ตกลงไปในท่อระบายน้ำทิ้ง หนาวสั่นด้วยความกลัวเพราะมืดสนิทไม่รู้ต้องทนอยู่แบบนั้นมานานมากแค่ไหน
ด้วยเกิดมาเป็นสัตว์ตัวน้อยๆเมื่อได้รับอันตรายหรือความยากลำบากจะมีใครเล่าจะเห็นค่าหรือค่อยมาช่วยเหลือ เพราะชีวิตที่ไม่สามารถเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากผู้คนได้ ยิ่งถ้าเป็นแมวตัวน้อยที่เพิ่งเกิดและไม่สามารถใช้ชีวิตหรือเอาตัวรอดได้จึงต้องอยู่แบบตามเวรตามกรรม
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Mannie Pasuwat ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวรายนี้หลังจากที่เขาได้พบน้องติดอยู่ในท่อระบายน้ำและว่ายวนเพื่อที่จะเอาชีวิตรอดด้วยความหนาวเหน็บเพราะทั้งมืดและมีน้ำทิ้งที่เปียกอีกทั้งช่วงนี้ก็อยู่ในช่วงฤดูฝน
ทำให้ท่อระบายน้ำนั้นมีแต่น้ำขังและยุงชุมซึ่งน้องก็ติดอยู่แบบนั้นนานร่วมหลายชั่วโมงจนผู้โพสต์ได้มาเห็นเข้าจึงได้ถ่ายรูปพร้อมกับประสานหน่วยงานกู้ภัยเพื่อที่จะเข้าช่วยเหลือแต่ติดอยู่ตรงที่ว่าฝาท่อระบายน้ำดังกล่าวนั้นเป็นของเทศบาลจึงให้ต้องประสานหน่วยงานรัฐ
แต่ทว่าก็คงจะรอไม่ได้แน่เพราะน้องต้องทนทุกข์กับสภาพที่หนาวสั้นอีกทั้งตัวก็ยังน้อย ทางหน่วยกู้ภัยจึงรีบเข้าช่วยเหลือในเวลาต่อมาโดยทำการช่วยน้องขึ้นมาจากท่อน้ำโดยใช้ผ้าแต่ก็ยังไม่สามารถที่จะเปิดฝาท่อได้ ซึ่งในที่สุดก็ต้องทำการตัดฝาท่อระบายน้ำทิ้งเพื่อที่จะยอมช่วยหนึ่งชีวิต
เพราะถ้าหากรอให้หน่วยงานรัฐมาอนุญาติน้องคงจะต้องสิ้นใจไปก่อนพอดี เพราะเราไม่รู้ได้เลยว่าน้องต้องทนอยู่แบบนี้มานานมากแค่ไหนแล้ว โดยในเวลาต่อมาน้องก็ถูกช่วยเหลือขึ้นมาได้เพราะการตัดฝาท่อของพี่ๆหน่วยกู้ภัยจนในที่สุดน้องก็ออกมาได้อย่างปลอดภัยและทางผู้โพสต์ก็จะนำตัวน้องไปส่งโรงพยาบาลสัตว์เพื่อตรวจเช็คอาการอีกทีนึงซึ่งหากเพื่อนๆท่านไหนสนใจอยากจะติดตามหรือรับเลี้ยงน้องก็สามารถติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Mannie Pasuwat และชมคลิป
https://www.facebook.com/mannie.pasuwat/videos/3154994347895043/
https://www.facebook.com/arm1669/videos/3022935774461052/
งานวันเกิดที่ไม่มีวันลืม หลังเจ้าของตั้งใจจัดวันเกิดให้แมวกลับเป็นวันที่เสียใจที่สุดในชีวิต
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : KS Nisrine ได้เผยเรื่องราวที่จะไม่มีวันลืม งานวันเกิดที่จัดเตรียมเอาไว้พร้อมแต่กลับต้องเป็นวันที่เสียใจที่สุดในชีวิต โดยก่อนหน้านี้เองเจ้าซีซ่าไม่ได้มีอาการผิดปกติแต่อย่างใด แต่พอถึงงานวันเกิดน้องกลับล้มป่วย ทั้งๆที่เมื่อวานน้องยังร่าเริงอยู่เลย
.
โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า ตอนนี้ 6:40 เช้าวันที่ 14 มิถุนา ของเวลาสวิส แม่มีนัดกับหมอไปรับร่างของหน้าดำตอน 7 โมง ทั้งทีวันนี้ ที่บ้านแม่จะจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้นาง(แมวทั้ง 2 ตัว) ซีซ่าเกิดวันที่ 6...
เกิดเป็นจรแอบอาศัยถูกเขาสั่งห้ามให้อาหาร พร้อมติดป้ายกะให้อด เพราะด้วยเกิดมาดำ
เพราะด้วยชีวิตที่เลือกที่จะเกิดมาไม่ได้ทำให้หลายๆชีวิตต้องเกิดมาดิ้นรนต่อสู้ แล้วยิ่งเป็นสัตว์จรที่ไร้ผู้คนต้องการหรือแมวที่มีสีดำด้วยแล้วจะหันไปหาใครเขาก็รังเกียจ ด้วยความเชื่อที่มีมาแต่โบราณแบบผิดๆคิดว่าแมวดำนั้นเป็นพิษไม่ดีมีอาถรรพ์
ด้วยตัวนั้นเกิดมาเป็นแมวจร เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Naru Naru ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวตัวนี้ลงในกลุ่ม มูลนิธิรักษ์แมว ปันน้ำใจให้แมวจร หลังจากที่พบน้องแอบอาศัยอยู่ในซอกตึกที่มีกระจกกั้นซึ่งเป็นตึกที่หน้าเซเว่น
โดยตึกนี้อยู่แถวแยกสุรศักดิ์ และที่ล่าสุดคือมีป้ายห้ามให้อาหารกับน้องแมวหรือสุนัขในบริเวณดังกล่าว ซึ่งเธอก็มักจะเห็นว่าน้องจะชอบไปแอบนอนอยู่ตรงนี้เป็นประจำแต่ก็อาจจะสร้างความเดือดร้อนให้กับเจ้าของตึกได้จึงถูกติดป้ายว่าห้ามให้อาหาร โดยเธอเองก็ได้แต่สงสารเพราะไม่สามารถที่จะเอาน้องไปเลี้ยงเองได้
จึงได้นำเรื่องราวมาโพสต์ลงในกลุ่มเพื่อหวังว่าจะมีคนใจดีมาช่วยรับน้องไปเลี้ยงที เพราะถ้าปล่อยไว้แบบนี้คงจะต้องอดแน่ๆเพราะถูกสั่งห้ามให้กิน ซึ่งเธอก็บอกอีกว่าน้องเป็นแมวน่ารักใจดีขี้อ้อนเข้าหาคนเก่งและเป็นเพศเมียที่มีสีดำ และโดยส่วนมากน้อยมักจะมานอนตอนเช้าๆสายๆเป็นประจำ
ซึ่งเมื่อในตอนเย็นเธอก็ได้วนไปดูน้องอีกรอบก็พบว่าน้องก็ยังคงนอนหลับอยู่ที่เดิมด้วย แม้ฝนจะตกลงมาน้องก็ยังคงนอนหลับได้อย่างสบายใจเพราะไปแอบนอนในตึกแห่งนี้ซึ่งถ้าเกิดมาตรการออกมาว่าห้ามให้น้องเข้าไปข้างในอาจจะยิ่งแย่ไปกว่านี้จึงอยากวอนพี่ๆคนไหนสนใจอยากจะรับน้องไปเลี้ยงก็สามารถติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Naru Naru
สาวโพสต์เล่าทั้งน้ำตาหลังไปทำธุระจนกลับบ้านไม่ทันเคอร์ฟิว เช้ามาเห็นสภาพบ้านถามหาวัดแทบไม่ทัน
หากเพื่อนๆที่พอจะได้เลี้ยงสุนัขก็คงจะทราบถึงคุณสมบัติของสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้กันดี ว่าพวกเขานั้นสุดแสนจะแสบและซนมากแค่ไหน เพราะถ้าคิดจะเลี้ยงไว้แล้วก็ควรที่จะต้องดูแลและอบรมสั่งสอนให้ดีหรือหากมีแพลนว่าจะต้องเลี้ยงก็แนะนำให้เก็บบ้านให้โล่งจะดีที่สุด
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Phakpassorn Pss ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องรางของเจ้าตูบไซบีเรียนฮัสกี้สุดที่รักของเธอลงในโลกออนไลน์ หลังจากที่ในวันนั้นเป็นวันที่เธอต้องไปทำธุระที่อื่นจึงไม่สามารถที่จะกลับบ้านทันในช่วงเวลาเคอร์ฟิวได้
จนต้องปล่อยให้เจ้าตูบไซสุดแสบอยู่บ้านกันเองเพียงแค่ลำพังเพียงเท่านั้น และเมื่อถึงเวลาในตอนเช้าเธอก็ได้กลับเข้าบ้านไปดูแลพวกเขาอย่างเป็นปกติ แต่ทว่าความไม่ปกติก็เกิดขึ้นเมื่อสิ่งที่เขาได้พบเห็นในแว๊บแรกบ้านก็ตกอยู่ในสภาพที่รกรุงรังข้าวของกระจัดกระจายเต็มบ้านไปหมด
จนเธอคิดว่าถูกคนร้ายปล้นบ้านจนถูกรื้อข้าวของจนเละเทะ แต่ที่ไหนได้เลยกลับเป็นฝีมือของเจ้าไซบีเรียนฮัสกี้สุดแสบทั้งคู่ ซึ่งหากดูจากภาพแล้วถ้าไม่ติดสุนัขมาเลยใครๆก็คงจะคิดว่าคงจะถูกโจรกรรมอย่างแน่แท้ แต่ในความเป็นจริงแล้วฝีมือไซพวกนี้ก็ไม่แพ้กัน
เพราะแม้แต่ของบางอย่างที่คิดว่าสุนัขตัวเล็กๆจะไม่สามารถที่จะทำรายข้าวของถึงขนาดนี้ได้ก็ตาม แต่ก็แหงล่ะไซบีเรียนฮัสกี้เสียอย่างทำได้ทุกอย่างอยู่แล้วยกเว้นอยู่หนึ่งข้อคือการหนีออกจากบ้านและไม่สามารถกลับบ้านเองได้ โดยทั้งนี้ก็อยากจะฝากกับเพื่อนๆเอาไว้ว่าอย่าไว้ใจทางอย่าวางใจไซจะดีที่สุด ซึ่งหากใครคิดอยากจะเลี้ยงก็จะต้องเตรียมเงินและเวลาเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษเพราะไซนั้นมีทำกำลังพังทะลายข้าวของแถมยังต้องเผื่อเวลาที่จะตามหาพวกเขาเมื่อยามที่ได้หลุดออกจากบ้านไปอีก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Phakpassorn Pss
บางแก้วสำนึกผิดแววตาดูเศร้า หลังฟัดคนในครอบครัวจนต้องเข้าโรงพยาบาล
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Bird Nawaga ได้เผยเรื่องราวของเจ้าตูบที่เขานั้นได้เลี้ยงเอาไว้ โดยเจ้าตูบตัวนี้มีชื่อว่าเจ้าโซดา เจ้าโซดาเป็นหมาพันธุ์บางแก้ว ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหมาที่ดุมากเพราะล่าสุดเจ้าโซดาได้ฟัดคนในบ้านจนต้องเข้าโรงพยาบาล
.
โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า จากข้อพิพาทเมื่อวาน ที่เจ้าโซดางับคนในบ้าน ล่าสุดคนในบ้านได้รับการผ่าตัดเนืองจากนิ้วเกือบขาดออกจากกันและงับบริเวณขอบขาจนเกือบถึงน้องน้อย อาการสาหัสพอสมควร แต่เป็นกระแสในสังคม ผมจึงดุและด้วยความโมโหก็ทำโทษโซดาไป
แต่พอวันรุ่งขึ้นผมเห็นแววตาก็อดนึกที่จะสงสารไม่ได้ เพราะมันขี้อ้อนเหลือเกินผมจึงจะให้โอกาสเจ้าโซดาอีกครั้ง ผมจึงอยากจะถามเพื่อนๆในกลุ่มผมควรทำยังไงกับเจ้าโซดาต่อไปดี ผมศึกษามาแต่ไม่ได้ลึกซึ้งรู้แค่เบื้องต้นปากต่อปากว่าพันธุ์นี้มันรักเจ้าของ
ผมก็แค่อยากให้มันคุ้นเคยกับคนในครอบครัวให้มากที่สุด แต่ยังไงก็แล้วขอคำแนะนำดีๆด้วยนะครับ แต่ผมปกติเป็นคนไม่อะไรกับหมาแต่ผมก็เลี้ยงมันมาและนึกอดสงสารมันไม่ได้ครับผม และนี่คือสภาพล่าสุดหลังคนในครอบครัวถูกฟัดสาหัส
ที่มา Bird Nawaga
ฝนตกต้องทนเปียกทนหนาว ตกดึกต้องแอบนอนในพงหญ้า ชีวิตน้อยๆเหล่านี้จะอยู่รอดได้อีกกี่คืนกี่วัน
เพราะอีกหลายๆชีวิตที่เลือกเกิดมาไม่ได้ทำให้ชีวิตน้อยๆเหล่านี้ต้องเกิดมาพบเจอกับสิ่งต่างๆในโลกใบใหญ่ ที่จะต้องเผชิญกับชะตากรรมที่ถูกลิขิตไว้เพื่อทำให้ชีวิตของตนนั้นได้หลุดรอดพ้นไปเพียงแค่ในแต่ละวัน ซึ่งหากในวันนี้คุณท้ออยากให้ลองมองดูรอบๆตัวว่ายังมีอีกหลายๆชีวิตที่ต้องพบเจอกับชีวิตที่เลือกไม่ได้
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Aun Suzuki ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าตูบตัวน้อยๆที่ได้เกิดมาเป็นสุนัขจรข้างถนน ว่าต้องพบเจอกับอะไรมาบ้างในแต่ละวัน ซึ่งเมื่อฝนตกพวกเขาก็ต้องอดทนเปียกทนหนาว เมื่อแดดออกร้านก็ต้องทนกับอากาศร้อน
ซ้ำเมื่อตกดึกตกกลางคืนก็ต้องแอบนอนในโพรงหญ้าต้องทนยุงและแมลง ต้องทนทุกอย่างที่สุนัขจรข้างถนนต้องพบเจอ ชีวิตน้อยๆเหล่านี้จะได้อยู่รอดไปได้อีกกี่วันเพราะแม่นั้นเกิดมาเป็นไม่ใช้หมาพันธุ์เหมือนกับคนอื่นเขา หรือถ้าเกิดโชคร้ายพบเจอกับอสรพิษหรือตัวเงินตัวทองมาจะทำอย่างไร
ยิ่งแล้วใหญ่หรืออาจะต้องป่วยจนสิ้นใจเพราะสภาพอากาศที่เดียวร้อนเดียวหนาวเพราะฝนที่ตกลงมาเกือบแทบจะทุกวัน เด็กตัวน้อยๆทั้ง 9 เป็นเพศผู้ 5 เมีย 4 ยังเฝ้ารอบ้านรอความเมตตาจะเพื่อนๆเพราะแค่หวังแค่ว่าชีวิตนี้จะดีขึ้นแค่มีที่กำบังให้พวกหนูไม่ต้องเปียกฝนหรือแค่ทนหนาวก็เพียงพอ
โดยทั้งนี้หากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะรับน้องๆไปเลี้ยงดูก็สามารถติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ ชีวิตที่เกิดมาเป็นแค่สัตว์จรยังมีเรื่องที่ต้องเจอในแต่ละวันเหมือนกับการผจญภัยชีวิตซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สนุกเลยแม้แต่น้อยเพราะไม่รู้ได้เลยว่าพรุ่งนี้จะมีชีวิตอยู่รอดได้ต่อไปหรือไม่ ซึ่งผู้โพสต์ก็ได้ระบุพิกัดเอาไว้ที่ จ.นครนายก หรือเขตจังหวัดปราจีนบุรี สามารถส่งน้องให้ได้ฟรี
ขอขอบคุณข้อมูลจาก...
ติดอยู่ในตึกไร้ผู้คนจะเข้าออกปลอกคอก็ติดปาก ไม่มีแม้น้ำหรืออาหารจะตกถึงท้อง
เพราะด้วยชีวิตที่เป็นสัตว์ทำให้หลายๆครั้งที่เราบอกกับเพื่อนๆว่าโลกภายนอกอันตรายมากมาย สำหรับสัตว์ตัวน้อยๆด้วยสิ่งนึงคือพวกเขานั้นมักจะไม่รู้ว่าสิ่งไหนอันตรายต่อตัวเขาเพราะด้วยสมองที่เปรียบเสมือนกับเด็กเพียงอายุ 2 ขวบทำให้เรามักจะกำชับกับเพื่อนๆว่าควรที่จะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในระบบปิด
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Champ Verawit ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวตัวนี้ลงในโลกออนไลน์หลังจากที่เขานั้นได้พบน้องติดอยู่ในตึกยูเมะพลัสเก่า ซึ่งเจ้าเหมียวก็ได้ติดอยู่ในนั้นซึ่งมีปลอกคอติดอยู่ที่ปากและไม่รู้ว่าน้องติดอยู่ในนั้นมานานมากแค่ไหนแล้ว
เมื่อมีปลอกคอที่ติดปากไว้แน่นอนว่าน้องจะไม่สามารถที่จะกินน้ำหรืออาหารได้เลยแม้แต่น้อย ซึ่งทางผู้โพสต์จึงได้พยายามที่จะเข้าช่วยเหลือแต่ทว่าตึกดังกล่าวนั้นเป็นตึกที่ไม่มีคนเช่าอยู่ทำให้ต้องติดต่อกับทางผู้เป็นเจ้าของตึกโดยตรงเพียงเท่านั้น
โดยทำได้แค่เพียงรอให้เจ้าของตึกมาเปิดเพื่อที่จะเข้าช่วยเหลือน้องซึ่งทางผู้โพสต์เองก็ได้ทำการโทรหากู้ภัยแต่ทางกู้ภัยเองก็ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือได้เพราะเป็นตึกที่มีเจ้าของ และผู้โพสต์ก็ได้ระบุพิกัดเอาไว้ที่ ถ.สุวรรณวงศ์ ซอยเดียวกับโรงเรียนกวดวิชาขวัญเกื้อ หน้าปากซอยเป็นออฟฟิส AIA
เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานทางเพื่อนๆในโลกออนไลน์ก็ได้แนะนำให้เจ้าของโพสต์นั้นลองแจ้งกับทางตำรวจดูเพื่อว่าจะสามารถช่วยน้องได้และในที่สุดก็ได้เข้าช่วยเหลือน้องได้ในเวลาต่อมา และทำการส่งตัวไปยังสัตวแพทย์เพื่อตรวจดูอาการและอาบน้ำให้น้องอย่างเสร็จสรรพโดยทั้งนี้น้องปลอดภัยดี จึงอยากจะฝากเตือนเพื่อนๆเอาไว้สำหรับใครที่เลี้ยงแมวก็ควรที่จะดูแลพวกเขาให้ดี เพราะเมื่อเวลาที่พวกเขาได้รับอันตรายก็อยากจะให้ลองนึกถึงจิตใจของพวกเขาด้วยว่าพวกเขาก็มีเพียงแค่คุณเพียงเท่านั้น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Champ Verawit
เจ้าของสิ้นใจไร้คนดูแล แต่ก็ยังคงคอยอยู่หน้าห้องเดิมที่เคยอยู่ หวังคิดว่าเขาจะกลับมารับในเร็ววัน
หากเพื่อนๆที่ได้เลี้ยงสุนัขหรือได้เคยสัมผัสถึงความรกที่พวกเขาได้มีต่อเราแล้วก็คงจะเข้าใจในความจงรักภักดีของพวกเขาเป็นอย่างดี เพราะหากเรานำพวกเขามาเลี้ยงแล้วสิ่งหนึ่งที่พวกเขาจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเลยก็คือความรักที่พวกเขานั้นมีต่อผู้เป็นเจ้าของไปตลอดกาล
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า ฐิติวรรณ ปลงใจ ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าตูบรายนี้ลงในกลุ่ม โครงการช่วยเหลือสัตว์เร่ร่อนจรจัด (ด้วยใจ) หลังจากที่เธอจะหาเพื่อนๆที่ใจบุญเพื่อที่จะช่วยเหลือน้อง ซึ่งน้องเป็นสุนัขที่เคยมีผู้เป็นเจ้าของมาก่อน
แต่ทว่าเมื่อไม่นานมานี้ผู้เป็นพ่อของน้องนั้นก็คือผู้เป็นเจ้าของได้เสียชีวิตลงไป จนทำให้เจ้าของคนอื่นๆได้ย้ายออกไปจากบ้านที่เคยอยู่ร่วมกันแต่กลับไม่ยอมที่จะเอาน้องไปด้วย ซึ่งตัวน้องเองก็ยังคงเฝ้ารอผู้เป็นเจ้าของอยู่ที่หน้าห้องเดิมที่เคยอยู่เป็นประจำโดยไม่ไปไหน
และอีกอย่างคือน้องนั้นป่วยเป็นโรคผิวหนังและส่งกลิ่นเหม็น บางทีก็เดินไปนอนที่หน้าห้องของคนอื่นเขาและก็โดนเขาไล่เพราะด้วยตัวที่เหม็นซึ่งอยากจะขอความเมตตาจากเพื่อนๆให้โปรดช่วยสุนัขที่แก่แล้วตัวนี้ด้วย โดยเธอได้ระบุพิกัดเอาไว้ที่ บ้านเอื้ออาทรวัดสาขลา ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ
ซึ่งหากเพื่อนๆคนไหนมีจิตใจที่เมตตาต่อสุนัขตัวนี้ก็สามารถที่จะเข้าไปช่วยเหลือน้องได้ เพราะตัวน้องเองก็ยังคงเฝ้ารอผู้เป็นเจ้าของกลับมาทั้งๆที่ผู้เป็นเจ้าของของน้องนั้นได้จากไปไกลแสนไกลแล้ว และนี่ก็คือความรักที่ยิ่งใหญ่ที่เจ้าตูบตัวนี้เลือกที่จะเฝ้ารอคอยผู้เป็นเจ้าของไม่มีเปลี่ยนแปลง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ฐิติวรรณ ปลงใจ
เคยมีเจ้าของแต่กลับย้ายไปไม่เอาไปด้วย จนต้องเสียตาไปหนึ่งข้างเดินร้องเรียกทักคนผ่านไปมาหวังคิดว่าเจ้าของจะกลับมารับหนู
ในทุกครั้งที่เรามักจะย้ำบอกกับเพื่อนๆว่าการนำสัตว์หนึ่งตัวมาเลี้ยงนั้น สิ่งที่เราควรจะคำนึงถึงมากที่สุดคือจิตใจของพวกเขาถ้าเกิดว่าวันหนึ่งเราเกิดละเลยที่จะรับผิดชอบต่อหนึ่งชีวิตแล้ว พวกเขานั้นจะได้รับผลกระทบมากที่สุดเพราะหัวใจที่รักเพียงแค่คุณคนที่เคยดูแลเอาใจใส่คนที่คอยห่วงใยพวกเขาตลอด
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Milo Jinny ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวรายนี้ลงในกลุ่ม ทาสแมวv2 หลังจากที่พบน้องถูกปล่อยเอาไว้เพียงลำพังซึ่งน้องเป็นแมวตัวเมียและเคยมีผู้เป็นเจ้าของแต่กลับปล่อยไว้แบบไม่แยแสคาดว่าน่าจะย้ายไปแล้วไม่เอาน้องไปด้วย
จึงต้องใช้ชีวิตกับโลกภายนอกเพียงลำพังจนทำให้ต้องเสียตาไปหนึ่งข้าง โดยน้องนั้นติดคนมากๆเจอใครเขาก็เข้าไปทักไปร้องไปขออาหารและคิดว่าน่าจะคงเฝ้าตามหาผู้เป็นเจ้าของ ด้วยใจหวังลึกๆว่าแม่จะกลับมารับหนู ซึ่งน้องเป็นแมวที่นิสัยดีมาก
ไม่เคยคิดแม้จะกางเล็บไม่เคยแม้จะข่วนหรือกัดใดๆ โดยตอนนี้น้องน่าสงสารมากๆเพราะไม่มีที่อยู่ต้องคอยอยู่อาศัยด้วยความหวาดระแวงจากสุนัข เพราะด้วยตาที่เสียไปหนึ่งข้างทำให้ยากลำบากต่อการใช้ชีวิต เจออะไรก็ต้องรีบหนูเดินชนโน่นชนนี่เป็นประจำวิ่งข้ามถนนไปมา
โดยในตอนกลางคืนก็มักจะไปแอบหลบอาศัยอยู่ในศาลพระภูมิยุงก็เยอะมากๆ ผู้โพสต์จึงอยากจะให้น้องได้บ้านได้มีที่อยู่อาศัยจะได้ไม่ต้องอยู่แบบยากลำบากเช่นนี้ ซึ่งหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไปไม่นานก็ได้มีผู้คนใจดีรับน้องเป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งทั้งนี้ทางผู้โพสต์ก็ยังได้บอกอีกด้วยว่าถ้าเกิดว่าน้องเข้ากับแมวของคนที่มารับไม่ได้ก็จะทำการหาบ้านใหม่ต่อไปโดยหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะรับน้องไปเลี้ยงก็สามารถติดต่อได้ที่ต้นโพสต์เพื่อว่าน้องจะเข้ากับแมวที่บ้านใหม่ไม่ได้ก็ยังคงจะพอมีหวัง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Milo Jinny
นั่งหน้าเศร้าด้วยความกลัว ไม่รู้ตัวว่าตนอยู่หนไหน คิดถึงเจ้าของแทบขาดใจไม่รู้เมื่อไหร่จะได้เจอ
เพราะทุกๆครั้งที่เราบอกกับเพื่อนๆว่าการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่ดีที่สุดคือการเลี้ยงในระบบปิดหรือระบบที่มีรั้วรอบขอบชิดที่พวกเขาไม่สามารถที่จะออกไปภายนอกบ้านหรือบริเวณบ้านได้ เพราะด้วยอันตรายจากโลกภายนอกนั้นน่ากลัวกว่าที่คุณคิดเอาไว้เยอะ เนื่องด้วยพวกเขาก็ไม่ต่างไปจากเด็ก
ทำให้สิ่งต่างๆในโลกกว้างที่พวกเขาไม่เคยพบเคยเจอเป็นอันตรายที่พวกเขาไม่รู้จัก เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า นู๋ผึ้ง งัยมีไลน์ป่ะ ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าตูบตัวนี้ลงในกลุ่มคนรักน้องหมาอย่างกลุ่ม รักปั๊ก. หลังจากที่เขานั้นได้พบน้องมานั่งตาละห้อย
และเหมือนกับว่ากำลังร้องไห้อยู่ ซึ่งน้องนั่งนิ่งแอบอยู่ตรงซอกไม่ยอมไปไหนด้วยความกลัวโดยทางผู้โพสต์คาดว่าน้องน่าจะหลุดมาและคงกลัวกับเหตุการณ์ที่ได้พบเจอเพราะตัวน้องเองก็คงจะจำทางกลับบ้านไม่ได้หรือไม่ก็อาจจะเกิดการตกรถเกิดขึ้นทำให้ไร้หนทางที่จะไป
และเมื่อได้พบเจอกับโลกภายนอกใบใหญ่ที่ไร้อ้อมกอดผู้เป็นพ่อเป็นแม่แล้วสุนัขนั้นก็เหมือกับเด็กตัวน้อยๆที่ไร้ที่พึ่งพิงเพราะพวกเขาจะรู้สึกปลอดภัยเมื่อใดก็ตามที่ได้เห็นเราผู้เป็นพ่อแม่เปรียดเสมือนผู้ปกครองที่จะคอยคุ้มครองและห่วงใยอยู่ใกล้ๆเสมอ แต่เมื่อไม่พบเจอก็คงจะรู้สึกกังวัลใจ
จึงทำได้เพียงแค่นั่งคอยมองหาและร้องไห้ด้วยหวาดกลัวอยู่ตรงนั้น ผู้โพสต์จึงได้ถ่ายรูปน้องมาลงในกลุ่มเพื่อที่จะตามหาผู้เป็นเจ้าของน้องเพราะไม่รู้ว่าเจ้าของอยู่ที่ไหน ซึ่งได้ระบุพิกัดเอาไว้ที่นนทบุรี ซอยงามวงค์วาน 21 ตรงโรงงานปาเก้ ใต้ทางด่วนงามวงค์วาน 21 โดยในตอนนี้ทางร้านขายของชำไดัรับดูแลอยู่ ซึ่งหากเพื่อนๆคนไหนที่พอจะรู้จักน้องหรือเจ้าของน้องก็สามารถติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ สงสารน้องคงจะคิดถึงพ่อแม่แย่แล้ว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก นู๋ผึ้ง งัยมีไลน์ป่ะ