ถูกเขาเอาหนังยางรัดตั้งแต่เด็ก ใช้ชีวิตเดินขากะเผลกเรื่อยมา ขออาหารขอเพียงข้าวปลาเพราะชีวิตที่เกิดมาเป็นแค่แมวจร

เพราะยังมีอีกหลายๆชีวิตที่เลือกเกิดไม่ได้จึงต้องเกิดมาถูกเขาไม่ชอบถูกเขารังแกแม้ตัวยังน้อยๆ เพราะมนุษย์นั้นมีจิตใจหลากหลายรูปแบบเพราะชีวิตที่ได้เกิดมาต่างพ่อพันธุ์แม่จึงทำให้บางคนเกิดมามีหัวใจที่โอบอ้อมอารี แต่กลับบางคนกลับมาจิตใจที่โหดร้ายทำได้แม้แต่สัตว์ตัวน้อยๆ เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คแฟนเพจที่ใช้ชื่อว่า โครงการช่วยเหลือสัตว์ยากไร้ด้อยโอกาส ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวตัวนี้ลงในกลุ่ม หลังจากที่มีสมาชิกท่านหนึ่งได้พบน้องเหมียวเดินขากะเผลกมาขออาหารกินประทังความหิว โดยในตอนแรกก็คิดว่าน้องน่าจะประสบอุบัติเหตุจนทำให้ขาหลังเจ็บไปหนึ่งข้าง แต่ทว่าเมื่อได้ซูมดูเข้าไปใกล้ๆกลับพบว่าน้องถูกหนังยางรัดจนทำให้เนื้อเสียและขาหลังเกือบแทบจะใช้ไม่ได้ โดยผู้โพสต์จึงได้นำอาหารมาให้กับน้อง และอยากที่จะพาน้องไปรักษาแต่ก็ขาดทุนทรัพย์ จึงได้สอบถามไปยังเพื่อนๆในเพจเพื่อว่าจะมีใครหรือหน่วยงานใดที่สามารถเข้าไปช่วยเหลือน้องได้ที เนื่องด้วยน้องต้องใช้ชีวิตประจำวันอย่างนี้ในทุกวัน เพราะด้วยน้ำมือของมนุษย์แท้ๆและก็ไม่รู้เลยว่าน้องต้องทนทุกข์เช่นนี้มานานมากเพียงใดแล้ว ด้วยจิตใจของมนุษย์ทำให้หนึ่งชีวิตต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ซึ่งหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะเข้าช่วยเหลือน้องหรือต้องการน้องไปดูแลก็สามารถที่จะติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ ขอเพียงแค่รักษาให้หนูไม่ต้องทนทุกข์เดินขากะเผลกแบบนี้ไปตลอดชีวิตก็เพียงพอ ขอขอบคุณข้อมูลจาก โครงการช่วยเหลือสัตว์ยากไร้ด้อยโอกาส 

เหมียวน้อยติดอยู่ในร้านออกมาไม่ได้ติดต่อเจ้าของร้านก็ไม่ได้ ยืนรอด้วยความหวังว่าพี่จะช่วยให้หนูหลุดพ้นออกไปที

ในบางครั้งหลายๆคนก็มองสิ่งมีชีวิตเล็กๆเป็นเพียงสิ่งที่ได้เกิดมารับเวรกรรม ซึ่งมีหลายๆคนที่ไม่เคยมองว่าพวกเขานั้นก็มีชีวิตและจิตใจเหมือนกับเราๆทุกคน ด้วยในความคิดนี้ให้บางคนนั้นไม่สนใจว่าพวกเขานั้นต้องมีชีวิตอยู่อย่างไรเมื่อยามที่ต้องตกทุกข์ได้ยาก หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า บาสคุง ลุงน้องออม ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวตัวน้อยตัวนี้หลังจากที่เขานั้นไดพบน้องติดอยู่ในร้านซึ่งติดอยู่ในสภาพที่อดอยากและหิวโหยเนื่องด้วยไม่รู้เลยว่าน้องนั้นติดอยู่แบบนี้มานานมากเท่าไหร่แล้วแต่น้องก็ยังคงส่งเสียงร้องเพื่อที่จะขอความช่วยเหลือจากเขา ด้วยใจหวังว่าพี่จะสามารถพาหนูหลุดออกไปจากความหิวโหยและอดอยากนี้ได้ จึงได้แต่เฝ้ารออยู่ที่ขอบประตูกระจกอย่างใจจดใจจ่อด้วยความหวังแม้ตัวเองนั้นจะไร้แม้แรงจะยืนก็ตาม ซึ่งทางผู้โพสต์เองจึงได้พยายามค้นหาช่องทางติดต่อจากผู้เป็นเจ้าของร้านจนในที่สุด เขาก็สามารถที่จะติดต่อกับทางเจ้าของร้านได้ซึ่งทางเจ้าของร้านก็ได้แจ้งว่าเขาจะเข้ามาเปิดประตูให้กับน้องในเวลา 4 โมงเย็นเพราะติดธุระอยู่ โดยในเวลาต่อมาเขาก็สามารถนำตัวเจ้าเหมียวตัวน้อยออกมาได้สำเร็จและนำอาหารแมวเปียกมาให้กับน้องกิน ซึ่งภายหลังจากนั้นเขาก็ได้พาน้องไปหาหมอเพื่อตรวจดูอาการเพราะน้องอาจจะติดอยู่ในนั้นเป็นเวลาที่หลายวันมากๆจึงตกอยู่ในสภาพเช่นนั้นได้ โดยทางคุณหมอเองก็ได้บอกว่าไม่ได้มีอาการน่าเป็นห่วงแต่อย่างใดและให้น้องกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย และที่น่าภาคภูมิใจและยินดีมากที่สุดก็คือทางผู้โพสต์จะรับน้องไว้ดูแลด้วยตัวเองเพราะด้วยความสงสารที่น้องเฝ้ารอด้วยหวังว่าเจ้าของโพสต์นั้นจะสามารถช่วยเขาออกมาได้จริงๆ ขอขอบคุณข้อมูลจาก บาสคุง ลุงน้องออม และชมคลิป https://www.facebook.com/BAZPANJA/videos/pcb.3849843728424042/3849840555091026/?type=3&theater  

ชีวิตที่ไร้คนต้องการ แอบอาศัยข้างรางรถไฟไร้ที่กินที่อยู่ไร้ผู้คนจะเมตตา แค่เศษอาหารยังหากินเองไม่ได้

เพราะชีวิตคนเรานั้นไม่สามารถที่จะเลือกเกิดได้ ทำให้สิ่งมีชีวิตอย่างต้องเกิดมาพบกับชะตากรรมที่เลวร้ายไม่ว่าจะด้วยการกินอยู่หรือแม้แต่ผู้คนจะเหลี่ยวแล เพราะด้วยเป็นสัตว์เป็นสิ่งมีชีวิตที่พูดไม่ได้จะไปร้องขอใครให้เค้าเมตตาก็ยากที่จะทำได้ด้วยตัวเอง เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า ทาสหมา ทาสแมว ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวตัวน้อยทั้ง 4 ตัวนี้หลังจากที่น้องชายใจดีรายหนึ่งได้ไปพบเจอน้องๆเข้า ซึ่งน้องๆอาศัยอยู่ข้างทางรถไฟไร้ที่กินที่อยู่อาศัยฝนตกก็ไม่รู้ว่าไปหลบร่มกันตรงไหนด้วยสภาพที่สุดจะเกินบรรยาย เพราะเนื้อตัวที่ผอมแห้งไหนจะโรคทางผิวหนังอยู่กับแบบหิวโหยเพราะตรงที่ดังกล่าวไร้แม้แต่บ้านคน ไม่รู้ว่าอยู่กันมาได้อย่างไรไม่รู้ว่าใครนั้นช่างใจร้ายเอามาปล่อยได้ลงคอ ซึ่งทางผู้โพสต์จึงได้เข้าช่วยเหลือและนำตัวน้องส่งโรงพยาบาลรักษาสัตว์ในเวลาต่อมา เพราะด้วยสภาพของเด็กๆที่ผอมแห้งจึงทำให้ขาดสารอาหารเป็นเวลานาน ซึ่งถ้าปล่อยเอาไว้แล้วไม่รีบรักษาพวกน้องๆก็อาจจะสิ้นใจลงไปได้โดยทั้งนี้ทางผู้โพสต์ก็ได้เข้าช่วยเหลือเด็กๆได้เพียงแค่สองตัวเพียงเท่านั้น เพราะอีกสองตัวนั้นที่ผอมแห้งกว่านี้ก็ยังคงหาไม่เจอ โดยทางผู้โพสต์เองก็ได้บอกอีกด้วยว่าก็จะยังคงเฝ้าติดตามตัวน้องๆทั้งสองเพื่อที่จะรีบเข้าช่วยเหลือ โดยมีทีมผลัดกันค้นหาและคอยไปดูอยู่ตลอดและถึงอย่างไรก็อยากที่จะให้หาให้เจอในเร็ววันเพราะถ้าปล่อยเอาไว้นานคงจะไม่รอดแน่ๆ ซึ่งทั้งนี้หากมีเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะรับน้องไปเลี้ยงก็สามารถติดต่อไปที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ คาดว่าหลังจากการทำการรักษาน้องๆจนหายดีแล้วทางผู้โพสต์ก็คงจะหาบ้านให้กับเด็กๆต่อไป ขอขอบคุณข้อมูลจาก ทาสหมา ทาสแมว  

จบไม่สวยตีนแมวพลาดท่า ย่องเดินฝ้าร้านทองย่างฝั่งธนฯ คาดน้ำหนักเกินเป็นเหตุที่ให้หลุ่นตุ๊บแบบไม่มีอะไรกั้น

เพื่อนๆหลายคนที่เป็นทาสแมวเองก็คงจะเข้าใจดีว่าแมวนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถคาดเดากับนิสัยใจคอในแต่ละช่วงเวลาของเจ้าเหมียวได้เลย ซึ่งในบางครั้งที่ผู้คนมักจะชอบพูดกันว่าแมวเป็นสิ่งมีชีวิตที่คิดจะยึดครองโลกอาจจะเป็นเรื่องจริงก็เป็นได้ เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้แฟนเพจเฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า แมวโรงพัก ได้โพสต์เรื่องราวสุดฮาที่ได้เกิดขึ้นกับเจ้าของร้านทองแห่งหนึ่งในย่านฝั่งธน หลังได้พบตีนแมวพลาดท่าย่องเดินขึ้นมาบนฝ้าร้านทองย่านฝั่งธนจนน้ำหนักเกินเป็นเหตุให้ตกลงมากลางร้านทองอย่างกับในหนังแอคชั่นกันเลยทีเดียว และเมื่อตกลงมาพร้อมกับสีหน้าที่เด๋อด๋าจ๊ะเอ๋กับเจ้าของร้านเข้าแบบจังๆ ส่วนด้านเจ้เจ้าของร้านเองก็ตกอกตกใจแต่ก็ไม่ลืมที่จะหยิบมือถือขึ้นมาพร้อมกับถ่ายรูปหน้าของผู้ร้ายรายนี้เอาไว้ได้ทัน แต่ก็ยังคงหวั่นๆอาจจะเกิดเหตุขึ้นซ้ำ วอนแมวโรงพักช่วยกำชับแมวในพื้นที่เพื่อที่จะออกตรวจตราอย่างเข้มงวด โดยหลังจากที่น้องได้ตกลงมาก็ยังมีการทำท่าที่หน้าตาเหวอแล้วน้องก็ยังได้เดินสำรวจและทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรใดๆเกิดขึ้นแต่อย่างใด และเมื่อเจ๊เปิดประตูได้ตีนแมวรายนี้ก็ได้หายแว๊บไปอย่างไม่มีอะไรกั้นและไม่คิดแม้แต่จะเคลียค่าเสียหายที่ตัวได้ทำไว้เลยแม้แต่น้อย ซึ่งทั้งนี้ทางแฟนเพจจึงได้มาโพสต์เพื่อที่จะรายงานสถานการณ์ของตีนแมวรายนี้มิให้ได้ไปเกิดกับร้านทองอื่นๆอีกต่อไป จึงอยากฝากเพื่อนๆเอาไว้ให้ดูแลร้านทองของพวกท่านให้ดีมิเช่นนั้นอาจจะเกิดเหตุการณ์ตีนแมวตกฝ้าแบบเจ๊เจ้าของร้านรายนี้ก็เป็นได้แต่ก็ยังโชคดีที่คนร้ายไม่ได้ของมีค่าไปแต่อย่างใดได้แต่ฝ้าที่เกือบตกลงมาใส่หัวเจ๊เจ้าของร้านจนเกือบแตกเท่านั้นเอง ขอขอบคุณข้อมูลจาก แมวโรงพัก

ยังคงรอหลังถูกเอามาปล่อยไว้ร่วมสองอาทิตย์ แต่ก็ยังคงนั่งเฝ้าอยู่ที่เดิมเสมอเพราะกลัวว่านายจะกลับมารับแล้วไม่เจอหนู

ในทุกๆครั้งที่เรามักจะย้ำเตือนบอกกับเพื่อนๆว่าการนำสุนัขหรือแมวมาเลี้ยงนั้น สิ่งที่ควรจะมีมากที่สุดก็คือความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเองเพราะเมื่อเราเลี้ยงและดูแลพวกเขาพวกเขาก็จะรักและจดจำไปตลอด ซึ่งถ้าเพื่อนๆไม่คำนึงถึงเรื่องนี้สิ่งที่จะตามมาก็คือการปล่อยปละละเลยสัตว์เลี้ยง เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Boonkerd Klawkatkan ได้นำเรื่องราวของเจ้าตูบตัวนี้มาโพสต์เล่าลงในกลุ่ม กลุ่มรักหมาจัง หลังจากที่เธอนั้นได้พบน้องอยู่ทีบริเวณริมถนนแบบนี้มา 2 อาทิตย์แล้วเพราะเธอได้ขับผ่านทางนี้อยู่ในทุกวัน ซึ่งสิ่งที่เธอคิดเอาไว้ก็คือน้องเหมือนกับรอผู้เป็นเจ้าของอยู่ เพราะเมื่อเธอไปจอดเจ้าตูบก็มักจะรีบลุกออกมามองเหมือนกับกำลังเฝ้ารอใครสักคนอยู่ โดยในบางวันก็เห็นน้องนั่งเฝ้าอยู่ที่ริมถนนและชะเง้อคอยมองรถที่ได้ผ่านไปผ่านมา แต่ก็ยังโชคดีที่มีคนใจดีได้เอาข้าวเอาน้ำมาให้บ้างเพราะเห็นจากเศษอาหาร แต่ในบริเวณดังกล่าวก็เป็นริมถนนที่ไร้แม้ต้นไม้ใหญ่จึงไม่อยากจะคิดถึงสภาพเมื่อเวลาที่ฝนตกน้องก็คงจะต้องนั่งตากฝนเฝ้าคอยอยู่แบบนี้ในทุกๆวัน โดยเธอได้ระบุพิกัดน้องไว้ที่ เส้นบางปะหันไปนครหลวงค่ะ อยู่ระหว่างเส้นปั้มน้ำมันกับหมู่บ้านไพพรรณนะคะ ต.บางปะหัน อ.บางปะหัน จ.อยุธยา ซึ่งทางผู้เป็นเจ้าของโพสต์เองก็อยากที่จะให้คนใจดีรับน้องไปเลี้ยง เนื่องด้วยตัวเองก็มีสุนัขที่เลี้ยงเอาไว้ถึง 3 ตัวแล้วและก็เป็นสุนัขในหมู่บ้านที่เก็บเอามาเลี้ยงด้วยจึงไม่สามารถที่จะรับน้องมาเพิ่มได้ จึงอยากขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆในกลุ่มซึ่งหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะรับน้องไปเลี้ยงก็สามารถติดต่อไปยังที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Boonkerd...

อาศัยแอบนอนอยู่ในบ้านร้าง สภาพเหมือนกระดูกเดินได้ไม่รู้ต้องอดข้าวมานานขนาดไหนถึงได้เป็นเช่นนี้

หากในวันนี้คุณคิดว่ากำลังท้อเพราะคุณไม่สามารถที่จะทำในสิ่งที่คุณต้องการได้ อยากให้คุณลองมองย้อนดูในอีกหลายๆชีวิตที่พวกเขาต้องดิ้นรนต่อสู้กับความยากไร้มากมายกว่าคุณ เพราะเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆที่ไม่สามารถจะพูดหรือเอ่ยปากได้จึงทำได้แค่เพียงอยู่ต่อสู้ชีวิตให้มีกินไปในแต่ละวัน เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Nittaya Pitukudompaisaln ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าตูบตัวนี้ลงในกลุ่มคนรักหมาแมวนครปฐม ภาคกลาง หลังจากที่เธอนั้นได้พบน้องมานอนแอบอาศัยอยู่ในบ้านร้าง ซึ่งน้องเป็นเพศเมียและตกอยู่ในสภาพที่สุดแสนจะเวทนา ด้วยหนังที่เต็มไปด้วยกระดูกไร้แม้ร่องรอยของเนื้อเหมือนกับกระดูกเดินได้ไม่รู้ว่าต้องอดข้าวมานานแค่ไหนถึงได้ตกมาอยู่ในสภาพแบบนี้ และน้องก็ยังคงตื่นกับคนไม่ยอมให้จับแต่เรียกให้กินข้าวก็มาคงเพราะด้วยความหิวแต่ก็ยังคงหวาดระแวงอยู่ดี ซึ่งในจุดที่น้องได้อาศัยอยู่ในตรงนี้มีแต่คนที่เขาเกลียดสุนัข ซึ่งเธอเองก็เคยที่จะทะเลากับคนแถวนี้เนื่องด้วยเรื่องของการชอบเอาอาหารมาให้สุนัขจรกินอยู่เป็นประจำ แถมยังมีสุนัขเจ้าถิ่นอาศัยอยู่มากและไล่น้องอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าเอาข้าวไว้ให้กินแล้วข้าวจะได้ตกถึงท้องมั้ย เธอก็เลยรู้สึกสงสารน้องมากๆแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเอาน้องไปไว้ที่ไหนเพราะแถวนี้ก็มีแต่คนคอยขับไล่ โดยเธอได้ระบุพิกัดเอาไว้ที่ ริมคลองหลังปั๊มบางจากอ้อมน้อย ในจังหวัดนครปฐมหลังโรงเบียร์อ้อมน้อย จึงอยากวอนหน่วยงานใดๆที่เกี่ยวข้องหรือพอจะยื่นมือเข้ามาช่วยได้ช่วยเหลือน้องทีก่อนที่น้องจะต้องสิ้นใจเพราะการขาดสารอาหารในที่สุด หรือหากเพื่อนๆท่านใดอยู่ในบริเวณดังกล่าวแล้วอยากที่จะยื่นมือช่วยก็สามารถติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Nittaya Pitukudompaisaln

หวิดถูกทับหลังถูกจับมาปล่อยไว้กลางสี่แยก ด้วยยังเล็กไม่รู้ประสีประสาไร้หาหนทางเอาชีวิตรอด

เพราะด้วยชีวิตนั้นเกิดมาไร้ผู้คนต้องการ เมื่อได้เกิดมาแล้วจึงเป็นภาระแก่คนอื่นๆด้วยมนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่เห็นแก่ตัวจึงเลือกที่จะผลักภาระทั้งหมดที่ตนมีให้ไปเสี่ยงต่อหลายชีวิตที่เพิ่งจะได้ลืมตาดูโลก ซึ่งเด็กๆเหล่านั้นก็คือสุนัขจรที่ไม่รู้อิโหน่อิแหน่ เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คแฟนเพจที่ใช้ชื่อว่า หมาจรชะอำ Stray dogs Cha am ได้โพสต์คลิปเรื่องราวเป็นคลิปสั้นๆของเจ้าลูกสุนัขทั้งหมด 5 ตัวที่ถูกจับมาปล่อยเอาวไว้ที่กลางสี่แยกบายพาสชะอำ ฝั่งตรงข้ามโรงแรมฝันดี โดยที่น้องๆทั้งหมดมี 5 ตัวเป็นเพศผู้ 2 เมีย 3 และในคลิปน้องๆก็ออกมาวิ่งเล่นกันกลางถนนด้วยความที่ยังเล็กและเป็นเด็กจึงไม่รู้เรื่องรู้ราวจนมีรถเก๋งคันนึงได้ขับผ่านมาและได้ชะลอเพื่อที่จะให้น้องๆหลบไปจากกลางถนน จึงอยากวอนให้เพื่อนๆหรือหน่วยงานใดที่อยู่ใกล้เข้าช่วยเหลือเพราะถ้าปล่อยเอาไว้แบบนี้ เด็กตัวน้อยๆที่เพิ่งจะได้ลืมตาดูโลกนั้นก็คงจะไม่รอด และก็ไม่รู้ว่าจิตใจคนที่นำมาปล่อยเอาไว้ทำด้วยอะไรเพราะพวกน้องๆนั้นยังเด็กมากอีกทั้งยังเด็กมากๆ แถมยังไร้ผู้เป็นแม่ที่จะคอยอาหารหรือได้สอนให้เรียนรู้ว่าสิ่งไหนอันตรายควรหลีกเลี่ยงที่ไหนที่ปลอดภัย ทั้งนี้จึงอยากฝากเอาไว้ให้รีบเข้าช่วยเหลือและหากเพื่อนๆคนไหนสนใจที่จะรับน้องๆไปเลี้ยงก็สามารถติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ หรือหากมีเพื่อนๆคนไหนพอที่จะมีพื้นที่เล็กที่สามารถจะรับน้องๆไปเลี้ยงได้ก็วอนให้เข้าช่วยเหลือน้องๆที เพราะถ้าปล่อยเอาไว้แบบนี้คงอยู่รอดได้ไม่นาน ขอขอบคุณมูลจาก หมาจรชะอำ...

เศร้าจนพูดไม่ออก หลังพาแมวที่แข็งแรงมาโดยตลอดไปหาหมอ แต่หมอกลับทำให้สิ้นใจจนตัวแข็ง

เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : ลั๊นล๊าตัวพ่อ ตามหาใจหญ๊ง ได้เผยเรื่องราวหลังเขานั้นได้พาน้องแมวไปทำหมันที่คลีนิคแห่งหนึ่ง ผ่านไปไม่นานนักคุณหมอก็โทรมาบอกอีกครั้งว่า ผ่าเสร็จแล้วรอน้องฟื้น และสักพักหมอก็โทรมาบอกอีกทีพร้อมกล่าวว่า ตอนนี้น้องเสียแล้วเพราะแพ้ยาสลบ . โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า สอบถามหน่อยครับ ผมพาแมวไปทำหมัน คุณหมอทักมาบอกตอน1ทุ่ม ว่าผ่าเสร็จแล้วรอฟื้น พอผ่านไป30กว่านาที หมอโทร. มาบอกว่าน้อง แพ้ยาสลบ แล้วสิ้นไป ผมรีบไปคลีนิคเดินทางไปไม่ถึง10นาที แต่น้องตัวแข็งแล้ว แบบนี้คือสิ้นเพราะเกินขนาดยาหรือป่าวครับ แมวเลี้ยงมารักเหมือนกับลูกแท้ๆ แต่พอพาไปทำหมันแล้วสิ้นใจ โดยไม่มีการตรวจสุขภาพใดๆเลยครับ แล้วมีแค่คำพูดสั่นๆเดิมๆคือ.......

หยุดทุกมิติของการอาบน้ำแมว หลังสาวทักถามเพจจะพาแมวไปอาบน้ำกลับบอกว่าน้องไม่ดุ แต่เมื่อไปถึงกลับดุแบบไม่มีอะไรกั้น

หากเพื่อนๆที่ได้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงไม่ว่าจะเป็นแมวหรือสุนัขก็คงจะเข้าใจดี ถึงความรักหรือการดูแลอย่างเช่นพาพวกเขาไปอาบน้ำหรือตัดขนที่ร้าน แต่ทว่าสิ่งเหล่านี้ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้แมวหรือสุนัขของเราอาจะไม่สบอารมณ์อย่างที่พวกเราคิด เพราะเรามักจะเห็นว่าการอาบน้ำนั้นเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะทำให้พวกเขานั้นสะอาด แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องลึกเบื้องหลังของร้านนั้นต้องพบเจอกับลูกค้าหน้าขนที่มีหลากหลายอารมณ์มากขนาดไหน เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Rayda Lee ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวสุดฮาหลังจากที่เธอนั้นจะพาเจ้าเหมียวสุดที่รักไปอาบน้ำให้ตัวหอมชื่นใจ ซึ่งเธอก็ได้ทักไปถามยังแฟนเพจที่เป็นร้านอาบน้ำสัตว์โดยเฉพาะ และสิ่งที่ทางแฟนเพจดังกล่าวได้ถามกลับมาก็คือ แมวหนักเท่าไหร่ น้องดุหรือไม่ซึ่งเธอเองก็ได้ตอบด้วยความมั่นใจว่าน้องน้ำหนัก 4 โลกับ 5.4 โล ตัวเล็กไม่ดุชอบแกล้งนอนแน่นิ่ง โดยทางร้านเองก็ได้ประเมินราคาให้แบบเสร็จสรรพ แต่ทว่าเมื่อน้องได้ไปถึงร้านเรื่องราวกลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะทางร้านเองได้ส่งรูปกลับมาให้เธอได้รับชมว่าสภาพของน้องที่บอกว่าไม่ดุและชอบแกล้งนอนนิ่งนั้นมันช่างผิดกันเเหลือเกิน โดยเธอเองก็ได้มาโพสต์บอกอีกด้วยว่าทางร้านดังกล่าวคนอาบน้ำให้น้องนิ้วยังอยู่ครบโดยสมบรูณ์แบบ และที่บอกว่าไม่ดุก็คือตัวเล็กคือเจ้าฉุนที่ว่าไม่ดุ แต่ด้วยจากสถานการณ์ที่คับขันมันประชั้นชิดมากเกินไปทำให้เจ้าฉุนเครียดมากไปหน่อยจนทำให้เกิดแบบในภาพ ซึ่งหลังจากที่เรื่องราวนี้ได้เผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ไม่นานก็ได้มีผู้คนจำนวนมากเข้ามากดไลค์และแสดงความคิดเห็นกับความฮาของเจ้าส้มฉุน ซึ่งทั้งนี้เองก็อยากจะฝากทางเจ้าของร้านเอาไว้ด้วยว่าให้ระวังนิ้วและตรวจสอบนิ้วให้ดีว่ายังอยู่ครบโดยสมบรูณ์มั้ย ขอขอบคุณข้อมูลจาก Rayda Lee

โดนเขาไล่โดนเขาฟาดต้องวิ่งหนีมาเป็นเดือน ทนอยู่ด้วยความหวาดระแวงแม้ยามจะหลับ เพราะเป็นหมาจรไร้ค่าไร้ราคา

ด้วยความมีเมตตาในจิตใจของมนุษย์เราไม่เท่ากัน ทำให้หลายๆที่เกิดมาพร้อมกับสุนัขหรือแมวนั้นจะมีหัวใจที่อ่อนโยนต่อสัตว์โลกมากกว่าคนที่ได้เกิดมาแต่ไม่เคยได้สัมผัสคิดว่าเป็นเพียงสัตว์เดรัจฉาน อีกทั้งสังคมและสภาพแววล้อมก็เป็นตัวแปลหลักทำให้หลายๆคนที่ไม่ชอบก็จะไม่ชอบพวกเขาไปเลย เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Nampueng Deekandok ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าตูบรายนี้ลงในโลกออนไลน์หลังจากที่พบน้องถูกคนใจร้ายไล่ฟาดทุกวัน ทั้งครั้งที่คนใจร้ายได้เห็นน้องก็จะไล่ฟาดน้องทั้งเอาก้อนหินขว้างใส่ ซึ่งคนใจร้ายก็ได้ตามหาน้องแบบนี้มาเป็นเดือนๆแล้ว น้องก็จะคอยแอบไปหลบอยู่ตามใต้ถุนบ้าน และก็ต้องทนอยู่ด้วยความหวาดระแวง โดยตัวผู้โพสต์เองก็ได้กลัวว่าน้องจะได้รับอันตราย จึงอยากจะขอวอนผู้ใดที่ใจบุญพอจะช่วยเหลือหรืออุปการะน้องได้ช่วยน้องที โดยตัวน้องเองเป็นสุนัขจรไม่มีเจ้าของอาศัยคนใจดีให้ข้าวให้อาหารน้องบ้างตามโอกาส น้องอาศัยนอนตามใต้ถุนบ้านเช่าซึ่งด้านล่างเป็นน้ำคลำ ไม่ว่าฝนจะตกหรือฟ้าจะร้องแดดออกก็จะแอบนอนอยู่ตรงนั้นเพราะกลัวว่าเขาเห็นเข้าก็จะถูกขับไล่อย่างที่เคยทำ และนิสัยส่วนตัวของน้องก็เป็นหมาจรที่น่ารักมากๆไม่เคยไปสร้างความเดือดร้อนให้ใครๆ เพียงแค่ชอบมาขอข้าวขอน้ำให้ได้กินเพื่ออยู่รอดไปวันๆเพียงเท่านั้น และหลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไปก็ได้มีผู้คนใจดีเข้ามารับอุปการะน้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แค่หนึ่งชีวิตที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงถ้าไม่รักไม่ชอบก็อย่าไปทำเขาแบบนี้เลย เพราะพวกเค้าก็มีชีวิตมีความคิดมีความรู้สึกไม่ต่างจากพวกคุณหรอก และก็ขอให้หนูมีความสุขกับบ้านหลังใหม่นะลูกนะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Nampueng Deekandok