจนสุดและมองไม่เห็น) หูได้ยินบ้างแต่ก็มีโอกาสที่จะหูหนวก ยืนเองไม่ได้นั่งไม่ได้ หยอดเพียงแค่2ชม.เท่านั้น
และเราเผลอหลับไปคิดว่ามันจะไม่มีผลที่ตามมาอะไรมาก แต่ขณะหลับแมวไหลตัวจากหมอนมาเลียมือของผม(ปกติไม่เคยทำแบบนั้น)เราเลยตื่น มันคงจะมาขอความช่วยเหลือเพราะเราสังเกตเห็นความผิดปกติของน้อง (เช็คม่านตาเอาไฟฉายส่องเพราะม่านตาขยายผิดปกติ แต่ตอนนั้นม่านตายังหดได้ดี และน้องเดินเซยืนไม่ได้ตัวอ่อนผิดปกติ)
เรารีบล้างยาออกเช็ดยาออกด้วยผ้าขนหนูแต่ก็คงจะสายเกินไปเสียแล้ว เลยขับรถไปหาหมอในทันทีในเวลากลางดึกในคืนนั้นเอง ซึ่งคลีนิคสัตว์ได้ปิดหมดแล้ว แต่โชคยังดีที่มีหมอในเมืองร้านปิดแล้วเราก็โทรหาหมอ หมอก็ให้ความช่วยเหลือครับ สภาพน้องอาการไม่ค่อยดีเลยหมอให้น้ำเกลือและฉีดยาขับสาร ผลตรวจปกติ ตรวจภายในปกติ แต่แมวมองไม่เห็น(ไม่รู้ว่าจะกลับมามองเห็นได้อีกหรือไม่)
หมอบอกว่ามีโอกาสที่ตามันจะบอดด้วย หูเหมือนจะไม่ได้ยิน และทรงตัวเองไม่ได้ เป็นความผิดของเราเอง ขอให้หมอช่วยกะหล่ำทีขอให้กะหล่ำปลอดภัยด้วยกลัวน้องจะเป็นอะไรไปจริงๆ เราคงรู้สึกผิดมากๆเลย หมอฝากมาเตือนว่าแมวบางตัวถึงขั้นสิ้นใจเลยนะครับคือโชคดีมากๆคือค่อยๆหายครับแต่ต้องใช้เวลาเเละเสียค่ารักษาที่มากกว่าซื้อยาราคาถูกหลายเท่าตัว อีกอย่างผมเพิ่งรู้ว่ายาสัตว์ ต้องมี อย. นะครับ เหมือนยาคนด้วยครับ
ตอนนี้แมวผมแอดมิดอยู่ที่ รพ. สัตว์ ไม่รู้ว่าต้องอยู่อีกกี่วันตอนนี้คิดถึงและเป็นห่วงน้องมากๆเลย อย่าดราม่านะครับ เพราะที่เอามาบอกกันเพราะหวังดี แมวใคร ใครก็รัก คราวหลังไม่ว่าจะเป็นโรคอะไรเจ็บป่วยไม่สบาย คงต้องพาไปหาสัตวแพทย์อย่างเดียว จ่ายเท่าไหร่ก็ต้องยอม...
โชคดีที่ไม่มีใครเอา เอาไปให้ใครเขาก็ไม่ต้องการความคิดเปลี่ยนจากคนไม่ชอบแมวกลายเป็นรักสุดหัวใจ
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : J-Pasu Pramokchon ได้เผยเรื่องราวหลังเขานั้นได้พบเจอลูกแมวตัวหนึ่งที่ติดฝากระโปรงรถของแฟนมาตั้งแต่ลำปางจนถึงเชียงใหม่ ใจนึงก็ไม่ชอบแมว แต่อีกใจก็คิดถึงตัวเองว่าแมวตัวนี้เหมือนกับชีวิตของเขาที่เป็นเด็กกำพร้าเหมือนกับเขา ก็เลยตัดสินใจเอาไงเอากันจะเลี้ยงน้องให้สุดความสามารถเลย
.
โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า เมื่อ 6 ปีก่อน ได้เก็บลูกแมวตัวหนึ่งได้เพราะน้องติดมากับใต้ฝากระโปรงรถของเมียจากลำปาง พอมาถึงเชียงใหม่ผมกะจะล้างรถทำความสะอาด ผมได้ยินเสียงเลยล้วงเอาออกมา สภาพอย่างที่เห็นเลย เอาให้ใครเขาก็ไม่เอาเพราะผมไม่ชอบแมวอยู่แล้ว แถมเลี้ยงไม่เป็นด้วย
สุดท้ายเพราะเห็นเขาพยายามเลียทำความสะอาดตัวเอง ซึ่งปกติแล้วแม่แมวจะทำให้ลูก แต่เขาไม่มีแม่ เลยคิดถึงตัวผมเองที่กำพร้าเหมือนกับแมวตัวนี้ เลยตัดสินใจว่าจะเลี้ยงสักตั้ง พาไปหาหมอ ตรวจสุขภาพ ซื้อนมสำหรับสัตว์มาป้อนทุกๆ 3 ชม. ไปราชการต่างจังหวัดก็ต้องเอาน้องไปด้วย
สอนหนังสือเสร็จก็ต้องพากลับบ้านพักไปป้อนนม ใช้ชีวิตกันสองคนพ่อลูก (เมียทำงานต่างจังหวัด) เพราะหกปีที่แล้วตรงกับวันวันวิสาขบูชา เลยตั้งชื่อว่าน้องวิสา เลี้ยงระบบปิด อาหาร ยา สิ่งบำรุงชีวิตที่ดีที่สุดเท่าที่ผมจะหาได้ตามอัตภาพ
วันนี้วิสาโตแล้ว เป็นลูกสาวคนโตของครอบครัวของเราและเป็นพี่คนแล้ว ดีแล้วที่ตอนนั้นไม่มีคนรับไปเลี้ยง
ขอขอบคุณ : J-Pasu Pramokchon
เกรงใจลูกแม้ตัวต้องยอมลำบาก น้ำก็ต้องอาบงานก็ต้องไปทำลูกก็เป็นอุปสรรคต่อการอาบน้ำในแต่ละวัน
หากบ้านไหนที่ได้เลี้ยงแมวหรือเป็นทาสแมวจริงๆก็คงจะเข้าใจในความรู้สึกนี้ เมื่อทุกครั้งในการที่เราจะเข้าห้องน้ำหรืออาบน้ำก็มักจะเป็นปัญหากับเจ้าเหมียวเสมอไม่ว่าเราจะเข้าห้องน้ำช้าหรือเข้าเร็วแค่ไหนพวกเขาก็จะต้องมารบกวนหรือพยายามที่จะเข้ามาอยู่กับเราในห้องน้ำด้วยให้ได้
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Ratiyaa Meejaroen ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวตัวแสบของเขาลงในกลุ่มทาสแมว หลังจากที่เมื่อเวลาที่เธอต้องตื่นเช้าซึ่งเป็นเวลาที่เร่งรีบในการที่จะต้องอาบน้ำไปทำงานซึ่งก็จะถูกลูกน้อยของเธอก่อกวนในทุกวัน
และด้วยความเกรงใจลูกนี่เองทำให้เธอนั้นต้องยอมลำบากในการอาบน้ำจากการที่จะได้อาบน้ำฝักบัวอย่างเร่งรีบและสบายใจเธอกลับต้องมาใช้สายฉีดก้นใส่แก้วแล้วอาบแทนเพราะด้วยความที่เจ้าเหมียวทั้งหลายพยาบาลจะเข้ามาอยู่ในห้องน้ำด้วย
ซึ่งถ้าเธออาบแบบปกติก็จะเปียกลูกๆของเธอไปด้วย ซึ่งลูกๆของเธอแต่ละตัวก็ขนค่อนข้างยาวทั้งนั้นไอ้จะอาบโดยไม่สนใจว่าพวกเขาจะเปียกปัญหาก็จะตามมาอีกเพราะถ้าขนของแมวเปียกแล้วไม่เป่าให้แห้งเชื้อราก็จะเกิด เธอจึงได้นำเรื่องสุดฮานี้มาลงในโลกออนไลน์
และนี่ก็ถือเป็นอปุสรรคของเธอที่ลูกๆมีให้แต่ละวันของทุกเช้า แต่ยังไงก็รักไปแล้วเธอก็เลยทำได้แต่เกรงใจซึ่งทั้งนี้เธอยังมีแฟนเพจของลูกๆเธอเองอีกด้วยหากว่าเพื่อนๆคนไหนอยากจะเข้าไปรับชมความฮาแบบนี้ก็เข้าไปตามที่เพจน้องๆได้เลยจ้า ยังไงก็ขอให้คุณแม่มีความสุขในการอาบน้ำในแต่ละวันจ้า
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Ratiyaa Meejaroen Pandy & Panda แมวหน้ามึน
แม้ร่างกายจะแย่เพราะถูกหมาฟัดก็ยังคลานสองขาด้วยแรงที่เหลือเพื่อปกป้องลูกสุดกำลังที่มี
หากเราจะพูดถึงหัวอกคนเป็นแม่แล้วเชื่อว่าทุกคนนั้นจะเข้าใจในคำคำนี้เป็นอย่างดีแท้ เพราะความรักของแม่นั้นหาที่สุดจะเปรียบเทียบกับความรักของโลกใบนี้ได้ ไม่ว่าจะต้องทนเหนื่อยทนเจ็บลำบากยากเย็นแสนเข็นเพียงใดหัวอกแม่แล้วย่อมทำได้เพื่อให้ลูกนั้นปลอดภัยเสมอ
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Ging Rungrudee ที่ได้มาโพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวที่มีชื่อว่าสีหมอก โดยสีหมอกนั้นเป็นแมวจรแม่ลูกอ่อนแถวบ้าน แต่ก็ตอนนี้ต้องพิการไปตลอดทั้งชีวิตเพราะโดนสุนัข 5 ตัวรุมฟัดตอนตี 2 ซึ่งแมวจรตัวอื่นๆนั้นวิ่งหนีหมากันไปหมด เหลือแต่สีหมอกที่อยู่เฝ้าลูกตัวน้อยไม่ไปไหน
จนโดนสุนัขรุมฟัด ซึ่งตอนที่เธอนั้นออกไปไล่หมาจนหมดพี่หมอกก็คลานด้วย 2 ขาหน้าเพื่อที่จะไปหาลูกตัวน้อยๆ และเมื่อเธอเห็นว่าสภาพของพี่หมอกไม่ไหวแล้วก็จึงนำส่งโรงพยาบาลสัตว์จนสุดท้ายสองขาหลังใช้การไม่ได้ และอึฉี่ด้วยตัวเองไม่ได้ตลอดชีวิต โดยเป็นการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลเกือบเดือน
และหลังจากออกจากโรงพยาบาลมาก็มาดูแลนางต่อที่บ้านจน 2 วันก่อนได้มีคนเอาลูกแมวใส่ลังมาไว้ในสนามของหมู่บ้านเธอจึงเก็บมาป้อนนมและดูแล แต่เมื่อพี่หมอกเห็นลูกแมวตัวน้อยพี่หมอกก็รีบคลานเข้ามาด้วย 2 ขาหน้าของนางและคาบน้องไปไว้ที่นอนตัวเองเหมือนตัวเองเป็นแม่แท้ๆ
ซึ่งตอนนี้พี่หมอกก็เป็นพี่เลี้ยงที่เลี้ยงน้องได้ดีมากๆ ทำความสะอาดตัวน้องนอนกอดน้องและทำทุกอย่างเหมือนแม่ของเด็กๆ อย่างเดียวที่ทำไม่ได้คือการให้นมน้องๆแต่น้องๆก็ดูดนมพี่หมอกเหมือนกัน ทั้งนี้ผู้โพสต์นั้นยังได้อัพเดทอีกด้วยว่าลูกของพี่หมอกในวันนั้นก็ยังคงอยู่ในบริเวณบ้านแต่พวกเค้าเป็นแมวกลัวคนและไม่ให้จับเลยวิ่งหนีตลอด แต่ด้วยความเป็นแม่ของพี่หมอกนั้นก็ทำหน้าที่เลี้ยงน้องๆได้อย่างดีเท่าที่ผู้เป็นแม่คนนึงจะทำได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Ging Rungrudee
นอนซบกันด้วยความอาลัย พวกหนูไม่มีที่ไปต้องมานอนที่ข้างถังขยะเพราะมันเป็นพื้นที่เดียวที่รู้สึกปลอดภัยจากผู้คน
เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2563 ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Wanwadhoo Yam Talangtoi ได้เผยเรื่องราวหลังเขานั้นได้พบเจอลูกแมวที่ต้องมานอนและอาศัยอยู่ที่ข้างถังขยะ คนแถวนั้นก็มีทั้งชอบและไม่ชอบแมวลูกแมวเหล่านี้ก็ไม่มีที่ไป ก็มีแต่พื้นที่เล็กๆตรงนี้ที่ผู้คนไม่สนใจและไม่อยากเข้าใกล้ เพราะมันคือพื้นที่เดียวที่น้องๆอยู่แล้วปลอดภัยห่างไกลจากผู้คน
.
โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า ก่อนจะมีดราม่า...ทางสาวผู้โพสต์ไม่สามารถเอาน้องแมวเหล่านี้มาดูแลได้นะ ถ้าเธอดูแลได้ เธอคงไม่มาโพสต์แบบนี้หรอก เพราะตัวเธอเองอาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้น เค้าไม่อนุญาตให้เอาสัตว์ขึ้นมาเลี้ยงบนห้อง ดูแลได้ก็แค่แอบเอาอาหารไปให้น้องๆ เพราะถ้าให้โจ่งแจ้ง ตัวเธอเองนี่แหละที่จะโดนเค้าไล่ออกจากหอพัก
ส่วนทางเจ้าของอพาร์ทเม้นเขาไม่ชอบแมว เค้าเคยโดนแมวฟัดมาก่อน แต่เค้าไม่เคยไล่แมวเลยนะ ทุกวันนี้แมวก็อาศัยนอนแถวนั้นตรงข้างถังขยะ แต่ทุกคนต้องเข้าใจเค้าด้วยว่ามันเป็นอพาร์ทเม้นน้า มันมีทั้งคนที่รักและไม่ชอบแมวนะ ห้ามว่าห้ามด่ากันเนอะ...ใจเค้าใจเรา โปรดอย่ามาต่อว่ากันเลยนะ
หลังเรื่องราวนี้ถูกโพสต์ในโลกออนไลน์ผู้คนมากมายต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็น พร้อมอยากรับน้องๆไปเลี้ยงไปดูแลที่บ้าน แต่วันเวลาก็ผ่านไปหนึ่งวันเต็มๆน้องๆก็ยงคงอยู่ที่เดิม ไม่มีใครเข้ามารับเลี้ยงแบบจริงจัง หากท่านใดสนใจรับน้องๆไปเลี้ยงก็ลองติดต่อไปยังผู้โพสต์ได้เลยนะ พิกัด พิกัดสุขุมวิท49 ขอคนที่พร้อมและรักแมวจริงมีความรับผิดชอบต่อสัตว์เลี้ยงด้วยนะ
ขอขอบคุณ : Wanwadhoo Yam Talangtoi
กูยังตกใจคนอื่นจะเหลือมั้ย หลังคืนนี้มีคำสั่งให้ไปนอนเฝ้าแพะอิทาสก็ห่วงลูกขอกระเตงไปนอนเฝ้าแพะด้วย
เพื่อนๆหลายคนเคยคิดหรือสงสัยกันบางมั้ยว่าทำไมผู้สูงอายุอย่างเช่นพ่อกับแม่ของเรามักจะชอบเลี้ยงแมว อาจจะด้วยความเหงาเมื่อเรานั้นไม่ได้อยู่ใกล้หรืออาจจะมีสิ่งใดๆมากมายกว่านั้น เพราะด้วยการเลี้ยงแมวก็เหมือนกับการเลี้ยงเด็กที่จะได้ทั้งภาระและความสุขความรักและรอยยิ้ม
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Nipawan Prangsuk ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวและลูกสาวของเธอลงในกลุ่มทาสแมว หลังจากที่เธอนั้นได้สั่งกับลูกสาวและแมวเอาไว้ว่า ทั้งคู่เตรียมตัวนะคืนนี้จะพาไปนอนเฝ้าแพะ
เพราะด้วยการประกอบอาชีพของเธอนั้นคือการเลี้ยงแพะเธอจึงจำเป็นต้องไปนอนเฝ้า แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้หน้าตกใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือสภาพของทั้งสอง นั่นก็คือทั้งลูกสาวและแมวของเธอนั้นกลับมายืนเฝ้ารออยู่ที่กลางถนนจนเธอได้บอกว่า ก็บอกให้เตรียมพร้อมแต่ไม่จำเป็นต้องมายืนพร้อมอยู่กลางถนนแบบนี้
เพราะถึงขนาดตัวเขาเองยังตกใจแล้วคนอื่นจะเหลือมั้ยนี่ ซึ่งงานนี้ก็ได้เรียกเสียงฮาลงในกลุ่มทาสแมวเป็นอย่างมาก เพราะด้วยจากสภาพของทั้งคู่นั้นไม่ได่ต่างอะไรไปจากผีแม่ลูกอ่อนอุ้มลูกมาตามหาผัวเลยทีเดียว แต่ถึงยังไงก็อยากจะฝากเพื่อนๆไว้ว่ากลางค่ำกลางคืนอย่ามายืนแบบนี้คนอื่นเขาจะตกใจได้ ฮ่าๆ
ทั้งนี้เรายังได้ทราบชื่อเสียงเรียงนามของเจ้าเหมียวตัวนี้ด้วยว่ามีชื่อว่าเจ้า มะตูม เป็นแมวเพศผู้สุดแสนจะน่ารักก็จะให้ไปนอนเฝ้าแพะจะไม่ให้เอาหนูไปด้วยได้ยังไงละ ซึ่งทางผู้เป็นเจ้าของเองก็ยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกด้วยว่าน้องมะตูมถูกเลี้ยงดูมาเหมือนกับเด็กคนนึงเวลาจะไปทำงานหรือไปไหนก็จะต้องกะเตงกันไปด้วยเสมอ ซึ่งในปีนี้น้องก็มีอายุได้ 5 ขวบแล้วซึ่งทั้งนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่สร้างรอยยิ้มให้กับเหล่าทาสแมวมากๆเลยจ้า
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Nipawan Prangsuk