ตัวก็ยังเล็กตายังไม่ทันลืม จับใส่ตะกร้าโยนไว้กลางดึก ร้องทั้งคืนขอให้ใครสักคนเข้าช่วย
เพราะมนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่เห็นแก่ตัว ซึ่งก็ไม่ได้เป็นกันทุกคนเสมอไปหรอกนะเพราะจิตใจของคนเรานั้นแตกต่างกันออกไปมีความอ่อนโยนในหัวใจแตกต่างกันอาจจะด้วยการเลี้ยงดูหรือสังคมสภาพแวดล้อมที่เติบโตมา หล่อหลอมทำให้จิตใจของคนๆนั้นเปลี่ยนแปลงไปตามสถานที่และสภาวะแวดล้อม
ซึ่งในบางคนเห็นสัตว์เหล่านี้มีค่าเทียบเท่ากับหนึ่งชีวิตเพราะได้เกิดมาบนโลกที่กว้างใหญ่ แต่บางคนกลับไม่สนใจชีวิตเล็กๆเหล่านี้ทำเหมือนไร้ค่าไม่มีราคาหรือมีลมหายใจเช่นเดียวกับเรื่องราวนี้ หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า สุนิษา มอมแมม ได้โพสต์เล่าเรื่องราวทำให้ทาสแมวหลายคนต้องเศร้าสลดใจ
ลงในกลุ่ม มูลนิธิรักษ์แมว ปันน้ำใจให้แมวจรหลังจาากที่เขานั้นพบรถเก๋งสีดำขับเอาลูกแมวใส่ตระกร้ามาปล่อยเอาไว้ ตั้งแต่เมื่อวานเวลา 3 ทุ่ม ซึ่งสภาพของน้องๆแต่ละตัวนั้นยังคงเล็กมากๆ นมยังไม่ทันหย่าตายังไม่ทันลืมสนิท ไม่รู้ว่าจิตใจคนทำนั้นทำด้วยอะไรทำไมถึงปล่อยให้ชีวิตตัวเล็กเหล่านี้มาอยู่ในที่แบบนี้ได้ลงคอ
ซึ่งทางผู้โพสต์เองก็ได้ทำการเข้าช่วยเหลือโดยในทีแรกก็คิดว่าคงจะมีใครมาช่วยน้องๆไปแล้วแต่ก็ยังคงเอะใจเลยวนรถกลับไปดูอีกรอบ สรุปว่าน้องๆยังอยู่ที่เดิม ซึ่งเด็กๆนั้นต้องทนหิวและส่งเสียงร้องกันมาทั้งวันทั้งคืนแถมลูกแมวเล็กยังต้องการความอบอุ่นต่อร่างกายให้เพียงพอมิเช่นนั้นคงจะสิ้นลม
โดยผู้โพสต์เองก็ได้นำเรื่องราวมาโพสต์เพื่อที่จะหาคนรับน้องๆไปเลี้ยงเพราะเนื่องจากน้องๆยังเล็กและต้องการความดูแลอย่างใกล้ชิตโดยตัวผู้โพสต์เองก็ไม่สะดวกที่จะต้องดูแลน้องตลอดเวลา ซึ่งทั้งนี้ก็ยังเตรียมขอภาพจากกล้องวงจรปิดในระแวกใกล้เคียงเพื่อตรวจสอบทะเบียนรถเก๋งสีดำต่อไป ซึ่งหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะรับน้องไปเลี้ยงก็สามารถติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก สุนิษา มอมแมม
ตาฝ้าฟางมองไม่ค่อยจะเห็น ร่างกายผอมโซแรงจะเดินแทบไม่มี เดินเร่รอนขอข้าวขอน้ำประทังชีวิตรอด
เพราะหลายๆชีวิตนั้นเลือกที่จะเกิดมาไม่ได้ ถ้าหากเลือกเกิดมาได้ใครๆก็คงอยากจะเกิดมามีชีวิตที่พบเจอแต่ความสุขสบายไม่ต้องปากกัดทีนถีบ อดหลายมื้อได้กินอิ่มในแต่ละมื้อนั้นถือเป็นโชคดี ยิ่งถ้าเป็นสุนัขหรือแมวจรแล้วยิ่งเข้าไปใหญ่วันไหนเจอคนใจดีให้ข้าวให้น้ำนับว่าเป็นโชคยิ่งกว่าถูกหวยรางวัลใหญ่
หลังจากที่ผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า Kret Suttiwong ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าตูบรายหนึ่งที่เขาได้พบเจอซึ่งเจ้าตูบนั้นอยู่ในสภาพที่สุดจะน่าสงสาร เพราะด้วยสภาพของน้องนั้นตาฝ้าฟางมองก็เกือบจะไม่เห็น ร่างกายก็ขาดสารอาหารผอมหิวโซเดินเรร่อนไร้แม้เรี่ยวแรงจะร้องขอความช่วยเหลือ
ซึ่งเขาจึงเอาเรื่องราวของน้องมาโพสต์ลงในโลกออนไลน์เผื่อว่ามีใครไปแถวบริเวณนั้นก็ฝากเอาข้าวไปให้น้องทีหรือหากมีเพื่อนๆท่านไหนสนใจอยากจะเข้าช่วยเหลือก็สามารถติดต่อไปยังต้นโพสต์ได้ ซึ่งเขาได้เล่าไว้ว่า น้องอยู่แถวสวนอุตสาหกรรมไฮเทค บริเวณหน้าโรงงานแคนนอนไฮเทค
บริเวณเสาสัญญาณจะมีคูน้ำอยู่ภายในนั้นมีสุนัขอยู่หนึ่งตัวตาฝ้าฟางมองไม่ค่อยจะเห็น เห็นก็เห็นแบบเลื่อนลาง ร่างกายขาดสารอาหารผอมมากๆ ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะเดิน ซึ่งหากใครมีเพื่อนหรือทำงานอยู่ในบริเวณดังกล่าวก็ฝากให้ข้าวไปให้น้องที พิกัด นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค บ้านหว้าอยุธยา
ซึ่งหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไปเป็นเวลาเพียงไม่นานก็ได้มีคนใจดียื่นมือเข้ามาช่วยเหลือน้องเป็นที่เรียบร้อยแล้วและกำลังนำตัวน้องส่งโรงพยาบาลรักษาสัตว์ในเวลาต่อมา ซึ่งหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะติดตามเรื่องราวต่อไปก็สามารถเข้าไปติดตามได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ อย่างน้อยๆน้องก็มีคนมาช่วยเหลือแล้วไม่ต้องอยู่แบบอดๆอยากๆอีกต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Kret Suttiwong
หนุ่มพบลูกแมวใช้ชีวิตอยู่ที่ราวระเบียงบนตึกสูง อยู่อย่างนี้มาหลายวันแล้วกลัวน้องจะเป็นอันตราย
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Yuttana Toum ได้เผยเรื่องราวหลังเขานั้นได้พบเจอกับลูกแมวตัวหนึ่ง ลูกแมวตัวนี้ชอบเดินไต่ราวหน้าต่างแบบนี้มา 3-4 วันแล้ว ไม่รู้หลุดออกมาจากห้องไหน และเขาเองก็กลัวว่าน้องจะตกลงไปข้างล่างนะ ก็เลยเอาอาหารแมวล่อเข้าห้องไว้ก่อน
.
โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า ขอความเห็นหน่อยนะครับ ผมเห็นน้องเดินไต่ราวหน้าต่างมาแบบนี้ทุกวันเลยครับ เดินมา 3-4 วันแล้ว ไม่รู้มาจากห้องไหน กลัวน้องจะตกลงไปข้างล่าง น้องผอมมากเลยครับ ผมเลยให้อาหาร แล้วน้องมาอยู่ห้องผมวันนี้ผมควรทำยังไง
จะไปตามหาเจ้าของก็ไม่รู้จะตามหายังไง จะเลี้ยงไว้ก็กลัวเขาว่าเราไปขโมยแมวเขามา น้องยังกลัวผมอยู่เลยครับ สงสารน้องครับ...
หนุ่มทาสแมวได้แต่โทษตัวเอง ที่พรากแมวสุดที่รักด้วยน้ำมือของตัวเองเพราะการอาบน้ำ
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Art November Rain ได้เผยเรื่องราวของเจ้าเหมียวที่เขานั้นได้เลี้ยงมันเอาไว้ โดยเรื่องราวนี้เป็นอุทาหรณ์ได้เป็นอย่างดีหลังเขานั้นได้อาบน้ำให้แมวและนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้แมวของเขาต้องสิ้นใจ แม้ว่าแมวของเขานั้นจะอาบน้ำจนเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วเพราะเขาอาบให้น้องทุกอาทิตย์
.
โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า ขอเตือนเป็นอุทาหรณ์ในการอาบน้ำน้องแมวที่เรารัก ถึงแม้ว่าเราจะอาบน้ำให้เขามากว่า4ปีแล้วก็ตาม เเม้ว่าเราจะอาบน้ำให้เขาทุกอาทิตย์ เเม้ว่าเเมวของเราจะเเข็งแรงไม่เจ็บไม่ป่วยอะไรเลย
แต่ใครจะรู้ว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราอาบน้ำให้กับเขา ใครจะคิดว่าเขาจะช๊อคเเล้วสิ้นใจไป หลังจากอาบน้ำผมเช็ดขนเเล้วใช้ไดร์เป่าขนจนขนและตัวน้องเเห้ง เหมือนเดิมทุกๆครั้งที่ทำมาตลอด4ปี แต่หลังจากนั้นอาการเขากลับซึมลง หายใจติดขัด
ผมได้พาเขาไปหาหมอทันทีที่เกิดเหตุการณ์ หมอบอกว่าน้องปอดชื้นมีโอกาสสิ้นใจสูง ทั้งให้ยาทั้งให้อ๊อกซิเจน แต่สุดท้ายน้องก็เสีย ใครจะรู้ว่าการอาบน้ำครั้งนี้ มันคือการที่เราพรากแมวที่เรารักมากที่สุด ด้วยมือของเราเอง โดยหนุ่มผู้โพสต์มีรอยสักรูปแมวพร้อมหัวใจเพราะเขาก็คือหนึ่งในทาสแมวที่รักแมวจริง
ชาวเน็ตหลังได้อ่านเรื่องราวต่างพากันเข้ามาแสดงความเสียใจกับการจากไปของน้อง...
ถูกเอามาปล่อยไว้เพียงลำพัง ตาก็มองไม่เห็นได้แต่หลบในที่มืดๆไม่กล้าแม้แต่จะเดินไปไหน
ยามเวลาอยากได้ก็พยายามสรรหาอยากได้มาเลี้ยงแต่เมื่อเวลาที่พวกเขาป่วยหรืออายุมากไม่น่ารักเหมือนแต่ก่อนก็นำมาปล่อย แบบไร้เยื่อใย ไม่สนใจแม้ว่าพวกเขานั้นจะมีชีวิตหรือใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างไร เราจึงมักจะพูดบอกกับเพื่อนๆเสมอว่าการนำสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยงแล้วจะต้องรับผิดชอบและเตรียมความพร้อมเพราะพวกเขานั้นจะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต
เช่นเดียวกับเจ้าเหมียวรายนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า Soulking LivingLegend ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวลงในกลุ่ม หาบ้านน้องหมา น้องแมว หลังจากที่เธอนั้นได้พบน้องเขาซึ่งน้องนั้นยังเล็กและถูกนำมาปล่อยไว้อย่างไร้เยื่อใยแถมยังตามองไม่เห็นไปหนึ่งข้างมองเห็นแค่ข้างเดียว และอยู่ด้วยความกลัวเพราะยังเล็กและไม่รู้จักหนทางใดๆ
ได้แต่เพียงแอบในซอกหลืบ ไม่รู้ว่ามีอะไรตกถึงท้องบ้างหรือยัง แต่ก็ยังโชคดีที่ได้เจอพี่รายนี้มาเจอหนูไว้ ไม่งั้นหมาก็จะฟัดเอาแย่เลย ซึ่งทั้งนี้ผู้โพสต์รายดังกล่าวจึงได้นำเรื่องราวของน้องมาขอบ้านลงในกลุ่มดังกล่าวอีกด้วย ซึ่งทางผู้โพสต์ได้ระบุพิกัดเอาไว้ด้วยที่ ตลาดเคหะเมืองใหม่บางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
หากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะเข้าช่วยเหลือน้องหรืออยากที่จะรับเลี้ยงน้องก็สามารถติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ ขอเพียงบ้านที่อบอุ่นที่อยู่อาศัยในระบบปิดเพราะน้องมองเห็นแค่ข้างเดียว ขอเพียงข้าววันละมื้อสองมื้อให้ได้อิ่มท้องน้องคงไม่ดื้อไม่ซน โดยผู้โพสต์นั้นได้แจ้งเพิ่มเติมว่าไม่ทราบเพศน้องแน่ชัดเพราะน้องยังคงเล็กอยู่
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Soulking LivingLegend
4 ชีวิตถูกปล่อยให้อดอยาก ร่างกายผอมจนทนไม่ไหวแต่เหมือนได้เกิดใหม่เมื่อมีคนเข้ามาเติมเต็มในชีวิต
เพราะชีวิตนั้นเลือกเกิดไม่ได้จึงทำให้หลายๆชีวิตต้องเกิดมาเพื่อดิ้นรนให้รอดชีวิตไปในแต่ละมื้อ ซ้ำยิ่งเกิดมาเป็นสัตว์จรหันหน้าไปทางไหนก็ไม่มีใครเค้าต้องการจึงต้องอยู่แบบตามมีตามเกิด อดทนจนเกือบจะสิ้นใจถ้าโชคดีหน่อยวันไหนได้อิ่มท้องรอดไปอีกมื้อก็ถือเป็นบุญวันไหนโชคร้ายไม่เจอผู้คนใจดีก็ต้องอดทนเดินหาข้าวหาน้ำประทังชีวิต
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังจากที่ดิ้นรนสู้ชีวิตเพราะถูกนำมาปล่อยให้อยู่กันเพียงลำพังตั้งแต่เล็กแต่น้อย วิธีหาข้าวหาปลาก็ยังไม่รู้จึงต้องอดทนจนผอมโซเรี่ยวแรงแทบไม่มีจะเดิน หลังจากผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งได้นำเรื่องราวของเจ้าตูบทั้ง 4 ชีวิตที่เคยถูกเอามาปล่อยจนผอมโซแต่ทว่าโชคชะตาก็เป็นใจไม่ทอดทิ้งพวกเขาหลังมีผู้ใจบุญรับไปเลี้ยง
จนสภาพที่ได้เห็นในวันนั้นกลับในวันนี้ช่างแตกต่างกันมากเหลือเกิน ก่อนเคยอดทนจนเกือบจะสิ้นใจตอนนี้ได้อยู่กินอย่างสุขสบายมีที่ให้พักพิงกินอิ่มท้องนอนหลับสนิทหลบแดดหลบฝนในบ้านอันแสนอบอุ่น หลังจากที่ผู้บริหารเจ้าของบริษัทผู้ใจบุญได้รับเลี้ยงอุปการะเลี้ยงดูทั้งหมด 4 ตัวและในวันนี้ผู้ใจบุญก็ได้ส่งรูปมาให้กับผู้โพสต์
ซึ่งสภาพที่ได้เห็นทำเอาผู้โพสต์นั้นอิ่มใจเพราะสภาพของน้องๆต่างกันราวฟ้ากับดิน ทุกตัวได้อยู่กินอย่างสุขสบายในบ้านหลังใหญ่แถมมีรอยยิ้มที่แสนจะมีความสุข มีที่ให้วิ่งเล่น แถมอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเพราะน้องทั้งหมดนั้นเป็นสุนัขคอกเดียวกันหรือเป็นพี่น้องกันนั้นเอง โดยทั้งนี้ผู้โพสต์ก็ได้โพสต์ขอบคุณเพื่อนๆที่ช่วยกันหาบ้านจนเจอผู้ใจบุญรายนี้รับเลี้ยงน้องๆลงในกลุุ่ม รักหมา
แถมผู้ใจบุญรายนี้ก็ส่งรูปน้องๆมาให้กับผู้โพสต์ดูอยู่เสมอว่าน้องๆได้อยู่กันอย่างสุขสบายหายห่วงเลยทีเดียว ซึ่งทั้งนี้ก็อยากจะฝากเพื่อนๆเอาไว้ด้วยว่าอย่ามองข้ามปัญหาสำหรับคนที่เขานั้นเดือดร้อนจริงๆเพราะสุนัขหรือแมวพวกนี้เค้าไม่สามารถพูดหรือร้องขอความช่วยเหลือจากใครได้ หากเพื่อนๆได้พบหรือเจอน้องๆเดือดร้อนหรือต้องการความช่วยเหลือก็อยากจะให้ยื่นมือเข้าไปช่วยเพราะเชื่อว่าบุญกุศลที่เราได้ทำกับพวกเขาจะต้องนำพาสิ่งดีๆกลับมาหาเราอย่างแน่นอน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก สมพงษ์ ปัญญาวงค์
ปิดตำนานเฮียชม เฮียขอกลับไปยังดาวแมวหลังมีอาการป่วยมาหลายครั้งจนอาการทรุดลงจนน้องไม่ไหว
เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2563 แฟนเพจเฟสบุ๊ก : ชมแมวเพ็ตโฮม ได้เผยเรื่องราวพร้อมอัปเดทล่าสุดของพี่ชมกับวลีเด็ดที่ว่าถ้าจิตใจสะอาดน้ำก็ไม่จำเป็นต้องอาบก็ได้ แต่วลีนี้คงไม่มีจากตัวพี่ชมอีกแล้ว ด้วยอาการป่วยของพี่ชมทำให้พี่ชมเองต้องลาจากโลกนี้ไปอยู่บนดาวแมวท่ามกลางเหล่า FC ที่เข้ามาแสดงความเสียใจกับการจากไปในครั้งนี้
.
โดยทางแฟนเพจได้เผยว่า RIPเฮียชมแมว @ตลาดใหม่สระหลวง จังหวัดพิจิตร เฮียมีอาการกระเพาะปัสสาวะอุดตันฉี่ (อาการนี้แมวหลายตัวก็เป็นคนเลี้ยงแมวต้องไม่นิ่งนอนใจนะ) ไม่ออกเหมือนที่เคยเป็นมา ซึงเฮียชมเองเคยเป็นแบบนี้มารอบนึงแล้ว เมื่อวานคุณตาก็เลยรีบพาส่งยังคลินิคเพื่อทำการรักษา
โดยคุณหมอได้ทำการรักษาโดยการสวนท่อ แต่เฮียเองอาการไม่ดีขึ้นเลย เฮียมีอาการทรุดและจากไปเมื่อคืนนี้ ไปสู่ภพภูมิที่ดีไปอยู่กับคุณยายนะครับ ส่วนชาวเน็ตเหล่า...
อาศัยในป่าเดินมาขออาหารร่วมโล กินตุนอาหารเอาไว้ในท้องรีบวิ่งกลับมาอาเจียนให้ลูกได้กิน
หัวอกของคนเป็นแม่ เชื่อว่าเพื่อนๆทุกคนคงจะเข้าใจคำว่าแม่เป็นดีอย่างท่องแท้ เพราะแม้แม่ตกยากลำบากเพียงใดสิ่งที่ทำได้ก็ขอเพียงแค่ให้ลูกได้สุขสบายได้อิ่มท้องไม่ต้องอดทนลำบากก็มากเกินพอกว่าสุขไหนจะเทียบ และก็ไม่ใช่เพียงแค่แม่อย่างมนุษย์เราเท่านั้นแม้แต่สุนัขเองแล้วก็มีความเป็นแม่ไม่แพ้คนอย่างเราๆเลย
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คแฟนเพจที่ใช้ชื่อว่า มะหมาทะเล ได้โพสต์เล่าเรื่องราวทำให้คนรักหมาน้ำตาตกในหลังจากที่เขานั้นได้ให้อาหารกับสุนัขจรตัวหนึ่งที่อาศัยอยู่ในป่าซึ่งน้องได้เดินออกมาหาอาหารโดยเป็นระยะทางที่ไกลมากๆ ซึ่งในตอนแรกผู้โพสต์ก็ทำได้เพียงแค่ให้ข้าวให้น้ำเพราะคิดว่าคงเป็นสุนัขจรที่เร่ร่อนหิวข้าวหิวน้ำโดยปกติ
แต่ทว่าหลังจากที่เจ้าตูบตัวนี้กินข้าวเสร็จเธอก็ได้สังเกตุว่าเจ้าตูบนั้นน่าจะเป็นสุนัขแม่ลูกอ่อนจึงได้พยายามเดินตามเจ้าตูบไปดู และเมื่อได้เห็นสิ่งที่เจ้าตูบที่เดินทางไกลมากๆเพื่อที่จะกลับมายังที่ที่อาศัยอยู่ก็ทำเอาน้ำตาซึม เพราะเจ้าตูบนั้นเดินมาและอาเจียนให้กับลูกตัวน้อยๆได้กินในสิ่งที่เจ้าตูบนั้นกินข้าวไปทั้งหมด เรียกได้ว่าหัวอกแม่ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใด
เพราะแม้ว่าตัวจะอดหรือต้องอาเจียนออกมาจนหมดแม่ก็ทนไหวขอเพียงให้พวกเจ้าได้อิ่ม ถึงแม่จะต้องยอมเดินไกลเพื่อจะได้อาหารในแต่ละมื้อแต่ถ้าแลกมาด้วยความปลอดภัยของลูกแล้วแม่ก็จะยอมทำ ซึ่งเรื่องราวนี้ทำให้ผู้คนโลกออนไลน์ได้เห็นความรักความซื่อสัตย์ต่อหัวอกแม่เพราะถึงแม้ตัวจะเป็นสุนัขแต่ก็มีความรักต่อลูกอย่างเปี่ยมล้น
เพราะถึงขนาดยอมเดินไปกลับแล้วตัวต้องอดไม่มีอะไรตกถึงท้องแม่ก็ยอมทำให้ลูกๆได้เสมอ ทั้งนี้หากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะรับน้องๆไปดูแลหรืออยากจะเข้าช่วยเหลือก็สามารถติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ แต่จริงๆก็อยากให้รับทั้งครอบครัวไปเลี้ยงพร้อมหน้าพร้อมตากันเลยเพราะเชื่อว่าแม่ตูบตัวนี้คงไม่อยากถูกพรากลูกพรากแม่เป็นแน่แท้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก มะหมาทะเล
เคยมีเจ้าของแต่ย้ายบ้านกลับไม่เอาน้องไปด้วย อาศัยนอนแถวหน้าห้าง เดินเร่ขอข้าวขอน้ำเพียงให้อิ่มท้อง
ทุกๆครั้งเรามักจะย้ำเตือนกับเพื่อนๆเสมอว่าการนำสนัขหนึ่งตัวมาเลี้ยงนั้นสิ่งที่จะตามมานั้นเท่ากับภาระที่เพื่อนๆจะต้องดูแลพวกเขาไปจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ เพราะสุนัขนั้นจะจดจำเจ้าของและรักผู้เป็นเจ้าของของเขาไปตลอดชีวิตซึ่งไม่ว่าวันเวลาจะนานเพียงใดก็ตามพวกเขาก็จะไม่มีวันลืมคุณ
เช่นเดียวกับเจ้าตูบรายนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งได้นำเรื่องราวของเจ้าตูบตัวนี้ที่มีชื่อว่าเจ้า "โด้" มาโพสต์ลงในกลุ่ม Gluta Story Club หลังจากที่เจ้าโด้นั้นเคยเป็นสุนัขที่มีเจ้าของแต่ทว่าเจ้าของนั้นเป็นลูกจ้างขายของอยู่แถวหน้าโรงเรียนพระหฤทัยดอนเมือง ซึ่งเมื่อเจ้าของได้ย้ายบ้านไปแต่กลับไม่เอาเจ้าโด้ไปด้วย ที่เจ้าโด้อยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ก็เพราะมีคนใจบุญแถวๆนั้นช่วยกันให้อาหารน้อง
เพื่อให้อิ่มทอดและรอดไปอีกมื้อในแต่ละวัน โดยเจ้าโด้นั้นอาศัยนอนแถวหน้าห้างอเวนิวดอนเมืองเป็นเจ้าถิ่นแถวนั้นก็ว่าได้ และในตอนนี้เวลาก็ผ่านมานานหลายปีแล้วเจ้าโด้ก็แก่ลง ตาก็เริ่มฝ้าฟางขาก็กระเผลกเพราะเคยประสบอุบัติ เจ้าโด้ก็จะมาขอข้าวกับนมกินที่ร้านอยู่เป็นประจำ ส่วนมากผู้โพสต์นั้นก็จะพยายามทำเองเป็นไก่กับตับต้มผสมกับข้าว
เจ้าโด้จะดีใจมากหากเจอพี่เกมส์เพราะถ้าว่าไหนเจอพี่เกมส์โด้ก็จะมีความสุขมากเพราะเจ้าโด้นั้นรู้จักพี่เกมส์มาตั้งแต่ก่อนอยู่อนุบาลแล้ว ซึ่งทั้งนี้ผู้โพสต์กับสามีเองก็ตั้งใจว่าจะดูแลให้ข้าวให้น้ำให้ยารักษาเจ้าโด้ไปตลอดจนกว่าจะถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ซึ่งถือเป็นเรื่องราวดีๆถึงโด้จะไม่มีเจ้าของแต่ก็ยังมีคนใจดีและมีน้ำใจให้ข้าวให้น้ำยังพอจะมีที่หลบฝนบังแดด
ให้ได้ใช้ชีวิตรอดไปแต่ละวันได้ ถึงว่าแม่แท้ๆที่เลี้ยงดูมาจะปล่อยไปแต่ทุกคนในระแวกนั้นก็รักโด้ไม่แพ้กันเลยทีเดียว ซึ่งหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไปก็ได้มีผู้คนจำนวนมากต่างพากันเข้ามากดไลค์และคอมเม้นต์ถึงความน่ารักและชื่นชมในความมีน้ำใจที่ผู้โพสต์มีต่อเจ้าโด้สุนัขที่เคยมีเจ้าของ และถึงแม้ว่าน้องจะอายุมากขึ้นทุกวันผู้โพสต์เองก็สัญญาว่าจะดูแลโด้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Joddy Thanongrob
ลนลานกลัวจนตัวสั่นหลังถูกชาวบ้านขับไล่ เอาไม้เขี่ยให้ไปไกลๆเพราะความเชื่อผิดๆของมนุษย์
ความเชื่อของคนไทยเราที่มีมาตั้งแต่โบร่ำโบราณก็อาจจะทำให้หลายๆชีวิตต้องตกอยู่ในความยากลำบาก อย่างเช่นแมวที่มีสีดำจนทำให้หลายครั้งที่พวกเขานั้นต้องเกิดมามีชีวิตที่ยากลำบากมากยิ่งขึ้นเพราะจากการเกิดมาเป็นแมวจรก็ว่าแย่แล้ว ถ้าเกิดมามีสีดำแล้วยิ่งไม่มีใครอยากจะได้หรือต้องการก็เพราะความเชื่อโบร่ำโบราณเหล่านั้น
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้านกแสกตัวน้อย จำนวนสองตัวที่ถูกชาวบ้านในระแวกนั้นขับไล่ทั้งเอาไม้เขี่ยให้ไปไกลๆ จนพวกเขาลนลานกลัวจนตัวสั่นซึ่งผู้โพสต์นั้นได้เข้าไปพบพวกเขาโดยบังเอิญในระหว่างทางกลับบ้าน จนเขานั้นทนเห็นไม่ไหวจึงเข้าไปช่วยเหลือซึ่งในตอนแรกเจ้านกเหล่านี้ก็ขู่ผู้โพสต์เพราะกลัวว่าจะโดนกระทำมาก่อนหน้านี้
จนผู้โพสต์นั้นได้แผ่เมตตาและบอกกับเจ้านกน้อยทั้งคู่ว่าเรามาช่วยนะ จึงจับลงกล่องได้สำเร็จจนในเวลาต่อมาได้ติดต่อให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชได้เข้ามาช่วยและรอทางเจ้าหน้าที่นั้นมารับน้องๆไปดูแลต่อเนื่องจากเหมือนว่าจะมีนกแสกตัวหนึ่งที่ปีกเหมือนจะหักและใช้การไม่ได้ โดยอีกตัวนั้นก็ปกติดี ซึ่งทั้งนี้ทางผู้โพสต์ก็ได้ขอขอบคุณ ผอ.สมปอง แห่งกรมอุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่าและพันธุ์พืช
ที่ช่วยประสานงานให้กับทางเจ้าหน้าที่และคุณหมอเข้ามาดูและรับน้องไปดูแลอนุบาลในเวลาต่อมา โดยทั้งนี้พวกน้องๆก็จะถูกส่งตัวไปอยู่ในความดูแลของกรมอุทยานแห่งชาติต่อไป แต่ก็อยากจะฝากเตือนเพื่อนๆเอาไว้ว่าในเรื่องความเชื่อนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ผิดแต่ถ้าการเชื่อเหล่านั้นทำให้อีกหลากหลายชีวิตต้องลำบากเราก็ควรที่จะอยู่ในเกณฑ์ของหลักความเป็นจริงที่ว่า
สิ่งทีชีวิตทุกชีวิตก็ล้วนแต่มีหัวจิตหัวใจไม่ต่างอะไรกับมนุษย์อย่างเราๆเอาไม้ไปเขี่ยไปไล่เขาเขาก็เกิดความหวาดกลัว ยิ่งถ้าพวกเขายังเล็กหรือช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ปล่อยเอาไว้ก็ไม่ต่างอะไรจากการปล่อยชีวิตเหล่านั้นให้สิ้นลม ถ้าไม่ชอบไม่อยากเข้าใกล้ก็แนะนำให้ถ่ายรูปแล้วโพสต์ขอความช่วยเหลือลงในโลกออนไลน์หรือไม่ก็อย่าเข้าไปกระทำกับเขาเลย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Natkrita Polla-or