แมวคิดถึงเจ้าของนั่งตรอมใจจนสิ้นลมภายใน 4 วัน เพราะรอเจ้าของกลับบ้านไม่ไหว

ในหลายๆครั้งเรามักจะย้ำเตือนกับเพื่อนๆเกี่ยวกับการนำสัตว์หนึ่งตัวมาเลี้ยง ว่าเพื่อนๆจำเป็นที่จะต้องเตรียมความพร้อมให้ดีก่อนที่จะรับพวกเขามา เพราะด้วยเรื่องของเวลาและการเอาใจใส่ที่พวกเขาต้องการจะได้รับนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ซึ่งหากถามว่ามากแค่ไหนเพื่อนๆก็ลองมารับฟังเรื่องราวนี้กันดู หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Mind Saluta ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวแสนรักหลังจากที่เธอนั้นต้องเสียเจ้าเหมียวสุดที่รักไปเพราะการจำเป็นต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด 1 อาทิตย์ซึ่งจำเป็นต้องฝากน้องเอาไว้กับแม่ของเธอเอง โดยในสองวันแรกนั้นเจ้าเหมียวก็มีอาการปกติเดินไปนอนรอเธอกลับมาบ้านเหมือนปกติในทุกๆวัน ซึ่งเจ้าเหมียวเองก็พยายามที่จะมองหาผู้เป็นเจ้าของของเขาอยู่ตลอดเพราะด้วยความรักและความผูกพันที่เจ้าเหมียวมีต่อเธอ แถมยังเรียกหาไม่หยุดซึ่งพอวันที่ 3 แม่ของเธอก็ได้บอกอีกว่าน้องเริ่มมีอาการซึมไม่ยอมกินข้าวไม่เล่นไม่ทำอะไรเลย ซึ่งพอเข้าวันที่ 4 น้องก็ซึมมากๆไม่กินทั้งข้าวและน้ำสักหยด แต่แล้วข่าวร้ายก็มาถึงเมื่อเวลาสายๆของวันที่ 4 แม่เธอก็ได้โทรมาบอกกับเธอว่าแม่กำลังพาน้องไปหาหมอ แต่ทว่ายังไม่ทันได้ถึงมือหมอน้องก็มีอาการนิ่งชักแล้วก็นิ่งไปเลย แม่บอกน้องตรอมใจซึ่งเธอเองก็เสียใจมากๆที่ได้รับข่าวนั้นจากแม่ของเธอ ซึ่งโดยปกติแล้วน้องก็จะติดเธอมาก เพราะก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะอาบน้ำกินนอนตัวจะติดกับเธออยู่ตลอด โดยปกติถ้าไปทำงานเช้าก็จะบอกว่าจะไปทำงานแล้วนะลูกน้องก็จะฟังแล้วก็จะนอนรอที่บ้าน แต่ครั้งนี้ไปนานก็บอกว่าไปทำงานเดี๋ยวกลับมา ซึ่งพอเลิกงานมาน้องก็จะวิ่งมาหาถ้าได้ยินเสียงรถ...

คาบลูกมาอวดถึงหน้าต่างบ้าน ส่งสายตาวิงวอนได้โปรดรับลูกของหนูไปเลี้ยงที

เพื่อนๆหลายๆคนเคยตกหลุมรักสัตว์กันบ้างมั้ย เพราะในชีวิตที่ไร้บ้านหาที่พึ่งไม่ได้ได้เพียงแค่อาศัยใต้ชายคาบ้านที่สามารถจะพอเข้าไปแล้วไม่โดนพวกเขาไล่เหมือนไร้ชีวิต มีที่ให้หลบพักพิงแดดฝนจึงทำให้หลายๆชีวิตต้องดิ้นรนเอาตัวรอด เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้ แต่ทว่าเธอคนนี้กลับตกหลุมรักพวกเขาอย่างสุดหัวใจ หลังผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า Pralichart P Meesuk ได้โพสต์เล่าเรื่องราวสุดน่ารักของเหล่าเจ้าเหมียวแม่ลูกลงในกลุ่ม "สัตว์โลก" หลังจากที่แม่เหมียวรายนี้มาคลอดลูกเอาไว้ใต้หลังคาบ้านของเธอและเมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนัก เจ้าเหมียวก็ได้คาบลูกของเขามาอวดแก่เธอรายนี้ อาจจะเพราะด้วยความมีเมตตาที่เธอมีต่อแม่เหมียวในวันนั้น เจ้าเหมียวเลยทราบดีว่าจะสามารถให้ใครช่วยดูแลลูกของเขาต่อไปได้ จึงนำมาให้มนุษย์ที่เคยมีเมตตาต่อเขาในวันนั้นมาให้เธอดู ซึ่งเธอเองก็อยากที่จะได้ทั้งแม่และลูกมาอยู่ในความดูแล แต่ทว่าเธอก็ยังไมสามารถที่จับตัวเจ้าเหมียวมาได้ ซึ่งเธอเองก็ได้พยายามที่จะหาวิธีการรให้เหล่าเจ้าเหมียวพวกนี้มาอยู่ในความดูแลของเธออยู่ เธอจึงได้นำเรื่องราวความน่ารักนี้มาเอาไว้ในกลุ่ม ซึ่งทางเพื่อนๆในกลุ่มนี้เองก็เอาใจช่วยกันสุดฤทธิ์เพราะอยากจะให้น้องๆมาอยู่ในความดูแลของผู้โพสต์เพราะจะได้ไม่ต้องมาอยู่แบบนี้อีกต่อไป เพราะสัตว์พวกนี้เค้ารู้ว่าใครนั้นมีเมตตาต่อพวกเขาใครหรือบ้านไหนที่คอยช่วยเหลือหรือสามารถที่จะช่วยเหลือได้ พวกเขาก็จะเลือกที่จะมาอยู่หรือมาขอที่พักพิงด้วยตัวของเขาเอง ทั้งนี้ก็อยากจะฝากเพื่อนๆเอาไว้ด้วยว่าหากเพื่อนๆคนไหนเจอสัตว์จรที่ต้องการความช่วยเหลือก็อยากที่จะให้ยื่นมือเข้าไปช่วยเพราะเราไม่รู้ว่าถ้าเราเลือกจะเมินเขาไปในวันนั้นพวกเขาจะมีลมหายใจอยู่ต่อไปได้อีกกี่วัน ขอขอบคุณข้อมูลจาก Pralichart P Meesuk

หมดลมหายใจต่อหน้าต่อตา วินาทีที่ถึงหน้าบ้านคือวินาทีสุดท้ายของชีวิต

เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Jame Alife ได้เผยเรื่องราวของแมวที่เขานั้นได้เลี้ยงมันเอาไว้ โดยน้องมีชื่อว่าหมูอ้วน หมูอ้วนป่วยด้วยโรคไตตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม และน้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องแต่อาการของน้องไม่ดีขึ้นเลย หมูอ้วนแทบจะเป็นทุกอย่างของเจ้าของ ทางเจ้าของรักหมูอ้วนมาก หมูอ้วนหลังจากออกจากโรงพยาบาลมาถึงหน้าบ้าน แล้วหมูอ้วนก็หมดลมหายใจเหมือนอยากกลับมาสิ้นใจอยู่ที่บ้าน . โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า จำหมูอ้วนได้ไหมครับ ที่เคยโพสถามเพื่อนๆในกลุ่ม เมื่อไม่นานนี้ ผมพยายามรักษาเค้าทุกวิถีทางหมดเท่าไหร่ก็ยอม หาเงินมาได้แล้วแต่อ้วนด่วนจากไปก่อน วันนี้ไปรับกลับบ้านตามปกติจากโรงบาล พอถึงหน้าบ้านเวลา 18.47น. หมูอ้วนก็ได้จากไป เสมือนว่าหมูอ้วนอยากกลับบ้านรอพ่อแม่มารับกลับบ้าน...

วันนี้โรงเรียนของเราเงียบเหงา มีแต่คราบน้ำตาเพราะคนๆเดียว

เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : ครู คลุกฝุ่น ได้เผยเรื่องราวของสุนัขของโรงเรียนที่ถูกคนคิดไม่ดีเข้ามาทำกับสุนัขทั้งโรงเรียน หลังเกิดเหตุการณ์เหล่านี้นักเรียนและครูผู้สอนต่างร้องไห้ออกมา และช่วยกันฝังน้องกับการจากไปในครั้งนี้ เพราะน้องหมาเองเป็นที่รัก และไม่เคยไปทำใครทำไมถึงทำกับน้องได้ . โดยคุณครูเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า RIP โกโก้ และทิพรส ประธานนักเรียนรุ่นที่ 3 06.15 ทั้งโรงเรียน คณะครู นักเรียน สูญเสียสิ่งที่รักไป สิ่งที่ยึดเหนี่ยวที่ทำให้เราทุกคนในโรงเรียนรู้รัก กับความเมตตาและเห็นคุณค่าในทุกๆชีวิต สิ่งที่พยายามปลูกฝังให้นักเรียนมาโดยตลอด คือ ต้องรู้จักรักเมตตาต่อสิ่งมีชีวิต ไม่รักไม่ชอบก็อย่าไปทำเขา...

สาวกุมขมับหลังปล่อยเหมียวตัวแสบออกไปเล่นนอกบ้าน ไม่ได้โดน PM 2.5 แต่วิ่งชนบันไดปากแตก

เพราะการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในระบบที่ปิดนั้นเป็นสิ่งที่คุณจะได้มากับความปลอดภัยของสัตว์เลี้ยงของคุณเอง ซึ่งการที่เราเลี้ยงเขาในระบบที่เปิดนั้นจะต้องเผชิญต่ออันตรายจากโลกภายนอกอย่างมากมาย ซึ่งเราเองก็ไม่รู้ได้ว่าพวกเขานั้นจะต้องเจอกับอะไรต่ออะไรบ้างหากวันใดวันหนึ่งพวกเขานั้นเกิดหลุดออกไป เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งได้โพสต์เล่าเรื่องราวอันสุดฮาหลังจากที่เขานั้นได้ปล่อยให้เจ้าเหมียวนั้นได้ออกไปเดินเล่นภายนอกบ้านเพียงแค่แปบเดียว ซึ่งผู้โพสต์นั้นได้นำเรื่องราวนี้มาโพสต์ลงในกลุ่ม ทาสแมว โดยได้ระบุข้อความเอาไว้ว่า "ปล่อยออกไปเล่นข้างนอกบ้านได้แปปเดียว ได้เรื่องเลย" "ไม่ได้โดนฝุ่น PM 2.5 นะ วิ่งชนบันไดปากแตก!" ซึ่งเจ้าเหมียวสุดแสบของเขานั้นได้วิ่งชนบันไดจนปากแตกเลยทีเดียว ซึ่งในตอนแรกหลายคนเมื่อได้อ่านข้อความก็คงคิดว่าจะพบเจอกับปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างแน่นอน แต่ที่ไหนได้เจ้าตัวแสบกลับชนบันไดบ้านได้ซะนี่ ซึ่งถือเป็นเรื่องราวที่เรียกความฮาพร้อมกับสีหน้าสุดเซ็งของเจ้าเหมียวได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเจ้าเหมียวรายนี้ยังมีแฟนเพจเป็นของตัวเองอีกด้วยนะโดยมีชื่อว่า แจ่นแจ๋นเป็นแมว ซึ่งทั้งนี้หากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะเข้าไปติดตามความฮาและความน่ารักของน้องก็สามารถติดตามไปได้ที่ลิงค์ด้านบนได้เลยจ้า อีกทั้งเราก็อยากจะฝากไปถึงเพื่อนๆที่อยู่ในโซนกรุงเทพหรือในประเทศเราที่อยู่ในพื้นที่ที่มีฝุ่น PM 2.5 ด้วยว่าอย่าชะล่าใจต่อเรื่องฝุ่นที่มองไม่เห็นเพราะอย่างที่ทราบไปก่อนหน้านี้ว่ามีแมวได้รับฝุ่นจนล้มป่วยเลยก็มี...

หนูน้อยเกือบต้องสูญเสียดวงตา เพราะการพาแมวไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ

เพราะการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงนั้นทั้งมอบความรักและความผูกพันให้กับมนุษย์อย่างเราๆ ยิ่งถ้าให้พวกเขาอยู่กับเด็กเล็กแล้วจะยิ่งสร้างความรักและความผูกพันให้แก่ทั้งเด็กและสัตว์เลี้ยง แต่ทว่าสัตว์เลี้ยงบางสายพันธุ์นั้นก็ยากที่จะควบคุมเช่นแมวเพราะแมวนั้นมีนิสัยที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้เมื่อต้องพบเจอกับเรื่องที่น่าตกใจ เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งได้นำเรื่องราวมาโพสต์ลงใน ชมรมแมวสายดาร์ก หลังจากที่เธอนั้นได้พบกับเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง หลังจากที่ลูกชายของเธอที่ชื่อน้องวาโย จะพาพี่ไข่หวาน (แมวสุดที่รัก) ไปเดินเล่นเนื่องจากว่าแม่เริ่มเลี้ยงพี่ไข่หวานในระบบปิดพี่ไข่หวานก็ไม่ได้ออกไปเที่ยวที่ไหนเลย ซึ่งโดยปกติแล้วหน้าที่จูงพี่ไข่หวานนั้นจะเป็นหน้าที่ของพี่ชายของวาโยอีกคนนึง แต่ในครั้งนี้น้องวาโยก็อยากที่จะอาสาพาพี่ไข่หวานไปเที่ยวเองซึ่งเป็นที่สวนสาธารณะแต่ทว่า เมื่อพาไปพี่ไข่หวานไปเดินเล่นกลับเจอสุนัขจนทำให้พี่ไข่หวานนั้นตกใจและขู่สุนัขตัวดังกล่าว ด้วยความที่น้องวาโยรักพี่ไข่หวานมากน้องวาโยจึงพยายามที่จะอุ้มพี่ไข่หวานขึ้นมา เพราะน้องวาโยนั้นเป็นห่วงความปลอดภัยของพี่ไข่หวานเพราะกลัวว่าหมาจะฟัดพี่ไข่หวานเอาได้ แต่ด้วยความที่พี่ไข่หวานตกใจอยู่จึงได้ข่วนเข้าไปที่หน้าและดวงตาของน้องวาโยเข้า น้องวาโยจึงถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในเวลาต่อมา ทว่าด้วยโรงพยาบาลดังกล่าวกลับต้องส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลปทุมธานี เพราะเกินความสามารถของโรงพยาบาลศูนย์แห่งนี้ แต่ก็ด้วยความโชคดีของน้องวาโยที่ทางโรงพยาบาลปทุมธานี นั้นได้แจ้งว่าดวงตาของน้องวาโยนั้นไม่ได้เป็นอะไรจึงได้ทำการล้างตาด้วยน้ำเกลือและให้ยาแล้วกลับบ้านได้ แต่ถ้าหากเกิดมากกว่านี้อาจจะต้องเสียดวงตาไปได้ ซึ่งทางพี่ไข่หวานเองหลังจากเกิดเหตุก็ได้หายตัวออกไปจากบ้านจนกลับมาเมื่อเช้านี้ซึ่งถือเป็นโชคดีสองต่อที่ไม่มีใครเป็นอะไรทั้งสิ้น โดยทางผู้โพสต์เองก็ได้ถามกับน้องวาโยด้วยว่าโกรธพี่ไข่หวานมั้ย ซึ่งน้องวาโยได้บอกว่าไม่โกรธเพราะเขาอยากที่จะปกป้องพี่ไข่หวานจากการถูกสุนัขฟัด ซึ่งถือว่าผู้โพสต์รายนี้เลี้ยงลูกได้ดีๆมากที่เขามีจิตใจและหัวใจที่อยากจะปกป้องสัตว์เลี้ยงของตนเอง แต่ทว่าก็อยากจะฝากเพื่อนๆเอาไว้ด้วยว่าแมวนั้นเป็นสัตว์ที่คาดการณ์อะไรไม่ได้เพราะเมื่อเขาเจอเรื่องที่ตกใจเขาอาจจะไม่มีสติด้วยความโมโหและหันกลับมาทำร้ายเราได้เช่นเดียวกัน ซึ่งการพาพวกเขาออกไปเดินเล่นแบบนี้ก็ควรที่จะมีผู้ปกครองหรือเจ้าของที่สามารถควบคุมพวกเขาได้ ขอขอบคุณข้อมูลจาก อุมากร...

หนูอาศัยอยู่กับแม่ในท่อระบายน้ำตรงข้ามป้ายรถเมล์ วันไหนโชคดีหน่อยก็ได้อิ่มวันไหนไม่มีก็ต้องอด

เพราะชีวิตนั้นเลือกที่จะเกิดไม่ได้ ทำให้หลายๆชีวิตต้องเกิดมาดิ้นรนต่อชะตากรรมที่ต้องเจอในแต่ละวัน ซึ่งหากวันไหนโชคดีฝนไม่ตกก็ดีหน่อยวันไหนฝนตกหนักไม่เจอผู้คนใจดีก็ต้องอดตามมีตามเกิด แล้วยิ่งเป็นสุนัขจรที่ไม่ได้น่ารักเหมือนหมาพันธุ์ด้วยแล้วใครจะมาเหลียวแลเราแม่และลูก หลังจากผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า Pornpen Saralert ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าตูบแม่ลูกคู่หนึ่งที่ต้องอาศัยนอนในท่อระบายน้ำใกล้ป้ายรถเมล์เพราะเกิดมาเป็นสุนัขจร ซึ่งอาศัยอยู่กันแค่แม่ลูกเท่านั้นมีเพียงเศษอาหารจากขยะที่ได้กินประทังชีวิตวันไหนเจอผู้คนใจดีให้ได้อิ่มท้องแม่ลูกก็ถือเป็นโชคดีที่สุดในชีวิต ผู้โพสต์รายดังกล่าวจึงได้นำเรื่องราวมาโพสต์ลงในกลุ่ม เพื่อนข้างถนน หลังจากที่เธอนั้นได้ไปพบน้องเข้าจึงอยากที่จะขอความช่วยเหลือหรือหน่วยงานใดๆจากกลุ่มในโลกออนไลน์นี้ซึ่งน้องนั้นอาศัยอยู่ใกล้กับถนนใหญ่กลัวว่าจะเกิดเหตุร้ายเกิดขึ้นกับน้องได้เพราะน้องยังเด็กอีกทั้งแม่หมาก็หาอาหารประทังความหิวให้ลูก ช่างเป็นภาพที่สุดจะน่าสงสารเอามากๆ ซึ่งทั้งนี้ผู้โพสต์เองก็ยังได้ระบุพิกัดเอาไว้ด้วยว่า พิกัดตรงข้ามป้ายรถเมล์ห้างแฟชั่น ซึ่งถ้าวันไหนไม่มีคนให้กินแม่หมาก็จะต้องไปคุ้ยขยะมาให้กับลูกตัวน้อย ซึ่งหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะรับน้องไปเลี้ยงก็สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Pornpen Saralert

สาวลองเรียกแมวทุกตัวที่พบเจอ หวังจะเจอแมวที่หายออกจากบ้านไปเป็นปี จนมีเสียงแมวตอบกลับมาทำน้ำตาของแม่แทบร่วง

เพราะการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงก็มักจะตามมาด้วยความผูกพัน และความรักที่มีต่อกันจากที่เคยได้อยู่ร่วมใช้ชีวิตในแต่ละวัน เมื่อวันหนึ่งหายไปแล้วก็คงจะยากที่จะทำใจหรือหากจากไปก็จะต้องพบเจอกับการสูญเสียที่อาจจะทำเสียน้ำตา แต่ทว่าก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไปเพราะในบางรายก็โชคดีได้วนกลับมาพบเจอกันอีกครั้ง เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวตัวอ้วนของเขาหลังจากที่น้องได้หายออกไปจากบ้านนานร่วม 1 ปี 2 เดือน ซึ่งเธอนั้นได้เล่าเอาไว้ว่า มีแต่หลายคนถามเธอว่าแมวหายไปเป็นปีจำได้ยังไง แม้กระทั่งหมอก็ยังถามว่ามั่นใจแค่ไหนว่าเป็นแมวของตัวเอง ซึ่งเธอนั้นก็ได้บอกเอาไว้ว่าเอาจริงๆแค่หนวดแล้วก็ลายที่หางของน้องก็ค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าต้องใช่แน่ๆ หรือถ้าไม่ใช่ตอนนี้ก็เลี้ยงแล้ว ตั้งแต่อ้วนหายก็ไม่เคยกล้าหาแมวมาเลี้ยงอีกเลย ลองถามราคาไปหลายๆร้าน แต่พอจะซื้อจริงๆก็กลัวจะหายอีกเพราะที่บ้านมีทั้งหมาทั้งเด็กคนแก่ เปิดประตูกันวุ่นวายไปหมด (แต่รอบนี้ทำห้องปิดใหม่ให้อ้วนแล้ว) นอนกับพ่อแม่แล้วก็น้อง ทาสเพิ่งคลอดเบบี้มาด้วยเพิ่ง 3 เดือนเองค่ะ ซึ่งทั้งนี้เธอยังได้เล่าอีกว่าเธอนั้นได้พบเจ้าอ้วน เมื่อวันนึงเธอบังเอิญเจอแมวตัวนึงตอนไปกดเงิน แต่มันมืดแล้วเลยเห็นไม่ชัดเท่าไหร่นัก เธอจึงร้องเหมียวๆแล้วเขาก็ตอบกลับมา...

เคยมีเพื่อนเร่ร่อนออกหากินมาด้วยกัน วันนี้เพื่อนสิ้นใจจากไปแล้ว ตอนนี้ตัวคนเดียวยังไม่รู้จะถึงคิววันไหน

เพราะอีกหลายๆชีวิตที่เลือกเกิดไม่ได้ยิ่งเป็นสัตว์จรที่ยังเด็กถูกเอามาปล่อยไว้ตรงไหนก็ยังคงวนเวียนอยู่แถวนั้นเพราะด้วยไม่มีใครสอนหรือใครจะเหลียวแลช่วยเหลือ วันดีคืนดีถูกรถชนก็สิ้นใจเพราะจะหันไปหาใครทางไหนก็ไม่มีใครเค้าต้องการ จะไปป่าวประกาศก็พูดไม่ได้ไร้เสียงเหมือนกับคน เช่นเดียวกับเจ้าเหมียวรายนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งได้นำเรื่องราวของน้องมาโพสต์ลงในกลุ่ม โครงการรวมพลคนช่วยเหลือสัตว์ยากไร้ด้อยโอกาส หลังจากที่น้องถูกเอามาปล่อยเอาไว้กับเพื่อนอีกหนึ่งตัว อาศัยอยู่ริมถนนรถก็ผ่านไปผ่านมาร่วมหากินร่วมกันออกเร่ร่อนกับเพื่อนตัวน้อย จนกระทั่งวันนี้เพื่อนของน้องได้จากไปแล้วเนื่องจากถูกรถชน ผู้โพสต์จึงนำเรื่องราวมาโพสต์ลงในกลุ่มเพื่อที่จะหาบ้านให้แก่น้อง เพราะเมื่อก่อนน้องก็อาศัยอยู่กับน้องแมวสีเปรอะอีกตัวนึง แต่วันนี้เพื่อนน้องจากไปแล้วตาน้องก็เจ็บไม่ค่อยจะสบาย อยู่ริมถนนตัวคนเดียวอยู่อย่างลำพัง รถก็เข้าออกซอยตลอดเวลา อาหารยังพอจะมีตกถึงท้องเพราะคนผ่านไปมาสงสารเลยให้กิน แต่ไม่มีใครเขาอยากจะรับหนูไปดูแลบ้างเลยเหรอพี่จ๋า ขอเพียงบ้านที่อบอุ่นให้คอยได้ซุกหัวนอนไม่หวังอะไรมากมาย ขอเพียงพื้นที่ที่ปลอดภัยไม่ต้องมาเสี่ยงอันตรายไม่รู้ว่าไหนจะถึงตาหนู โดยภาพของเจ้าเหมียวรายรูปล่างนี้คือรูปของเพื่อนน้องที่ถูกรถชนจนสิ้นใจไปแล้ว เพราะด้วยเมื่อก่อนอยู่ด้วยกันตลอดเวลาหาอะไรกินก็คอยปกป้องกันและกันมาวันนี้ต้องทนอยู่ลำพังตัวก็ยังน้อยนิดจะหาที่ไหนปลอดภัยสำหรับหนูได้บ้างมั้ยพี่ๆจ๋า ขอวอนบ้านไหนพอจะมีพื้นที่เหลือขออาศัยให้อยู่ไกลจากถนน ขอขอบคุณข้อมูลจาก เนตรประวีร์ เหลี่ยมมณี

แมวจรในโรงพยาบาลรัฐ จับขังให้ตากแดดนานครึ่งวัน ไม่มีแม้น้ำหรืออาหารให้กิน

อาจจะเป็นเพราะความอ่อนโยนของหัวใจมนุษย์แต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน จึงมองว่าสัตว์ที่เกิดมาด้อยหรือตัวเล็กกว่านั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่น่าเห็นใจ ซึ่งในบางคนอาจจะถูกปลูกฝั่งมาตั้งแต่ยังเล็กๆทำให้จิตใจไม่มีความเมตตาใดๆกับสัตว์เหล่านี้ แต่ทว่าก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นทุกคนเสมอไป หลังจากผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งนำเรื่องราวของเหล่าเจ้าเหมียวจรที่อาศัยอยู่ในระแวกโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น ได้ถูกกวาดล้างครั้งใหญ่เพราะน่าจะไปสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คนหรือเจ้าหน้าที่ที่นั้นแต่ทว่าการกวาดล้างนี้กลับกลายเป็นการจับน้องๆมาใส่กรงขังเอาไว้ และปล่อยให้ตากแดดไม่รู้นานกี่ชั่วโมงไม่มีแม้แต่น้ำหรืออาหาร และก็ไม่ทราบด้วยว่าจะเอาน้องๆไปส่งไว้ที่ไหนต่อ โดยไม่รู้เลยว่าจะเอาไปปล่อยข้างถนนหรือว่ามีสถานที่รองรับแล้ว โดยผู้โพสต์รายนี้ก็เกิดความสงสารและเห็นใจจึงนำเรื่องได้นำเรื่องราวมาโพสต์ลงในกลุ่ม ขอนแก่น ร้องเรียนอะไรบอกไว้ที่นี่ เผื่อว่าจะมีหนทางช่วยเหลือน้องๆได้อย่างน้อยก็เป็นการหาบ้านหาที่อยู่ให้กับน้องๆ เพราะเราไม่รู้ได้เลยว่าชะตากรรมของน้องๆนั้นจะเป็นอย่างไรต่อไป ซึ่งทั้งนี้หากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากที่จะรับเลี้ยงน้องๆก็ลองติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์ดูได้เลยนะคะ หวังว่าเราจะยังช่วยพวกเขาได้ทันเวลา โดยในขณะนี้ก็ยังไม่รู้ว่าพวกน้องๆนั้นจะเป็นอย่างไรกันบ้างหรือหากมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือได้ก็จะขอบพระคุณเป็นอย่างมาก เพราะน้องๆเป็นแมวจรที่คาดว่าน่าจะถูกนำมาปล่อยและออกลูกออกหลานจึงอาศัยอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Bowie Nawapongsakorn