หน้าแรก บล็อก หน้า 498

สาวสุดจะทน หลังเห็นหัวหน้าพูดจาด่าทอเพราะเธอให้ข้าวแมวจร เธอจึงตอกกลับทำหัวหน้าถึงกับเงิบ

เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Natthamon Charoen‎ ได้เผยเรื่องราวของน้องแมวจรสีดำตัวหนึ่ง น้องเป็นแมวจรตัวผอมที่มาขออาศัยอยู่ที่สำนักงานที่เธอนั้นได้ทำงานอยู่ แต่ในขณะที่เธอกำลังให้อาหารน้องอยู่ จู่ๆเจ้านายของเธอกลับพูดและด่าเธอด้วยถ้อยคำที่รุนแรง . โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า น้องโดนเจ้าของเทเพียงแค่น้องเป็นสีดำค่ะ น้องหลงมาอยู่ที่ทำงานตัวผอมมากๆแล้วขนก็แหว่งๆ เราเลยเอาอาหารให้น้องกิน แต่จู่ๆก็โดนหัวหน้าด่าคือเรางงมาก เราไม่สนใจเลยว่าเลี้ยงแมวดำมันไม่ดีกับคนรอบข้างหรืออย่างไร ว่าแบบนั้นแบบนี้ เราสนใจแค่ว่ามันจะอดจะโดนรถชนมากกว่า เราเอาขึ้นรถกลับบ้านในทันทีเลยค่ะให้หัวหน้ารู้ด้วย มึงไม่ให้กูให้อาหารกูก็จะเอาไปเลี้ยงเอง เก็บมาเลี้ยงเอามาดูแลแล้วจะเลี้ยงเขาให้ดีที่สุด น้องเป็นสมาชิกตัวที่2ของบ้านแล้ว ไอแอมสำลี ตอนนี้ขนของนางดำเงามาก รักต้าวอ้วง ล่าสุดเราก็ถูกหวยอะคะเชิดใส่ด้วยเบาๆ ด้านชาวเน็ตหลังได้รับชมเรื่องราวต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็น พร้อมกล่าวว่าความเชื่อผิดๆแบบนี้ยังอยู่ในสังคมไทยอีกหรือทำไมยังเชื่อเรื่องพวกนี้อีก บ้างก็บอกว่าบ้านนี้ก็เลี้ยงแมวดำเหมือนกันจ้า แมวดำเป็นแมวมงคลนะอย่าเข้าใจผิด ถ้าไม่รู้จริงให้ไปเปิดตำราแมวดู กลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ทำเอาเหล่าทาสแมวต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สะใจจริงๆที่ตอกกลับเจ้านายของเธอได้แบบเจ็บแสบสุดๆ ไม่ยอมให้เอาข้าวให้แมวกินใช่มั้ย ได้เลย....อุ้มแมวกลับบ้านไปเลี้ยงแบบต่อหน้าต่อตากันเลยทีเดียว ฮ่าฮ่าฮ่า ที่มา Natthamon Charoen‎

ติดอยู่ในบ้านไร้คนอยู่มา 3 วัน ไม่มีแม้น้ำหรืออาหารจะตกถึงท้อง ได้แต่ส่งเสียงร้องแผ่วเบาลงทุกวัน

อาจจะมีหลายคนที่น้อยนิดที่จะคิดว่าชีวิตตัวน้อยๆก็มีค่า ยิ่งถ้าไม่เคยได้สัมผัสกับการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงความเมตตาต่างๆต่อสิ่งมีชีวิตร่วมโลกก็น้อยลง เพราะชีวิตที่ได้เกิดมาไม่ได้มีใครต้องการต้องอยู่ต้องอาศัยแบบตามมีตามเกิดเวลาเดือดร้อนหรือจะให้ใครเขาช่วยเหลือก็ไม่มีปากมีเสียงจะไปร้องบอกใครเขา เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Santhiti Viyagun ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวรายนี้หหลังจากที่พบน้องติดอยู่ในบ้านที่ไม่มีผู้คนอยู่มาได้สามวันแล้ว ซึ่งทางตัวเขาเองก็เป็นห่วงว่าน้องจะต้องอดจนสิ้นใจเพราะไม่มีอะไรได้ตกถึงท้องเลยแม้แต่น้อย ซึ่งทางตัวเขาเองก็ได้พยายามที่ขอความช่วยเหลือเพื่อบ้านดูแล้ว แต่ทว่าก็ไม่มีใครที่จะสามารถติดต่อกับทางผู้เป็นเจ้าของบ้านรายนี้ได้เลยสักคน โดยทางตัวเขาเองก็ได้นำเรื่องราวของเจ้าเหมียวเพื่อหวังว่าใครจะพอมีทางแนะนำวิธีช่วยเหลือน้องให้ก็สามารถทักเข้าไปหาเขาได้ตลอด และทางตัวผู้โพสต์เองก็ยังได้เล่าอีกว่าในวันแรกๆน้องก็ส่งเสียงร้องเพื่อที่จะขอความช่วยเหลือ แต่ในวันนี้เป็นวันที่ 3 แล้วที่น้องเริ่มจะร้องแผ่วเบาขึ้นราวกับว่าไม่ค่อยจะมีเสียงเพื่อที่จะส่งเสียงร้องเพื่อขอความช่วยเหลือแล้ว จึงอยากวอนหน่วยงานใดๆที่พอจะช่วยเหลือชีวิตน้อยๆของนี่ได้บ้างก็อยากให้ช่วยที ซึ่งหลังจากที่ผู้โพสต์ได้โพสต์ขอความช่วยเหลือลงไปในโลบออนไลน์ก็ได้มีเพื่อนๆในโลกออนไลน์ได้แนะนำให้หย่่อนน้ำกับอาหารลงไปให้น้องก่อน พร้อมกับทำผ้าหย่อนลงไปเพื่อให้น้องปีนขึ้นมาได้ซึ่งทางผู้โพสต์ก็ได้บอกว่าจะลองทำดูแต่ถ้่าหากมันไม่เวิร์กก็จะพยายามหาทางต่อไป โดยหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะติดตามเรื่องราวเพิ่มเติมก็สามารถติดตามไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Santhiti Viyagun 

หนุ่มต่างด้าวจับแมวใส่กระสอบ อ้อนวอนขอให้หมอช่วยรักษาหลังพบน้องถูกรถชนต่อหน้า แม้ตัวจะมีเงินติดตัวเพียง1พัน

เพราะด้วยความอ่อนโยนของจิตใจของคนนั้นวัดกันที่ภาพนอกไม่ได้จริงๆ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คแฟนเพจที่ใช้ชื่อว่า Poetry of Bitch ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของชายหนุ่มรายนี้ที่มีชื่อว่า บุญเที่ยง ซึ่งบุญเที่ยงนั้นเป็นคนงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานอยู่ในประเทศไทย ด้วยงานที่บุญเที่ยงได้ทำนั้นได้ค่าแรงขั้นต่ำชั่วโมงละ 25 บาท ทำวันละ 12 ชั่วโมงตกวันละ 300 บาท ซึ่งเมื่อวานนี้ 28 มิ.ย. 63 ในขณะที่บุญเที่ยงได้กำลังปั่นจักรยานอยู่นั้น เขาก็ได้เห็นแมวตัวหนึ่งได้ถูกรถชนต่อหน้าต่อตา บุญเที่ยงรีบทิ้งจักรยานคู่ใจแล้วตรงเข้าไปช่วยเหลือเจ้าเหมียวตัวนั้น แต่ทว่าเจ้าเหมียวนั้นอาการไม่ดีนัก เจ้าเหมียวได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสบุญเที่ยงจึงตัดสินใจเอาน้องแมวใส่กระสอบและรีบเรียกแท๊กซี่พาน้องไปหาหมอในทันที โดยบุญเที่ยงได้ตัดสินใจแวะที่คลีนิกรักษาสัตว์แห่งหนึ่ง เขาได้หอบเจ้าเหมียวตัวนั้นใส่กระสอบแล้วเดินหน้าตาตื่นเข้าไปเคาะกระจกแล้วถามว่า ที่นี่มีมูลนิธิไหมช่วยหน่อยครับ พร้อมๆกับการเปิดกระสอบให้ดูน้องแมว โดยสัตวแพทย์เองก็ได้เข้ามาดูอาการของน้องเพื่อที่จะประเมินค่ารักษาเบื้องต้น โดยประเมินค่ารักษาไว้ที่ 8,000 บาทและก็เรียกขอเก็บเงินมัดจัดก่อนร่วงหน้า 6,000 บาทเนื่องจากมีหลายๆเคสที่เจ้าของพาสัตว์มารักษาและปล่อยไว้ที่นี่ แต่ทว่าบุญเที่ยงเองได้บอกว่าเขานั้นมีเงินที่พกติดตัวไม่ถึง 1,000 บาทและอ้อนวอนกับทางคุณหมอให้ช่วยรักษาเจ้าเหมียวตัวนี้ก่อนและเขาก็สัญญาว่าเขาจะไม่ทิ้งมัน เขาจะรีบกลับไปเบิกเงินล่วงหน้าจากเถ้าแก่มาเพื่อเป็นค่ารักษาน้องเพิ่ม โดยในตอนนั้นเองในคลีนิกก็มีลูกค้าอยู่เป็นจำนวนหนึ่ง ซึ่งเมื่อหลายๆคนได้ยินที่บุญเที่ยงอ้อนวอนก็สงสาร ชายรายหนึ่งจึงได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือซึ่งก็ได้มีอีกหลายๆคนช่วยกันสมทบทุนเพื่อที่จะช่วยออกค่ารักษาให้น้อง แต่ทว่าเมื่อคุณหมอทำการตรวจสอบอย่างระเอียดแล้วอาการน้องนั้นหนักหนากว่าที่คิด จึงได้ให้บุญเที่ยงพาน้องเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลจุฬาและเรียกแกร๊บเพื่อให้มารับพร้อมกับส่งตัว ซึ่งต่อมาทางบุญเที่ยงเองก็ได้พาน้องไปรักษาตามที่คุณหมอได้บอกแต่ไม่สามารถที่จะแอดมิดได้จึงได้พาอีกโรงพยาบาลและเขาก็ได้ทิ้งเบอร์ติดต่อพร้อมกับการอัพเดทอาการน้องอย่างเป็นระยะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Poetry of Bitch Thatborworn Lertpornsuksawat

ชีวิตที่ไม่มีทางเลือก ต้องยอมให้ลูกอดและอยู่โดดเดี่ยวเพราะตัวแม่นั้นต้องหนีหมาหวังพรากชีวิต

เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2563 ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Khwan Sirikhwan ได้เผยเรื่องราวหลังเธอนั้นได้พบเจอกับครอบครัวแม่แมวสามสีตัวหนึ่ง ที่ต้องระหกระเหินหนีทั้งคนหนีทั้งหมาใหญ่ ต้องคาบลูกน้อยเอาไปซ่อนเพื่อความปลอดภัย แถมเจ้าของโรงงานก็มีคำสั่งให้พาน้องไปอยู่ที่อื่นและสั่งห้ามไม่ให้เอาอาหารให้ . โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า น้องกำลังจะโดนเอาไปปล่อยยกครัว ได้โปรดเมตตาครอบครัวน้องสามสีด้วยนะคะ แม่แมวหนีหมา มาให้กำเนิดลูกที่ใต้ตู้คอนเทนเนอร์ ในฟาร์มไก่ แถมโดนหมาไล่ฟัดมาแล้วรอบนึงแม่แมวต้องปล่อยให้ลูกอดนมกว่า 3 - 4 วัน แต่ตอนนี้แม่แมวกลับมาแล้ว เด็กๆเริ่มโต ออกมาเดินเล่นได้แล้ว กลัวหมามาไล่ฟัดเด็กๆมากเลยค่ะ อีกทั้งผู้จัดการฟาร์มที่นี่ก็สั่งให้เอาน้องไปไว้ที่อื่น ห้ามให้ข้าวให้น้ำกับแม่แมวและลูกๆ คนที่ให้ข้าวน้องจะโดนใบเตือนไปแล้วรอบนึง อยากหาบ้านให้กับเด็กๆได้อยู่อย่างปลอดภัย มีที่หลับที่นอน มี่บ้านที่อบอุ่น เมตตาเด็กๆด้วยนะคะ จนเรื่องราวของน้องถูกโพสต์ในโลกออนไลน์ จนมีผู้คนต่างพากันแสดงความคิดเห็นพร้อมกล่าวอยากจะรับน้องๆไปเลี้ยงไปดูแล   ที่มา Khwan Sirikhwan

ออกจากบ้านไม่คาดคิดแมวติดใต้ท้องรถไปจอดปั๊ม โชคยังช่วยแต่ก็คงจะโทษตัวเองไปตลอดชีวิต

เพราะด้วยการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเราก็มักจะหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับพวกเขาเสมอ เช่นเรื่องของการเลี้ยงสัตว์ในระบบที่ปิดซึ่งมันเป็นสิ่งจำเป็นมากที่สุดสำหรับพวกเขาแล้ว แต่ทว่าแม้ว่าเรานั้นจะพยายามที่จะป้องกันพวกเขาจากโลกภายนอกมากเท่าไหร่ ก็อาจจะมีอุบัติเหตุที่เราคาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Nutcha Noey Yuchayantee ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวตัวนี้หลังจากที่เธอได้พบน้องติดมากับรถคันหนึ่งที่กำลังที่จะเข้ามาเติมน้ำมันภายในปั้มแห่งนี้ ซึ่งในตอนแรกก็ไม่ได้พบว่ามีน้องแมวติดมาด้วย จนเมื่อรถคันสีเหลืองคันดังกล่าวได้เข้ามาจอดรถและเติมน้ำมันอยู่พักใหญ่ๆจนเสร็จ และเมื่อรถได้เคลื่อนตัวออกไปก็ได้พบน้องมีน้องแมวที่ติดอยู่ใต้ท้องรถตกลงมาจากใต้ท้องรถคันดังกล่าว ซึ่งทางผู้โพสต์เองจึงได้โพสต์เรื่องราวเพื่อที่จะตามหาผู้เป็นเจ้าของรถคันดังกล่าวอีกด้วย ซึ่งทางตัวผู้โพสต์เองก็ไม่ทราบเลยว่าน้องนั้นเกาะใต้ท้องรถมาเป็นระยะทางไกลกว่าเท่าไหร่ แต่ที่แน้ๆน้องตกลงมาด้วยความหวาดกลัวและไม่ไปไหนซึ่งน้องเป็นแมวพันธุ์เปอร์เซียหน้าบี้โดยทางเจ้าของปั้มเองก็ฝากตามหาและอยากที่จะให้มารับน้องกลับไปเพราะสงสารน้องเป็นอย่างมาก จนในที่สุดการประกาศตามหารถคันดังกล่าวก็ได้สิ้นสุดลง เมื่อได้พบเจ้าของรถคันดังกล่าวและได้พบว่าน้องเป็นแมวของเธอจริงๆ ซึ่งทั้งนี้ทางทาสแมวเองก็อยากจะย้ำเตือนถึงความปลอดภัยที่จะเลี้ยงดูแมวเอาไว้ด้วย เพราะพวกเขาก็เที่ยวเล่นซนเหมือนกับเด็กแม้แต่การจะขับรถออกไปจากบ้านก็ควรที่จะเคาะรถเพื่อที่จะให้พวกเขาได้รู้ว่าเรากำลังจะนำยานพาหนะออกไปจากภายนอกบ้านและเพื่อเวลาให้เค้าได้หนีหลบออกไปเช่นเดียวกับในหน้าหนาวในต่างประเทศ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Nutcha Noey Yuchayantee

ร้องระงมหาแม่ หลังถูกเขาพรากแม่ไปจากอก ได้แต่เกาะกลุ่มกันไว้ไร้ซึ้งสิ่งใดจึงต้องปกป้องตัวเอง

หากเราจะพูดกันถึงเรื่องของความรักของแม่นั้นก็คงจะหาที่มาเปรียบไม่ได้เพราะคำว่าหัวอกแม่แล้วแม่ยอมทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อลูกได้เสมอ ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับลูกแมวตัวน้อยๆที่เพิ่งจะได้ลืมตาดูโลกแล้วพวกเขาก็ไม่ต่างอะไรไปจากเด็กแรกเกิดเพราะด้วยเมื่อพวกเขาได้โตเต็มที่ พวกเขาก็จะมีขนาดสมองเท่ากับมนุษย์ที่มีอายุเพียง 2 ขวบเพียงเท่านั้น เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังจากผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Natthakorn Woraathasin ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเหล่าเจ้าเหมียวตัวน้อยหลังจากที่ได้พบน้องๆถูกพรากแม่ออกไปจากอกซึ่งมีคนได้นำน้องๆไปปล่อยเอาไว้ ซึ่งทางเจ้าเหมียวตัวน้อยๆก็ต่างพากันร้องระงมเพราะคิดถึงผู้เป็นแม่อีกทั้งก็ยังหาอาหารกินเองไม่ได้ และคงจะร้องออกมาด้วยความหิวและความกลัวซึ่งทางผู้โพสต์เองก็ยังได้บอกอีกว่าน้องๆนั้นมีอายุเพียงไม่ครบเดือนเลยหรือประมาณเพียงแค่ 3 สัปดาห์กว่าเพียงเท่านั้น โดยทางแม่แมวเองก็ร้องออกตามหาลูกตัวน้อยๆด้วยหัวอกแม่ที่เป็นห่วงและคิดถึงลูกๆ แต่ด้วยคนใจร้ายที่เอาลูกของน้องไปปล่อยทำให้น้องตามหากันไม่เจอซึ่งก็เป็นระยะทางที่ไกลกว่ากันพอสมควร จนในที่สุดผู้โพสต์เองก็ได้ไปพบน้องเหมียวตัวน้อยๆเข้าและได้นำกลับมาให้ผู้เป็นแม่แมว โดยทั้งนี้เองหากว่าปล่อยเอาไว้ให้พวกน้องๆอยู่กันเองแบบนี้ก็คงจะต้องถูกคนใจร้ายพรากลูกพรากแม่ไปแบบนี้อีก ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าทางคนที่ได้ทำลงไปนั้นมีจุดประสงค์อะไรแน่ ซึ่งทั้งนี้เองผู้โพสต์จึงอยากจะหาบ้านให้กับน้องๆได้อยู่อย่างมีความสุขจะได้ไม่ต้องมาทนทุกข์ถูกเขาพาไปปล่อยที่ไหนต่อไหนแบบนี้อีก และหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะรับน้องไปเลี้ยงก็สามารถติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ ขอบคุณข้อมูลจาก Natthakorn Woraathasin

หนุ่มขายโดนัท นั่งกางร่มพร้อมปั๊มหัวใจให้กับลูกแมวที่กำลังจะสิ้นลมอยู่กลางถนนในคืนฝนตกหนัก

เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Narin Areephan ได้เผยคลิปวิดีโอสุดลุ้น ที่ทำเอาเหล่าบรรดาทาสแมวต่างเฝ้าติดตามอาการของลูกแมวที่หัวใจหยุดเต้นไปที่ข้างถนน โดยมีหนุ่มขายโดนัทที่สี่แยกไฟแดงแห่งนี้คอยปั๊มหัวใจให้หวังให้น้องกลับฟื้นขึ้นมารอดชีวิตอีกครั้ง . โดยสถานที่เกิดเหตุในครั้งนี้เกิดขึ้นที่ แยกวังตาผิณ ต.ปลวกแดง อ.ปลวกแดง จ.ระยอง โดยมีหนุ่มขายโดนัทที่สี่แยกแห่งนี้ กำลังช่วยปั๊มหัวใจให้กับลูกแมวตัวน้อยซึ่งคาดว่าน้องจะถูกรถชนอยู่ตรงบริเวณดังกล่าว จนคลิปดังกล่าวถูกโพสต์ในโลกออนไลน์ จนมีเหล่าบรรดาคนรักสัตว์ต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็น พร้อมสอบถามและติดตามอาการของน้องว่าน้องรอดชีวิตหรือไม่ อาการของน้องเป็นอย่างไร เพราะในคลิปตอนนั้นเขาถ่ายไว้ในตอนที่ฝนกำลังตก รถก็เยอะเขาจึงไม่สามารถถ่ายคลิปนี้ได้จนจบ แต่ทางผู้โพสต์ก็ได้เข้ามาตอบผู้คนที่เข้ามาสอบถามอาการของน้องนะว่า ถ้าเจอพี่คนขายโดนัทอีกครั้งเขาจะรีบไปสอบถามว่าน้องแมวรอดชีวิตหรือไม่ เราต้องมาติดตามกันต่อนะครับว่าอาการของน้องจะเป็นอย่างไร จะรอดชีวิตหรือไม่แต่โดยส่วนตัวแล้วผมเองก็ลุ้นเหมือนกันอยากให้น้องรอดชีวิต ติดตามกันต่อไปครับสำหรับอาการของน้อง ชมคลิป https://www.facebook.com/narinareephan/videos/1612703342227906   ที่มา Narin Areephan

เป็นแมวจรจากชีวิตนี้ที่ไม่เคยให้จับ แต่พอนางเริ่มป่วยกลับทำตัวแปลกไปเหมือนรู้ว่าเรากำลังจะช่วยชีวิต

เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Oil Oilly ได้เผยเรื่องราว ของแมวจรตัวหนึ่ง น้องเป็นแมวจรสภาพผอมโซ เดินมาขอข้าวกินอยู่เป็นประจำ จนหนุ่มผู้โพสต์สังเกตเห็นว่าน้องมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับดวงตาจนตาของน้องเกือบบอด เขาจึงรีบพาน้องไปหาหมอในทันทีจนกระทั่ง.... . โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า แรกๆไม่คิดจะเลี้ยงน้องเลย แค่เค้ามาขอข้าวกินในตอนเช้า-เย็น สภาพผอมโซ มีแต่หัว เนื้อตัวก็สกปรกมอมแมม และไม่ยอมให้จับตัวเลยแหละ (นางมาเฉพาะเวลากินข้าว รู้เวลาด้วย) ก็เอาปลาทูคลุกข้าวให้นางกิน อยู่มาวันนึงตาเค้าเจ็บเกือบจะบอด เราก็เลยสงสารต้องพาไปหาหมอ(เค้ายอมให้จับตัวเหมือนจะรู้ว่าเราจะช่วยเขาไว้) เราพาไปรักษาเกือบ2อาทิตย์ ดูแลหยอดยา ป้อนยา ป้อนข้าวป้อนน้ำให้กิน จนกระทั่งนางหายดี เค้าก็ไม่ยอมไปไหนเลย เราก็พึ่งรู้ตัวว่ารักและผูกพันกับเค้าไปแล้ว จนตอนนี้ถอนตัวไม่ขึ้นจริงๆ ทุกวันนี้กลายเป็นทาสเค้าไปโดยปริยายและแบบเต็มตัว จากวันนั้นจนถึงวันนี้ วันนี้ครบ3เดือนเต็มที่เค้ามาอยู่กับเรา เรามีความสุขมากๆและคิดว่าเค้าก็น่าจะมีความสุขด้วยเหมือนกัน ยาวไปหน่อยนะครับ สำหรับสตอรี่ของผม ขอบคุณที่เสียสละเวลาอ่านนะครับ น้องชื่อถุงตังค์แมวขี้อ้อน จนเรื่องราวของน้องถูกโพสต์ในโลกออนไลน์ จนมีเหล่าทาสแมวมากมายต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นพร้อมกล่าวชื่นชมให้กับหนุ่มทาสแมวรายดังกล่าว ที่ยอมสละทั้งเงินทั้งเวลาเพื่อช่วยน้องแมวตัวนี้เอาไว้ น่าชื่นชมจริงๆจากใจเลย ที่มา Oil Oilly

ถูกเขาชนแล้วหนี ไร้เรี่ยวแรงจะยืนสู้เดินต่อ เพียงเพราะแค่ชีวิตที่ได้เกิดมาจรเขาจึงมองว่าไร้ค่าไม่ต้องจอดดู

ด้วยความเมตตาและเห็นอกเห็นใจในมนุษย์เรานั้นแตกต่างกันออกไป ซึ่งไม่ใช่ว่าทุกคนจะเห็นคุณค่าของสิ่งมีชีวิตเล็กๆเสมือนกันทุกๆคน อาจจะเป็นเพราะด้วยการที่ได้ถูกเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเล็กหรือด้วยสภาวะทางสังคมที่ได้เติบโตมาทำให้หลายๆคนนั้นมีความอ่อนโยนในหัวใจนั้นแตกต่างกัน เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Athit Athibunyasit ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวรายนี้ลงในกลุ่ม ทาสแมวจร หาบ้าน ช่วยเหลือแมวจรเจ็บป่วยด้อยโอกาส หลังจากที่เขาได้พบน้องถูกรถชนแล้วหนี ไม่มีแม้แต่จะลงมาดู ซึ่งอาจจะคิดว่าน้องเป็นแมวจรที่ไร้หัวจิตหัวใจ ซึ่งในรตอนแรกผู้โพสตก็ได้พบน้องตกอยู่ในสภาพที่อ่อนแรงด้วยไร้เรี่ยวแรงจะยืนหรือเดินต่อ เพราะด้วยแรงกระแทกที่น้องได้รับอีกทั้งก็ยังไม่รู้ว่าจะได้รับบาดเจ็บตรงไหน จึงทำให้เขานั้นต้องอาสาพาน้องไปส่งโรงพยาบาลสัตว์แต่ทว่าตัวของผู้โพสต์เองก็ไม่มีทุนทรัพย์จะรักษาเพราะถ้าปล่อยเอาไว้น้องก็คงจะสิ้นใจ จนอดทนไม่ไหวและพาน้องมาหาสัตวแพทย์เพื่อตรวจดูอาการในเวลาต่อมา โดยในวันนี้น้องก็มีอาการหายใจไม่ออกจึงได้พาไปหาหมออีกรอบ และคาดว่าน้องน่าจะต้องแอดมิดอีกรอบโดยทั้งนี้ก็อยากจะฝากไปถึงผู้ที่ขับรถบนท้องถนนด้วยว่าแม้พวกเขาจะเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กที่ดูเหมือนไม่มีค่า แต่ก็อยากจะให้ดูว่าพวกเขานั้นก็มีหัวใจเหมือนกับเราๆพวกเขาสามารถเจ็บได้ร้องไห้ได้ไม่ต่างจากเราเลย และอยากให้ผู้คนที่ใช้รถใช้ถนนระมัดระวังกันด้วยอีกนิดเพราะสัตว์นั้นก็คือสิ่งมีชีวิตจำพวกนึงที่ได้เกิดมา โดยทั้งนี้เองหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะรับน้องไปเลี้ยงก็สามารถติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Athit Athibunyasit

ถูกเขาเทเนื้อตัวเปียกปอน ต้องทนตากฝนทั้งคืน ไม่มีแม้ร่มเงาจะหลบเพราะยังเล็กและไม่รู้จักโลกภายนอก

ในบางครั้งชีวิตนั้นก็เลือกที่จะเกิดมาไม่ได้ ทำให้หลายๆชีวิตต้องเกิดมาพบเจอกับอุปสรรคในชีวิตอย่างหนักหนาสาหัส ด้วยเพียงแค่ค่านิยมผิดของมนุษย์กลับส่งผลกระทบกับหลายๆชีวิตที่ถึงขนาดต้องสิ้นลม เช่นเดียวกับสุนัขหรือแมวจำนวนมากเพียงแค่เกิดมามีสีดำเพียงเท่านั้น เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า เก-ดิ อันยอง ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวตัวน้อยเหล่านี้หลังจากที่เธอได้พบน้องถูกนำมาปล่อยเอาไว้ ซึ่งพวกน้องๆยังเล็กกันมากเดินก็ยังแทบจะไม่แข็งแรงเลยแต่ก็กลับถูกเอามาปล่อยไว้แบบนี้ อีกทั้งในวันนี้เธอได้พบพวกน้องๆ ก็มีฝนตกหนักตลอดทั้งคืนซึ่งพวกน้องๆก็ต้องทนหนาวสั่นกันอยู่แบบนั้นด้วยสภาพอากาศที่โหดร้ายยังมีจิตใจของมนุษย์ที่ร้ายยิ่งกว่าซึ่งพวกเด็กๆก็ได้แต่นอนกกตัวกันเพื่อให้ความอบอุ่น ไร้แม้ร่มเงาจะหลบฝนเพราะด้วยตัวที่ยังเล็กและไม่รู้ประสีประสาใดๆ โดยเธอได้โพสต์เล่าว่า คนก็ใจร้ายเอาน้องแอบมาปล่อยไว้ฝนก็ตกหนักทั้งคืนที่หลบฝนก็ไม่มีเหมียวคงตะโกนบอกว่าเลือกเกิดไม่ได้ไง ถึงได้ถูกกระทำแบบนี้ซึ่งเธอก็ยังบอกอีกว่าสงสารก็สงสารแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้เลยเพราะที่บ้านของเธอก็เต็มแล้ว จึงได้นำมาโพสต์เพื่อที่จะขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆในโลกออนไลน์   จึงอยากจะฝากถึงคนที่นำมาปล่อยเอาไว้ว่าพวกเขายังคงเล็กและไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ถ้าเกิดในบริเวณนั้นมีสุนัขจรอาศัยพวกน้องคงจะไม่รอดแน่ๆ จึงอยากฝากเอาไว้และในเรื่องค่านิยมของสีมันไม้่เกี่ยวว่าพวกเขาจะเกิดมาสีไหนเพราะไม่มีใครกำหนดได้ถ้าเลือกได้พวกเขาก็คงไม่อยากจะเกิดมามีสีดำหรอกอีกทั้งชีวิตก็คือชีวิตมีจิตใจไม่ต่างจากมนุษย์เลย ขอขอบคุณข้อมูลจาก เก-ดิ อันยอง