หน้าแรก บล็อก หน้า 496

ถูกเขาเอาน้ำฉีดไล่ไสส่ง ด้วยเป็นจรไร้ที่อยู่อาศัย อาหารก็กินไม่ได้เพราะถูกน้ำฉีดไล่ใส่ทุกวัน

ด้วยชีวิตที่เลือกเกิดมาไม่ได้ทำให้หลายๆชีวิตต้องอยู่อย่างดิ้นรนต่อสู้ อีกทั้งถ้าเป็นจรไม่มีแม้ข้าวหรืออาหารจะตกถึงท้องในแต่ละวันยิ่งแล้วซ้ำ ถ้าเกิดพบเจอคนไม่ดีที่ไม่ชอบยิ่งแล้วใหญ่จะไปทางไหนมาไหนเขาก็รังเกียจ แค่ลำพังจะให้รอดในแต่ละวันก็หนักพอแล้ว เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Sakaowrut Sonklung ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวรายนี้หลังจากที่เธอพบน้องเข้า โดยน้องแมวอาศัยอยู่ในที่ส่วนบุคคลที่ห้ามให้อาหารสัตว์ ซึ่งเธอหมายเหตุเอาไว้ว่าเราก็ไม่เห็นว่าป้ายมีห้ามเอาไว้แต่อย่างใด เธอจึงได้นำอาหารมาให้น้องกิน เพราะด้วยความสงสาร แต่ทว่าเมื่อได้เห็นน้องกินไปสักพักเมื่อเธอหันหลังไปก็มีคนเอาน้ำมาฉีดรถต้นไม้ แต่มันกลับโดนอาหารที่เธอได้ให้น้องเอาไว้จนเปียกโซกอีกทั้งยังโดนน้องแมวอีกด้วย แต่ทว่าก็ยังโชคดีที่น้องได้กินจนเกือบหมดแล้ว เมื่อเธอได้เดินไปเก็บจาน เขาก็ยังฉีดน้ำกระเด็นใส่เธอจนเปียกแล้วกลับมาพูดว่า "ตรงนี้หา้มให้อาหารแมวนะครับ" แล้วเขาก็ฉีดน้ำใส่ต้นไม้เหมือนกับไล่น้องอีก ซึ่งเธอนั้นทำอะไรไม่ได้เลยเธอไม่สามารถช่วยน้องได้เลย เธอทำได้เพียงแค่ยืนร้องไห้ด้วยใจจะขาด ซึ่งทั้งนี้เองเธอได้ลงพิกัดเอาไว้ที่ Diamond Bangkok โดยหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะรับน้องไปเลี้ยงก็สามารถติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Sakaowrut Sonklung

แอบอาศัยในตรอกแคบๆ หลังติดอยู่ในท่อระบายน้ำ โผล่หน้าออกมาส่งเสียงร้องหวังให้ช่วยเหลือหนูที

ด้วยชีวิตที่เลือกเกิดมาไม่ได้ทำให้หลายๆชีวิตต้องดิ้นรนต่อสู้กับสิ่งที่ตนได้พบเจอในแต่ละวัน ยิ่งถ้าเป็นสัตว์เล็กหรือสัตว์จรแล้วยิ่งใหญ่ต้องทนใช้ชีวิตให้อยู่รอดต่อความยากลำบากในแต่ละวัน เพราะด้วยเกิดมาไม่มีปากไม่มีเสียงที่จะพูดบอกใครเขาได้จึ่งได้แต่ทนใช้ชีวิตตามมีตามเกิด เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Tanatcha Lueprasert ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวตัวนี้หลังจากที่ได้พบน้องพลัดกับผู้เป็นแม่มาได้สี่เดือนแล้ว ซึ่งน้องอายุเพียงแค่ 4-5 เดือนเพียงเท่านั้น ซึ่งตัวก็ยังคงเล็กมากๆ โดยน้องก็ได้แอบอาศัยอยู่ในตรอกแคบๆหลังตึก และได้แต่วิ่งหาเศษอาหารกินจนกระทั่งเมื่อ 3 วันก่อนน้องได้หายออกไปจากหลังตึก โดยที่แท้น้องหลุดเข้าไปในท่อระบายน้ำและมาโผล่หน้าขอความช่วยเหลือจากมนุษย์อยู่ที่หน้าท้องถนนเพราะหาทางออกไม่ได้  โดยในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ก็ได้เข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้มาช่วยงัดเปิดท่อให้และช่วยน้องออกได้อย่างปลอดภัย และทางผู้โพสต์จึงได้นำน้องมาไว้ในความดูแลก่อนแต่ทว่าก็สามารถจะดูแลน้องได้เป็นชั่วคราวเพียงเท่านั้น และหากไม่สามารถที่จะหาบ้านให้น้องได้ผู้โพสต์ก็จะนำน้องไปปล่อยเอาไว้ที่เดิม โดยหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะรับน้องไปเลี้ยงก็สามารถติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ ขอเพียงแค่บ้านที่อบอุ่นให้กับน้องได้อยู่อาศัยไม่ต้องแอบอาศัยอยู่แบบหลบๆซ่อนๆแค่หวังให้ที่ปลอดภัยมีกินไม่ต้องอดเพียงเท่านั้นก็เกินพอ ซึ่งน้องเป็นแมวเพศเมียอายุได้ 4-5 เดือนและสามารถติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tanatcha Lueprasert

ร้องสุดเสียงอ้อนวอนขออาหารจากคนที่เดินผ่านไปมา หวังแค่เพียงให้ลูกในท้องได้อิ่ม หลังจากถูกนำมาปล่อยเอาไว้

หากเราจะพูดถึงหัวอกของผู้เป็นแม่แล้ว เชื่อว่าใครๆก็คงจะเข้าใจความหมายของคำคำนี้ดีอยู่แล้ว ซึ่งขึ้นชื่อว่าแม่ก็สามารถที่จะยอมทำทุกอย่างได้เพื่อลูกเสมอ ไม่ว่าจะต้องเสียสละให้ตัวเองยากลำบากมากแค่ไหนแม่ก็ย่อมที่จะทำให้กับลูกได้เสมอเพราะด้วยความรักของแม่ที่ยิ่งใหญ่ เช่กเช่นเดียวกลับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Su Pas ได้่นำเรื่องราวมาโพสต์ลงยังกลุ่ม ทาสแมวจร หาบ้าน ช่วยเหลือแมวจรเจ็บป่วยด้อยโอกาส หลังจากที่เธอได้ไปสวนจตุจักรมาและได้ยินเสียงน้องร้องดังมาก ซึ่งมีแต่คนมองแต่กลับไม่มีคนสน ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้มีอะไรติดมือมาด้วย เธอจึงบอกกับเพื่อนของเธอว่าให้รอตรงนี้เดี๋ยวจะไปซื้ออาหารมาให้น้องก่อน ซึ่งเธอจึงเดินย้อนกลับไปที่ร้านขายอาหารสัตว์ในสวนจตุจักรที่อยู่ไกลมาก และถ้าเดินไปกลับก็จะเหนื่อยมากแต่เธอก็เลือกที่จะเดินกลับไป เพราะสิ่งที่เธอได้เห็นทำให้เธอมีความสุขเพราะน้องได้อิ่มท้อง โดยน้องแมวเป็นแมวพันธุ์วิเชียรมาศที่สวยมาก น้องท้องแก่และใกล้จะคลอด เธอสงสารเธอจึงได้นำเรื่องราวมาโพสต์ลงในกลุ่มนี้เผื่อว่าจะมีเพื่อนๆที่เมตตาอยากที่จะรับน้องไปเลี้ยง ซึ่งน่าน่าจะถูกคนเอามาปล่อยเอาไว้เพราะน้องท้องแก่ด้วย อีกทั้งยังเป็นวิเชียรมาสที่ตาเป็นสีฟ้าสวยมากๆ ซึ่งทั้งนี้เธอยังได้มาอัพเดทอีกด้วยว่าน้องนอนในพุ่มไม้และในพุ่มไม้ตรงนั้นก็ยังมีแมวอีกหลายตัว โดยหากเพื่อนๆสนใจอยากจะรับน้องไปเลี้ยงก็สามารถติดต่อไปที่ต้นโพสต์ได้เลยะนะคะ เพราะด้วยความเป็นแม่ที่ยิ่งใหญ่ขอให้เพียงได้อิ่มท้องเพื่อลูกในท้องจะได้เติบใหญ่ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Su Pas

เจ๊อ้วนแมวซ้ำชั้น อยู่ตั้งแต่เด็กจนแก่หงักจนเลื่อนขั้นเป็นผอ. อยู่มานานแม้สก็ไม่ใส่

ด้วยมาตรการของทางรัฐที่ควบคุมไม่ให้โควิด 19 เกิดการระบาดในระลอกที่2 ทางโรงเรียนต้องๆจึงต้องตรวจวัดไข้ก่อนที่จะเข้าไปยังสถานศึกษาได้ และไม่วายไม่ว่าคนหรือแมวก็ต้องวัดไข้ก่อนเข้าโรงเรียนเหมือนกับเจ๊อ้วนตัวนี้ ที่นางเป็นแมวเก๋าแถมซ้ำชั้นมาเกือบ 10 ปีแล้ว . เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Tiphathai Langpai Bee ได้เผยภาพและเรื่องราวสุดน่ารักของเจ้าเหมียวโรงเรียนที่อยู่มานานตั้งแต่เกิด นางมีชื่อว่าเจ๊อ้วน เจ๊อ้วนเป็นแมวโรงเรียนลายสลิด นางอยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้มาเกือบสิบปีและอีกไม่นานคงได้เลื่อนขั้นเพื่อเป็น ผอ. และด้วยมาตรการที่ทางรัฐคุมเข้มสถานการณ์ "โควิด-19" ทางเรียนเรียนต่างๆก็เริ่มเปิดกันเป็นปกติแล้ว แต่ยังไม่วายถึงจะเป็นแมวแต่ก็ต้องวัดไข้ก่อนเข้าโรงเรียนนะ โดยที่อุณหภูมิของเจ้อ้วนอยู่ที่ 36 องศา แสดงว่าไม่มีไข้สูงสามารถเข้าโรงเรียนไปใช้ชีวิตได้กับเด็กๆได้เลย จนเรื่องราวของเจ๊อ้วนถูกโพสต์ในโลกออนไลน์ จนมีชาวเน็ตมากมายได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นพร้อมกล่าวว่า เนื่องจากเราอยู่มานาน เรามีตำแหน่งชำนาญการกิน(พิเศษ) เราจึงไม่ต้องใส่แม้สเหมือนเด็กๆ นุดอย่ามาดร่ามาเราเรื่องนี้นะ ไม่งั้นเราแจกยันต์5แถวนะ บอกเลย บ้างก็บอกว่าสงสัยนางอยู่มานานซ้ำชั้นมาไม่รู้กี่ปีแล้วอีกหน่อยคงได้เป็น ผอ. เข้าสักวัน บ้างก็บอกว่า น้องน่ารักมากแม้สก็ไม่ใส่ชุดนักเรียนก็ไม่มี เป็นเด็กอะไรทำไมฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่อง ฮ่าฮ่าฮ่า แบบนี้ก็ได้ด้วยหรอ.... ที่มา Tiphathai Langpai Bee

เป็นลูกแมวน้อยกินน้ำขังจนตัวพอง ตะเกียกตะกายขึ้นจากน้ำก่อนที่หนุ่มแฟลชจะเข้ามาดูรีบลงน้ำเพื่อช่วยชีวิต

เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Chonkaniya Makpa‎ ได้เผยเรื่องราวหลังเธอนั้นได้จอดรถข้างทาง และได้ยินเสียงลูกแมวส่งเสียงร้องออกมา เธอจึงเดินตามเสียงน้องไปและพบว่าน้องกำลังตะเกียกตะกายเพื่อขึ้นจากน้ำอยู่ และในตอนนั้นเองฝนก็เริ่มตกลงมาอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่ง.... . โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า ขออนุญาตชื่นชมพนักงานแฟลช สาขาเทพา จังหวัดสงขลาค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า เราแวะจอดรถข้างทาง ด้วยความเป็นทาสแมวเราได้ยินเสียงแมวร้อง ไม่ถึงกับดังมากนะแต่น้องร้องแบบต้องมีอะไรสักอย่างนึง เราก็เลยเดินตามหาเสียงอยู่สักพักนึง ก็เจอเจ้าของเสียงนั้นกำลังว่ายน้ำอยู่ ในตอนนั้นเองฝนก็ตกปรอยๆด้วย น้องก็ขึ้นจากน้ำไม่ได้ ตอนนั้นคิดหนักมากเลย เราลงไปไม่ได้ มันลาดชันแถมหญ้ารกมาก เป็นปูนอีกกลัวจะลื่นตกลงไป แต่โชคยังดีมี พี่แฟลช ขับรถออกมาพอดีและเขาถามเราว่า “หาอะไรอยู่ครับ” เราเลยบอกได้ยินเสียงแมวร้องอยู่ข้างล่าง เดินหาเจอแมวตกน้ำ สงสารค่ะพี่ทำใจที่จะทำเป็นไม่เห็นก็ทำไม่ได้ค่ะ  พี่แกเลยแหวกๆหญ้าดู อีกมือก็ดึงหญ้าข้างบนไว้ นี่ก็กลัวพี่แกจะตกลงไปน้ำอีกคน ทางขวาไม่ได้ถ่ายรูปไว้นะคะ จะเป็นแอ่งน้ำ น่าจะลึกอยู่พอสมควร ตรงที่เป็นผักบุ้ง คือเรากับพี่เขาเรียกให้น้องมาหา ขอบคุณพี่แฟลชมากๆที่ไม่ละเลย ที่ช่วยชีวิตน้องไว้ แถมไปหาผ้าขนหนูมาห่มตัวให้น้องอีก ทำดีต้องชื่นชมค่ะขออนุญาตไม่เบลอหน้านะคะ ตอนที่เอาน้องแมวขึ้นมาพุงกางมากๆ สงสัยนางจะกินน้ำเข้าไปเยอะ เพิ่มเติมนะคะ พี่เขาลงไปช่วยหลังจากจบบทสนทนาดังกล่าว โดยที่เรายังไม่ได้เอ่ยปากขอให้เขาช่วยเลยสักนิดค่ะ ตรงนี้ชื่นชมมากค่ะ ขอบคุณ Ranee Konghud ที่รับเลี้ยงน้องต่อด้วยนะ เพราะที่บ้านไม่ไหวแล้วเยอะมากกกก ที่มา Chonkaniya Makpa‎

เจ้าของชั่งใจปล่อยไซบีเรียนไว้กับทุเรียน หลังจากซื้อมาจากตลาดกะกลับบ้านจะกวาดให้เรียบ

หากเราจะพูดถึงสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ หลายๆคนก็อาจจะรู้จักฤิทธิ์เดชของสุนัขสายพันธุ์นี้กันดีว่าด้วยเรื่องของความแสบและซนแล้วนาทีนี้คงจะไม่มีสุนัขพันธุ์ไหนๆมาเทียบเคียง ยิ่งแล้วใหญ่หากบ้านไหนจะเรียกก็อาจจะถึงขนาดต้องเตรียมบ้านใหม่กันเลยทีเดียว เพราะด้วยอุปนิสัยของไซบีเรียนฮัสกี้แล้วเป็นสุนัขที่แสนจะอยากรู้อยากเห็นและฉลาด (หรือป่าว) ซึ่งถ้าเคยได้สัมผัสแล้วก็จะพบว่าถ้าปล่อยให้หลุดไปถึงไหนถึงกันตีสามสีห้าก็ยังไม่เข้าบ้านเพราะจำทางกลับบ้านไม่ได้ ด้วยเพราะได้เห็นโลกใหม่ๆอะไรๆก็หน้าตื่นตาตื่นใจไปแทบหมด เชกเช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า ได้โพสตบอกเล่าเรื่องราวของเจ้าไซสุดแสบของเขาลงในกลุ่ม siAgain I Like Husky คนรักไซบีเรียนฮัสกี้ original หลังจากที่วันนั้นเขาตั้งใจไปตลาดและได้พบกับทุเรียนที่สุกกำลังน่ากินจึงได้ซื้อมาด้วยความภาคภูมิใจเพราะด้วยความหอมและราคาที่ไม่สูงนัก จึงกะว่าในเย็นวันนี้จะกลับมากวาดกินซะให้เรียบ แต่เมื่อเขาได้กลับมาบ้านได้เห็นสิ่งที่ทำให้เขานั้นน้ำตาไหลออกมา เพราะทุเรียนที่เขาได้ซื้อมาถูกลูกของเขานั่นก็คือเจ้าไซ แกะให้เป็นที่เรียบร้อยเรียกได้ว่าช่างเป็นภาพที่ซึ้งใจซะเหลือเกินใครจะไปคิดกันละว่าเลี้ยงหมาแล้วหมาจะฉลาดปลอกทุกเรียนให้พ่อกินแบบนี้ แต่ทว่าสิ่งที่พวกเจ้าไซใช้ปลอกนั่นก็คือฟันของพวกเขา ใช่แล้วแหละฟังไม่ผิดเพราะทุเรียนที่พ่อได้ซื้อมาด้วยความภาคภูมิใจที่กะว่าจะกินให้หนำใจนักกลับถูกเจ้าไซแทะซะจนเหลือแต่เปลือกไม่เหลือข้างในไว้ให้เลย โดยทั้งนี้จึงได้นำเรื่องราวมาแบ่งปันให้ฟังว่าถ้าใครเกิดเป็นโรคซึมเศร้าแล้วแนะนำให้เลี้ยงไซเพราะชีวิตของคุณจะหาความสงบสุขไม่ได้อีกเลย ฮาๆ ขอขอบคุณข้อมูลจาก ปิยวัฒน์ มุดม่วง

ถูกเขาเอามาปล่อยไว้เกาะกลางถนน ไม่รู้ว่าแม่ของตนนั้นอยู่ไหน ส่งเสียงร้องแทบขาดใจเมื่อไหร่แม่จะกลับมา

เพราะด้วยชีวิตที่เลือกเกิดมาไม่ได้ให้หลายๆชีวิตนั้นต้องอยู่อย่างทนทุกข์ แม้ว่าเพิ่งจะได้เกิดมาลืมตาเพียงไม่นานแต่ก็กลับถูกเขาพรากจากอกแม่มาโดยเหมือนว่าไม่มีหัวจิตหัวใจ ไร้เรี่ยวแรงจะเดินต่อ ไหนจะต้องปกป้องตัวเองบนโลกใบใหญ่ ซ้ำจะเดินตามหาใครเพราะไม่มีที่ไหนปลอดภัยเท่าอกแม่เรา เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Witchayada Yuwawat ได้โพสต์เล่าเรื่องราวที่ตนได้เจอเจ้าเหมียวเหล่านี้หลังพบเจ้าเหมียวตัวน้อยถูกนำมาปล่อยเอาไว้เกาะกลางถนน ซึ่งเธอได้พบพวกน้องๆเข้าหลังจากที่ได้เดินกลับจากคอนโดแล้วได้ยินเสียงน้องแมวร้องจากเกาะกลาง ซึ่งคนขายไก่ทอดที่อยู่หน้าคอนโดของเธอก็กำลังจะข้ามมาดูพอดีเธอก็เลยข้ามตามมาด้วย โดยคนขายไก่ได้บอกว่าเพิ่งจะได้ยินเมื่อตอนเวลา 1 ทุ่มของวันนี้ คาดว่าน่าจะถูกคนนำมาปล่อยเอาไว้ ซึ่งก็ใจร้ายเอามากๆเพราะเอาน้องมาปล่อยเอาไว้เกาะกลางถนนด้วยพวกน้องๆก็ยังเล็ก และไม่รู้ประสีประสาแค่เดินออกมาก็สามารถสิ้นใจได้แล้ว หรือว่าเขาต้องการจะให้พวกหนูสิ้นใจทำไมถึงทำกันได้ลงคอ โดยเธอก็ได้เล่าอีกด้วยว่าน้องพยายามที่จะวิ่งออกมาจะลงมาที่ถนนเพราะด้วยความเป็นเด็กและยังไม่รู้เรื่อง เธอทำอะไรไม่ถูกจึงต้องหอบทั้ง 4 ตัวและวิ่งข้ามถนนมา และเดินไปขอลังกระดาษที่เซเว่นพร้อมกับซือนมแพะสำหรับเด็กๆ แต่เธอเองก็สามารถที่จะดูแลพวกหนูๆได้แค่ 4 วันเพียงเท่านั้นเพราะในวันที่ 9 เธอต้องไปต่างจังหวัดหลายวัน อีกทั้งคอนโดที่เธอได้อยู่ก็ไม่สามารถที่จะเลี้ยงน้องได้เธอก็แอบเอาน้องๆขึ้นมาเพราะถ้าปล่อยไว้แบบนั้นคงจะไม่รอดเป็นแน่แท้ จึงอยากที่จะขอบ้านให้กับพวกน้องๆซึ่งหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะรับเด็กๆไปเลี้ยงก็สามารถติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Witchayada Yuwawat 

ถูกสั่งรื้อสั่งไล่ให้ออกจากบ้าน จนแมวตาบอดตกใจวิ่งหายเข้าป่า ฝนก็ตกหนักซ้ำตาก็มองไม่เห็น

เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2563 แฟนเพจเฟสบุ๊ก : พี่หมึกแมวไม่มีขน ได้เผยเรื่องราวหลังแมวตาบอดที่บ้านหลุดหายไป เพราะทางผู้โพสต์นั้นได้ไปอาศัยและเช่าบ้านของคนอื่น แต่ด้วยปัญหาด้านการเงินทำให้เขาต้องถูกไล่ถูกรื้อให้ออกจากบ้าน จนแมวตาบอดตัวนี้ตกใจและวิ่งหนีหายเข้าไปในป่า . โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า แมวพี่โตดกับแมวส้มขาวตาบอด นางทั้งสองตกใจเสียงรื้อกรงรื้อสังกะสีวิ่งเตลิดหายเข้าไปในป่าตั้งแต่เมื่อวานยังไม่กลับมาเลย เราพยายามตามหาแล้วทุกที่ฝนก็ตกหนักและเเรงมากๆ..แม่ขอโทษนะที่รักษาบ้านที่เราเคยอยู่เอาไว้ไม่ได้ เขาไล่เราแล้วเราก็ต้องไป ต้องรื้อต้องย้ายของออกให้หมดถ้าน้องๆยังไม่กลับมา ถึงแม่จะย้ายไปแล้วแต่แม่จะพยายามมาตามหาน้องทุกวัน จนกว่าจะเจอจะเอาข้าวมาวางไว้ให้นะลูก ด้วยกลัวเค้ากลับมาแล้วไม่เจอ ตอนนี้น้องคงเคว้งคว้างน่าดู จนเรื่องราวของน้องถูกโพสต์ในโลกออนไลน์จนมีชาวเน็ตเข้ามาสอบถาม ว่าทำไมถึงไม่ใส่น้องเอาไว้ในกรงในตอนที่เขากำลังรื้อบ้านอยู่ ทางเจ้าของจึงเข้ามาตอบว่า แมวเยอะค่ะใส่ได้ไม่หมด กรงเล็กมากๆเลยเอาไว้ในบ้านแต่เค้าตกใจออกทางหน้าต่างวิ่งเข้าป่า ทางแอดมินเองก็ขอร่วมส่งกำลังใจให้ทางเจ้าของ ของให้เจ้าของตามหาน้องกลับบ้านให้ได้โดยไวอันด้วยตาน้องก็บอดถึงสองตัว การใช้ชีวิตกับโลกที่มองไม่เห็นอยู่อย่างนี้มันไม่ง่ายเลยนะ ไหนจะฝนที่ตกหนักไหนจะสัตว์ต่างๆ ไม่อยากจะคิดภาพเลยว่าตอนนี้น้องนั้นอยู่ที่ไหน จะไปหลบจะไปแอบใครเขาได้เพราะไม่เคยใช้ชีวิตข้างนอกมาก่อน ที่มา พี่หมึกแมวไม่มีขน

สาวทาสแมวรับลูกแมวจรมาเลี้ยงถึง4ตัว แต่แมวพิการที่บ้านกลับเลี้ยงดูเหมือนกับลูกแท้ๆ

เมื่อไม่นานมานี้แฟนเพจเฟสบุ๊ก : น้องมิ้ว ได้เผยเรื่องราวสุดประทับใจของแม่เหมียวที่เขานั้นได้เลี้ยงเอาไว้ โดยเจ้าเหมียวตัวนี้พยายามเลี้ยงลูกแมวจรที่ทางผู้โพสต์นั้นได้เก็บลูกแมวจร 4 ตัวที่ถูกเขาเทเพราะไม่เห็นค่า แต่ที่น่าประทับใจก็คือแม่เหมียวจำเป็นรายนี้แม้จะพิการแต่พยายามเลี้ยงลูกของคนอื่นด้วยใจที่รักยิ่ง . โดยทางแฟนเพจได้เล่าว่า เฮ้อ...ตอนที่เก็บเด็กถูกคนเขาเทมาทั้ง 4 ตัวนี้มาก็สงสารเด็กๆพวกนี้มากๆ แต่ตอนนี้แม่สงสารน้องมิ้วแทนแล้วค่ะ นางไม่ได้เป็นแม่แท้ๆแต่นางก็ต้องมาทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่นี้ โดยการรับหน้าที่เป็นแม่ ถ้านางเป็นแมวปกติก็จะไม่เท่าไหร่หรอกนะ แต่นี่นางพิการอยู่ด้วย ตัวลำพังเองก็ลำบากจะแย่อยู่แล้วยังต้องมารับภาระเลี้ยงลูกชาวบ้านเขาอีก และที่สำคัญเด็กๆพวกนี้เข้าใจกันไปหมดคิดว่าน้องมิ้วเป็นแม่จริงๆซะด้วยสิ ไม่ว่าปวดหนักปวดเบาลูกแมวเหล่านี้ก็วิ่งมาหาแม่จำเป็น ให้น้องมิ้วช่วยเลียกระตุ้นให้อีก น้องมิ้วก็ช่วยเลียกระตุ้นให้จนเด็กๆถ่ายออกมาได้ทุกตัว สัญชาตญาณของความเป็นแม่มีอยูในตัวของน้องมิ้วเต็มอกจริงๆ เห็นภาพแบบนี้แล้วแม่ยอมรับว่าแม่น้ำตาซึมเลย..แม่ปลื้มใจและดีใจแถมสงสารลูกสาวมิ้วของแม่จริงๆเลย ชมคลิป https://www.facebook.com/mewF16/videos/2884958734966103/ จนเรื่องราวของน้องมิ้วถูกโพสต์ในโลกออนไลน์ จนมีเหล่าทาสแมวต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นพร้อมยิ้มไม่หุบหลังได้รับชมคลิปดังกล่าว นี่แหละนะแม้ตนจะพิการแต่ก็ยอมเลี้ยงลูกแมวให้คนอื่น ทำเหมือนกับลูกแท้ๆ คำว่าแม่ไม่ว่าจะแม่บุญทำหรือแม่จริงๆก็รักลูกแม้จะไม่ใช่ลูกแท้ๆของตนเองก็ตาม ที่มา น้องมิ้ว

พยายามลุกขึ้นยืนสู้แม้ร่างกายจะเจ็บหนักจนยืนแทบไม่ไหว แต่เพราะเป็นแค่จรจึงต้องช่วยเหลือตัวเอง

หากในวันนี้เพื่อนๆคิดว่าตัวเองไม่มีใครอยากให้ลองมองดูรอบๆตัวหรือสิ่งมีชีวิตเล็กๆเหล่านี้ที่พวกเขานั้นไม่มีใครเลยจริงๆแม้สักคนเดียว เพราะด้วยชีวิตที่เกิดมาเป็นแค่เพียงสัตว์จรไร้ญาติขาดมิตรไม่เหมือนกับมนุษย์ที่อย่างน้อยๆก็ยังไม่สามารถที่จะตัดกันขาดได้ แต่ด้วยความเป็นสัตว์เล็กจะให้ไปร้องบอกใครเขาก็คงจะไม่มีใครฟัง เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า สราวุธ ตรีประพันธ์กิจ หลังจากที่พบน้องถูกรถชนเข้าอย่างจังแต่ทว่าน้องก็ยังคงพยายามต่อสู้เพื่อที่จะยื้อชีวิตของตัวเองด้วยการลุกขึ้นยืนเดินหลายครั้ง ราวกับว่ายังอยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อเขาจึงได้มาโพสต์ลงในแฟนเพจ Thai Love Animal ช่วยสัตว์ สุนัขและแมวจรจัด เพื่อที่จะร้องขอความช่วยเหลือ ซึ่งน้องนั้นถูกชนเข้าแถว พิกัดเส้นถนนกาญจนา ตรงดีทัวร์ตรงหน้าคลาดรถตลาดรถยนต์ดีชัวร์ ซึ่งเขาได้ขอความช่วยเหลือมาโดยด่วนเพรา่ะตัวผู้โพสต์เองได้จอดรถกันเอาไว้เพื่อที่จะไม่ให้น้องโดนรถชนซ้ำสองอีกครั้ง เพราะด้วยความที่ยังอยากจะมีชีวิตจึงต้องดิ้นรนตะเกียดตะกายเพื่อที่จะเอาชีวิตรอด โดยเป็นภาพที่บาดตาบาดใจของคนรักแมวเป็นอย่างมาก ด้วยเป็นเพียงแค่สัตว์ตัวเล็กๆจะไปร้องบอกใครๆเขาให้ช่วยเหลือก็คงไม่มี แต่ก็ยังโชคดีที่เจอคนใจดีรายนี้จอดรถและลงมาช่วยเอาไว้ ซึ่งในเวลาต่อมาน้องก็ได้มีคนเข้าช่วยเหลือและรับเคสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทางคุณหมอก็ได้แจ้งว่าน้องทีอาการบาดเจ็บรุนแรงและต้องแอดมิทเพื่อทำการรักษาและก็คงต้องดูอาการกันต่อไปซึ่งหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะรับน้องไปเลี้ยงหรือติดตามเรื่องราวของน้องต่อก็สามาถติดตามไปที่พี่คนที่รักเคส Jesika Sika Sitthiket คนนี้ได้เลยนะคะ ยังไงก็ขอให้น้องรอดพ้นและปลอดภัยจากอันตรายเถอะนะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก สราวุธ ตรีประพันธ์กิจ