เป็นแมวที่หอชอบมานั่งรอขึ้นลิฟด้วย แถมแสนรู้ฉลาดเกินแมวรู้ว่าอยู่ห้องไหนไม่วายตามไปหาถึงที่ออฟฟิศ
เพื่อนๆหลายคนที่ได้เลี้ยงแมวนั้นก็คงจะรู้ดีว่าแมวนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดแต่พวกเขามักจะไม่ชอบแสดงความฉลาดเหล่านั้นออกมา ซึ่งในบางทีเราก็ไม่สามารถที่จะคาดการณ์กับสิ่งต่างๆที่พวกเขาทำได้เพราะบางทีเขาก็ดูเหมือนไม่ฉลาดแต่บางทีก็แสดงความฉลาดออกมาซะอย่างงั้น
แบบที่เรานั้นคิดไม่ถึงเช่นเดียวกับเจ้าเหมียวรายนี้ หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Palita Yookhong ได้นำเรื่องราวของเจ้าเหมียวแสนรู้มาโพสต์บอกเล่าเรื่องราวลงในกลุ่มทาสแมว หลังจากที่เจ้าเหมียวนั้นชอบมานั่งรอขึ้นลิฟท์ด้วย ซึ่งน้องนั้นเป็นแมวที่หอที่เธอนั้นอาศัยอยู่
แถมเจ้าเหมียวยังรู้ดีอีกด้วยว่าผู้โพสต์นั้นอาศัยอยู่ที่ห้องไหน ซึ่งทุกวันก็มักจะมานั่งรอที่หน้าลิฟท์และเดินออกจากลิฟท์มาที่หน้าห้องและเดินเข้าห้องก่อนที่เธอจะเข้าห้องซะอีก เหมือนกับว่ามาขอนั่งเล่นที่ห้องเธอหน่อยทำเหมือนเป็นบ้านตัวเองซึ่งเป็นแบบนี้อยู่ในทุกๆวัน
จนหลายๆคนนั้นคิดว่าเป็นแมวของเธอไปแล้ว โดยที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าน้องนั้นมีชื่อว่าอะไรแต่เธอเรียกน้องว่าเจ้าแหม่ว และยิ่งไปกว่านั้นออฟฟิศของเธอก็อยู่ใกล้กับหอ ซึ่งเจ้าเหมียวแสนรู้ก็มักจะชอบเดินไปหาที่ออฟฟิศอยู่เป็นประจำจนคนที่ออฟฟิศก็คิดว่าเจ้าเหมียวนั้นเป็นแมวของเธอไปอีก (แต่เปล่าเลยน้องเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้)
โดยที่เธอก็ไม่ได้เลี้ยงเจ้าเหมียวแต่อย่างใด แต่ก็ดูมีคนให้ข้าวให้น้ำเพราะน้องก็อุดมสมบูรณ์ ซึ่งเมื่อเธอโพสต์เรื่องราวของน้องลงไปในกลุ่มก็ต่างมีเพื่อนๆเข้ามาคอมเม้นต์เชียร์ให้เธอเลี้ยงเจ้าเหมียวรายนี้อีกด้วย เพราะด้วยความน่ารักฉลาดแสนรู้ที่แมวหลายๆตัวมักจะไม่แสดงออกจึงทำให้หลายคนต่างหลงรักความฉลาดในตัวของนาง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Palita Yookhong
นอนซบกันเพราะรู้ดีกว่าใครว่าแม่เค้าจากเราไปแล้ว
เพราะการเลี้ยงสัตว์นั้นมักจะนำพาภาระมาให้กับผู้เป็นเจ้าของ ซึ่งเราก็มักจะบอกกับเพื่อนๆทุกครั้งเกี่ยวกับเรื่องราวของน้องหมาน้องแมวว่าให้คำนึงถึงภาระที่จะตามมาถ้าคิดจะเลี้ยงพวกเขาแล้วเพราะอย่าได้ลืมไปว่าเหนือสิ่งอื่นใดพวกเขานั้นก็รักคุณดังผู้เป็นพ่อเป็นแม่
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า มิสเตอร์ปลั๊กซ์ พชรนนท์ ได้นำเรื่องราวของเจ้าเหมียวสองตัวนี้มาโพสต์ลงในกลุ่มทาสแมว หลังจากที่เขานั้นน้องเอาไว้เพราะน้องถูกนำมาวางไว้และเดินหายออกไป เอาไปวางไว้บริเวณหน้าอพาร์ทเม้นท์ที่เขานั้นได้พักอาศัยอยู่
ในตอนที่พบน้องๆพร้อมกับเสื้อผ้าและรองเท้าอยู่หน้าอพาร์ทเม้นท์ดังกล่าวซึ่งทางผู้โพสต์ก็ได้ขอดูกล้องวงจรปิดกับทางเจ้าของหอแต่ทางเจ้าของหอก็ยังไม่ให้ดูจึงได้สอบถามจากแม่บ้านหอพัก โดยทราบว่ามีคน 2 คนเอาน้องมาวางไว้เมื่อตอนเที่ยงของเมื่อวานนี้
ซึ่งทางผู้โพสต์นั้นได้เลิกงานตอนตี 1 และกลับมาเจอน้องๆเลยเอาน้องๆมาไว้ที่ห้องก่อนซึ่งน้องๆนั้นมาพร้อมกับถุง 1 ใบและในถุงมีเสื้อผ้าและชามข้าวและรองเท้าของเจ้าของ 3 คู่ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นของผู้หญิง ซึ่งทางผู้โพสต์เองก็ไม่สามารถที่จะเลี้ยงน้องๆได้
เนื่องจากทางหอพักก็มีกฏห้ามเลี้ยงสัตว์เลี้ยงและทางตัวผู้โพสต์เองก็แพ้ขนแมวอีกด้วย แต่ด้วยความเอ็นดูในคืนนี้ก็คงจะต้องให้น้องๆอยู่ในห้องไปก่อนจึงอยากให้เพื่อนๆในกลุ่มช่วยกันหาบ้านให้กับน้องๆเพราะน้องๆไม่เหลือใครแล้วจริงๆ ทั้งนี้ก็วอนขอโดยหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะรับเลี้ยงน้องๆก็สามารถติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก มิสเตอร์ปลั๊กซ์ พชรนนท์
โรคที่รักษาไม่หาย หลังแมวของเธอติดไวรัสโคโรน่าแมวและจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกแค่3เดือน
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Kanokwan Mö D'z ได้เผยเรื่องราวของแมวที่เธอนั้นได้เลี้ยงมันเอาไว้ โดยเจ้าเหมียวของเธอนั้นป่วยด้วยโรคที่ไม่มีทางรักษาอย่างโรคโคโรน่าแมว หรือเรียกสั้นๆว่า FIP (คนละตัวกับโคโรน่าอู่ฮั่น) และทางคุณหมอได้บอกว่าน้องจะเหลือเวลาอยู่ได้ไม่นานเต็มที่ก็แค่ 3 เดือนสุดท้ายของชีวิต
.
โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า วันนี้ต้องทำใจยอมรับให้ได้ เพราะโรคนี้รักษาไม่หาย ไม่มีวัคซีนตัวไหนที่จะช่วยได้เลย เชื้อไวรัสนี้เกิดจากการขับถ่ายของตัวเอง เรียกว่าโรค FIP (โคโรน่าแมว) บางตัวอาจจะแค่ติดโรคแล้วถ่ายเป็นแบบเหลว พอหยุดถ่ายแล้วเชื้อจะหายไป วัคซีนก็มีส่วนช่วยป้องกันได้บ้าง แมวบ้างตัวก็อาจจะไม่ติดแล้วแต่ตัว...
ยังคิดถึงคนบนฟ้าแม้จะรู้ว่าพ่อจะไม่มีวันกลับมา ได้แต่นอนบนหมอนที่มีกลิ่นของพ่อเพื่อคลายความคิดถึง
เพราะการเลี้ยงสัตว์ร่วมกับคนรักก็เหมือนกับการเลี้ยงลูกซึ่งจะเกิดความผูกพันความรักและความเมตตายิ่งแล้วถ้าเกิดเลี้ยงร่วมกับแฟนหรือคนรักก็เหมือนกับเราเลี้ยงลูกตัวน้อยไม่ต่างกันเลย แต่ทว่าการพบเจอย่อมมีการจากลาเสมอเช่นเดียวกับเรื่องราวของสาวรายนี้
หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Kanokwan Sumphan ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวที่ทำเอาเพื่อนๆในกลุ่มทาสแมวหลายคนถึงกับต้องเสียน้ำตาด้วยความที่ว่าเธอนั้นเคยสัญญากับแฟนหนุ่มของเธอเอาไว้ว่าหากใครจากโลกนี้ไปก่อนก็จะต้องอยู่ดูแลลูกแมวให้ดี และห้ามร้องไห้หรือคิดสั้นใดๆ
ซึ่งเมื่อปลายปีที่แล้วแฟนของเธอก็เสียไปจากอาการป่วยเดียวกับคุณปอ ทฤษฏี ซึ่งเจ้าเหมียวสุดที่รักของเธอก็ได้แต่เฝ้ารอคอยแล้วก็คอยผู้เป็นพ่อเพราะพ่อไม่กลับมาบ้านสักที ซึ่งทั้งนี้เธอก็ได้บอกกับน้องว่าไม่เป็นไรนะลูกแม่จะดูแลพวกหนูเอง
โดยหากว่าใครที่เคยคิดว่าแมวนั้นเป็นสัตว์ที่ความจำสั้นนั้นไม่จริงเลยเพราะน้องนั้นจะไปนอนบนหมอนของพ่อในทุกๆวันซึ่งมีกลิ่นของพ่ออยู่ หมอนใบนี้ไม่เคยซักหลังจากที่แฟนของเธอเสีย และน้องก็คงจะคิดถึงพ่อมากๆ ซึ่งตัวเธอเองนั้นก็คิดถึงไม่ต่างจากแมวแต่เมื่อพ่อเขาจากเราไปสบายแล้วเราก็จะต้องสู้เพื่อพ่อที่อยู่บนฟ้านะลูก
โดยตั้งแต่พ่อไม่อยู่น้องก็ไม่ค่อยกินข้าวเลยค่ะไม่ร่าเริง ไม่ค่อยวิ่งเล่นเหมือนที่เคยชอบเอาแต่ไปนอนซบตรงที่ของพ่อที่เขาเคยใช้แบบนี้ในทุกวัน ซึ่งตัวเธอเองก็สงสารเด็กๆมากแต่ก็ต้องเข้มแข็งเอาไว้เพราะเธอจะต้องดูแลเด็กๆต่อไปดั้งคำสัญญาที่ให้กับแฟนของเธอเอาไว้ จึงอยากที่จะฝากเพื่อนๆเอาไว้ให้ดูแลคนที่คุณรักของคุณให้ดีเพราะเราไม่รู้ว่าเราจะอยู่กับเขาได้นานแค่ไหน ทั้งนี้ก็ขอแสดงความเสียใจกับเจ้าของโพสต์ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ยังไงก็ขอให้สู้ๆและเข้มแข็งเอาไว้นะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Kanokwan Sumphan
มาเฝ้ารอขออาหารจากร้านก๋วยเตี๋ยว พอเขาเอามาให้แม่แมวกลับนั่งดูจนลูกอิ่มก่อนที่แม่จะกินเศษอาหารที่ลูกกินเหลือ
หากเราจะพูดถึงหัวอกคนเป็นแม่แล้วเชื่อว่าทุกคนก็คงจะเข้าใจคำๆนี้ดีว่าไม่มีสิ่งใดๆที่จะมาทดแทนคำๆนี้ได้ เพราะความรักของผู้เป็นแม่นั้นยิ่งใหญ่เสมอเพราะไม่ว่าอะไรก็ตามผู้เป็นแม่นั้นยอมทำ ยอมเสียสละให้กับลูกได้อย่างไม่มีข้อแม้และก็ไม่ใช่กับคนเพียงเท่านั้นแม้แต่กับสัตว์เองก็เช่นกัน
หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า อำพล ทองเมืองหลวง ได้โพสต์เล่าเรื่องราวและรูปถ่ายลงยังโลกออนไลน์หลังจากที่เขานั้นได้เดินทางและเกิดหิวจึงแวะนั่งกินก๋วยเตี๋ยวแถวตลาดคลองเตย ซึ่งเจ๊ร้านก๋วยเตี๋ยวนั้นก็ได้เอาอาหารใส่ถาดโฟมมาให้กับแม่แมวและลูกๆแบ่งกันกินเป็นมื้อค่ำ
ด้วยแมวทั้งหมดนั้นมี 5 ตัวเป็นแม่แมว 1 ตัวและเจ้าเหมียวตัวน้อยๆอีก 4 ตัวโดยถาดข้าวได้วางลงบนพื้นปุ๊บเจ้าเหมียวต้วน้อยๆก็วิ่งมารุมกินแบบในภาพ ส่วนแม่แมวนั้นกลับไม่ได้กินและนั่งเฝ้าดูลูกกินกันอย่างเอร็ดอร่อย ผู้โพสต์จึงได้ตัดสินใจถ่ายภาพสุดน่ารักชุดนี้เอาไว้
และเมื่อถึงเวลาที่ลูกแมวตัวน้อยๆได้กินข้าวกันจนอิ่มสักพักก็ได้วิ่งไปเล่นกันต่อตามประสาเด็กตัวน้อยๆ ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจนั้นก็คือแม่แมว ค่อยๆมากินเศษข้าวที่เหลือหลังจากที่ลูกๆได้ออกไปวิ่งเล่น ซึ่งก่อนหน้านั้นก็ได้แต่เฝ้ามองลูกตัวน้อยๆกินกันจนอิ่มท้อง
นี่แหละนะหัวอกคนเป็นแม่แล้วไม่ว่าจะเป็นคนหรือเป็นสัตว์ก็เฝ้ารอให้ลูกได้อิ่มก่อนได้เสมอ ซึ่งเราก็อยากจะฝากเพื่อนๆเอาไว้ด้วยว่าไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตไหนพวกเขาก็มีความเป็นแม่เป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกับพวกเราหากไม่ชอบก็อย่าไปขับไล่พวกเขาเลยเพราะพวกเขาก็มีหัวใจไม่ต่างจากเราเลยจริงๆ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก อำพล ทองเมืองหลวง
ลอยคอในน้ำร่วม2วัน ทั้งแดดร้อนจ้าทั้งน้ำท่วมจนเหลือแค่คอ ร้องสุดเสียงหวังให้ใครสักคนได้ยินเสียง
อาจะเพราะด้วยการที่ใครสักคนจะเห็นคุณค่าของชีวิตเราในโลกใบนี้นั้นเป็นสิ่งที่ยาก ยิ่งแล้วถ้าเกิดมาไม่ได้เป็นสัตว์ที่มีสายพันธุ์ดีๆดูน่ารักน่าเอาใจใส่ด้วยแล้วก็ยิ่งยากจะมีใครเห็นคุณค่าในตัว ซ้ำถ้าเกิดโชคร้ายได้รับอุบัติเหตุหรือตกอยู่ในสิ่งที่อันตรายที่ต้องการจะได้รับความช่วยเหลือ
ก็มีโอกาสเพียงน้อยนิดที่จะมีใครๆเห็นใจ เช่นเดียวกับเจ้าเหมียวตัวน้อยตัวนี้ หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Plapla Ratchanewan ได้โพสต์เล่าเรื่องถึงความโชคดีของเจ้าเหมียวตัวน้อยหลังจากที่น้องตกไปอยู่ในท่อระบายน้ำ 2 วัน 1 คืนซึ่งกลางวันแดดก็ร้อนแถมยังจมน้ำเหลือแต่คอ
ซึ่งเธอเองก็ได้ยินเสียงน้องมาตั้งแต่วันที่ 15 จนถึงค่ำของวันที่ 16 ก็ยังคงได้ยินอยู่ตรงท่อหน้าบ้านไม่ไปไหนเธอจึงขอความช่วยเหลือเพื่อนข้างๆบ้านแต่ก็ไม่มีใครสนใจจะช่วย จึงพยายามหาวิธีโพสต์ลงในเฟสเพื่อที่จะขอความช่วยเหลือจนเพื่อนประสานงานติดต่อหน่วยงานมูลนิธิมาช่วย
จนมีคนแนะนำให้ลองโทรไปที่ 199 ไม่ถึง 20 นาทีเจ้าหน้าที่ก็มาถึงพี่เค้าช่วยกันงัดฝาท่อพอเปิดมาเสียงเจ้าเหมียวก็เงียบไปพอเปิดดันไม่เจอแมวแถมน้องก็ไม่ร้องเอาไฟฉายส่องก็หาไม่เจอ หาอยู่นานจนพี่กู้ภัยเค้ากลับไปและเปิดฝาท่อเอาไว้ เธอก็โล่งใจอย่างน้อยน้องก็คงจะกระโดดออกมาได้บ้าง
จนน้องชายของเธอกลับมาถึงบ้าน น้องแมวก็ร้องขึ้นมาอีกครั้ง...
วิ่งตามไม่หยุด หมาน้อยวิ่งสี่คูณร้อยวิ่งตามสาวมอเตอร์ไซค์แม้จะเหนื่อยจนไม่ไหว หวังให้เธอช่วยชีวิตหนูที
เพราะในชีวิตจริงนั้นไม่เหมือนกับในละครที่วาดฝัน เมื่อยามยากลำบากใจมีใครเล่ามายื่นมือช่วยเหลือซ้ำแล้วเกิดมาเป็นสุนัขจรที่ไม่มีใครต้องการ ยิ่งถ้าสีไม่สวยหรือไม่น่ารักหันไปหาใครก็ไร้จะเหลียวแลหรือหากถูกเอามาปล่อยไว้พื้นที่ไร้ผู้คนก็ไร้ทางดิ้นรนจะมีชีวิตต่อ
เช่นเดียวกับเจ้าตูบน้อยรายนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Arissara Ruethiduang ได้โพสต์คลิปวิดีโอของเจ้าตูบตัวน้อยที่น่าสงสารหลังเขานั้นได้พบน้องเข้าในระหว่างทางกลับบ้านแต่เจ้าตูบน้อยก็วิ่งตามรถมอเตอร์ไซต์ที่เขานั้นได้ขี่มาไม่หยุด
ด้วยสุดกำลังที่มีหวังให้ช่วยเหลือ ซึ่งในตอนแรกเธอนั้นก็คิดว่าน้องคงยังเด็กเล็กและไม่รู้ประสีประสาจึงวิ่งเล่นวิ่งตามรถผ่านไปมาทั่ว จนสักพักน้องก็ไม่มีวี่แววที่จะหยุดวิ่งเธอจึงตัดสินใจหยุดรถและลงไปดูว่าน้องนั้นต้องการอะไรซึ่งสิ่งที่เห็นก็คือน้องนั้นตกอยู่ในสภาพที่ผอมโซ
แต่ก็ยังคงวิ่งมาด้วยใจหวังอาจจะเพราะด้วยการถูกนำมาปล่อยเอาไว้ในบริเวณดังกล่าวซึ่งเป็นทางที่ไร้บ้านคนอาศัยจึงไม่มีอะไรตกถึงท้อง เธอจึงตัดสินใจที่จะเอาน้องนั้นกลับบ้านไปเลี้ยงด้วยเพราะความสงสารที่เกิดขึ้นน้องจึงได้บ้านในที่สุด
และเมื่อขึ้นรถน้องก็ส่งยิ้มหวานให้ราวกับว่าน้องกำลังดีใจที่มีคนช่วยชีวิต และน้องก็คงรู้ว่ามนุษย์รายนี้คงจะรับน้องไปเลี้ยงด้วยแน่ๆน้องจึงยิ้มออกมาด้วยความสุขดังในภาพนี้ ทั้งนี้ก็อยากจะฝากเพื่อนๆเอาไว้ด้วยว่าหากคิดจะนำสุนัขไปลอยแพก็ให้คิดถึงตอนที่พวกเขาต้องอยู่และเอาชีวิตรอดด้วยว่าพวกเขาจะอยู่รอดต่อไปได้ยังไง เพราะอย่าได้ลืมไปว่าพวกเขานั้นก็มีหัวใจไม่ต่างจากเรา
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Arissara Ruethiduang และชมคลิป
https://www.facebook.com/showclip3/videos/2607480669374062
https://www.facebook.com/showclip3/videos/585427128855387
สาวไทยปล่อยแมวไว้ที่เมืองอู่ฮั่นเพียงลำพัง พวกเขาได้แต่เฝ้ารอการกลับมาของเจ้าของที่ริมหน้าต่าง
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : KhunNai Aom Billingham ได้เผยเรื่องราวของเจ้าเหมียวที่เธอนั้นได้เลี้ยงพวกมันเอาไว้ โดยเจ้าเหมียวทั้งสองตัวนี้ติดอยู่ในเมืองอู่ฮั่น โดยที่ทางเจ้าของซึ่งเป็นสาวไทยและมีบ้านอยู่ที่นั่น และในช่วงวันหยุดยาวของประเทศจีนเธอจึงได้กลับมายังบ้านเกิดอย่างประเทศไทย
.
แต่เกิดไวรัสตามที่เป็นข่าวซะก่อน เที่ยวบินต่างๆที่กลับไปยังเมืองอู่ฮั่นก็ถูกยกเลิกหมด เธอจึงไม่สามารถเดินทางกลับไปดูแลแมวของเธอได้ ส่วนเจ้าเหมียวทั้งสองต้องคอยดูกันและกันและรอคอยการกลับมาของผู้เป็นแม่ พวกเขาได้แต่เฝ้าอยู่ที่ริมหน้าต่างเพื่อรอการกลับมาของเจ้าของ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ทางเจ้าของเป็นทาสแมว มีวิธีรับมือกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า แมวทั้งสองชื่อว่ามูนนี่ลูกสาว กับบอนด์โจเจ้าลูกชาย วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์ปล่อยให้แมวอยู่บ้านที่อู่ฮั่นต้องเตรียมตัวเรื่องอะไรบ้าง จริง ๆแล้วถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากให้เขาอยู่บ้านตามลำพัง
ถ้าเอาไปฝากเลี้ยงตามโรงแรมแมวที่เราไว้ใจถ้าได้ก็เอาไปฝากเถอะค่ะ แต่นิสัยแมวแต่ละตัวไม่เหมือนกันและบางพื้นที่ไม่มีโรงแรมแมวดีๆ ที่ไว้ใจได้รับเลี้ยง อย่างเช่นกรณีของเรานะ...
เลี้ยงแมวมา 2 ปีไม่เคยมีปัญหา แต่จู่ๆแฟนกลับบอกว่าไม่อยากเลี้ยงแมวแล้วเพราะไม่ชอบขนแมว
เพราะคนเรานั้นมีหัวใจที่อ่อนโยนแตกต่างกันอาจจะด้วยการเลี้ยงดูหรือการที่เติบโตมาในครอบครัวที่แตกต่างทำให้มนุษย์เรานั้นมีทั้งชอบและไม่ชอบสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ ซึ่งจากปัญหาส่วนใหญ่ที่ได้พบเจอก็คือการเลี้ยงสุนัขหรือแมวร่วมกันด้วยการที่เพิ่งมีแฟน
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Pornthawan Jandee ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเธอหลังจากที่เธอนั้นได้มีปัญหากับแฟนเรื่องของการเลี้ยงแมวซึ่งเธอนั้นก็ได้เลี้ยงน้องแมวมาเป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้ว ซึ่งแฟนของเธอนั้นเป็นโรคภูมิแพ้แต่ก็เห็นว่ารักแมวดี
เพราะด้วยการที่เขานั้นเล่นด้วยกันทุกวันซึ่งหลังจากกลับมาจากที่ทำงานแฟนของเธอก็จะกลับมาอุ้มน้องแมว แต่บางครั้งก็ชอบบ่นเมื่อตัวเองนั้นจามว่าไม่อยากที่จะเลี้ยงน้องแล้วเพราะจามบ่อยก็บ่นว่าเป็นเพราะขนของน้อง ซึ่งเธอก็เลยได้พูดว่าถ้าไม่ให้เลี้ยงแล้วจะเอาไปอยู่ที่ไหน
เพราะด้วยเลี้ยงมาก็รักและผูกพันกับน้องมากเพราะน้องอยู่ด้วยมาตลอดสองปี โดยสิ่งที่เธอคิดเอาไว้ก็คือถ้าเป็นปัญหากับแฟนมากๆจริงๆจะพาน้องแมวไปอยู่ที่อื่น โดยยอมที่จะแยกกับแฟน ซึ่งเธอจึงมาขอคำปรึกษากับเพื่อนๆในกลุ่มเพื่อถามว่าเธอนั้นตัดสินใจถูกมั้ย
โดยทั้งนี้ส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยกับเธอเพราะด้วยการที่เลี้ยงน้องมากว่าจะโตมาขนาดนี้แถมยังอยู่ด้วยกันมาตลอดและรักน้องเหมือนกับลูกคนนึง ซึ่งถ้าปัญหามันแก้กันไม่ได้จริงๆก็แนะนำให้ลองแยกกันอยู่เพราะแฟนนั้นเราสามารถที่จะหาใหม่ได้แต่ถ้าแมวตัวนี้ถ้าหายไปเชื่อเหอะว่าคุณจะกลับมาคิดทีหลัง เพราะแมวตัวนี้ไม่สามารถหาที่ไหนได้อีกแล้ว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Pornthawan Jandee
นักร้องสาวติดต่อเข้ามาขอลูกหมาไปเลี้ยง ป้าก็เอาไปส่งถึงบ้านแต่พอรับไปกลับเอาน้องไปปล่อย
ทุกๆครั้งที่เราบอกถึงการเตรียมความพร้อมกับการที่จะคิดนำสุนัขหนึ่งตัวมาเลี้ยง เพราะการนำสุนัขหนึ่งตัวมาเลี้ยงนั้นเท่ากับคุณจะต้องแบกรับภาระกับหนึ่งชีวิตที่คุณจะต้องดูแลเขาไปตลอดชีวิต อีกทั้งคนในสมัยนี้มองเพียงแค่มุมจากภายนอกไม่ได้เพราะสิ่งที่อยู่ในจิตใจนั้นเป็นสิ่งสำคัญไม่ใช่ว่าอยากจะเลี้ยงแต่ไม่พร้อมดูแล
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Noppawan Chantree ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าตูบตัวน้อยที่เธอนั้นได้รับคำปรึกษามาจากคุณป้ารายหนึ่งหลังจากที่คุณป้านั้นได้มอบลูกสุนัขให้กับสาวนักร้องที่มาขอสุนัขตัวนี้ไปเลี้ยงดู
แต่เมื่อถึงเวลาส่งน้องให้แล้วนักร้องสาวรายดังกล่าวกลับทำสุนัขหายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ ไม่มีเหตุผลใดๆ พอถามบ่อยๆเข้ากลับหายไปดื้อๆไม่ตอบแชท ไม่อ่านแถมไม่สนใจใยดีไม่สามารถที่จะติดต่อได้อีกด้วย จนกระทั่งหลังจากที่เธอได้นำเรื่องราวมาโพสต์เธอจึงได้รับแจ้งว่าสุนัขตัวดังกล่าวซึ่งเป็นลูกหมานั้นได้งับลูกของเธอเข้าในวันแรกเขาจึงปล่อยให้มันหายไป
ซึ่งทางคุณป้าผู้ที่มอบสุนัขให้กับนักร้องสาวรายนี้ก็ได้แจ้งเอาไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าถ้าไม่เลี้ยงหรือไม่โอเคกับลูกสุนัขเธอก็พร้อมที่จะรับคืนเนื่องจากทางคุณป้าเองก็คงจะรักสุนัขตัวนี้มากเช่นเดียวกัน จนได้อัพเดทเพิ่มเติมจากทางนักร้องสาวโดยเธออ้างว่า
สามีของเธอนั้นรดน้ำต้นไม้เลยเปิดประตูรั้วเอาไว้สุนัขจึงหายออกไปจากบ้านจนในที่สุดนักร้องสาวรายดังกล่าวก็ได้ออกตามหาสุนัขให้จากที่ในตอนแรกนั้นแจ้งมาแค่ว่า ถ้าเจอสุนัขแล้วจะแจ้งไปแต่กลับไม่มีการตามหาใดๆ ซึ่งทั้งนี้ทางผู้โพสต์เองจึงได้ออกมาโพสต์เรื่องดังกล่าวเพื่อให้เพื่อนๆในกลุ่มช่วยกันตามหาเผื่อว่าจะมีใครเคยเห็นุสนัข
ลักษณะแบบนี้ก็จะได้แจ้งไปทางคุณป้าอีกที จนในสุดทางแอดมินกลุ่มได้ออกเงินเพื่อที่จะให้ทางคุณป้านั้นเหมารถเพื่อที่จะไปตามหาสุนัขตัวนี้จนพบน้องเข้าโดยทางหัวหน้าคนงานได้สามารถจับตัวน้องไว้ได้และส่งกลับคืนในอ้อมกอดผู้เป็นเจ้าของในที่สุด ทั้งนี้ก็อยากจะฝากเพื่อนๆเอาไว้ด้วยว่าหากคิดจะหาบ้านหรือมอบสิ่งที่คุณรักมากที่สุดให้กับใครสักคนดูแลคุณต้องมั่นใจว่าคนคนนั้นจะสามารถดูแลสิ่งที่คุณรักมากที่สุดได้ดีมากกว่าตัวคุณเองมิเช่นนั้นก็อาจจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Noppawan Chantree