หมาจรเดินมาส่งถึงที่รถ มานั่งมองทำหน้าเศร้าหลังรู้ว่าคนที่เคยให้ข้าวกำลังจะกลับหวังลึกๆว่าพรุ่งนี้จะได้เจอกันอีก

เพราะยังมีอีกหลายๆชีวิตที่เลือกที่จะเกิดมาไม่ได้จึงต้องอดทนใช้ชีวิตสู้ต่อสิ่งต่างๆที่ต้องพบเจอ แม้จะยากลำบากแต่เราก็ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงต่ออุปสรรคในชีวิตได้ในเมื่อชีวิตนั้นเกิดมาไร้คนต้องการ จึงต้องอยู่แบบอดๆอยากๆอดมื้อกินมื้อ แต่ก็ยังโชคดีที่มีผู้คนใจดียื่นมือเข้าช่วยเหลือ เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Nevic Cetor ได้โพสต์เรื่องราวของเจ้าตูบตัวนี้ลงในกลุ่มรักหมาจัง หลังจากที่เขานั้นมักจะเอาอาหารไปให้กับน้องกินอยู่เป็นประจำในทุกๆวัน ซึ่งน้องเป็นสุนัขจรที่ใช้ชีวิตเร่ร่อนอาศัยอยู่บริเวณป่าซึ่งในพื้นที่ดังกล่าวก็ห่างไกลบ้านคน ซึ่งคาดว่าน้องน่าจะถูกนำมาปล่อยเอาไว้นานมากแล้ว และในทุกๆวันผู้โพสต์ก็จะเอาอาหารไปให้น้องอยู่แบบนี้อยู่เป็นประจำ แต่ทว่าในวันนี้น้องมานั่งเฝ้าดูรถระหว่างที่เขานั้นกำลังจะกลับ ซึ่งสีหน้าของน้องเหมือนกำลังจะบอกว่า จะกลับแล้วเหรอครับพรุ่งนี้มาอีกนะครับผมรออยู่ทุกวัน ซึ่งเมื่อผู้โพสต์ได้เห็นก็เลยถ่ายรูปนี้เอาไว้พร้อมนำมาลงในกลุ่มรักหมาจัง จนทำให้เพื่อนๆในกลุ่มหลายคนอยากที่จะรับเลี้ยงน้อง ซึ่งหลายๆคนก็อยากที่จะให้ผู้โพสต์นั้นเอาน้องกลับมาด้วยแต่ทว่าผู้โพสต์เองก็ได้ชี้แจงว่าน้องมีกันอยู่หลายตัวมากๆ และที่บ้านของเขาเองก็มีสุนัขที่เลี้ยงเอาไว้อยู่แล้วแถมยังมีสุนัขที่เป็นสุนัขจรเอามาเลี้ยงอีกจึงทำให้เอากลับมาเลี้ยงเพิ่มไม่ไหว จึงทำได้แค่ให้อาหารน้องไปวันๆเพื่อที่จะประทังความหิวในแต่ละวันส่วนตัวน้องเองก็มีสุขภาพที่แข็งแรงพร้อมพอจะมีที่ให้หลบแดดหลบฝนอีกด้วย ซึ่งทั้งนี้ทางผู้โพสต์นั้นก็ได้ระบุพิกัดเอาไว้เพื่อว่าจะมีใครอยากเอาอาหารไปให้กับน้อง โดยพิกัดที่ บงกช 15 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานีครับ และหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากที่จะเข้าช่วยเหลือก็สามารถติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก...

หัวอกแม่คาบลูกน้อยกระเตงมาหาคุณหมอที่รพ.แผนกฉุกเฉิน ด้วยใจหวังว่าคุณหมอจะรักษาลูกให้หนูที

ด้วยหัวอกคนเป็นแม่แล้วย่อมยอมทำได้ทุกอย่างเพื่อลูกน้อยที่รัก ไม่ว่าตัวแม่นั้นจะต้องลำบากหรือเสียสละมากเพียงใดก็ยอมแม้ตัวจะต้องอด หรือหากจะต้องแลกมาด้วยอะไรแม่ก็สามารถที่จะทำให้ลูกได้ ซึ่งเรามักจะได้ยินคำว่าความรักของแม่นั้นยิ่งใหญ่เกินสิ่งใดๆบนโลกใบนี้ และก็ไม่ใช่เพียงแค่ผู้เป็นแม่อย่างมนุษย์อย่างเราๆเท่านั้นแม้แต่สัตว์เองก็มีความเป็นแม่ไม่แพ้กัน เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Banu Özdemir ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวที่เธอได้พบลงภายโลกออนไลน์หลังจากที่กลางดึกคืนหนึ่งเธอได้พบแม่แมวตัวนี้พยายามที่จะคาบลูกน้อยของตัวเขาเองมาในโรงพยาบาล ซึ่งด้วยความที่ลูกของนางตัวใหญ่แล้วแม่ก็พยายามที่จะคาบกระเตงลูกมาเพื่อที่จะเข้าโรงพยาบาลแห่งนี้ให้ได้ โดยหลังจากที่ผ่านเข้ามาได้เจ้าแม่เหมียวรายนี้ก็คาบลูกน้อยและตรงมายังห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลดังกล่าว ซึ่ง ณ เวลานั้นทางหน่วยแพทย์เองก็ได้ประหลาดใจเป็นอย่างมากเพราะน้องพุ่งตรงเข้ามาเหมือนกับกำลังต้องการความช่วยเหลือ โดยหน่วยทีมแพทย์ก็พยายามที่จะตรวจดูอาการดังกล่าวให้กับน้อง แต่ทว่าจากการโพสต์เรื่องราวของเธอนั้นก็ไม่ได้ระบุว่าน้องแมวตัวน้อยนั้นมีอาการป่วยเป็นอะไรกันแน่ แต่ที่รู้แน่ๆว่าเจ้าเหมียวตัวน้อยน่าจะไม่สบายตรงไหนสักแห่งทำให้ผู้เป็นแม่จำเป็นต้องพาน้องมาหาหมอด้วยตัวเอง เนื่องจากผู้คนในประเทศตุรกีนั้นอยู่ในช่วงกักตัวจึงไม่สามารถที่จะไปร้องขอความช่วยเหลือจากที่ไหนได้เลย หัวอกผู้เป็นแม่จึงจำเป็นที่จำต้องคาบลูกตัวน้อยมาหาคุณหมอโดยตรง ซึ่งทั้งนี้ทางคุณหมอเองก็คงจะทำการรักษาให้กับเจ้าเหมียวน้อยเป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่ทว่าไม่ได้มีการอัพเดทเพิ่มเติมจากต้นโพสต์ แต่ก็ถือเป็นเรื่องราวความรักที่ผู้เป็นแม่อย่างแมวจรมีให้ต่อลูกรัก และเชื่อได้ว่าหลังจากที่เรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่ออกไปเจ้าเหมียวเองก็คงจะมีคนรับไปเลี้ยงทั้งแม่และลูกอย่างแน่นอน เชื่อแล้วว่าความรักของแม่นั้นหาที่จะเปรียบไม่ได้จริงๆ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Banu Özdemir

คอยเห่าคอยหอนตามหาเจ้าของ หลังเจ้าของจากไปได้แต่นั่งฟังพระสวดทุกคืนเพราะคิดถึงคนบนฟ้าที่ไม่มีวันกลับมา

เพราะด้วยความรักความผูกพันที่สุนัขนั้นมีต่อเจ้าของ ซึ่งเพื่อนๆเองก็คงจะรู้ว่าเขามีความซื่อสัตย์ที่สุดในโลกกันอยู่แล้ว เพราะสุนัขนั้นขึ้นชื่อเรื่องของความซื่อสัตย์ที่สุด ซึ่งเคยมีคนบอกเอาไว้ว่าถ้าเราให้ข้าวพวกเขาเพียงหนึ่งมื้อพวกเขาจะจดจำเราไปตลอดทั้งชีวิต และนั่นก็อาจจะเป็นเรื่องจริงๆก็ได้ เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Pawarisa Sawatraksa ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าตูบตัวนี้ลงในกลุ่ม รักหมาจัง หลังจากที่เธอนั้นได้พบเจ้าตูบตัวนี้อยู่ในบริเวณแถวบ้านซึ่งเจ้าของของน้องก็มาเสียชีวิตไป โดยตัวน้องเองก็ไปนั่งฟังพระสวดในทุกคืนๆ และยังคงนอนอยู่ที่เดิมนอนใต้รถกระบะของเจ้าของ ซึ่งเธอเองก็ทำได้เพียงแค่บอกกับน้องไปว่าป๋าผู้เป็นเจ้าของของน้องนั้นเสียไปแล้วนะลูกป๋าไปอยู่บนสวรรค์แล้ว โดยวันที่เคลื่อนย้ายร่างอันไร้วิญญาณของป๋านั้นเจ้าตูบก็ไปป้วนเปี้ยนที่รถ ซึ่งทางเจ้าของรายนี้ก็เป็นเจ้าของเจ้าตูบตัวนี้และเขาเองก็เป็นคนดีที่มีจิตใจเมตตาต่อสุนัขและแมวเป็นอย่างมาก ป๋าจะคอยให้อาหารหมาแมวจรอยู่เสมอๆ โดยเจ้าของนั้นได้เสียไปด้วยเนื่องจากโรคประจำตัวอย่างกะทันหันซึ่งเจ้าตูบเองก็ยังคงนั่งเหม่อลอยและเศร้าด้วยการจากไปของผู้เป็นเจ้าของอันเป็นที่รัก โดยเธอยังเล่าอีกว่าในคืนแรกๆที่ลูกหลานของเขาขับรถของเจ้าของของน้องออกไป เจ้าตูบก็ยังวิ่งตามหาผู้เป็นเจ้าของเพราะเจ้าของนั้นหายไป เจ้าตูบเองก็คงยังไม่รู้ว่าเจ้าของของเขาไปไหน จนหลายๆคืนเข้าเจ้าตูบคงจะเข้าใจและได้รับรู้ว่าผู้เป็นเจ้าของนั้นได้จากไปแบบไม่มีวันกลับมา ซึ่งทั้งนี้เองทางเพื่อนๆในกลุ่มก็ต่างพากันเป็นห่วงน้องเป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าจะไม่มีใครดูแลน้องต่อ ซึ่งทางผู้โพสต์เองก็ได้ออกมาแจ้งเพิ่มเติมแล้วว่ามีคนดูแลน้องต่อแน่นอน ไม่ต้องเป็นห่วงน้องแต่เรื่องที่น่าจะห่วงก็คือความเศร้าและยังคงคิดถึงที่น้องมีต่อผู้เป็นเจ้าของรายนี้โดยทั้งนี้ทางเว็บไซต์ก็ขอให้หนุ่มเจ้าของไปสู่พบภูมิที่ดีไปสู่สุขติค่ะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Pawarisa Sawatraksa

จากเคยมีเจ้าของเพราะเป็นแมวพันธุ์ กลับต้องใช้ชีวิตตามมีตามเกิดหากบหาเขียดประทังชีวิต

เพราะชีวิตที่เลือกเกิดไม่ได้ เกิดมาเป็นสัตว์แม้จะเป็นแมวพันธุ์ก็เคยถูกเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดีด้วยความรักแต่ทว่าวันนึงเกิดล้มป่วยก็ถูกเอาไปปล่อยไร้แม้เยื่อใยต่างจากวันแรกที่เคยผูกพัน ซึ่งเรามักจะย้ำบอกกับเพื่อนๆเสมอว่าถ้าคิดจะเลี้ยงสัตว์แล้วก็อยากจะให้ดูแลพวกเขาให้ดีๆ มิเช่นนั้นปัญหาสัตว์จรก็จะตามมาเสมอ เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Paniti Perunawin ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวเปอร์เซียตัวนี้ลงในกลุ่ม ทาสแมว หลังจากที่เขานั้นขับรถผ่านแถวบางบัวทองเจอน้องแมวตัวนึงสภาพผอมโซและเป็นโรคเรื้อนทั่วทั้งตัว เหลือไว้เพียงปลอกคอ เขาจึงจอดรถลงไปดูน้อง ซึ่งได้พบว่าน้องเป็นแมวพันธุ์เปอร์เซีย สภาพผอมแห้งเหลือแต่หนังโดยในตอนแรกน้องก็มาคลอเคลียขออาหารกิน แต่ในรถก็ไม่มีอาหารติดมาเลย สอบถามจากชาวบ้านในระแววนั้นก็บอกว่าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย เพิ่งจะเคยเห็นครั้งแรกเหมือนกัน ซึ่งก็คาดว่าน้องน่าจะถูกเอามาปล่อยไว้ เพราะในบริเวณดังกล่าวมักจะมีคนชอบเอาสุนัขและแมวมาปล่อยอยู่เป็นประจำ และแถวนั้นก็ไม่ค่อยจะมีบ้านคนเท่าไหร่นักทำให้หาอาหารยาก ซึ่งทางผู้โพสต์เองก็ตัดสินใจที่จะเอาน้องไปหาหมอแต่ทว่าก็ไม่สามารถที่จะจับตัวน้องได้เพราะน้องหวาดระแวงและหนีเข้าป่าไป ซึ่งก็อยากจะฝากเอาไว้ว่าถ้าใครอยู่แถวนั้นพอจะช่วยเหลือจับน้องได้ก็วอนช่วยเหลือที โดยเมื่อเวลาผ่านไปทางผู้โพสต์เองก็ได้อัพเดทเพิ่มเติมด้วยว่ามีคนพยายามที่จะเข้าไปตามหาน้องแล้วแต่ก็ยังไม่พบตัวน้องแต่อย่างใดซึ่งคาดว่าน้องน่าจะแอบหลบอยู่ในพุ่มไม้ โดยชาวบ้านบริเวณดังกล่าวก็ได้บอกอีกด้วยว่าเห็นน้องออกมาเดินข้างนอกตอนเย็นของเมื่อวานนี้ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Paniti Perunawin

ปาฏิหาริย์มีจริงหลังอธิษฐานจิตสุดท้ายขอให้กลับมาเกิดมาเป็นลูกพร้อมทำเครื่องหมายไว้ที่เท้า

อาจจะเพราะด้วยโชคชะตาหรือฟ้าที่ลิขิตเอาไว้ ทำให้หลายสิ่งหลายอย่างที่ได้เกิดขึ้นมานั้นเหมือนจะเป็นเรื่องที่บังเอิญแต่พอเราคิดกลับไปอีกครั้งมันกลับเหมือนเป็นเรื่องที่ถูกใครบางคนกำหนดมาไว้แล้ว ซึ่งเชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนเองก็คงจะเคยพบเจอกับเรื่องเหล่านี้ที่ไม่สามารถที่จะอธิบายได้ เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Preeya Chichi ได้นำเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเธอเองซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับแมวของเธอมาโพสต์ลงในกลุ่มทาสแมว หลังจากที่เธอนั้นเคยเลี้ยงแมวอยู่หนึ่งตัวมีชื่อว่าเจ้า ชิชิ เลี้ยงเหมือนลูกด้วยความรักความเอาใจใส่มากว่า 17 ปีที่อยู่ด้วยกัน ซึ่งก่อนที่เจ้าเหมียวจะจากไปนั้นเธอได้ทำเครื่องหมายเอาไว้ที่เท้าและบอกด้วยความรักให้เค้ามาเกิดเป็นลูกของเราจริงๆ หลังจากนั้นเจ้าเหมียวก็สิ้นใจไปได้ประมาณ 3 เดือนให้หลังเธอเองก็ตั้งท้องและได้คลอดน้องออกมา ปรากฏว่าลูกของเธอกลับมีรอยปานที่เท้าฝั่งเดียวกับที่เธอได้ทำไว้กับเท้าเจ้าชิชิ เธอรู้สึกขนลุกมากเลย และเธอเองก็เชื่อว่าแมวของเธอเองที่กลับมาเกิดเป็นลูกของเธอ ซึ่งทั้งนี้มันก็เป็นเรื่องของความเชื่อและความผูกพันที่มี ของคนที่อยู่มาด้วยกันจริงๆจะเข้าใจดี ซึ่งเธอยังได้เล่ารายละเอียดอีกด้วยว่าก่อนหน้าที่เจ้าชิชิจะเสีย 1 ปีนั้นเจ้าชิชิล้มป่วย ทำให้ต้องผ่าตัดและรักษาอาการป่วยซึ่งเธอหมดเงินค่ารักษาเพื่อยื้อชีวิตเจ้าชิชิเอาไว้ไปกว่าแสนบาท และเจ้าชิชิก็ได้กลับมาอยู่บ้านแต่ก็ทำให้พิการและไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ เราเช็ดอึเช็ดฉี่ ดูแลเค้าทุกอย่างจนวาระสุดท้าย...

เจ้านวลหมาจรแสนรู้ เดินมาหาหมอด้วยตัวเองเพราะรู้ดีว่าคุณหมอเคยช่วยชีวิตน้องไว้

เมื่อไม่นานมานี้แฟนเพจเฟสบุ๊ก : โรงพยาบาลสัตว์ธวัชชัย ได้เผยเรื่องราวสุดน่ารักของเจ้านวล เจ้านวลเป็นหมาจรที่มานอนและขออาศัยอยู่ที่ มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ จนกระทั่งน้องต้องได้รับการผ่าตัดแต่ทางแฟนเพจไม่ได้บอกว่าน้องเป็นอะไรจนกระทั่งน้องเริ่มหายดี แต่พออีกวันนางเดินมาหาคุณหมอถึงที่หน้าโรงพยาบาลด้วยตัวเอง . โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า ทึ่งในความฉลาดของเจ้านวล เจ้านวลเป็นเคสหมาที่เป็นหมาในมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ มาผ่าตัดรักษาที่โรงพยาบาล พอน้องแข็งแรงดีก็ให้กลับไป แต่เช้าวันต่อมาเจอนวลมาแกว่งหางหน้าโรงพยาบาลอีกครั้ง ถามหามากับใครก็ไม่มี นางเดินมาเองจากมหาวิทยาลัยเอเชีย ทางโรงพยาบาลเลยจัดทำแผลเลี้ยงข้าวฟรีให้นางเลยจ้า เนื่องจากนางพาตัวเองมาเช็คแผลผ่าตัดด้วยตัวเอง ทึ่งในความน่ารักและฉลาดของนวลจริงๆ จนเรื่องราวความแสนรู้นี้ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ ด้านชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นพร้อมกล่าวว่า สงสัยนวลจะรู้ดีว่าโรงพยาบาลแห่งนี้มีคุณหมอและคุณผู้ช่วยที่ใจดีแถมยังน่ารักอีกด้วย ส่วนเจ้านวลก็แสนรู้เหลือเกินฉลาดกว่าหมาบ้านทั่วๆไปเสียอีก ชาวเน็ตหลายท่านก็สงสัยว่าเจ้านวลมาได้ยังไงเพราะว่าที่ๆนวลอยู่ อยู่ตรงกันข้ามกับโรงพยาบาลสัตว์การจะข้ามถนนมามันไม่ง่ายเลยเพราะรถเยอะมาก ชาวเน็ตที่เคยเห็นเจ้านวลก็ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นและกล่าวว่า เคยเห็นเจ้านวลเดินข้ามสะพานลอย นางจะใช้สะพานลอยแห่งนี้ในการสัญจรไปมา...

ยังคงเฝ้าคอยด้วยความคิดถึง นั่งเฝ้ามองรถผ่านไปมาข้าวปลาไม่คิดจะแตะ ด้วยใจหวังว่าสักวันคงจะได้เจอกันอีกครั้ง

ด้วยความผูกพันทางจิตใจเมื่อถูกเลี้ยงดูมาก็คิดว่าเป็นเหมือนลูกตัวน้อยๆ ที่คอยมีพ่อมีแม่เลี้ยงดูอยู่ตลอด ทำให้เกิดสายสัมพันธุ์แห่งความรักที่ไม่คิดว่าจะต้องมีวันต้องจากกัน ยิ่งมาวันนี้ต้องห่างก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรได้ ได้แต่เฝ้าคอยมองรถที่ผ่านไปมา เพราะด้วยการนำสัตว์มาเลี้ยงแล้วพวกเขาก็เปรียบเสมือนลูกน้อยๆของเรา พวกเขาจะมองเราว่าเราเป็นพ่อเป็นแม่ของพวกเขาเพราะด้วยตัวพวกเขานั้นมีสมองและความคิดความอ่านเท่ากับเด็กตัวน้อยๆที่มีอายุเพียงแค่ 2 ขวบเพียงเท่านั้น เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้ หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คแฟนเพจที่ใช้ชื่อว่าได้นำเรื่องราวของเจ้าตูบตัวนี้มาลงยังโลกออนไลน์หลังจากที่เจ้าตูบนั้นถูกปล่อยเอาไว้ให้อยู่ลำพังหลังผู้เป็นเจ้าของที่เคยรักย้ายห้องไป ได้แต่นั่งเฝ้าอยู่ริมทางแบบนี้มาหลายวันข้าวปลาก็ไม่แตะเพราะคิดถึงผู้เป็นพ่อเป็นแม่ที่เคยให้ความรัก ซึ่งทางผู้โพสต์ต้นฉบับนั้นได้โพสต์เอาไว้ว่า ควรจะมีจิตสำนึกซะบ้างนะคะคนเช่าห้องแล้วเลี้ยงน้องหมา ได้มาเห็นภาพนี้มาหลายบวันแล้วก็สลดใจ น้องเขามานั่งรอผู้เป็นเจ้าของทุกวันด้วยความคิดถึงให้อาหารไปก็ไม่กินเลย นั่งมองถนนอยู่แบบนี้มาหลายวันมากแล้ว ย้ายห้องไปแล้วก็ปล่อยให้เขาอยู่แบบนี้หรอ ไม่รู้ว่าจิตใจของคุณนั้นทำด้วยอะไรจะรับรู้บ้างไหมว่ามีอีกชีวิตนึงที่เฝ้าคอย ซึ่งทั้งนี้ทางต้นโพสต์เองก็ได้ระบุพิกัดเอาไว้ที่ พิกัดตลาดลาว มาบตาพุดคะ โดยถ้าโพสต์ดังกล่าวได้ไปถึงผู้เป็นเจ้าของก็อยากให้พวกเขาได้รับรู้ว่ายังมีอีกหนึ่งชีวิตที่มีหัวใจยังเฝ้ารอด้วยใจหวังว่าคุณจะกลับมารับเขากลับไปด้วย ขอขอบคุณข้อมูลจาก เพื่อนร่วมโลก ชีวิต ความฝัน

สาวรับพิทบูลมาเลี้ยงเพียง1สัปดาห์ แต่ก็ต้องให้คนอื่นไปเพราะถูกกดดันจากสังคมหาว่าหมาพันธุ์นี้ดุ

เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Rattanavadee Kanokponluk ได้เผยเรื่องราวของสุนัขสายพันธุ์พิทบูลวัยเพียง 3 เดือนที่เธอเพิ่งจะรับน้องมาเลี้ยงได้เพียง 1 สัปดาห์ แต่ผู้คนก็เข้ามากดดันต่างๆนาๆทำให้เธอจิตตกว่าเลี้ยงไปได้ยังไงหมาพันธุ์นี้ มันดุนะ จนเธอทำอะไรไม่ถูกจึงต้องขายน้องไป แต่พอขายไปเธอก็มานั่งร้องไห้ทั้งคืนด้วยความรักและรู้สึกผิดที่ขายน้องไป . โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า เราซื้อน้องมา จากจังหวัดราชบุรี ขับรถจากนนทบุรีไปราชบุรีเพื่อไปรับน้องมาเลี้ยง..น้องเป็นพันธุ์อเมริกันพิทบลูวัย3เดือน เราเลี้ยงน้องได้อยู่เกือบอาทิตย์นึงแล้ว โดนคนนู้นคนนี้เขากดดันสารพัดบอกพันธุ์นี้มันดุ เราจิตตกจึงต้องขายน้องไปขายไปแบบขาดทุนเลย วินาทีตั้งแต่น้องขึ้นรถไปกับเจ้าของคนใหม่เราร้องไห้ไม่หยุด ไม่คิดว่าตัวเองจะรู้สึกได้ถึงขนาดนี้มันเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ นอนร้องไห้ทั้งคืนเลยค่ะ จนเช้ามาแฟนบอกให้ไปซื้อกลับคืนมา ผลสรุปเราก็ไปซื้อน้องคืนมาจริงๆ คนที่ซื้อไปเขาบอกเข้าใจเรานะ เราเลยซื้อคืนมาให้ค่าเสียเวลาเขาเพิ่มเติมไปอีก ...

แหกหนักพี่เตี้ยมช.โดนแฉ หลังเริ่มมีชื่อเสียงแต่กลับทำตัวเริ่มหยิ่งเป็นหมาเมิน จะทำตัวน่ารักแค่ตอนได้กินขนม

เพื่อนๆหลายคนคงจะรู้จักมักจี่กับ พี่เตี้ยมช. กันดี ที่เป็นน้องหมาพันธุ์ทางที่มีขาที่สั้นๆ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่โด่งดังจากประเภณีวิ่งขึ้นดอย ซึ่งทั้งนี้พี่เตี้ยก็เป็นน้องหมาที่มีผู้คนมากมายต่างพากันชื่นชอบเพราะด้วยความน่ารักดุ๊กดิ๊ก ยิ่งช่วงรับน้องขึ้นดอยของทาง มช. ยิ่งแล้วพี่เตี้ยก็จะยิ่งดังขึ้นไปในทุกปีเพราะไปร่วมวิ่งขึ้นดอยกับเขาทุกๆปี แถมยังชอบทำท่าแอคอารต์ให้ถ่ายรูปแบบขั้นสุดที่ทำให้พวกเราได้เห็นภาพน่ารักๆแบบนี้ทุกปีอีกด้วย แต่ทว่าแล้วล่าสุดพี่เตี้ยของเราก็โดนแหกเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว หลังได้ยินว่าดังแล้วหยิ่งจะจริงแค่ไหน และยังโดนสปอยล์บ่อยจนเสียหมาอีกด้วยแหนะ งานนี้เลยต้องมาสืบหาความจริงกัน เพราะเมื่อไม่นานมานี้มีคนในกลุ่ม CMU x KKU Take Me Out ได้โพสต์ชื่อชมพี่เตี้ยว่าเป็นหมาที่น่ารักแถมยังเป็นที่รักของทุกคน ไม่เหมือนกับเจ้าโบ้หมาประจำมหาวิทยาลัยขอนแก่นเลย เพียงเท่านั้นเลยแหละงานก็เข้าลงในทันทีทันใดเลย เพราะทุกคนก็เริ่มที่จะออกมาแฉพฤติกรรมสุดจะแสนแสบของพี่เตี้ยในทันทีว่าที่จริงแล้วพี่เตี้ยไม่ได้น่ารักอย่างที่ใครๆเขาเห็น ทั้งหมดนั้นคือการสร้างภาพทั้งน๊านนน โดยเริ่มกันที่เรื่องแรก แถมยังแหกวนไปอีก ซึ่งทางโบ้เองก็มิใช่เล่นเลย https://twitter.com/Baifernkajibi/status/1253772011119063041?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1253772011119063041&ref_url=https%3A%2F%2Fwww.catdumb.tv%2Fshort-dog-cmu-427%2F พี่เตี้ยเองก็ชอบขึ้นรถมอเตอร์ไซต์ไปทัวร์แบบทั่วมอ...

ร้องไห้แทบขาดใจ หลังแมวที่บ้านป่วยเพียง1วันกลับทำให้น้องต้องจากไปแบบไม่มีวันกลับมา

เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Mother'cat Cat ได้เผยเรื่องราวของแมวที่เธอนั้นได้เลี้ยงเอาไว้ โดยแมวของเธอนั้นจู่ๆก็มีอาการป่วยลง พอวันรุ่งขึ้นน้องมีอาการหนักเธอรีบพาน้องไปส่งยังโรงพยาบาลสัตว์ แต่ยังไม่ทันถึงโรงพยาบาลน้องก็เสียไปเสียแล้ว แถมโรคดังกล่าวยังทำให้แมวของเธอนั้นติดกันไปทั้งบ้าน . โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า เราเลี้ยงแมวระบบปิดมีทั้งหมด 5 ตัว ทุกตัวจะอยู่แต่ในบ้าน มิดชิด เมื่อประมาณ 5-6 วันก่อนแมวน้องเล็กสุดในบ้าน มีอาการอ้าปากลิ้นห้อยแต่ไม่เยอะ เราก็ไม่ได้สนใจ แต่คิดว่าอากาศมันคงร้อน ก็ให้อาหารตามปกติ ออกไปทำงานเหมือนทุกวัน แต่พอตอนเช้า เราเห็นน้องมีอาการหนักขึ้น แบบเหนื่อยหอบ...