หน้าแรก บล็อก หน้า 509

แม่แมวคาบลูกอายุเพียง2วัน เข้าไปในบ้านที่เขาไม่ชอบแมวจนน้องถูกฟาดหวังลึกๆจะกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง

เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Wichai Neesakun ได้เผยเรื่องราวของน้องสโนว์ ลูกแมวที่เกือบต้องสิ้นใจไปตั้งแต่อายุได้ 2 วัน เพราะน้ำมือมนุษย์หลังน้องถูกเอาไม้กวาดไล่เพราะแม่แมวดันคาบลูกเข้าไปในบ้านของคนที่เขาไม่ชอบแมว จนทาสแมวเห็นเหตุการณ์เข้าและรีบเข้าช่วยเหลือน้อง และดูแลน้องอย่างดีจนกระทั่ง . โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า น้องชื่อสโนว์ น้องสโนว์ ถูกเขาเอาไม้กวาดไล่ เพราะแม่แมวดันคาบลูกเข้าไปในบ้านของเขา ด้วยตัวน้องเองยังเล็กมากเพิ่งเกิดมาได้ไม่กี่วันเอง ทำให้น้องอาการค่อนข้างหนัก แต่ทางผู้โพสต์เองก็พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะช่วยชีวิตน้องเอาไว้อย่างเต็มที่ หวังให้น้องกลับมาแข็งแรงได้อีกครั้ง ภาพนี้หลังจากป้อนนมเสร็จแล้ว สโนว์นอนมองต้นไม้ด้วยสายตาแบบนี้ แล้วก็ขยับตัวหันมามองทาส ทาสช่วยพยุงให้สโนว์นั่ง สโนว์ร้องไม่มีเสียงแล้วกระพริบตามีน้ำตาซึมออกมาทาสจะร้องไห้ตามเป็นภาพที่กินใจมาก รู้ว่าเค้าอยากหายเป็นปกติ สโนว์สู้มากตั้งแต่วันแรกที่โดนเขาทำ 16วันที่ผ่านมาสโนว์ใจสู้มากๆจนวันนี้คงอยากหายป่วยเต็มที่แล้ว ทาสก็ช่วยดูแลหวังให้สักวันสโนว์โตและกลับมาเป็นปกติ เพราะน้องเองถูกเขาทำมาตั้งแต่น้องอายุได้ 2 วัน แต่กลับต้องมานอนป่วยไร้เรี่ยวแรง จนเรื่องราวของน้องถูกโพสต์ในโลกออนไลน์ จนมีชาวเน็ตในกลุ่มทาสแมวต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นพร้อมให้กำลังใจทั้งตัวน้องเอง และให้กำลังใจกับทาสแมวใจดีที่คอยช่วยเหลือน้องเอาไว้ ถ้าไม่มีคนๆนี้น้องคงไม่รอดจนอายุได้ 20 วันแล้วจ้า   ที่มา Wichai Neesakun

เจ้าของหมดรัก เอามาปล่อยไว้กลางป่าอายุก็มากแล้วช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แถมใครๆก็ไม่ต้องการ

เมื่อไม่นานมานี้แฟนเพจเฟสบุ๊ก : รักหมาจัง ได้เผยเรื่องราวของหมาพันธุ์ที่ใครๆเขาไม่ต้องการ ขนาดเจ้าของแท้ๆยังหมดรัก น้องต้องแอบหลบอยู่ในป่ารก ด้วยอายุที่มากแล้ว ถ้าไปเจอสัตว์อันตรายต่างๆจะวิ่งหนีให้รอดพ้นก็ทำไม่ได้ ทำได้เพียงอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ จนเรื่องราวของน้องเองถูกโพสต์ลงบนแฟนเพจ . โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า ในคืนที่พวกพี่นอนอุ่น ไร้ยุงกัด มีหลังคาหลบแดดหลบฝน จะมีใครรู้บ้างมั้ยว่า..หนูถูกนายที่หมดรักเอามาทิ้งอยู่ในป่าแบบนี้ หนูป่วยและแก่แล้ว หนูเคยฝันนะพี่ว่าคงจะได้อยู่ในบ้านกับนายจ๋าไปจนลาจากโลกนี้ไป..แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ไม่รู้เป็นเพราะความน่ารักของหนูหมดลงจนเหลือแค่คำว่าภาระหรือเปล่านะ เขาถึงขับไล่ไสส่งหนูออกมาแบบนี้ แต่บุญหนูยังพอมีนะพี่ หนูพบคนใจดีมาเจอและมาโพสหาคนช่วยพาไปรักษา มีสมาชิกส่งลิงค์มาแจ้งยังเพจรักหมาจัง ทันใดที่รักหมาจังทราบเรื่องก็ได้ให้แอดมินบุ๋ม ขับรถออกไปรับทันทีราวๆ เวลา 20.00 น. ได้ และตอนนี้แอดมินบุ๋มได้ตัวหนูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต้องขับรถแข่งกับเวลาเคอฟิว เพื่อนำหนูส่งแอดมิทที่ โรงพยาบาลสัตว์ยูเว็ท ลาดพร้าวก่อน เพราะอาการหนูไม่ค่อยดีแล้ว ถ้านายจ๋าเห็นโพสนี้ หนูอยากบอกว่าในชีวิตหนูนึกว่านอกจากนายแล้วคงไม่มีใครอีกแล้วที่จะรักหนูแบบนี้ แต่ตอนนี้มีคนรัก คนเมตตาหนู พร้อมช่วยหนูอยู่อีกหลายคนเลยที่นี่ หนูรอดแล้วจ้า   ที่มา รักหมาจัง

อาศัยนอนในสุสาน โดยมีแม่หมาคอยขุดหลุมให้ลูกๆอยู่ แต่กลับทำให้ลูกต้องจากไปเพียงเพราะความหวังดี

เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : สุนันท์ เทพพิทักษ์ ได้เผยเรื่องราวของลูกหมาที่ต้องขุดอยู่ในรูเพื่อหลบซ่อนจากภัยอันตราย โดยมีแม่หมาคอยขุดรูเอาไว้เพื่อคอยปกป้องลูกน้อย แต่แม่เองก็ไม่สามารถปกป้องลูกน้อยได้จนตลอดรอดฝั่ง เพราะยังมีลูกอีกหลายคอกของแม่หมาที่ต้องสิ้นใจไป โดยที่แม่ไม่สามารถทำอะไรลงไปได้เลย . โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า น้องเป็นเด็กคอกใหม่ในสุสาน ตามหามาเป็นสัปดาห์แล้วพึ่งจะเจอ เด็กที่นี่อาศัยอยู่ในรูอยู่ แม่หมามันขุดรูให้ลูกอยู่ รอดบ้างสิ้นใจไปบ้าง บางคอกก็น้ำท่วมรูจนสิ้นใจไปกันยกคอกก็มี เราพยายามทำหมันให้น้องทั้งหมด พวกเขาจะได้ไม่ลำบากในช่วงหน้าฝน ฝนตกต้องตากฝนกันจนป่วย นี่คือมื้อแรกของเด็กๆที่ได้กินอิ่ม และมื้อต่อไปจากเราเช่นเดิม พรุ่งนี้มีภาระกิจขุดรูจับเด็กๆต่ออีก มาพักบ้านชั่วคราวเพื่อหาบ้านกันต่อไป ทำแบบนี้กันจนเหนื่อยไม่จบไม่สิ้นสักที แต่ตอนนี้ยังจับตัวเด็กๆไม่ได้เลยค่ะ จ้างคนงานมาขุดรูก็แล้ว แต่ไม่คิดว่ารูด้านในมันจะมีหลายทาง คดเคี้ยววนไปมามาก พรุ่งนี้ลุยต่อค่ะ ต้องให้ได้ให้ครบ เดี๋ยวแม่มันจะพาหนีอีก อัพเดทล่าสุด ตอนนี้ได้ตัวเด็กๆครบหมดเรียบร้อยแล้ว พร้อมส่งบ้านพักชั่วคราวเพื่อหาบ้านค่ะ หากท่านใดสนใจรับเด็กๆไปเลี้ยงก็สามารถติดต่อไปยังต้นโพสต์ได้เลยนะ ขอบ้านที่อบอุ่นมีรั้วรอบขอบชิดและพร้อมจะเลี้ยงดูพวกเขาไปจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ น้องๆมีกันอยู่หลายตัวนะ คุณสามารถติดตามเรื่องราวได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะ   ที่มา สุนันท์ เทพพิทักษ์

ทนอยู่กลางป่า ทั้งร้อนทั้งหิวไร้แม้อาหารต้องอยู่อย่างเป็นทุกข์ ด้วยเหตุผลที่เจ้าของไม่มีทางเลือก

ด้วยความไม่แน่นอนในชีวิตทำให้หลายชีวิตต้องดิ้นรน ซึ่งในตอนนี้ประเทศของเรานั้นยิ่งได้พบเจอกับปัญหาทางโรคโควิด-19 ที่ระบาดหนักจนทำให้หลายๆคนนั้นส่งผลประสบปัญหากับหน้าที่การงานและเงินที่ได้รับทำให้เป็นผลกระทบไปถึงสุนัขที่ได้เลี้ยงเอาไว้ตามมา เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า พีระบุญ เจริญวัย ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าตูบเหล่านี้ที่ต้องทนทุกข์ถูกนำมาขังเอาไว้กลางป่าทั้งร้องและหิวและอยู่ด้วยความทุกข์อยากเพราะผลกระทบจากโรคโควิดทำให้ผู้เป็นเจ้าของประสบกับหน้าที่การงานและการเงินที่ตามมา ซึ่งเมื่อผู้โพสต์นั้นได้เข้าไปให้ก็ถึงกับปาดน้ำตา โดยสุนัขทั้งหมดเป็นสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ 2 อลาสกัน 2 สปิ๊ด 3 บางแก้ว 5 ซึ่งสาเหตุที่พวกน้องๆต้องมาอยู่แบบนี้ก็เพราะเจ้าของนั้นถูกไล่ที่และไม่มีที่จะอยู่จึงมาเช่าที่ปลูกเพิ่งเพื่อให้น้องๆได้พักอาศัยในกลางป่า พิกัดที่ ไทรน้อย บางบัวทอง ซึ่งผู้เป็นเจ้าของก็อาศัยพักอยู่กับญาติในบริเวณที่ไม่ไกลกันนัก และด้วยความไม่พร้อมและอะไรหลายๆอย่างรวมทั้งสภาพเศรษฐกิจในช่วงนี้ที่ต้องพบเจอ โดยผู้โพสต์เองก็ได้พบสุนัขเหล่านี้ตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่มากๆ ไร้แม้สวัสดิภาพที่จะดำรงชีวิตเพราะด้วยอากาศที่ร้อนจัดหิวทั้งน้ำและอาหารกินก็กินไม่ได้สะอาด และบางครั้งก็ต้องอดเพราะด้วยความไม่มีโดยน้องไซเองนั้นก็ขนพันกันจนดูแทบไม่รู้ว่าเป็นหมาเลยทีเดียว เขาจึงได้ลงพื้นที่เพื่อที่จะเข้าไปช่วยเหลือน้องๆให้ชีวิตน้อยๆนั้นได้พ้นทุกข์โดยมีอาสาหลายคนลงไปช่วยกัน จนได้บทสรุปว่าทางผู้เป็นเจ้าของก็เล่าทั้งน้ำตาว่าตนนั้นไม่มีเงินจะรักษาหรือดูแลน้องให้ได้ดีกว่าที่เป็นจึงยอมที่จะยกให้กับทางมลูนิธิ The hope Thailand เพื่อที่จะทำการรักษาและหาบ้านสะแกรนบ้านต่อไป ซึ่งก็อยากจะฝากเพื่อนๆเอาไว้ว่าถ้ามีเรื่องเดือดร้อนหรือต้องการความช่วยเหลือก็อยากที่จะให้โพสต์เรื่องราวขอความช่วยเหลือตามกลุ่มต่างๆดีกว่าที่จะต้องปล่อยให้พวกเขานั้นต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ขอขอบคุณข้อมูลจาก พีระบุญ เจริญวัย

สาวอธิษฐานขอให้สุนัขที่จากไปกลับชาติมาเกิดเป็นลูก และน้องก็กลับมาเป็นลูกของเธอจริงๆ

เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Kanchana Chumwong ได้เผยเรื่องราวของเจ้าตูบที่เธอนั้นได้เลี้ยงไว้ โดยเจ้าตูบตัวนี้มีชื่อว่าเจ้าตาล เจ้าตาลได้จากโลกนี้ไปแบบไม่มีวันกลับมาด้วยอาการป่วย และสาวเจ้าของได้พูดกับน้องที่หน้าหลุมของน้องว่ามากลับมาเป็นลูกกันนะ มาเกิดเป็นลูกกันเมื่อไหร่ก็ได้ มาได้เสมอ และคำพูดนั้นก็เป็นจริงเมื่อจู่ๆเธอก็ตั้งท้องขึ้นมาหลังจากที่น้องจากไปได้ไม่นาน . โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า คิดมาเกือบสามปีว่าจะเล่าเรื่องนี้ดีมั้ยถ้าเล่าให้คนรอบๆข้างฟัง เขาจะต้องว่าหนูแน่นอน ที่ๆเดียวที่นึกถึงและคิดว่าคงมีคนเข้าใจ และรับฟังเรื่องที่หนูเก็บไว้ในใจมาตลอดเกือบสามปีก็คือเพจ รักหมาจัง อ่านจบแล้วก็อย่าด่าอย่าว่าหนูเลยนะคะอันนี้คือมันเป็นความคิดเเละความเชื่อของหนูค่ะ เริ่มเลยแล้วกันนะคะ พวกพี่ๆเชื่อเรื่องน้องหมากลับชาติมาเกิดเป็นลูกเรามั้ยคะ ตาล...ชื่อนี้อยู่ในหัวใจหนูเสมอ แต่น้องอยู่กับหนูแค่สองปีกว่าเองค่ะ น้องป่วยและน้องจะเจ็บขาข้างขวา ซึ่งเป็นมาตั้งแต่น้องยังเล็กๆ วันที่ 31 มกราคม 2561 คือวันที่น้องจากไปค่ะ หนูเสียใจมากเชื่อว่าพี่ๆหลายคนเคยผ่านจุดนี้มาแล้ว แล้วจะเข้าใจว่ามันเจ็บปวดขนาดไหน ตอนฝังน้อง(ขุดหลุมไปร้องไห้ไป) หนูบอกกับร่างน้องว่า มาเกิดกับเรานะมาเป็นลูกเรา อยากมาเมื่อไหร่ก็มาได้เลยเรารอเสมอ ถ้าเกิดกับเราแล้วก็ให้มีอะไรบอกนะว่าเป็นน้องที่กลับมา เหมือนบังเอิญหรืออะไรก็ไม่รู้ เดือนมิถุนายน 2561 หนูตรวจเจอ ว่าหนูท้องได้เกือบสองเดือนแล้ว ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ป้องกันอะไรเลย เป็นระยะเวลาห้าปีกว่าแต่ก็ไม่เคยท้อง ลึกๆในใจก็แอบคิดนะคะแต่ไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง พอวันที่ 28 เดือนกุมภาพันธ์ 2562 หนูก็คลอดค่ะและมีสิ่งนึงที่ตอกย้ำสิ่งที่หนูคิดมาตลอดคือ ลูกสาวของหนูมีอะไรไม่รู้จะเรียกปาน หรือแผลเป็นดีก็ไม่รู้ตรงข้อมือข้างขวา ซึ่งเป็นข้างเดียวกันกับที่ขาน้องหมาเจ็บ ตอนที่น้องหมายังมีชีวิตอยู่ หนูเชื่อสนิทใจเลยค่ะตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นหน้าลูก ยิ้มทั้งน้ำตาค่ะน้องเขากลับมาอยู่กับเราจริงๆ คนที่ไม่เคยเลี้ยงไม่รักไม่มีวันเข้าใจค่ะ เรื่องนี้อาจดูน่าเหลือเชื่อสำหรับคนอื่นนะคะ แต่สำหรับหนู...หนูเชื่อเเบบสนิทใจเลยค่ะ น้องคุ้นๆมั้ยคะ ...ใช่แล้วค่ะ แอดมินเคยเอารูปน้องรูปนี้ลงหน้าเพจ มีแต่คนชมและแซวน้องเยอะเเยะเลยค่ะ อ่านจนถึงบรรทัดนี้ ใครจะว่าหนูว่ามีลูกเป็นหมาหนูก็ไม่แคร์แล้วแหละค่ะ...รู้สึกโล่งจังเลย...

เฝ้าไม่ห่างหลังเจ้าของประสบอุบัติเหตุจนต้องจากไป แต่ตูบคู่ใจก็ยังคงเฝ้าทั้งที่ร่างไร้วิญญาณ

หากเพื่อนๆที่ได้เลี้ยงสุนัขแล้วก็คงจะเข้าใจดีว่าสุนัขนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซื่อสัตย์มากที่สุดในโลก เพราะไม่ว่าจะนานเพียงใดหรือผู้เป็นเจ้าของจะจากไปพวกเขาก็ยังคงรักและเฝ้ารอคอยพวกคุณจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ เหมือนกับคำพูดโบราณที่มีคนเคยพูดเอาไว้ว่า ให้ข้าวสุนัขหนึ่งมื้อพวกเขาจะจดจำเราไปตลอดทั้งชีวิต เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Whittaya Reang-ngern ได้นำเรื่องราวของเจ้าตูบผู้ซื่อสัตย์รายนี้มาโพสต์ลงในกลุ่ม siAgain I Like Husky คนรักไซบีเรียนฮัสกี้ original หลังจากที่ได้เห็นเรื่องราวของเจ้าตูบตัวนี้นั่งเฝ้าคอยผู้เป็นเจ้าของที่ได้จากไปแบบไม่มีวันได้หวนกลับมา หลังจากที่รูปภาพดังกล่าวได้ถูกแชร์กันเป็นเรื่องราวจนเป็นกระแส ซึ่งได้เกิดเหตุต้นไม้ใหญ่ล้มทับรถยนต์จนทำให้ผู้เป็นเจ้าของของน้องนั้นสิ้นใจและจากไปในเวลาต่อมา โดยเหตุนั้นได้เกิดในช่วงเย็นของในวันที่ 24 เดือนพฤษภาคม 2563 ที่จังหวัดชัยภูมิโดยในเหตุการณ์นั้นน้องสุนัขตัวนี้ ก็ได้เดินทางไปกับทางผู้เป็นเจ้าของด้วยแต่เคราะห์ร้ายผู้เป็นเจ้าของกลับถูกต้นไม้ล้มทับซึ่งเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ทำให้รถยนต์ของผู้เป็นเจ้าของนั้นได้เกิดความเสียหายอย่างหนัก แต่ทว่าเจ้าตูบนั้นก็ยังคงเฝ้าดูผู้เป็นเจ้าของแบบไม่ห่างจนในเวลาต่อมาผู้เป็นเจ้าของก็ได้จากไป และถึงแม้ว่าผู้เป็นเจ้าของนั้นจะจากไปแล้วก็ตามเจ้าตูบก็ยังคงอยู่กับผู้เป็นเจ้าของรายนี้จนถึงวินาทีสุดท้าย และเฝ้ารอเพื่อว่าผู้เป็นนายนั้นจะฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง โดยทั้งนี้ทางผู้โพสต์นั้นก็ยังเขียนคำพูดที่ฟังแล้วรู้สึกสะอึกในใจเอาไว้อีกด้วยว่า สุนัขเขานั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซื่อสัตย์ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตามไม่ว่าจะดีหรือจะร้ายกับเขามากแค่ไหนแต่เขานั้นก็ยังจะเลือกที่จะอยู่กับคุณต่อไปจนวินาทีสุดท้าย ขอขอบคุณข้อมูลจาก Whittaya Reang-ngern

นอนหมดแรงตามืดบอดสนิทหนึ่งข้าง ไร้แม้เรี่ยวแรงจะเดินต่อได้ต่อส่งเสียงร้องขออ้อนวอนให้ช่วยชีวิต

ด้วยชีวิตที่ไม่สิ้นก็ต้องทนดิ้นกันไป หนึ่งชีวิตที่เกิดมาเพราะการเลือกไม่ได้ด้วยสังคมและความเชื่อที่ใครๆเขานั้นก็ไม่ต้องการจึงต้องดิ้นรนหาบ้านหาที่อยู่อาศัยค่ำไหนก็ต้องนอนนั่น แม้ตัวจะต้องเจ็บหรือยากแค้นแต่ก็ทำได้เพียงประคองชีวิตให้รอดพ้นไปวันๆ เช่นเดียวกับเจ้าเหมียวสุดน่าสงสารรายนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า อย่าง เปรม เลยว่ะ ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวตัวสีดำรายนี้ลงในกลุ่มทาสแมว หลังจากที่เธอนั้นได้พบน้องเดินมานอนหมดแรงที่ลานจอดรถที่โรงพยาบาลจุฬา ด้วยตาก็มองเห็นเพียงแค่หนึ่งข้างเท่านั้น ซึ่งน้องเดินร้องส่งเสียงให้คนที่ได้ผ่านไปผ่านมาช่วยเหลือแต่ก็ไร้แม้วี่แววจะมีคนมาเมตตาหรือสงสาร และน้องก็มาร้องของความช่วยเหลือจากหลานสาวของผู้โพสต์ซึ่งอายุเพียงแค่ 5 ขวบ โดยหลานสาวจึงได้บอกกับผู้โพสต์ว่าจะไม่ยอมกินข้าวถ้าไม่ช่วยเหลือน้องแมวตัวนี้ จนในที่สุดผู้โพสต์ก็ต้องยอมช่วยเหลือน้องและนำตัวน้องไปส่งโรงพยาบาลสัตว์จุฬาในเวลาต่อมาโดยทางคุณหมอก็ได้ให้ยาฆ่าเชื้อกับให้น้ำเกลือ ซึ่งจะต้องให้ติดต่อกันเป็นเวลากว่า 7 วัน โดยได้ย้ายโรงพยาบาลมาเป็นโรงพยาบาลหทัยราษฏร์เรียบร้อยแล้ว และอาการของน้องในตอนนี้ก็ดีวันดีคือโดยทางผู้โพสต์ก็ยังได้บอกว่าคงจะทำบุญร่วมกันมาแต่ก็ดีใจที่เจ้าดำดีขึ้นมากๆ และก็ชื่นชมเจ้าหนูตัวน้อยหลานสาวของผู้โพสต์ที่มีความเมตตากับสัตว์โลกตัวน้อยๆที่กล้าที่จะยื่นข้อต่อรองเรื่องการไม่กินข้าวที่ทำให้ผู้เป็นน้ายอมใจอ่อนและช่วยชีวิตเจ้าดำเอาไว้ ซึ่งโดยทั้งนี้ทางผู้โพสต์เองก็ไม่ได้ประกาศจะหาบ้านให้กับเจ้าดำแต่อย่างใดซึ่งหากเพื่อนๆคนไหนอยากที่จะรับน้องไปเลี้ยงก็สามารถที่จะติดต่อสอบถามไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก อย่าง เปรม เลยว่ะ

หญิงใส่ไอ้โม่งโยนแมวเข้าวัดไม่เกรงกลัวบาปกว่า5ชีวิต ขนาดต่อหน้าพระไม่มียางอาย

เมื่อไม่นานมานี้แฟนเพจเฟสบุ๊ก : The Voice (เสียงจากเรา) ได้เผยเรื่องราวหลังพบเห็นหญิงปริศนาคนหนึ่งกำลังพยายามที่จะโยนแมวเข้าไปในวัด หวังผลักภาระให้กับทางวัดเพราะไม่ต้องการที่จะเลี้ยงดูเขาต่อไปอีกแล้ว จนทางแฟนเพจได้พยายามตามหาและติดตามหญิงคนดังกล่าว เพราะเป็นความผิดทางกฏหมาย . โดยทางแฟนเพจได้ระบุว่า ภาระที่วัดรับไว้ยังไม่พอเหรอ! จิตใจทำด้วยอะไร มาโยนใส่แบบนี้ และถ้ามีหมาอยู่ตรงนั้น แมวจะมีชีวิตอยู่รอดไหม? คิดบ้างไหมว่าเค้าจะใช้ชีวิตต่อไปได้ยังไงให้รอดต่อไป? ทะเบียน ปท 910 รถกระบะคอก ขับมาบริเวณวัดโพธิ์ ผู้หญิงกลางคนใส่ไอ้โม่งลงมาพร้อมถุงใส่แมวมาโยนเข้าวัด ทั้งหมด 4 ตัว พระอาจารย์ที่เห็นเหตุการณ์เลยออกมาถ่ายทันตัวสุดท้ายที่โยนเข้ามาค่ะ มาแบบตั้งใจและวางแผนเอาไว้แล้ว เพราะกล้องรอบวัดมี และชัดมาก คนที่ทำแบบนี้ อย่าพูดว่าเลี้ยงไม่ไหวเลย หากเลี้ยงไม่ไหว คุณคิดว่าวัดเลี้ยงไหวเหรอ! ทำไมไม่หาบ้านใหม่ หรือหาทางออกที่ดีกว่ามาโยนภาระให้กันแบบนี้ ตอนนี้ทางวัดเข้าแจ้งความแล้ว เค้าต้องได้รับโทษมาตรา 23 ห้ามมิให้เจ้าของสัตว์ กระทำการใดๆ ให้สัตว์พ้นจากการดูแลของตน โดยไม่มีเหตุอันสมควร มาตรา 23 กำหนดว่า หากเจ้าของฝ่าฝืน ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 40,000 บาท “ไม่พร้อม ไม่เลี้ยง“ และหากเลี้ยงไม่ไหว ควรหาทางออกอื่น เช่นหาบ้าน หรือฝากตามเชลเตอร์เพื่อหาบ้านใหม่ และล่าสุดเจอตัวแล้วค่ะ ผู้กระทำให้เหตุผลว่า เคยมาแล้ว เห็นวัดเลี้ยงดี จึงนำแมวทั้ง 5 มา ปล่อย...

หนูน้อยวัยเพียง10ขวบ รีบวิ่งกลับบ้านไปคว้าสวิงของพ่อเพื่อช่วยแมวติดท่อที่กำลังจะสิ้นลม

เมื่อไม่นานมานี้แฟนเพจเฟสบุ๊ก : Poetry of Bitch ได้เผยเรื่องราวของเจ้าหนูคนหนึ่ง เจ้าหนูคนนี้กลายเป็นไวรัลในโลกออนไลน์ที่หลายคนพูดถึง หลังภาพของน้องถูกเผยแพร่ออกไปในขณะที่น้องกำลังช่วยลูกแมวติดอยู่ในท่อระบายน้ำ จนทางแฟนเพจดังกล่าวได้ไปหาข้อมูลความเป็นมาว่าน้องได้ช่วยเหลือได้อย่างไร และน้องเป็นใครมาจากประเทศไหน . โดยทางแฟนเพจได้เล่าว่า หนูน้อย 10 ขวบคนนี้ อยู่ที่รัฐเคดาห์กับพ่อแม่ และพี่ชาย-น้องสาวรวม 4 คน น้องเป็นลูกคนที่ 3 และเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อกลางเดือนพฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา ในขณะที่น้องกำลังเล่นอยู่กับเพื่อนๆอยู่ ในละแวกบ้าน น้องก็ได้ยินเสียงแมวร้องดังออกมาจากที่ไหนสักแห่งนึง น้องเลิกเล่นกับเพื่อนในทันทีและเงี่ยหูฟังแล้วเดินตามเสียงไปจนแน่ใจว่าดังออกมาจากข้างในท่อระบายน้ำ ต้องมีลูกแมวติดอยู่ในนั้นแน่ๆเลย หนูน้อยเดินวนเวียนไปมาอยู่นาน พยายามคิดหาทางช่วยแมวออกมาให้ได้ ก่อนจะวิ่งกลับไปบ้าน คว้าสวิงของพ่อ แล้ววิ่งกลับมาที่ท่อระบายน้ำอีกครั้ง เด็กชายไม่รีรอที่จะมุดเข้าไปในท่อระบายน้ำ พร้อมกับสวิงของพ่อ ครู่หนึ่งก็ก้มตัวลอดกลับออกมา พร้อมกับแมวน้อยสีส้มที่นอนตัวสั่นอยู่ในสวิง เจ้าแมวน้อยทั้งหนาวทั้งหิว น้องเช็ดตัวให้กับมันแล้วหาอาหารให้น้องกิน หลังสอบถามเพื่อนบ้านในย่านนั้นแล้วไม่พบเจ้าของ น้องจึงขอพ่อกับแม่เพื่อเลี้ยงไว้ ตอนนี้เจ้าเหมียวกับน้องนอนด้วยกันทุกคืนเลย จนเรื่องราวของน้องถูกโพสต์ในโลกออนไลน์ จนมีชาวเน็ตมากมายต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นพร้อมกล่าวชื่นชมให้กับเด็กชายตัวน้อย ที่ยอมตัวเปื่อนรีบวิ่งกลับบ้านเพื่อมาช่วยลูกแมวติดท่อ ช่างเป็นเด็กที่น่ารักเหลือเกิน จะมีเด็กสักกี่คนที่ยอมมุดท่อเพื่อช่วยชีวิตลูกแมวเอาไว้ การทำดีในครั้งนี้ถูกส่งต่อในโลกออนไลน์จนน้องดังไปทั่วโลกแล้ว น่าชื่นชมจริงๆ ที่มา Poetry of Bitch

สังเกตสักนิดก่อนจะสาย สุนัขที่อยู่ร่วมกันมากว่า5ปีป่วยหนักเพียงเพราะแค่อาการเบื่ออาหาร

อาจจะเพราะด้วยความคุ้นชินหรือความที่อยู่ด้วยกันมาตลอดจนเราเกิดคิดว่าสัตว์เลี้ยงแสนรักของเรานั้นคงไม่เป็นไรแค่มีอาการเล็กๆน้อยจนทำให้เรานั้นเกิดความชะล่าใจ จนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่อาจจะทำให้เราต้องเสียใจไปตลอด เพราะด้วยความเอาใจใส่ที่ลดน้อยลง เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Jinda Noonok ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าตูบรายนี้ลงในกลุ่ม โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ เจ้าขนทอง หลังจากที่เขานั้นได้พบเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คิดว่าต้องเจอมาก่อนเพราะด้วยความสะเพร่าของตัวเขาเอง โดยสุนัขสุดที่รักของเขานั้นมีชื่อว่าเจ้า ดีดิ๊ ซึ่งน้องนั้นเป็นสุนัขแสนรักของเขาและก็อยู่ด้วยกันมาด้วยความรักและความเอาใส่ใจมา 5 ปีแล้ว โดยเรื่องนั้นได้เกิดขึ้นเมื่อวานหลังจากที่เขานั้นพาน้องไปหาหมอซึ่งน้องนั้นมีอาการไร้แม้เรี่ยวแรงจะเดิน เพราะในตอนแรกนั้นน้องมีแค่อาการเบื่ออาหารเขาจึงคิดว่าน้องไม่ได้เป็นอะไรมาก จนมาวันนี้จึงได้พาตัวนำส่งโรงพยาบาลจนคุณหมอได้ตรวจพบว่าน้องเป็นมะเร็งในกระเพาะอาหารก้อนใหญ่มากๆ ซึ่งเขาเองก็ทำได้เพียงแต่โทษตัวเองที่อยู่บ้านด้วยกันกับน้องมาตลอดแต่ดันไม่สังเกตเห็นอาการของน้องเลย จึงได้มาฝากเตือนเพื่อนๆให้ระมัดระวังอาการดังกล่าว หรือแม้แต่เพียงแค่อาการเล็กๆน้อยๆของสุนัขหรือแมวสุดที่รักเพราะเราอาจจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตเพราะความสะเพร่าของเรานั่นเอง ซึ่งทั้งนี้หากเพื่อนๆคนไหนมีสุนัขหรือแมวที่เลี้ยงไว้ก็อยากจะให้พาน้องๆไปตรวจสุขภาพประจำปีหรือเพียงแค่เฝ้าสังเกตการเล็กๆน้อยๆที่พวกเขานั้นเปลี่ยนแปลงไป ขอขอบคุณข้อมูลจาก Jinda Noonok