ปิดล็อคตะแกรงเหล็ก สั่งห้ามไม่ให้อาหารหมาที่อยู่ใต้โพรง โดยอ้างว่าเป็นคำสั่งจากผู้ใหญ่
ด้วยชีวิตที่เลือกเกิดมาไม่ได้ทำให้ต้องจำใจยอมรับกับชะตากรรมที่ตัวได้เกิดมา ก้มหน้าก้มตาสู้ดิ้นรนเพื่อที่จะมีชีวิตรอดแน่แต่ละวันเพราะด้วยที่เลือกเกิดมาไม่ได้ ไม่ได้เป็นสุนัขพันธุ์ดีๆอย่างที่ใครๆเขาต้องการชีวิตเลยไร้ค่าไร้ราคาซ้ำยามยากลำบากหรือต้องการความช่วยเหลือก็ไร้แม้คนจะเข้าช่วย
เพราะจะไปร้องบอกใครเขาคงจะไม่ได้ยิน เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้ที่เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า ขนมเข่ง สะพานฟ้า ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าตูบสนุัขจรที่เขานั้นได้เคยให้อาหารน้องอยู่เป็นประจำ ซึ่งน้องนั้นอาศัยอยู่ใต้โพรงห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมือง
เพราด้วยชีวิตที่เกิดมาเป็นเพียงจรจำต้องทนใช้ชีวิตแอบอาศัยอยู่ในโพรงแห่งนี้ไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน แต่ทว่าวันนี้เธอกลับไม่สามารถที่จะให้อาหารกับน้องได้ด้วยมีคนสั่งจากคนมีอำนาจให้ล็อกตะแกรงเหล็กเพื่อที่จะห้ามไม่ให้อาหารสุนัขและกะว่าจะขังสุนัขเอาไว้ให้สิ้นลม
เพียงเพราะด้วยเกิดมาจร ซึ่งเธอจึงได้ถ่ายคลิปเพื่อที่จะร้องขอความช่วยเหลือโดยนเจ้าหน้าที่ฝ่ายอาคารและสถานที่พื้นหน้าห้างสรรพสินค้าดังได้ทำการปิดล็อคตะแกรงเหล็กเพื่อไม่ให้เธอนั้นได้ให้อาหารประทังชีวิตพวกเขาอีกต่อไป โดยได้อ้างว่าได้มีคำสั่งจากผู้ใหญ่
ซึ่งเธอก็ขัดแคลงใจว่าทำไมจึงไม่ให้น้องออกมาจากโพรงนั้นก่อน หรือเข้าช่วยเหลือน้องก่อนโดยการขังไว้ในลักษณะดังกล่าวเป็นการทารุณหรือไม่จึงอยากวอนใครหรือหน่วยงานไหนที่สามารถจะเข้าช่วยเหลือน้องไว้ได้เข้าช่วยเหลือที โดยทั้งนี้หากมีเพื่อนๆคนไหนที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวสามารถเข้าช่วยเหลือน้องก็วอนเจ้าช่วยเหลือน้องทีเพราะหากเป็นแบบนี้น้องคงจะต้องอดจนสิ้นลม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ขนมเข่ง สะพานฟ้า และชมคลิป
https://www.facebook.com/100040897874069/videos/309924467047480/
ปล่อยให้อดข้าวอดน้ำมาหลายวัน หลังย้ายของออกไปไม่ยอมเอาไปด้วย แต่ก็ยังเฝ้ารอด้วยใจหวังว่าเขานั้นจะกลับมารับ
หากจะเอ่ยถึงความซื่อสัตย์ที่สุนัขมีต่อเจ้าของนั้น ก็คงจะสุดหาอะไรมาเปรียบเปยไม่ได้เพราะด้วยความรักที่พวกเขามีต่อผู้เป็นเจ้าของแล้วไม่ว่านานเพียงใดพวกเขาก็ยังคงเฝ้ารอด้วยใจดวงเดียวทีมีด้วยความรักความผูกพันที่มีกันมาทำให้พวกเขาไม่มีวันลืมผู้เป็นเจ้าของได้
ซึ่งเราก็มักจะบอกกับเพื่อนๆเสมอว่าด้วยของการนำสัตว์มาเลี้ยงแล้วยิ่งเป็นสุนัขแล้วเพราะด้วยสิ่งหนึ่งที่พวกเขาจะหาจากไหนไม่ได้เลยไม่ใช่บ้านแต่เป็นความรักของผู้เป็นเจ้าของที่พวกเขานั้นได้รักหมดหัวใจ เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า ปล่อยจมไม่งมด้วย
ได้นำเรื่องราวของเจ้าตูบตัวนี้มาโพสต์เอาไว้ หลังจากที่เขาได้พบน้องอยู่ในหมู่บ้านที่เขานั้นได้อยู่ ซึ่งก็มีบ้านหนึ่งหลังที่เพิ่งจะย้ายของออกไปจนหมด แต่ทว่าเขานั้นกลับไม่เอาสุนัขไปด้วยและปล่อยให้น้องอยู่ภายในรั้วบ้านเพียงลำพัง ซึ่งเขาก็กลัวว่าน้องจะต้องอดข้าวอดน้ำ
โดยเขาเองก็ได้สังเกตุมาหลายวันแล้วว่าเจ้าของบ้านนั้นคงจะไม่เอาน้องไปด้วย เพราะเจ้าตูบนั้นอดข้าวอดน้ำมาแล้ววันแล้ว โดยเขาจึงได้นำเรื่องราวมาโพสต์ลงในโลกออนไลน์เพื่อหวังจะให้ใครสักคนหรือหน่วยงานใดๆเข้าช่วยเหลือน้อง เพราะด้วยความที่น้องเป็นสุนัขที่ถูกผู้เป็นเจ้าของนั้นเลี้ยงดูมา
ทำให้น้องนั้นก็พูดรู้เรื่องและยังคงเฝ้ารอผู้เป็นเจ้าของด้วยใจหวังด้วยดวงใจดวงน้อยๆว่าผู้เป็นเจ้าของนั้นจะกลับมารับหนูไปด้วย โดยทั้งนี้ทางผู้โพสต์ได้ระบุพิกัดเอาไว้ที่ หมู่บ้านมนวดีเอ๊กซ์คลูซีฟ ถนนบ้านกล้วย ไทรน้อย อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่งหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะรับน้องไปเลี้ยงก็สามารถเข้าติดต่อได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ปล่อยจมไม่งมด้วย ยงโย่ยงหยกยงโย่ยงหยกยงโย่ยงหยก
ส่งเสียงร้องเรียกหาแม่ใจแทบขาด หลังถูกพรากดวงใจไปจากอก สลับกับการหยุดร้องเป็นพักๆ ไม่แม้น้ำสักหยุดจะตกถึงท้อง
หากเรานั้นย้อนวัยไปเป็นเด็กสิ่งที่ได้เกิดขึ้นเมื่อเรารู้สึกเป็นกังวลหรือเจ็บนั้นก็คือการนึกถึงผู้เป็นแม่ เพราะแม่นั้นสามารถปกป้องตัวเราได้ด้วยทำได้ทุกสิ่งอย่าง จึงคิดถึงเป็นสิ่งแรกเริ่มเมื่อรู้สึกเป็นกังวลใจไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนมักจะร้องเรียกหา ด้วยว่าแม่นั้นคือผู้ที่ให้กำเนิดมาจึงเรียกหาเพื่อปกป้องและอุ่นใจ
เชกเช่นเดียวกับสัตว์ตัวน้อยๆที่แรกเกิด เปรียบเสมอพวกเขานั้นเหมือนกับเด็กที่เมื่อรู้สึกเป็นกังวลหรือต้องการความช่วยเหลือก็มักจะร้องหา เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า หมูยุ้ย อะไรกันนี่ ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวตัวน้อยตัวนี้หลังจากที่เธอได้ยินเสียงเจ้าเหมียวน้อยร้องเรียกอยู่บ่อยครั้ง
ซึ่งน้องนั้นร้องเรียกหาผู้เป็นแม่โดยที่ไร้ผู้คนจะเหลียวแล พิกัดแยกฟ้าฮ่ามศูนย์มาสด้า ในจังหวัดเชียงใหม่ โดยแมวน้อยตัวนี้มีนัยตาเป็นสีเหลือง ร้องเรียกส่งเสียงหาผู้เป็นแม่ดังสนั่นสลับกับการหยุดร้องไปเป็นพักๆเพราะด้วยความที่เหนื่อยล้าและหิวโหย เมื่อสักพักนึกขึ้นมาได้ก็น้องขึ้นมาใหม่ด้วยความที่ตัวยังน้อง
และหวาดระแวง ไม่มีแม้แต่น้ำหรืออาหารเพื่อที่จะประทังชีวิต ด้วยเธอเองก็ไม่รู้ว่าน้องนั้นมาจากไหนเลย เพราะหลายคนคงเคยได้ยินเสียงร้องของแมวเด็ก ที่มีความดังต่อเนื่องเหมือนกับร้องขอความช่วยเหลือ จนใครๆก็ต้องมองหาที่มาของเสียง ซึ่่งเธอเองก็ได้ยินในเวลาตอนประมาณ 17.00น. ของเมื่อวาน
โดยตอนแรกเธอก็คิดว่าเจ้าของบ้านไม่อยู่และเพิ่งจะเอาแมวมาเลี้ยง ซึ่งเธอก็ขอเสียมารยาทแอบดูด้วยความกังวลใจ จึงได้พบเจ้าเหมียวตัวน้อยกำลังร้องหาผู้เป็นแม่ด้วยความกลัว...
ยังคงรู้สึกผิดอยู่ในใจแม้ตนเองจะพูดไม่ได้ ได้แต่ส่งสายตาสำนึกผิด เพราะน้องเผลอทำให้แม่ต้องเจ็บตัว
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Clouseau Puttiporn ได้เผยเรื่องราวของการดูแลลูกแมวตัวน้อยที่มีอาการผิดปกติทางด้านของสมอง ซึ่งตัวเธอเองนั้นต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก เหมือนในกรณีนี้ที่เธอถูกแมวของเธองับเข้าจนจมเขี้ยว
.
โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า เป็นแม่แมวต้องอดทนน้องแมงโก้เป็นเด็กพิเศษ มีอาการสมองไม่ปกติเหมือนตัวอื่นๆ เวลาป้อนอาหารน้องจะงับแบบไม่ยั้ง ต้องใช้ไซริงค์เปลืองมากๆเพราะน้องฟันแหลมคม มีหลักฐานในรูปสองวันที่ผ่านมา
แม่แมวเผลอตอนป้อนอาหารให้น้อง จึงโดนงับจนจมเขี้ยวไป 3 นิ้ว เพราะน้องคิดว่านิ้วแม่เป็นไซริงค์ แต่น้องก็ไม่รู้ว่าตนนั้นทำแม่เจ็บ เลี้ยงเด็กพิการทางสมอง 5 ตัว รวมถึงแมงโก้ด้วย ต้องป้อนอาหารและน้ำแบบแมงโก้ 3 ตัว...
นอนนิ่งริมถนนไม่ยอมกระดิกไปไหน หลังตกคลองมาสองรอบด้วยตาที่มืดบอดและหูที่ไม่ได้ยิน
ด้วยเพราะมนุษย์เรานั้นมีจิตใจที่หลากหลายด้วยต่างที่ต่างทางต่างสภาพสังคมหรือครอบครัวที่ได้เติบใหญ่ จึงทำให้ความเมตตาในหัวใจนั้นต่างกัน จึงให้ความรับผิดชอบที่ได้รับมานั้นต่างกันไปด้วย และเหตุนี้จึงเป็นเหตุให้สุนัขหลายตัวถูกนำมาปล่อยเอาไว้เมื่อยามแก่เฒ่า
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Mäp Ks ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าตูบรายนี้หลังจากที่เขานั้นได้พบน้องนอนนิ่งอยู่ที่ริมถนนเอกมัย 21 ในซอยแจ่มจันทร์ โดยทางผู้โพสต์ได้เล่าว่าน้องนั้นนอนมาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว จึงอยากให้ใครที่อยู่บริเวณดังกล่าวช่วยพาน้องไปหาหมอที
ด้วยน้องมีสภาพวะที่ตาทั้งสองข้างมองไม่เห็นและหูก็ไร้การได้ยินเสียง ทำให้เมื่อเช้านี้น้องได้ตกคลองลงไปแต่ทว่าก็มีผู้คนที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวนั้นได้ช่วยเหลือน้องขึ้นมา ซึ่งจากสภาพของน้องก็เดินแทบจะไม่ไหวแล้วเพราะด้วยแก่ชราซึ่งคาดว่าน่าจะถูกนำมาปล่อยเอาไว้
ซึ่งในภายหลังทางผู้โพสต์ก็ได้มาอัพเดทเพิ่มเติมอีกด้วยว่า พี่ที่ออฟฟิศได้มาแจ้งบอกเขาอีกว่าเมื่อเช้าน้องก็ตกน้ำไปอีกนอบนึงเพราะด้วยการมองไม่เห็น และก็มีคนเข้าช่วยเหลือเอาไว้ด้วยอุ้มขึ้นมาไว้บนถนนแต่น้องก็ยังนอนนิ่งไม่ขยับไปไหนไม่คิดกลัวแม้รถที่ผ่านไปมา
เพราะด้วยตัวนั้นไร้ถึงการสัมผัสต่ออันตรายใดๆที่จะต้องเจอ และล่าสุดเขาก็ยังได้บอกอีกด้วยว่าตอนนี้ไม่พบน้องแล้วไม่รู้ว่ามีคนมาช่วยเอาไว้หรืออย่างไรกันแน่ แต่ถึงยังนั้นก็หวังว่าจะมีคนเข้าไปช่วยเหลือน้องเพราะจากสภาพของน้องนั้นไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองหรืออยู่ด้วยตัวเองได้เลย จึงอยากฝากเพื่อนๆเอาไว้ว่าใครที่อยู่ในพิกัดหรือบริเวณดังกล่าวอยากให้เข้าช่วยเหลือน้องที
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Mäp Ks Thai Love Animal ช่วยสัตว์...
เดินมาร้องอ้อนวอนขอเศษอาหาร ด้วยสภาพไร้เรี่ยงแรงจะเดินต่อ แต่ก็ทำได้แค่น้ำตาคลอและเดินจากไป
หากในวันนี้ชีวิตของคุณต้องพบเจอกับสิ่งที่ทำให้ท้อหรือถอดใจ อยากจะให้มองย้อนดูชีวิตสัตว์น้อยๆที่ไร้แม้กระทั่งบ้านหรืออาหารที่จะตกถึงท้องว่าด้วยพวกเขานั้นต้องดิ้นรนมากแค่ไหน ให้ชีวิตนั้นผ่านพ้นไปในแต่ละวัน ยิ่งไปกว่านั้นเป็นสัตว์ที่ไม่สามารถจะไปร้องบอกใครเหมือนกับคนเราได้
จึงทำได้เพียงแค่มาร้องขอเศษอาหารหรือความเมตตาจากมนุษย์เพียงเท่านั้น เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Nichanan Changthak ได้โพสต์เล่าเรื่องราวที่เขาได้พบเจอมาหลังจากที่เมื่อวานก่อนเขาได้นั่งรถทัวร์เข้ากรุงเทพมหานคร และด้วยการที่รถทัวร์ได้แวะปั้ม
เพื่อที่จะจอดให้กับผู้โดยสารได้พักเข้าห้องน้ำซึงเป็นปั้ม ปตท.สีคิ้ว และเขาก็ได้พบกับเจ้าเหมียวตัวหนึ่งเดินมาร้องขออาหารขอความเมตตาด้วยในสภาพที่สูบผอมและไร้เรี่ยวแรง เขาพบน้องเข้าตรงหน้าห้องน้ำฝั่งข้างในที่รถทัวร์ได้แวะเติมก๊าซด้วยเวลาในแถวนั้นเป็นเวลาตี 1
ซึ่งก็ไม่ได้มีร้านพวกขายอาหารหมูปิ้งหรือลูกชิ้นและอาหารที่พาจะซื้อให้น้องได้เลย โดยเขาเองก็ได้สงสารน้องมาๆที่ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือน้องได้และก็เอาน้ำขึ้นรถทัวร์ไปด้วยไม่ได้ แม้ว่าในใจของเธอเองก็อยากที่จะเอาน้องกลับไปด้วยมากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ทำได้เพียงแค่ยืนมองน้ำตาคลอ
และเดินจากไปเพราะด้วยรถทัวร์นั้นกำลังจะออกตัวไปอีกแล้ว เธอจึงได้ถ่ายรูปเหล่านี้เก็บเอาไว้และได้มาลงในกลุ่ม หาบ้านให้หมา-แมวจรจัดโคราช เผื่อว่าพอจะมีใครที่พอจะอยู่ใกล้ๆและเข้าไปช่วยเหลือหรือให้อาหารน้องที โดยน้องมาคลอเคลียที่ขาเธอตลอดเวลาที่เธออยู่ตรงนั้น ทำให้ใจของเธอสั่นและเต็มไปด้วยความสงสารแต่ก็ทำได้เพียงแค่ปาดน้ำตาและเดินจากไป ซึ่งทั้งนี้เองหากเพื่อนๆคนไหนอยู่ในบริเวณดังกล่าวที่พอจะสามารถเข้าช่วยเหลือน้องได้ก็เข้าไปช่วยเหลือชีวิตน้อยๆนี้ที
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Nichanan Changthak
วิ่งสุดชีวิตด้วยความกลัวหลังถูกนำมาเทไว้ ด้วยความรีบร้อนทำให้ขับรถชนจนสิ้นใจไปหนึ่ง
ด้วยในทุกๆครั้งที่เราย้ำบอกกับเพื่อนๆว่าการนำมาซึ่งการเลี้ยงสัตว์เท่ากับการที่เราจะได้รับทั้งความรักความสุขและภาระที่จะต้องเพิ่มขึ้นมา ซึ่งเรามักจำย้ำบอกทุกครั้งในเรื่องของการเตรียมพร้อมว่าเพื่อนๆจะต้องเตรียมพร้อมกันให้ดี เพราะการรับสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยงก็เหมือนเรานำเด็กสองขวบดีๆมาเลี้ยงนั่นเอง
เพราะมิเช่นนั้นปัญหาการถูกนำมาไปเทไว้และต้องกลายเป็นแมวจรก็จะเกิดขึ้น เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า ลุงอี๊ด ไง ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียว 3-4 ตัวนี้หลังจากที่เขาพบรถกระบะคันนึงนำแมวมาเทไว้ 3-4 ตัว ซึ่งด้วยความรีบร้อน
ก็ทำให้รถกระบะคันดังกล่าวขับรถชน จนสิ้นใจ ซึ่งก็ไม่ได้มีท่าทีลงมาดูแต่อย่างใดทั้งๆที่เลี้ยงมาตั้งเล็กแต่น้อยแต่ก็กลับไม่มีกระจิตกระใจลงมาดูเลยด้วยซ้ำ ด้วยทางผู้โพสต์เองได้เห็นภาพเรื่องราวผ่านกล้องวงจรปิดหลังได้พบน้องเหมียวตัวน้อยแอบหลบอยู่ข้างยางรถยนต์เก่า
เมื่อน้องได้ถูกนำมาเทไว้ก็ได้วิ่งหนีสุดชีวิตหนีไปคนละทิศคนละทาง แถมยังวิ่งหนีสุนัขที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวอีกด้วย และทางผู้โพสต์เองก็ได้พบน้องเหมียวเหลืออยู่เพียงหนึ่งตัวเพียงเท่านั้นเพราะจากการหลบหนีสุนัขจรเจ้าถิ่นเพื่อที่จะเอาตัวรอด
และทางผู้โพสต์ก็ยังบอกไว้อีกด้วยว่าอันที่จริงเขาก็อยากที่จะเอาผิดกับคนที่นำสัตว์มาเทไว้ ซึ่งเขาจึงอยากที่จะหาบ้านให้กับน้องๆเพราะด้วยกลัวว่าพวกน้องๆจะไม่รอดพ้นจากน้ำมือสุนัขในบริเวณดังกล่าว ซึ่งหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะรับน้องๆไปเลี้ยงก็สามารถติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ลุงอี๊ด ไง
วิ่งตามหาผู้เป็นเจ้าของมาร่วมหลายกิโล จนขากระเผลก แต่ก็ยังไม่หยุดท้อด้วยความรักและซื่อสัตย์ที่ตนมี
หากเราจะเอ่ยถึงความซื่อสัตย์นั้นคงจะหนีไม่พ้นสุนัขที่มีความซื่อสัตย์ต่อผู้เป็นเจ้าของมากที่สุดในโลก เพราะหากจะเปลี่ยนเทียบกับสัตว์ชนิดอื่นๆแล้วก็คงจะไม่มีใครเทียบเท่าได้ ด้วยความรักที่มีต่อผู้เป็นเจ้าของอย่างสุดหัวใจ โดยมีคำนึงเคยเอ่ยบอกเอาไว้ว่าให้เข้าสุนัขหนึ่งมื้อพวกเขานั้นจะจดจำเราไปจนสิ้นใจ
และนั้นก็เป็นเรื่องจริงเช่กเช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Sao Kusuma ที่ได้บอกเล่าเรื่องราวของสุนัขผู้ซื่อสัตย์รายนี้ลงยังโลกออนไลน์หลังจากที่เขานั้นได้พบน้องวิ่งตามหาผู้เป็นเจ้าของสุดที่รัก ด้วยระยะทางที่ทำเอาใจหายเพราะนั้นก็คือร่วมหลายกิโล และยิ่งไปกว่านั้นคือน้องวิ่งไปและวิ่งกลับ
อยู่แบบนี้มานานแรมร่วมเดือน โดยจากในตอนแรกน้องถูกนำมาปล่อยเอาไว้สภาพขนฟูและขาวสะอาดจนในตอนนี้กลับมีสภาพที่ดำและจากอ้วนท้วนก็กลับกลายเป็นผอมแห้ง เพราะด้วยการวิ่งตามหาผู้เป็นเจ้านายแบบนี้มาหลายวี่วัน โดยทางผู้โพสต์เองยังได้บอกว่าน้องเป็นสุนัขพันธุ์ผสม
ที่ถูกนำมาปล่อยเอาไว้พร้อมทั้งปลอกคอ และวิ่งบนถนนมาแบบนี้มานานเป็นเดือนจนเดินขากระเผลก โดยทางผู้โพสต์ได้เรียกน้องว่านิว ซึ่งเธอเองก็อยากจะหาใครสักคนที่พร้อมรับดูแลน้องและอยากจะให้เป็นบ้านหลังสุดท้ายของน้อง เพราะไม่อยากจะให้เขาหวาดระแวงด้วยความตื่นสถานที่แบบนี้อีก โดยเธอยังได้ระบุพิกัดที่สามารถไปรับตัวน้องได้คือที่ พิกัดหัวหิว สี่แยกไฟแดงคอกม้าทับใต้ ซึ่งหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะรับสุนัขที่ซื่อสัตย์รายนี้ไปเลี้ยงก็สามารถติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Sao Kusuma
ชีวิตนี้อยู่เพื่อหมา กับวิกฤตครั้งใหญ่ไม่มีทั้งเงินไม่มีทั้งงาน มีแค่หมาสองตัวที่คอยอยู่เคียงข้าง
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Suthinee Kwang ได้เผยเรื่องราวของตนเองที่เลี้ยงน้องหมาไว้อีก 2ตัว กับวิกฤตที่เข้ามาทับถม คนรอบข้างของเขาเองต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากให้เอาน้องหมาที่เลี้ยงไว้เอาไปเท เอาไปให้คนอื่น เพราะน้องหมาทั้งสองเป็นภาระ ขนาดตัวเองยังเอาไม่รอด
.
โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า ถึงไหนถึงกันกับหมา 2ตัว หลายคนบอกตัวเองยังเอาตัวไม่รอดเลย ยังจะเอาหมาไปอีกเนี่ยนะ ให้เอาน้องไปเทไว้ที่อื่น จะเอาไปไว้ไหนก็ไป อยากจะรู้จริงๆคนที่ไม่ต้องการน้องเนี่ย เค้าต้องใจแข็งขนาดไหนกันเชียว
ถึงทำกันได้ลง แค่เราเห็นแววตาที่น้องมองมานี่เเบบว่า เอาไงเอากันวะ มาตั้งหลักเอาใหม่อีกครั้งที่บ้านญาติ ตอนนี้กำลังหาที่อยู่ใหม่กับงานใหม่ มาขอกำลังใจให้แม่กับพ่อหนูผ่านเรื่องร้ายๆนี้ไปด้วยกันนะ...
กระเสือกกระสนคลานมาขอให้ช่วยชีวิต ตายังไม่ทันลืมเพิ่งออกจากรกแม่ หวังให้ช่วยหนูที
หากในวันนี้เพื่อนๆเกิดอาการท้อหรือเหนื่อยกับชีวิตที่ต้องดิ้นต่อสู้เพื่อให้มีเลี้ยงปากเลี้ยงท้องในแต่ละวันแล้ว หรือเกิดอาการหมดกำลังใจที่จะรุกขึ้นสู้ต่อ อยากให้ลองมองเรื่องราวของเจ้าเหมียวรายนี้ดูเพราะคำว่าต่อสู้เพื่อดิ้นรนจะสู้ชีวิตจริงๆมันเป็นแบบเจ้าเหมียวตัวนี้
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Nid Umaporn ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวตัวน้อยตัวนี้ลงในกลุ่ม รักหมาทาสแมวหลังจากที่เธอได้พบน้องถูกแม่แมวจรมาคลอดลูกเอาไว้แต่เขากับไม่ได้กินรก ซึ่งสภาพของน้องนั้นได้คลานออกมายังนอกถนน
ซึ่งด้วยสภาพอากาศที่ร้อนจัดทำให้รกของเจ้าเหมียวนั้นแห้งเพราะจากสภาพของน้องแล้วแม่แมวน่าจะคลอดมาได้หลายชั่วโมงแล้วเพราะสายรกของน้องนั้นแห้งและแข็งดึงด้วยมือเปล่าไม่ออก ด้วยความที่ยังอยากจะมีชีวิตอยู่จึงต้องกระเสือกกระสนคลอดมาให้มนุษย์นั้นเข้าช่วยเหลือ
โดยทั้งนี้เองเธอก็ได้เข้าช่วยเหลือน้องเอาไว้ด้วยความเมตตาต่อหนึ่งชีวิตที่เพิ่งจะลืมตาขึ้นมาดูโลกได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่กลับต้องต่อสู้ดิ้นรนเอาชีวิตรอดขนาดนี้กับพื้นที่ถนนที่ร้อนจัดและตัวเองที่เพิ่งจะแรกเกิด จนในที่สุดเธอก็ได้ตัดสินใจรับน้องเอาไว้เลี้ยงดูเอง
โดยเธอได้มาโพสต์สอบถามยังกลุ่มดังกล่าวด้วยเรื่องว่าการเก็บรกของน้องแมวนั้นถือเป็นสิ่งมงคงที่เป็นความเชื่อกันมาตั้งแต่โบร้ำโบราณว่าการเก็บรกแมวเอาไว้จะเสริมศิริมงคลต่อผู้เป็นเจ้าของให้มั่งมีและคุ้มครองปลอดภัย แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็ยังคงถือว่าเป็นความเชื่อในสืบต่อกันมาควรที่จะใช้จักรยานในการรับชม แต่ถ้าถามว่าบ้านแอดเองเก็บไหมบอกได้คำเดียวว่าแม่เก็บไว้เรียบร้อยฮ่าๆ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Nid Umaporn