ต้องทนอยู่แต่ในบ้านมาแรมปี หลังเจ้าของบ้านหาย ได้แต่เฝ้ารอขอข้าวคนผ่านไปมาประทังชีวิต
ด้วยการนำสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยงแล้วสิ่งนึงที่เราจะได้นอกจากความรักและความผูกพันนั้นก็คือภาระที่เราจะต้องเลี้ยงดูพวกเขาตลอดไป เพราะการนำซึ่งสุนัขมาเลี้ยงพวกเขานั้นจะรักและซื่อสัตย์ต่อผู้เป็นเจ้าของคนเดียวเ่ท่านั้นและตลอดไป ซึ่งหากเราไม่เตรียมความพร้อมในด้านนี้ชีวิตหนึ่งชีวิตก็จะต้องตกอยู่ในสถานะการเช่นนี้
โดยเมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Nicharee Srisuwan ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าตูบรายนี้หลังจากที่เขาได้พบน้องเข้า ซึ่งน้องต้องทนอยู่อาศัยภายในบ้านแห่งนี้มานานหลายปีแล้ว ด้วยทางผู้เป็นเจ้าของนั้นก็หายไปไหนไม่รู้มานานมากแล้วด้วยและน้องก็ต้องทนอยู่แต่ในบ้านแห่งนี้
โดยไม่เคยได้เห็นแม้เดือนหรือตะวันได้แต่เฝ้ารอวันที่คนใจดีคอยเอาข้าวเอาน้ำมาให้ประทังความหิวประทังชีวิตไปวันๆเพียงเท่านั้น ซึ่งแม้คนที่คอยเอาข้าวไปให้น้องก็ต้องปีนรั้วเข้าไปในบ้านหลังนี้เพราะประตูด้านนอกก็ถูกล็อกเช่นเดียวกัน และทางผู้โพสต์เองก็ได้บอกอีกว่าที่แน่ๆนั้นน้องไม่เคยได้ออกไปข้างนอกเลย
ตลอดระยะเวลาหลายปีผ่านมาก็ต้องทนทุกข์อยู่แต่ในบ้านโดยที่ข้างในเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ จึงอยากให้ใครหรือหน่วยงานใดเข้าช่วยเหลือน้องให้ที เพราะหากปล่อยไว้แบบนี้วันไหนถ้าไม่มีคนนำข้าวหรืออาหารมาให้น้องก็จะต้องอดไปตลอด อีกทั้งก็อยากที่จะให้ช่วยหาบ้านให้น้องด้วย
ซึ่งภายหลังทางผู้โพสต์เองก็ได้ประสานหน่วยงานต่างๆแต่ก็ไม่สามารถที่จะปลดล็อคประตูรั้วเข้าไปได้เพราะเนื่องจากอาจะเกิดปัญหาการบุกรุกในภายหลัง จึงได้แต่เข้าไปดูใกล้ๆและพบว่าภายในตัวบ้านเองมีน้ำและอาหารไว้ให้กับน้องแต่ก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนเอาไว้ให้จึงไม่สามารถที่จะเข้าช่วยเหลือน้องได้อย่างเต็มที
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Nicharee Srisuwan
ด้วยเกิดเป็นจรไร้บ้านเหมือนคนอื่นเขา จึงได้แต่เฝ้าให้กำเนิดลูกในพุ่มไม้ แต่ก็ยังไม่วายถูกสุนัขไล่กระทำจนตัวเจ็บ
เพราะชีวิตที่เกิดมาเลือกไม่ได้ แต่สิ่งนึงที่สามารถจะทำให้ได้นั้นก็คือปกป้องลูกน้อย เพราะด้วยชีวิตของแม่นั้นสามารถยอมทำให้ทุกอย่างเพื่อลูกได้เสมอ ไม่ว่างงานนั้นจะหนักหนาสาหัสมากเพียงใด แต่ก็ยังไม่วายยอมทำให้ลูกเพื่อที่จะเสียสละให้กับลูกได้เสมอด้วยขึ้นชื่อว่าหัวอกผู้เป็นแม่
เชกเช่นเดียวกับเรื่องราวนี้เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Romtheera Chantharamas ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวรายนี้หลังจากที่เธอได้พบน้อง โดยน้องเป็นแม่แมวจรที่ให้กำเนิดลูกอยู่ในพุ่มไม้ซึ่งตัวของแม่แมวเองนั้นถูกสุนัขรุมฟัด และในวันนี้แม่ก็เพิ่งจะได้กลับมาหาลูกน้อย
แต่ทว่าอาการของแม่แมวเองก็น่าเป็นห่วงมาก เพราะเธอได้บอกว่าอาการของน้องนั้นเหมือนจะไม่รอด โดยป้าร้านขายของชำได้ช่วยเหลือน้องด้วยการป้อนยาให้กับน้องได้กิน แต่ทว่าก็ไม่รู้ว่าน้องนั้นจะรอดไหมซึ่งเธอเองก็รู้สึกสงสารทั้งแม่และลูกเธอจึงได้นำเรื่องราวมาโพสต์เพื่อที่จะร้องขอความช่วยเหลือ
ซึ่งในช่วงนี้เองเธอก็ได้บอกอีกด้วยว่าเธอก็จะเป็นคนให้นมเจ้าเหมียวตัวน้อยๆแทนแม่ของพวกเขา เพราะด้วยสภาพของแม่แมวที่ถูกสุนัขในบริเวณดังกล่าวไล่ฟัดจนทำให้บอบช้ำไร้แม้เรี่ยวแรง เธอจึงได้ซื้อนมแพะมาป้อนเด็กๆในทุกๆวัน เพราะหัวอกแม่เองนั้นก็ทำดีที่สุดเท่าที่แม่นั้นจะทำได้
ด้วยตัวนั้นเป็นจรไม่มีที่ให้กำเนิดกับลูกเหมือนกับใครเขา เลยได้แต่เฝ้าคอยคุ้มครองลูกจากอันตราย ถ้าหากฟ้ามีตาก็คงจะเลือกเกิดมาได้ให้ดวงใจดวงน้อยๆได้อยู่อย่างสุขสบายและปลอดภัย ซึ่งหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากที่จะรับน้องๆไปเลี้ยงก็สามารถติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะน้องๆอยู่ที่พิกัดรัชดา ซอย 13
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Romtheera Chantharamas
ความสุขสุดท้ายของน้องหมาสามขา ที่ถูกชุบชีวิตจนเติบใหญ่แต่ต้องจากไปแบบกะทันหัน
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Kanokpon Onjunprasert ได้เผยเรื่องราวชีวิตของน้องหมาที่เธอนั้นได้เคยช่วยชีวิตน้องไว้ เธอนั้นได้รับน้องมาเลี้ยงตั้งแต่อายุยังน้อยและด้วยตัวน้องเองมีขาเพียงแค่สามขาการใช้ชีวิตจึงไม่เหมือนกับหมาตัวอื่นๆ และในเวลาต่อมานั้นเองจู่ๆน้องก็ล่มป่วยลงแบบกะทันหัน....
โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า ตื่นมาเราตกใจเสียใจมาก น้องหมาที่เธอรับเลี้ยงดูน้องทองเอกมีอาการหอบชักเกร็งขาดใจจากไปโดยไม่ทราบสาเหตุ ก่อนหน้านี้น้องได้กินข้าวปกติ ไม่มีอาการเจ็บป่วยใดๆเลย น้องน่ารักมากและเอ็นดู เธอไม่คาดคิดว่าน้องจะได้จากกันไปอย่างกะทันหัน
เพราะก่อนหน้านี้เรายังมีความสุขและพูดคุยและหยอกเล่นกันอย่างมีความสุขตามประสาแม่กับลูก เรื่องราวของทองเอก โดนแม่เทไม่เห็นคุณแต่เล็กพี่น้องเขาสิ้นใจไปกันหมด ขาหน้าข้างซ้ายของทองเอกไม่มีแต่กำเนิด เรารับมาเลี้ยงดูตั้งแต่เล็กๆ
ตั้งชื่อแทนหมาตัวเก่าที่เพิ่งสิ้นใจไปก่อนนี้ เธอได้เรียกน้องว่าเจ้าทองเอก เรารักและสงสารเขามาก วันหนึ่งมีพบ วันหนึ่งก็ต้องมีการพรากจากลากันไป 4 เดือน 5 วัน ที่เราได้อยู่ด้วยกัน ทองเอกคงมีความสุขมากๆนะ ชาติหน้ามีจริงเราเกิดมาพบเจอกันใหม่
หากใครถามว่าแม่หนูชื่ออะไรให้ตอบเขาว่า แม่หนูชื่อออยนะลูก หมดทุกข์ หมดโศก หนูอยู่บนฟ้ามองลงมา มองมาให้กำลังใจแม่บ้างน๊า ขอให้หนูไปสู่ภพภูมิที่ดีไม่วิ่งเล่นอยู่บนสวรรค์ไปอยู่บนดวงดาวของน้องหมานะลูก..ทองเอกดวงใจของแม่ออย
ที่มา Kanokpon Onjunprasert
ไร้เรี่ยวแรงจะก้าวเดินต่อ ด้วยตัวเป็นจรอาศัยแอบในแคมป์คนงาน เพราะชีวิตที่เลือกเกิดมาไม่ได้
หากในวันนี้คุณเกิดท้อหรือหมดกำลังใจในการทำงานหรือกำลังใจในการที่ต้องใช้ชีวิตต่อ อยากให้ลองมองอีกหลายๆชีวิตที่ยังต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อที่จะให้ตนนั้นมีชีวิตรอดพ้นไปในแต่ละวัน อย่างเช่นสุนัขหรือแมวจรทั้งหลายที่ต้องหาอาหารประทังชีวิตตนไปไม่ให้วายชีวาวาตม์
เชกเช่นเดียวกับเรื่องราวนี้เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Fern Duangkamon ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าตูบรายนี้ลงในกลุ่ม รักหมา หลังจากที่เธอนั้นได้พบน้องแอบอาศัยอยู่ในแคมป์คนงานก่อสร้างด้วยสภาพที่สุดจะน่าเวทนาใจเพราะเนื้อตัวที่ไร้แม้เนื้อหนังมังสาไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรง
ที่จะก้าวเดินต่อไปทำให้ได้ภาพสุดจะปวดใจมาลงยังกลุ่มเพื่อที่จะหาคนเข้าช่วยเหลือน้องเพราะด้วยไม่อยากให้ตกอยู่ในสภาพนี้โดยหากปล่อยเอาไว้น้องเองก็คงจะไม่รอดด้วยอดอยากไม่มีอะไรจะตกถึงท้อง โดยพิกัดที่เธอได้บอกเอาไว้คือน้องอยู่ที่แคมป์คนงานก่อสร้างโครงการบ้านจัดสรร
ในจังหวัดระยองบ้านค่าย ซึ่งตัวน้องเองนั้นเป็นหมาจรที่มาแอบอาศัยอยู่ทำให้ไม่มีแม้ผู้คนจะสนใจว่าจะต้องตัวนั้นจะมีความเป็นอยู่เช่นไร และด้วยตัวเธอเองก็ไม่สะดวกที่จะเข้าช่วยเหลือน้องเพราะเธอก็อยู่ในหมู่บ้านจัดสรรจึงอยากให้ใครสักคนเข้าช่วยเหลือน้องที
ทั้งนี้ในเวลาต่อมาก็ได้มีผู้คนยื่นมาเข้ามาให้ความเมตตากับชีวิตน้อยๆนี้ที่กำลังจะดับสูญ โดยทางผู้โพสต์เองก็ได้ออกมาอัพเดทเพิ่มเติมด้วยว่าจะมีผู้คนใจดีเข้ามาช่วยเหลือน้องเพื่อที่จะนำตัวพาไปรักษาและดูแลหาบ้านอีกต่อไป ซึ่งหากเพื่อนๆท่านไหนพอจะมีความมีเมตตาและเหลือกินเหลือใช้ที่พอจะให้หนึ่งชีวิตได้อยู่อย่างไม่ต้องมานั่งทนลำบากก็สามารถติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Fern Duangkamon
ติดอยู่ในท่อระบายน้ำ ส่งเสียงร้องขอข้าวประทังความหิวไม่รู้ต้องติดอยู่ในสภาพนี้มากี่แรมวัน
ด้วยชีวิตที่ได้เกิดมาไร้ซึ่งผู้คนที่จะตามหาหรือต้องการ ทำให้หลายๆชีวิตต้องเกิดมาพบเจอกับความทุกข์ยากและต่อสู้ดิ้นรนไปเพื่อที่ให้ได้มีชีวิตอยู่ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งในบางครั้งปัญหานั้นก็ยิ่งใหญ่เกินกว่าชีวิตน้อยๆจะสามารถเอาตัวรอดหรือช่วยชีวิตด้วยตัวเองให้รอดพ้นมาได้
ซึ่งสิ่งที่ทำได้ก็เพียงภาวนาหรือน้องขอให้คนช่วยด้วยหวังว่าจะมีใครสักคนได้ยิน โดยเมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า ดิเรก กิจเอนกวุฒิกร ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวจรรายนี้หลังจากที่พบน้องติดอยู่ในท่อระบายน้ำมาแบบนี้ 3-4 วันแล้วซึ่งเขาเองก็ไม่สามารถที่จะเข้าช่วยเหลือน้องได้
เพราะน้องติดอยู่ในท่อระบายน้ำที่เป็นทางปิดสนิทโดยไม่มีทางออก อีกทั้งในช่วงนี้ฝนก็ตกลงมาอย่างหนักในทุกวัน โดยน้องก็ต้องใช้ชีวิตอยู่แบบนี้อย่างทุรักทุเร ซึ่งเขาเองก็ทำได้แค่เพียงเอาน้ำข้าวมาให้กับน้องอยู่แบบนี้มา 3-4 วันแล้ว เขาจึงได้นำเรื่องราวมาโพสต์ลงยังกลุ่มข่าวสารนครปฐม นครปฐม
เพื่อที่จะหามูลนิธิที่พอจะช่วยเหลือน้องได้ ให้เข้าช่วยเหลือน้องที แต่ทั้งนี้ในกลุ่มดังกล่าวก็ไม่ได้มีความคืบหน้าแต่อย่างใด เขาจึงได้ไปตามกับทางมูลนิธินครปฐมด้วยตนเอง โดยระบุพิกัดที่น้องอยู่เอาไว้ที่ 7-11 วัดพระงามเรียบคลองแถวๆท่ารถเมล์ขาว
จนในเวลาต่อมาก็ได้มีหน่วยกู้ภัยเข้ามาช่วยทำการงัดฝาท่อระบายน้ำและเข้าช่วยเหลือน้องที่ตกอยู่ในสภาพที่อิดโรยและหวาดกลัว โดยจากการสันนิษฐานทางเข้าออกของท่อระบายน้ำดังกล่าวคาดว่าน้องน่าจะตกลงไปในคลองและพยายามที่จะเอาชีวิตรอดด้วยการมุดท่อขึ้นมาจากทางนั้นทำให้มาติดอยู่ในบริเวณตรงฝาตะแกรงกั้นขยะตรงนี้ แต่ถึงอย่างนี้น้องก็ได้มีชีวิตและปลอดภัยแล้ว ซึ่งทางผู้โพสต์ก็ไม่ได้แจ้งว่ามีผู้ใดจะรับเลี้ยงน้องหรือไม่ซึ่งหากเพื่อนๆคนไหนอยากที่จะรับน้องไปเลี้ยงก็สามารถติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ดิเรก กิจเอนกวุฒิกร และชมคลิป
https://www.facebook.com/showclip3/videos/727674864695754/
แอบอาศัยบนเกาะกลางถนน มีกล่องไฟฟ้าสีเขียวริมถนนเป็นที่หลบฝนหลบแดด ด้วยตัวเป็นจรจึงต้องเฝ้าทน
ด้วยชีวิตที่เลือกเกิดมาไม่ได้ทำให้หลายๆชีวิตต้องอยู่อย่างทุกข์ทนเพื่อที่จะมีชีวิตรอดพ้นไปในแต่ละวัน ด้วยที่ไม่สามารถจะเลือกเกิดมาได้จึงต้องก้มหน้าก้มตารับสภาพสภาวะที่ตนนั้นต้องพบเจอ ยิ่งถ้าเกิดมาไม่ได้เป็นที่ต้องการเหมือนอย่างใครๆเขาจึงต้องเฝ้าคอยเอาประทังชีวิตรอด
เชกเช่นเดียวกับเรื่องราวนี้เมื่อไม่นานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Ppeam Peamika ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวส้มตัวนี้ที่เขาได้พบเห็นน้องแอบอาศัยอยู่บนเกาะกลางถนนมาหลายวัน โดยในตอนกลางคืนเธอเองก็เคยที่จะพยายามเข้าไปช่วยเหลือน้องแต่ทว่าน้องกลับไม่ยอมให้เธอจับตัว
ด้วยน้องเป็นแมวจรจึงหวาดกลัวผู้คน ซึ่งเมื่อเธอพยายามที่จะช่วยเหลือน้องน้องก็มักจะวิ่งหนีหลบเข้าโพรงต้นไม้เสมอ และด้วยสภาพอากาศในบ้านเราในตอนนี้ที่มีทั้งฝนมีทั้งแดดซึ่งน้องก็ได้แต่แอบหลบอยู่ทีตู้ไฟฟ้าเพื่อที่จะเป็นที่กำบังคอยหลบฝนหลบแดดอยู่เสมอ
เธอจึงได้นำเรื่องราวมาโพสต์ลงยังแฟนเพจ มลูนิธิรักษ์แมว ปันน้ำใจให้แมวจร เพื่อที่จะหาคนเข้าช่วยเหลือน้อง ซึ่งหลังจากการโพสต์ของเธอก็ได้มีเพื่อนๆในกลุ่มเป็นจำนวนมากต่างพากันเข้ามาแสดงความคิดเห็นว่าเคยพบเห็นน้องอยู่ตรงนั้นอยู่บ่อยครั้งและน้องก็ตกอยู่ในสภาพที่เนื้อตัวเปียกปอน
อีกทั้งรถในบริเวณดังกล่าวก็ค่อนข้างจะเยอะจึงกลัวว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับน้องได้ โดยเธอนั้นได้แจ้งพิกัดที่น้องอยู่เอาไว้ว่าน้องอาศัยอยู่ในบริเวณ เกาะกลางถนนป้ายรถเมล์กองสลาก สนามหลวง และเมื่อเวลาผ่านไปก็ได้มีผู้คนเข้าช่วยเหลือน้องเป็นที่สำเร็จ ซึ่งในตอนนี้น้องได้บ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้วไม่ต้องทนทุกข์ตากแดดตากฝนเนื้อตัวเปียกโซกเหมือนอย่างที่เคยเห็น ทั้งนี้ก็ต้องขอขอบคุณผู้ใจดีที่เข้าช่วยเหลือน้องเอาไว้และจัดสรรหาบ้านให้กับน้องเป็นที่เรียบร้อย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Ppeam Peamika
แรงแทบไม่มีแม้จะยืน ตาก็เพิ่งลืมได้เพียงไม่กี่วัน ได้แต่คลานไปไหนมาไหนด้วยถูกเขาพรากมาจากอกแม่
หากว่าเราเป็นเด็กเมื่อเราได้พบเจอกับสิ่งใดที่ไม่เคยพบเคยเจอหรือแม้กำลังตกอยู่ในสภาวะที่รู้สึกกลัวหรือว่าคิดว่าตัวจะได้รับอันตรายสิ่งแรกที่เรานึกถึง คงจะไม่พ้นหัวอกผู้เป็นแม่เพราะแม่นั้นคือผู้ให้กำเนิดที่จะสามารถปกป้องเราได้โดยไม่มีสิ่งใดๆจะทำร้ายหรืออันตรายได้เลย เช่นเดียวกันกับสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก
อย่างเช่นแมวหรือสุนัขที่พวกเขาก็มีความเป็นเด็กไม่แพ้เราเมื่อได้รู้สึกตัวว่าตนนั้นกำลังตกอยู่ในอันตรายสิ่งแรกที่คิดก็คือหัวอกคนเป็นแม่เป็นพ่อที่จะสามารถปกป้องกับสิ่งต่างๆได้ เชกเช่นเรื่องราวนี้เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Sineenath Sintuesan ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเขาลงในกลุ่ม
กลุ่ม "น้องแมวหาบ้าน" หลังจากที่ได้พบน้องที่เพิ่งจะลืมตามาดูโลกเพียงไม่นาน แต่กลับถูกเด็กข้างบ้านพรากมาจากหัวอกแม่ ด้วยน้องที่ยังเล็กมากๆและยังไม่ทันหย่านมทำให้น้องไร้แม้เรี่ยวแรงจะยืนหรือเดินต่อ ด้วยสภาพที่เพิ่งจะเกิดมาทำให้เขานั้นไม่รู้ว่าจะเขาช่วยเหลืออย่างไรดี
จึงได้มาโพสต์บอกเล่าเรื่องราวให้เข้าช่วยเหลือด้วยพ่อของเด็กที่พรากแมวมานี้ก็ทำร้ายแมวไปแล้วจนสิ้นไป 1 เหลือเพียงสองตัวที่ยังเฝ้าเกาะกลุ่มกันไว้ โดยเขาจึงได้บอกว่าใครที่อยู่ในพื้นที่แถวไทรน้อยช่วยเข้ามาดูน้องทีเพราะตัวของเขาเองก็ไม่สามารถที่จะเขาไปช่วยเหลือได้เพราะอาจจะด้วยเป็นเพื่อนบ้านกันจึงอาจะมีปัญหากันในระยะยาวจึงอยากฝากไว้แถวบางกรวยไทรน้อยโรงผลิตไฟฟ้าช่วยเหลือที
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Sineenath Sintuesan
ถูกเขาจับใส่ถุงดำมาเทไว้ ด้วยเนื้อตัวทุรนทุรายไร้เรี่ยวแรงจะหนี ได้แต่นอนหอบลิ้นด้วยสิ้นหวัง
หากจะพูดถึงการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงแล้ว สิ่งนึงที่เราควรจะต้องคำนึงถึงก็คือก่อนที่จะนำสัตว์มาเลี้ยงนั่นก็คือความรับผิดชอบต่อหนึ่งชีวิตที่จะมีผลพวงตามมาอีกมากมาย ด้วยเพราะหากเราจะได้นอกจากความสุขยังจะได้ถึงภาระหน้าที่ของผู้เป็นพ่อแม่เพราะหากปล่อยประละเลยแล้วสิ่งที่จะตามมาเมื่อพวกเขาตั้งท้อง
นั่นก็คือปัญหาของการนำสุนัขหรือแมวไปเทไว้ตามที่ต่างๆ เชกเช่นเดียวกับเรื่องราวนี้เมื่อไม่นานมา่นี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Gulyada Yim Saelim ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวตัวน้อยๆเหล่านี้ๆ ที่ถูกนำมาเทเอาไว้ที่หน้าบ้านของผู้โพสต์ด้วยลักษณะการนำถุงดำมาใส่เอาไว้
ซึ่งเมื่อเขานั้นได้พยายามเปิดถุงดำดังกล่าวก็ได้พบกับน้องเหมียวตัวน้อยๆที่ตกอยู่ในสภาพที่อิดโรย ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนทำให้น้องๆนั้นเกือบที่จะขาดอากาศหายใจ โดยมีน้องบางตัวนอนหอบจนลิ้นห้อยเพราะด้วยอากาศที่น้อยนิดภายในถุง แต่ก็ในใจก็คงจะรู้ตัวว่าพวกหนูคงจะรอดแล้ว
ซึ่งในบางครั้งมนุษย์เรานั้นก็มองเห็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆพวกนี้ไม่มีค่าไม่มีราคาจึงไม่สนใจว่าพวกเขาจะต้องทนอยู่กันอย่างไรหากนำมาเอาไว้เช่นนี้ โดยทั้งนี้เองผู้โพสต์จึงได้นำเรื่องราวมาโพสต์เพื่อที่จะช่วยเหลือและหาบ้านให้กับน้องๆ อีกทั้งน้องๆก็คงจะคิดถึงผู้เป็นแม่เป็นอย่างมาก
และในเวลาต่อมาก็ได้มีผู้คนเข้ามาสนใจอยากที่จะรับพวกเด็กๆเป็นจำนวนมาก จนในตอนนี้น้องๆก็ได้บอกกันครอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็อยากจะฝากถึงเพื่อนๆทุกคนเอาไว้ด้วยว่าอยากจะให้คิดสักนิดก่อนที่จะลงมือทำอะไรอย่างนี้พวกด้วยเพราะเค้าก็มีชีวิตจะไม่ให้คิดไม่ให้เจ็บคงจะไม่ได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Gulyada Yim Saelim
สาวปวดหัวหนักจนน้ำตาแทบไหล หลังเจ้ากระเฉดก่อวีรกรรมแสบทำคนทั้งบ้านไม่ได้หลับไม่ได้นอน
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Beer Fearbong ได้เผยเรื่องราวของเจ้าเหมียวที่เธอนั้นได้เลี้ยงไว้ โดยเจ้าเหมียวตัวดังกล่าวจู่ๆก็หายตัวออกไปจากบ้าน จนเธอและคนในบ้านช่วยกันเร่งออกตามหา แต่หายังไงก็หาไม่เจอจนกระทั่ง.....
.
โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า แมวเราหายไปตั้งแต่เย็นแล้ว หายไปนานผิดวิสัยที่ไม่เกินชั่วโมง ต้องกลับบ้านแล้ว(เลี้ยงน้องแบบปิด แต่น้องดันเปิดประตูเองได้ ถ้าลืมล็อคบ้านน้องจะเปิดประตูออกเอง) ทั้งบ้านคน 7 คนช่วยกันตามหาจนมืดค่ำ วนหารอบหมู่บ้านหลายรอบแต่ก็ยังไม่เจอ ในตอนนั้นใจเริ่มรู้สึกไม่ดีแล้วด้วย
พอช่วงเกือบ 5 ทุ่ม ตัดสินใจเดินวนหาอีกสักครั้ง ชวนแฟนไปหาที่ซอกซอยนึงทั้งๆ ที่แฟนบอกว่าตรงนั้นหาไปแล้วนะ แต่เรารู้สึกสังหรใจยังไงไม่รู้แฮะ ขอเดินเข้าไปดูอีกสักครั้งเถอะ ถ้าไม่เจอจริงๆ ก็ต้องหากันต่อในวันพรุ่งนี้ คืนนี้คงหลับได้ไม่เต็มตานัก แต่ผลปรากฎว่าเราลองเรียกชื่อน้อง "กระเฉด กระเฉด" น้องขานกลับเสียงโหยหวนจ้า "เมี๊ยวๆๆ" ตอนนั้นดีใจมากๆ
แต่ทว่า น้องอยู่อีกฟากฝั่งของกำแพง ซึ่งเป็นหญ้ารกทึบที่กำลังถม ซึ่งตรงนั้นเคยเป็นบ่อปลามาก่อน (ฝั่งหมู่บ้านมีกำแพงให้เค้ากระโดดได้2ขั้น แต่ฝั่งป่าไม่มีและกำแพงสูงประมาณ 3-4 เมตร) น้องพยายามใช้มือตะเกียกตะกายมาหาเราให้ได้ แต่เพราะซอกกำแพงมันเล็กจนเกินไป น้องผ่านช่องนั้นมาไม่ได้ ใจเราแทบขาดเลย
แต่โชคดีของเราจริงๆ ที่มีแฟนที่รักแมวเอามากๆ เช่นกันแฟนเรารีบขับรถไปที่กำแพงฝั่งนั้นพร้อมไฟฉายในทันที แฟนเราลุยทั้งหญ้าทั้งน้ำฝ่าความมืดเข้าไปเพื่อช่วยแมว เราเองก็คอยส่งสัญญาณจากอีกฝั่งนึง ใจก็กลัวทั้งคนทั้งแมวจะเป็นอันตรายนะ ไอ้ตัวแสบเอ้ย นอกจากจะกระโดดไปฝั่งป่าแล้ว และกลับมาไม่ได้อีก พอได้ยินเสียงหญ้าเท่านั้นแหละ (เสียงแฟนเรากำลังเดินไปหา) กลับวิ่งหนีซะงั้น
จนแฟนเราใช้วิธีเปิดเสียงลูกแมวในยูทูปเลยจ้า เลยทำให้น้องนิ่งขึ้น และเอาไฟฉายส่องหน้าด้วย ถึงได้รู้ว่านี่คือพ่อของมันเอง...
เดินตามหาผู้เป็นเจ้าของ ส่งเสียงร้องจนเป็นลมกลางถนนหลังพลัดหลงไม่ตัวว่าตนอยู่หนไหน
ด้วยความรักของสุนัขนั้นเป็นสิ่งที่สวยงามมากที่สุดเพราะในการที่เรานำพวกเขามาเลี้ยงนั้น สุนัขจะจดจำเราไปตลอดไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานมากแค่ไหนพวกเขาก็จะยังคงเฝ้ารอและรักเราด้วยใจดวงเดียวดวงน้อยๆ ที่จะไม่มีวันลืมเลือน อย่างที่มีคนเคยพูดเอาไว้ว่าให้อาหารสุนัขหนึ่งครั้งพวกเขาจะจดจำเราไปตลอดชีวิต
และมันก็อาจจะเป็นเรื่องจริงเช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า กำยำ จำโบ้ ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าตูบตัวนี้หลังจากที่เขาได้พบน้องเดินตามหาผู้เป็นเจ้าของในสภาพอากาศที่ร้อนจัด จนทำให้น้องนั้นเป็นลมกลางถนนเพราะด้วยการที่น้องได้เดินไปส่งเสียงร้องไป
ด้วยหัวใจที่เฝ้าตามหาจึงทำได้เพียงออกเดินไปตามทางและหวังว่าจะพบกับเจ้าของ ซึ่งทางพี่รปภ.ในหมู่บ้านได้เข้าช่วยเหลือเอาไว้เพราะด้วยเห็นสภาพของน้องแล้วก็อดสงสารไม่ได้ เขาจึงได้นำเรื่องราวมาโพสต์ยังโลกออนไลน์เพื่อที่จะประกาศตามหาผู้เป็นเจ้าของให้กับน้อง
โดยพื้นที่ที่น้องได้อยู่อยู่ที่ แถวๆบางใหญ่ซอยกันตนา นนทบุรี จึงอยากวอนช่วยตามหาน้องเพราะในตอนนี้น้องก็ยังคงส่งเสียงร้องไม่หยุดเพราะด้วยคงคิดถึงผู้เป็นเจ้าของแย่แล้ว ด้วยความคิดถึงที่น้องได้มีต่อเจ้าของนั้นทำให้เขาส่งเสียงร้องออกมาอย่างสุดใจด้วยหวังว่านายคงจะได้ยินและกลับมารับเขาไป
และหลังจากที่เรื่องราวนี้ได้ถูกเผยแพร่ไปยังโลกออนไลน์ก็ได้ทำให้มีผู้คนช่วยกันตามหาผู้เป็นเจ้าของของน้อง จนในเวลาต่อมาผู้โพสต์ก็ได้ออกมาอัพเดทว่าในตอนนี้ น้องได้พบกับผู้เป็นเจ้าองเดิมแล้วจึงขอขอบคุณทุกๆคนที่ช่วยกันตามหาผู้เป็นเจ้าของให้น้องและน้องก็ได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก กำยำ จำโบ้