หน้าแรก บล็อก หน้า 484

กระเสือกกระสนดิ้นรนคานหนีเพื่ออยากมีชีวิตรอด ด้วยมนุษย์ที่ทำไม่มีแม้จะจอดมาดูด้วยเห็นชีวิตเป็นเพียงจร

เมื่อชีวิตที่เลือกเกิดมาไม่ได้ทำให้หลายๆชีวิตต้องเกิดมาก้มหน้าก้มตาใช้ชีวิตที่ตนต้องเผชิญ เพราะเป็นเพียงแค่สัตว์จรที่มนุษย์มองว่าไม่มีค่าจึงทำให้ต้องทนใช้ชีวิตแม้ตัวจะต้องเจ็บจากน้ำมือผู้ที่เรียกตัวเองว่าสัตว์ประเสริฐ อาจจะเพราะว่าเขาเห็นเราไม่มีค่าเลยไม่มีแม้น้ำใจจะเมตตาจอดลงมาดู เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Tooktaa Tuktuk ได้โพสต์เล่าเรื่องราวหลังจากที่เธอได้พบเจ้าตูบกระเสือกกระสนดิ้นรนเพื่อที่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อ ด้วยการคานหนีเพราะถูกมนุษย์ขับรถ ชนเข้าจนได้รับบาดเจ็บ แต่ด้วยชีวิตที่เป็นเพียงแค่จรใครเขาจะมาสนใจจึงต้องทนใช้ชีวิตไปตามมีตามเกิด ซึ่งเมื่อเธอได้พบเห็นน้องน้องก็พยายามที่จะคานแบกสังขารหนี ด้วยเห็นว่าตนก็เป็นมนุษย์เหมือนกับคนที่กระทำ จนน้องได้คานเข้าไปแอบอยู่ในท่าระบายน้ำด้วยเธอได้เล่าว่าน่าจะถูกชนมาหลายวันแล้ว ด้วยสภาพที่ขาใช้การไม่ได้เลยแต่ก็ยังคงคานเพราะอยากที่จะมีชีวิตรอด เธอจึงได้มาโพสต์ลงยังกลุ่มรักหมาจัง เพื่อที่จะขอความช่วยเหลือ โดยเพื่อนๆในกลุ่มก็ต่างประสานงานกันจนมีหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือน้องได้สำเร็จ โดยในตอนแรกน้องก็ไม่ยอมที่จะให้จับเพราะด้วยความไม่ไว้ใจจึงไม่ให้ใครจะเข้าใกล้ ด้วยกลัวจะโดนเขากระทำมาอีก และในที่สุดมูลนิธิก็ได้เข้าช่วยเหลือน้องได้สำเร็จและน้องก็ได้รับบาดเจ็บขาหักถึง 3 ขา ด้วยหมอเองก็ยังบอกว่าทนอยู่มาได้ยังไง ทั้งนี้เองก็อยากจะฝากเอาไว้สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่ใช้รถใช้ถนนว่าหากพบเจอสุนัขก็อยากจะให้ช่วยลดความเร็วเพราะชีวิตพวกเขานั้นก็มีค่าไม่ต่างจากชีวิตของเราเลย โดยหากเพื่อนๆท่านไหนสนใจอยากจะติดต่อเรื่องราวของน้องต่อก็สามารถติดตามได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tooktaa Tuktuk

หนุ่มพยายามช่วยเหลือเจ้าเหมียวน้อยสุดกำลัง แม้ว่าตัวจะโดนงับมือจนได้รับบาดเจ็บก็ตาม

ด้วยหัวใจที่มีเมตตาของมนุษย์เรานั้นไม่เท่ากันในแต่ละคน เพราะการถูกเลี้ยงดูหรือการได้เติบโตมาในสังคมที่แตกต่างกันอาจจะด้วยสภาวะทางสังคมหรือครอบครัวที่ได้ถูกเลี้ยงดูมาตั้งเล็ก ทำให้หัวใจของคนเรานั้นมีความเมตตาต่อสัตว์แตกต่างกัน อีกทั้งการเลี้ยงดูลูกเรื่องกับสัตว์ก็จะส่งผลเดียวกันอีกมาก เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า เเบงค์ ณัฐพงษ์ พรหมวิเชียร ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวน้อยตัวนี้หลังจากที่เขาได้พบน้องนอนแน่นิ่งอยู่ที่ท่อระบายน้ำ ด้วยเนื้อตัวสภาพที่สะบักสะบอมจนทำให้เขาต้องเข้าไปดูอาการแต่ทว่าน้องเป็นแมวจรจึงทำให้น้องเผลองับมือของเขา แต่ด้วยแม้ตัวเองจะเจ็บจากการถูกน้องงับก็ตามแต่ เขาก็ยังเลือกที่จะพยายามเข้าช่วยเหลือน้องอย่างสุดกำลัง เพราะถ้าปล่อยเอาไว้น้องคงจะต้องสิ้นใจ เขาจึงได้มาโพสต์ลงยังโลกออนไลน์ว่าตัวเองนั้นพยายามจะช่วยเหลือและอยากให้เพื่อนๆที่มีจิตใจที่เมตตาช่วยพาน้องไปรักษาต่อที ด้วยน้องที่ตกอยู่ในสภาพไร้แม้แรงจะลุกขึ้นยืนไหวอีกทั้ง ที่ปากก็ยังได้รับบาดเจ็บโดยไม่รู้ว่ามาจากอะไรแต่ก็พยายามทำทุกวิธีทางเพื่อที่จะเข้าช่วยเหลือแม้ตัวจะถูกงับ โดยทั้งนี้เองหลังจากที่เขาได้นำเรื่องราวมาโพสต์ลงยังโลกออนไลน์ก็ได้มีเพื่อนๆใจดีพาน้องไปรักษาต่อ แต่ทว่าอาการของน้องก็ทรุดหนักลงไปอย่างมาก จนทำให้คุณหมอนั้นไม่สามารถที่จะยื้อชีวิตของน้องเอาไว้ได้ ด้วยในเวลาต่อมาน้องก็ได้สิ้นใจจากโลกนี้ไปพร้อมกับความเสียใจและกำลังที่เขาได้ช่วยน้องอย่างสุดแรง โดยผู้โพสต์ได้อัพเดทเมื่อหนึ่งวันต่อมาว่าในตอนนี้น้องได้สิ้นใจแล้วขอขอบคุณเพื่อนๆทุกคนมากที่ส่งกำลังใจไปช่วยเหลือและขอบคุณคนที่ได้พาน้องไปรักษา ซึ่งหากว่าตนได้พบเจอน้องเร็วกว่านี้ก็อาจจะช่วยเหลือชีวิตน้อยๆนี้เอาไว้ได้ ขอขอบคุณข้อมูลจาก เเบงค์ ณัฐพงษ์ พรหมวิเชียร

ถูกเขาใส่ถุงปุ๋ยนำมาเทไว้ข้างถนน ต้องนอนกกกันไว้ในป่าข้างทางแถมฝนก็ตกทุกวันไร้ร่มเงาเอาชีวิตรอด

เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Fern Phachinee ได้เผยเรื่องราวหลังเธอนั้นได้พบเจอกับถุงกระสอบสีชมพูถูกวางเอาไว้ที่ข้างถนน และในตอนนั้นเองเธอก็ได้สังเกตเห็นลูกแมวตัวน้อยกำลังแอบอยู่ในป่าข้างทางด้วย แถมแต่ละตัวก็สวยๆทั้งนั้นเลยแต่แต่เจ้าของกลับทำกันได้ลง . โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า เอาอีกแล้ว! หลังจากกลับมาวิ่งอีกครั้งได้เรื่องเลย เจอคนเอาน้องแมวมาเทข้างทางใส่ถุงกระสอบสีชมพูมาวางไว้ที่ป่ารกข้างทางน้องๆ คุ้นกับคนมากๆเอามาเทไว้ช่วงหน้าฝนแบบนี้ใจดำเกินไปไหม ช่วงนี้เจอแต่คนเอาแมวมาเทแบบนี้ เมื่ออาทิตย์ก่อนเจอคนแถวบ้าน วันนี้มาวิ่งที่สวนเจออีกแล้ว ช่วยได้แค่โพสหาบ้านให้กับน้องๆนะ เพราะที่บ้านมีหมาทั้งนั้น ที่สวนก็มีตัวกินแมวเต็มไปหมด เจอไม่ได้เลยโมโหขึ้นหน้าตลอด พิกัด อําเภอนาทวี จังหวัดสงขลา โดยน้องแมวเหล่านี้ได้แต่แอบอยู่ในป่ารกข้างทาง ด้วยตัวนั้นเคยมีเจ้าของมาก่อนพวกเขาไม่เคยใช้ชีวิตอยู่ในโลกภายนอกแบบนี้ ทำไมเจ้าของถึงทำกันได้ลงนะ พวกเขาก็มีหัวใจเหมือนกับเราๆก่อนจะเลี้ยงทำไมไม่คิดก่อน ไม่คิดบ้างเหรอว่าน้องจะอยู่กันยังไงในช่วงฤดูฝนแบบนี้ ด้านชาวเน็ตหลังได้รับชมเรื่องราวต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นพร้อมกล่าวว่า อยากให้ทางผู้โพสต์รับน้องไปดูแลชั่วคราวก่อน และหลังจากนั้นก็ค่อยประกาศตามหาบ้านให้กับน้องต่อไป เพราะถ้าน้องๆยังคงอยู่ที่เดิมเกรงว่าน้องคงจะวิ่งเตลิดหายไปกันหมด หากท่านใดสนใจรับเลี้ยงน้องๆก็ลองติดต่อไปยังที่ต้นโพสต์ได้เลยนะ ขอบ้านที่มีรั้วรอบขอบชิด ขอข้าววันละมื้อสองมื้อมีที่นอนที่อบอุ่นให้กับน้องแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว น้องๆจะได้ไม่ระหกระเหินเร่ร่อนกลายเป็นแมวจรเหมือนกับใครๆเขา ที่มา Fern Phachinee

แอบหลบนอนกกกันอยู่ในโพรงหญ้า ร้องไห้เรียกหาผู้เป็นแม่ด้วยใจสั่น ไม่รู้ว่าต้องอยู่อย่างนั้นมานานเพียงใด

ด้วยชีวิตที่เลือกจะเกิดมาไม่ได้ทำให้ชีวิตในบางครั้งก็ต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อที่จะให้มีชีวิตรอด อีกทั้งหากว่าเป็นแม่คนแล้วสิ่งที่เราจะคำนึงถึงมากที่สุดนั่นก็คือความปลอดภัยของลูกตัวน้อยๆของตัวเอง เพราะคงไม่มีแม่คนไหนที่จะไม่สนใจหรือเอาใจใส่ลูกน้อยยามที่ลูกกำลังร้องไห้หรือเรียกหา เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Piyawat Paopong ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวหลังจากที่เขานั้นได้พาเจ้าตูบไปวิ่งเดินเล่น แต่แล้วเจ้าตูบของเขาก็ได้ไปดมในโพรงหญ้าด้วยความผิดปกติเขาจึงได้เข้าเดินตามไปดูและแหวกดูข้างในโพรงหญ้าลึกๆ จึงได้พบเจ้าเหมียวตัวน้อยๆจำนวน 3 ชีวิตนอนกกกันด้วยความกลัวและส่งเสียงร้องไห้เรียกหาผู้เป็นแม่จนตัวสั่น ซึ่งทางผู้โพสต์เองก็ได้พยายามตามหาผู้เป็นแม่ของเด็กๆแต่ก็ไม่พบแต่อย่างใด และตอนนั้นฝนก็เริ่มที่จะลงเม็ดมาแล้วด้วยอีกทั้งบริเวณดังกล่าวก็มีสุนัขอาศัยอยู่ เขาจึงได้ไปถามคนแถวนั้นซึ่งชาวบ้านในบริเวณดังกล่าวก็ได้บอกว่าไม่ใช่แมวของตน จนเขานั้นสุดทางจึงต้องนำน้องๆกลับมาไว้ดูแลก่อน และเมื่อฝนเริ่มหยุดตกเขาก็ได้ออกไปตามหาผู้เป็นแม่ของเด็กๆอีกๆครั้งและได้นำเรื่องราวมาโพสต์ลงยังในกลุ่ม คนรักหมาเพื่อที่จะหาบ้านให้กับน้องๆ ด้วยเขายังได้ระบุพื้นที่ที่ได้พบน้องเอาไว้ที่ บางบัวทองนนทบรี โดยหากเพื่อนท่านไหนอยากจะรับเด็กๆไปเลี้ยงเขาก็ยินดีพร้อมจะให้และสามารถติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลย แต่ก็อยากจะขอคนที่สามารถดูแลพวกน้องๆได้อย่างใกล้ชิดเพราะน้องๆยังเด็กๆมากๆและเหมือนกับว่าเพิ่งจะเกิดมาได้ไม่กี่สัปดาห์ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Piyawat Paopong

ตกลงมาจากรถขณะกำลังวิ่งอยู่กลางถนนสามเลน กระเสือกกระสนหาที่หลบภัยเพื่อตัวรอด

ในทุกๆครั้งที่เรานั้นได้บอกย้ำกับเพื่อนๆเสมอในเรื่องของการให้เลี้ยงสัตว์ในระบบปิด เพราะด้วยความปลอดภัยในระบบที่ปิดนั้นสำคัญมากมายกับชีวิตของสัตว์เลี้ยงแสนรักของเรา ด้วยอาจจะด้วยอันตรายจากภายนอกนั้นเป็นเรื่องที่เรามองไม่เห็นจนกว่าที่เรานั้นจะได้พบเจอกับตัวเราเอง เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้เมื่อผู้ใข้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Nattakarn Prapatsorn ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวตัวนี้หลังจากที่ได้พบน้องติดอยู่บนหลังรถกะบะที่กำลังวิ่งแล่นอยู่ในบนถนนสามเลนด้วยความเร็ว ซึ่งทางผู้โพสต์เองก็ได้ขับรถตามไปเมื่อได้พบเห็นเจ้าเหมียวรายนี้ จนกระทั่งเธอได้ขับตามไปสักระยะนึงน้องก็ได้พยายามเงยหน้าขึ้นมาด้วยความกลัว เพราะรถกระบะคันดังกล่าวนั้นวิ่งแล่นด้วยความเร็ว จนถึงช่วงเวลาที่น้องได้พยายามจะกระโดดลงมาจากรถ ซึ่งในตอนนั้นผู้โพสต์ก็ได้ขับตามมาเพื่อดูน้องพอดี จนได้ช่วยเหลือน้องเอาไว้ โดยในคลิปก็เป็นภาพที่เธอได้บันทึกเอาไว้เมื่อน้องตกลงมาจากรถด้วยความหวาดกลัวและพยายามกระเสือกกระสนเพื่อที่จะเอาชีวิตรอด ด้วยไม่รู้ว่าตัวว่าตนนั้นอยู่ที่ไหนเพราะน้องเป็นแมวพันธุ์ซึ่งคาดว่าถามผู้เป็นเจ้าของเองก็น่าจะเลี้ยงด้วยในระบบปิด แต่คิดว่าน่าจะติดรถออกมา และทางเจ้าของก็คงจะไม่ทราบว่าน้องนั้นติดมาด้วยอยู่ที่หลังรถ ผู้โพสต์จึงได้นำเรื่องราวมาโพสต์เพื่อที่จะตามหาเจ้าของของน้อง เพราะคิดว่าน้องน่าจะคิดถึงเจ้าของมากแล้ว ทั้งนี้เองทางผู้โพสต์นั้นได้ก็ได้อัพเดทเพิ่มเติมเอาไว้ว่าน้องไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใดด้วยหากเพื่อนๆในกลุ่มคนไหนพอจะรู้จักเจ้าของน้องก็ช่วยติดต่อกลับมาที่ตนได้ทันที ขอขอบคุณข้อมูลจาก Nattakarn Prapatsorn

สาวโวยเมื่อปล่อยให้พ่อลูกไปตลาด เล่นหายนานเป็นชั่วโมงทักไปถามส่งรูปมาบอกยังกลับตอนนี้ไม่ได้

หากเพื่อนๆที่ได้เป็นทาสแมวแล้วก็คงจะเข้าใจกันดี เมื่อหากเราได้พบเจอเจ้าเหมียวจรภายนอกบ้านก็คงจะอดเล่นกับพวกเขานั้นไม่ไหว เพราะด้วยการเป็นทาสแมวเองเมื่อได้เห็นหรือพบเจอกับแมวที่ใดๆ ก็เป็นต้องหันไปหาหรือสนใจเข้าไปทักทายแม้ว่าพวกน้องๆจะเมินหน้าใส่เราก็ตาม เชกเช่นเดียวกับเรื่องราวนี้เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า แคทรียา จำนงมี ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของลูกของเธอเมื่อเธอนั้นปล่อยให้ลูกและสามีของเธอไปตลาดกันเพียงลำพัง จนหายไปเป็นเวลานานนับชั่วโมงเธอจึงได้ไลน์ไปถามสามีของเธอว่าอยู่ที่ไหนกันทำไมถึงยังไม่กลับมาบ้านอีก ซึ่งสามีของเธอก็ได้ส่งรูปภาพมาให้ และเมื่อเธอได้เห็นเธอก็รีบตอบกลับไปในทันทีว่าพอก่อนไหม ที่บ้านก็เยอะแล้วสีดำอีกแล้ว จนเวลาผ่านไปสักพักนึงก็ยังไม่มีวี่แววว่าสามีและลูกของเธอจะโผล่กลับมายังบ้าน จนเมือแฟนของเธอได้ไลน์มาตอบอีกว่าลูกไม่ยอมไป เพราะด้วยความเป็นทาสแมวและที่บ้านก็ได้เลี้ยงแมวทำให้ลูกของเธอนั่งเล่นกับเจ้าเหมียวดำตัวน้อยเป็นเวลานาน จนเธอได้บอกว่าโอเครทาสแมวแบบเต็มตัวสีดำอีกแล้ว โดยเรื่องราวนี้ได้เล่าผ่านลงยังกลุ่ม ทาสแมว Offcial ซึ่งทำให้เพื่อนๆในกลุ่มต่างพากันชื่นชมในความน่ารักของเจ้าหนูตัวน้อย และผู้เป็นแม่อย่างเธออีกด้วยที่ได้เลี้ยงลูกออกมาได้น่ารักและมีหัวใจที่โอบอ้อมอารี โดยทั้งนี้ก็อยากจะฝากถึงเพื่อนๆเอาไว้ว่าการเลี้ยงสัตว์ร่วมกับเด็กเล็กนั้นเป็นสิ่งที่คุณจะได้ถึงจิตใจที่เมตตาเมื่อเด็กคนนั้นได้เติบโตขึ้นมาเขาจะมีหัวใจที่คิดถึงผู้อื่นและเห็นอกเห็นใจผู้อื่นแม้แต่สัตว์หรือสิ่งมีชีวิตตัวน้อยๆเหล่านี้ ขอขอบคุณข้อมูลจาก แคทรียา จำนงมี

มันคือข้ออ้างของคนไม่รับผิดชอบ พอหมาทำผิดก็นำไปเทไว้ให้อยู่ลำพัง คุณจะรู้มั้ยว่าน้องยังคงรอ

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2563 แฟนเพจเฟสบุ๊ก : รักหมาจัง ได้เผยเรื่องราวของน้องโกโก้ โกโก้เป็นสุนัขวัยกำลังซนจากที่เคยมีเจ้าของแต่ตอนนี้โกโก้กลายเป็นหมาที่เจ้าของเขาไม่ต้องการ ด้วยวัยที่ยังเป็นหมาเด็กอยู่ทำให้โกโก้ไม่รู้ภาษาดันไปงับรถเจ้าของ ทำให้เจ้าของโกรธนำโกโก้ไปเทไว้แล้วไม่กลับไปรับ . โดยทางแฟนเพจได้เล่าว่า หาบ้านให้น้องโกโก้ (น้องขี้เล่นและร่าเริงแจ่มใส) เหตุผลที่หา : น้องไปงับรถ(เจ้าของเก่า) จึงถูกนำไปเทไว้ให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว น้องน่าสงสารมากๆน้องถูกเลี้ยงมาแต่ต้องไปอยู่เพียงลำพัง เมตตาน้องด้วยนะ ตอนนี้น้องยังอยู่ที่เดิมที่เอาไปเทไว้ คงจะรอเจ้าของกลับมารับ แต่ด้วยเค้าคงไม่กลับมาอีกแล้วแหละ.. (ที่รู้เพราะเป็นหมาของเพื่อน อยากช่วยโกโก้ เพราะทางบ้านเขาไม่เอาน้องอีกแล้ว) พิกัด : เทียนทะเล ซอย29 บางขุนเทียน กทม. จนเรื่องราวถูกโพสต์ในโลกออนไลน์ ชาวเน็ตหลังได้รับชมเรื่องราวต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นพร้อมกล่าวว่า น้องหมาเขาอยู่ในวัยกำลังซนมันก็ฟัดทุกอย่างนั่นแหละ ไหนจะขุดดินขุดต้นไม้ก็มี ถ้าแค่นี้ยังรับไม่ได้ก่อนเลี้ยงทำไมไม่คิดไม่ศึกษาก่อนที่จะเลี้ยง วันข้างหน้าก็อย่าได้เลี้ยงอะไรอีกเลย เลี้ยงตัวเองก็พอ คนรักสัตว์จริงๆมีแต่อยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้นานที่สุดนี่อะไรถึงปีหรือยังก็ไม่รู้ หากท่านใดสนใจรับเลี้ยงก็ลองติดตามเรื่อวราวที่ต้นโพสต์ได้เลยนะ ที่มา รักหมาจัง

จากที่เคยมีเจ้าของ แต่ต้องนอนรอให้สิ้นลมด้วยใจที่อ่อนล้าเมื่อไหร่หนอจะหมดลมเสียที

เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Deaw Tanapun ได้เผยเรื่องราวของเจ้าตูบที่นอนหายใจรวยรินนอนดิ้นกลิ้งไปกลิ้งมากับอยู่พื้น ด้วยความที่เจ้าตูบนั้นเจ็บปวดยิ่งนัก ซึ่งทางคนโพสต์ได้เดินผ่านไปยังเส้นทางนั้นได้พบเจอกับตาทำเอาเธอตกใจมาก ด้วยความสงสารเธอจึงรีบช่วยน้องในทันที โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า พี่ๆจ๋าช่วยเจ้าตูบกันคนละไม้ละมือด้วยนะคะซึ่งเธอได้โพสต์ประกาศช่วยเจ้าตูบที่กลุ่มรักหมาจังได้โพสต์ว่า หากผิดกฎขออภัยค่ะ ขอให้พี่ๆ ได้อ่านนิดนึ๋งไม่ได้มาขอระดมทุนนะคะแค่จะช่วยตามหาบ้านให้เจ้าตูบมันค่ะ น้องเป็นหมาที่มีเจ้าของ แต่ดูจากลักษณะรูปลักษณ์ของน้องเหมือนหมาจรมากกว่า หนูได้ผ่านไปยังถนนเส้นบริเวณที่น้องนอนกลิ้งไปมาด้วยความเจ็บปวด น้องคงโดนใส่ยาให้น้องกินหวังให้น้องได้สิ้นใจ หนูได้พบเจอกับน้องน้องบริเวณข้างถนนลักษณะน้องใกล้สิ้นลมแล้ว หายใจหอบเหนื่อย เหงือกซีดลิ้นม่วงไร้การดูแลจากผู้คนที่ผ่านไปมา จึงอยากจะช่วยน้องอย่างสุดกำลังที่มีเพื่อหาบ้านให้น้องและคนที่รักเมตตาหมาหลังจากน้องหายดีหนูอยากให้น้องมีความสุขกับหมาตัวอื่นเขายินดีไปส่งให้ถึงบ้าน ค่ารักษาและค่าน้ำมันรถทางเรายินดีจ่ายให้หมดเลยค่ะ ขอแค่น้องมีบ้านดีๆมีคนที่รักน้องจริงและหลังจากออกโรงพยาบาล น้องคงมีคนเอ็นดูเจ้าตูบ หลังจากนั้นไม่นานทางต้นโพสต์ได้มาอัปเดตสถานการณ์อาการรักษาของเจ้าตูบ ตอนนี้น้องอยู่ในมือหมอแล้ว รอผลตรวจวันพรุ่งนี้ อาการเบื้องต้นน่าจะเกิดจากการที่เห็บหมัดฟัดน้อง และทำให้เกิดการสร้างออกซิเจนไม่ทันตอนนี้นอนในตู้ออกซิเจน และรอผลในวันพรุ่งนี้ค่ะ หากเพื่อนๆท่านสนใจที่ติดตามอาการของน้องเพิ่มเติมหรือสนใจที่จะรับน้องไปดูแลก็ติดต่อมาได้ที่ต้นโพสต์เลยนะ : พกัด น้องอยู่รามอินทรา วัชรพล กม1-8 ที่มา  Deaw Tanapun

แม่แมวต้องเสียลูกในท้องไปตลอดทั้งชีวิต เหตุเกิดจากความเข้าใจผิดคิดว่าน้องแค่อ้วน

เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Bonut Hester ได้เผยเรื่องราวหลังเธอนั้นได้พาแมวไปหาหมอที่คลีนิคและปรึกษากับคุณหมอในเรื่องของการทำหมันแมว และคุณหมอก็ลองจับๆท้องของน้องดูแล้วบอกแบบนี้ไม่ท้องนะน้องแค่อ้วน จนทางคลีนิคได้นัดวันมาทำหมันให้กับน้อง จนกระทั่งน้องเกิดแท้งลูกออกมา . โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า สอบถามหน่อยค่ะ เราไปปรึกษากับคุณหมอทำหมันแมวและตรวจสุขภาพมาด้วย หมอเขาฉีดยาโรคหัดกับป้องกันพิษสุนัขไปให้ แต่คุณหมอบอกน้องยังไม่ท้องนะคะแต่พอผ่านมา10วันแมวเกิดแท้งลูกออกมา1ตัว เลยกลับไปคุยกับทางคลีนิคแต่เค้าปัดความรับผิดชอบบอกว่าลูกค้า ไม่ได้บอกให้ตรวจให้ตรวจตั้งครรภ์ทั้งที่ตอนไปปรึกษานั้นเรื่องทำหมันเค้าคลำๆท้องแล้วบอกว่าไม่ท้องแมวแค่อ้วนเฉยๆและนัดทำหมันอีก2อาทิตย์ ก่อนทำหมันหมอต้องตรวจก่อนไหมค่ะว่าแมวตั้งครรภ์หรือไม่ตั้งครรภ์ จนเรื่องราวของเธอนั้นถูกโพสต์ลงในกลุ่มทาสแมว จนชาวเน็ตในกลุ่มต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นพร้อมกล่าวว่าถ้าอยากจะเช็คน้องเพื่อความแน่ใจต้องอัลตร้าซาวด์ดู แต่หลายท่านก็ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นว่าอาจจะผิดพลาดเรื่องการสื่อสารนะ เพราะหมอเองก็คงไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น แต่อัพเดตล่าสุดจากทางผู้โพสต์ ตอนนี้ทางคลีนิคเขาได้รับผิดชอบทุกอย่างแล้วหลังเรื่องราวนี้เกิดขึ้นและถูกโพสต์ลงในกลุ่มทาสแมว แต่ชาวเน็ตหลายท่านต่างเป็นกังวลอยากให้ทางเจ้าของลองเช็คดูในท้องของน้องอีกสักครั้งเพื่อความแน่ใจว่าไม่มีลูกแมวหลงเหลืออยู่การอัลตร้าซาวด์คือคำตอบว่าลูกของแมวของเธอนั้นออกมาหมดแล้วหรือไม่ ที่มา Bonut Hester

ถูกเขาชนเข้าแล้วนำไปไว้ข้างทางให้รอวันสิ้นลม ด้วยเพียงเพราะตนเป็นเพียงจรที่ไร้ค่า

อาจจะเพราะด้วยบุญแต่กรรมที่ได้ทำมาทำให้หลายๆครั้งเราจึงต้องพบเจอกับเหตุการณ์ที่ต้องจำทน ด้วยชีวิตนั้นเลือกเกิดมาไม่ได้เพราะใครๆเขาก็อยากจะเกิดมามีชีวิตที่สุขสบายไม่ต้องทุกข์ยาก แต่ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะส่งเสียงร้องเรียกใครเล่าเค้าจะช่วยเหลือ เพราะด้วยตนเป็นเพียงแค่จร เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Akaranit Tanchai ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวรายนี้หลังจากที่เธอได้พบน้องนอนหอบหายใจโรยรินอยู่ที่ริมข้างถนนหลังจากที่น้องถูกรถ ชน มาโดยคาดว่าน่าจะมีคนเอาน้องเข้ามาวางเอาไว้ข้างทางแทน ซึ่งจากที่จะพาไปรักษาหรือหาหมอ เพียงเพราะตัวเป็นเพียงจรที่ไร้ใครเขาจะสน ด้วยชีวิตนั้นต้องต่อสู้ดิ้นรนเพราะเพียงคนเขาที่ไร้ใจเมตตา ผู้โพสต์จึงอยากจะหาคนช่วยเหลือ เพราะถ้าให้อยู่แบบนี้ไว้น้องคงจะไม่วายต้องสิ้นลม อีกทั้งในตอนที่เธอได้เจอน้องเธอเองก็ต้องรีบไปทำงานและไม่เวลาแต่ด้วยเธอก็กลับมาพาน้องขึ้นรถกลับไปไว้ที่บ้านก่อนด้วยแล้ว จึงอยากหาใครที่พอจะมีใจเมตตาหรือมีทุนทรัพย์ช่วยเมตตารับน้องไปรักษาเพื่อต่อลมหายใจกับหนึ่งชีวิตที่กำลังจะหมดลม โดยเธอเองได้ระบุพิกัดที่ได้พบน้องเอาไว้ที่ วัดลาดปลาดุก นนทบุรี โดยหลังจากนั้นเธอก็ยังได้อัพเดทเพิ่มเติมด้วยว่าในตอนนี้เธอได้พาน้องไปหาคุณหมอที่คลีนิคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทางคุณหมอเองก็ได้ตรวจอาการเบื้องต้นให้และได้แจ้งกับเธอว่าน้องน่าจะมีปัญหากับทางสะโพก และทางคลีนิคของคุณหมอเองก็ไม่ได้รับเคสกระดูกจึงได้นำแนะให้เธอพาน้องไปส่งตัวที่โรงพยาบาลสัตว์มหิดลในวันพรุ่งนี้  เพราะค่ารักษาของที่นั้นจะถูกเธอจึงต้องพาน้องกลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อน โดยจะให้อาหารและนำเป็นปกติและจะต้องตรวจเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิดต่อไป จึงอยากฝากเพื่อนๆเอาไว้ถ้าเกิดใช้รถใช้ถนนเองก็อย่าลืมระมัดระวังและอย่าได้ลืมไปว่าหนึ่งชีวิตก็มีค่าไม่ว่าจะเกิดมาเป็นอะไรก็ตามแต่ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Akaranit Tanchai