ติดอยู่ในท่อระบายน้ำ ส่งเสียงร้องขอข้าวประทังความหิวไม่รู้ต้องติดอยู่ในสภาพนี้มากี่แรมวัน

ด้วยชีวิตที่ได้เกิดมาไร้ซึ่งผู้คนที่จะตามหาหรือต้องการ ทำให้หลายๆชีวิตต้องเกิดมาพบเจอกับความทุกข์ยากและต่อสู้ดิ้นรนไปเพื่อที่ให้ได้มีชีวิตอยู่ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งในบางครั้งปัญหานั้นก็ยิ่งใหญ่เกินกว่าชีวิตน้อยๆจะสามารถเอาตัวรอดหรือช่วยชีวิตด้วยตัวเองให้รอดพ้นมาได้ ซึ่งสิ่งที่ทำได้ก็เพียงภาวนาหรือน้องขอให้คนช่วยด้วยหวังว่าจะมีใครสักคนได้ยิน โดยเมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า ดิเรก กิจเอนกวุฒิกร ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวจรรายนี้หลังจากที่พบน้องติดอยู่ในท่อระบายน้ำมาแบบนี้ 3-4 วันแล้วซึ่งเขาเองก็ไม่สามารถที่จะเข้าช่วยเหลือน้องได้ เพราะน้องติดอยู่ในท่อระบายน้ำที่เป็นทางปิดสนิทโดยไม่มีทางออก อีกทั้งในช่วงนี้ฝนก็ตกลงมาอย่างหนักในทุกวัน โดยน้องก็ต้องใช้ชีวิตอยู่แบบนี้อย่างทุรักทุเร ซึ่งเขาเองก็ทำได้แค่เพียงเอาน้ำข้าวมาให้กับน้องอยู่แบบนี้มา 3-4 วันแล้ว เขาจึงได้นำเรื่องราวมาโพสต์ลงยังกลุ่มข่าวสารนครปฐม นครปฐม เพื่อที่จะหามูลนิธิที่พอจะช่วยเหลือน้องได้ ให้เข้าช่วยเหลือน้องที แต่ทั้งนี้ในกลุ่มดังกล่าวก็ไม่ได้มีความคืบหน้าแต่อย่างใด เขาจึงได้ไปตามกับทางมูลนิธินครปฐมด้วยตนเอง โดยระบุพิกัดที่น้องอยู่เอาไว้ที่ 7-11 วัดพระงามเรียบคลองแถวๆท่ารถเมล์ขาว จนในเวลาต่อมาก็ได้มีหน่วยกู้ภัยเข้ามาช่วยทำการงัดฝาท่อระบายน้ำและเข้าช่วยเหลือน้องที่ตกอยู่ในสภาพที่อิดโรยและหวาดกลัว โดยจากการสันนิษฐานทางเข้าออกของท่อระบายน้ำดังกล่าวคาดว่าน้องน่าจะตกลงไปในคลองและพยายามที่จะเอาชีวิตรอดด้วยการมุดท่อขึ้นมาจากทางนั้นทำให้มาติดอยู่ในบริเวณตรงฝาตะแกรงกั้นขยะตรงนี้ แต่ถึงอย่างนี้น้องก็ได้มีชีวิตและปลอดภัยแล้ว...

แอบอาศัยบนเกาะกลางถนน มีกล่องไฟฟ้าสีเขียวริมถนนเป็นที่หลบฝนหลบแดด ด้วยตัวเป็นจรจึงต้องเฝ้าทน

ด้วยชีวิตที่เลือกเกิดมาไม่ได้ทำให้หลายๆชีวิตต้องอยู่อย่างทุกข์ทนเพื่อที่จะมีชีวิตรอดพ้นไปในแต่ละวัน ด้วยที่ไม่สามารถจะเลือกเกิดมาได้จึงต้องก้มหน้าก้มตารับสภาพสภาวะที่ตนนั้นต้องพบเจอ ยิ่งถ้าเกิดมาไม่ได้เป็นที่ต้องการเหมือนอย่างใครๆเขาจึงต้องเฝ้าคอยเอาประทังชีวิตรอด เชกเช่นเดียวกับเรื่องราวนี้เมื่อไม่นานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Ppeam Peamika ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวส้มตัวนี้ที่เขาได้พบเห็นน้องแอบอาศัยอยู่บนเกาะกลางถนนมาหลายวัน โดยในตอนกลางคืนเธอเองก็เคยที่จะพยายามเข้าไปช่วยเหลือน้องแต่ทว่าน้องกลับไม่ยอมให้เธอจับตัว ด้วยน้องเป็นแมวจรจึงหวาดกลัวผู้คน ซึ่งเมื่อเธอพยายามที่จะช่วยเหลือน้องน้องก็มักจะวิ่งหนีหลบเข้าโพรงต้นไม้เสมอ และด้วยสภาพอากาศในบ้านเราในตอนนี้ที่มีทั้งฝนมีทั้งแดดซึ่งน้องก็ได้แต่แอบหลบอยู่ทีตู้ไฟฟ้าเพื่อที่จะเป็นที่กำบังคอยหลบฝนหลบแดดอยู่เสมอ เธอจึงได้นำเรื่องราวมาโพสต์ลงยังแฟนเพจ มลูนิธิรักษ์แมว ปันน้ำใจให้แมวจร เพื่อที่จะหาคนเข้าช่วยเหลือน้อง ซึ่งหลังจากการโพสต์ของเธอก็ได้มีเพื่อนๆในกลุ่มเป็นจำนวนมากต่างพากันเข้ามาแสดงความคิดเห็นว่าเคยพบเห็นน้องอยู่ตรงนั้นอยู่บ่อยครั้งและน้องก็ตกอยู่ในสภาพที่เนื้อตัวเปียกปอน อีกทั้งรถในบริเวณดังกล่าวก็ค่อนข้างจะเยอะจึงกลัวว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับน้องได้ โดยเธอนั้นได้แจ้งพิกัดที่น้องอยู่เอาไว้ว่าน้องอาศัยอยู่ในบริเวณ เกาะกลางถนนป้ายรถเมล์กองสลาก สนามหลวง และเมื่อเวลาผ่านไปก็ได้มีผู้คนเข้าช่วยเหลือน้องเป็นที่สำเร็จ ซึ่งในตอนนี้น้องได้บ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้วไม่ต้องทนทุกข์ตากแดดตากฝนเนื้อตัวเปียกโซกเหมือนอย่างที่เคยเห็น ทั้งนี้ก็ต้องขอขอบคุณผู้ใจดีที่เข้าช่วยเหลือน้องเอาไว้และจัดสรรหาบ้านให้กับน้องเป็นที่เรียบร้อย ขอขอบคุณข้อมูลจาก Ppeam Peamika‎

แรงแทบไม่มีแม้จะยืน ตาก็เพิ่งลืมได้เพียงไม่กี่วัน ได้แต่คลานไปไหนมาไหนด้วยถูกเขาพรากมาจากอกแม่

หากว่าเราเป็นเด็กเมื่อเราได้พบเจอกับสิ่งใดที่ไม่เคยพบเคยเจอหรือแม้กำลังตกอยู่ในสภาวะที่รู้สึกกลัวหรือว่าคิดว่าตัวจะได้รับอันตรายสิ่งแรกที่เรานึกถึง คงจะไม่พ้นหัวอกผู้เป็นแม่เพราะแม่นั้นคือผู้ให้กำเนิดที่จะสามารถปกป้องเราได้โดยไม่มีสิ่งใดๆจะทำร้ายหรืออันตรายได้เลย เช่นเดียวกันกับสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก อย่างเช่นแมวหรือสุนัขที่พวกเขาก็มีความเป็นเด็กไม่แพ้เราเมื่อได้รู้สึกตัวว่าตนนั้นกำลังตกอยู่ในอันตรายสิ่งแรกที่คิดก็คือหัวอกคนเป็นแม่เป็นพ่อที่จะสามารถปกป้องกับสิ่งต่างๆได้ เชกเช่นเรื่องราวนี้เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Sineenath Sintuesan ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเขาลงในกลุ่ม กลุ่ม "น้องแมวหาบ้าน" หลังจากที่ได้พบน้องที่เพิ่งจะลืมตามาดูโลกเพียงไม่นาน แต่กลับถูกเด็กข้างบ้านพรากมาจากหัวอกแม่ ด้วยน้องที่ยังเล็กมากๆและยังไม่ทันหย่านมทำให้น้องไร้แม้เรี่ยวแรงจะยืนหรือเดินต่อ ด้วยสภาพที่เพิ่งจะเกิดมาทำให้เขานั้นไม่รู้ว่าจะเขาช่วยเหลืออย่างไรดี จึงได้มาโพสต์บอกเล่าเรื่องราวให้เข้าช่วยเหลือด้วยพ่อของเด็กที่พรากแมวมานี้ก็ทำร้ายแมวไปแล้วจนสิ้นไป 1 เหลือเพียงสองตัวที่ยังเฝ้าเกาะกลุ่มกันไว้ โดยเขาจึงได้บอกว่าใครที่อยู่ในพื้นที่แถวไทรน้อยช่วยเข้ามาดูน้องทีเพราะตัวของเขาเองก็ไม่สามารถที่จะเขาไปช่วยเหลือได้เพราะอาจจะด้วยเป็นเพื่อนบ้านกันจึงอาจะมีปัญหากันในระยะยาวจึงอยากฝากไว้แถวบางกรวยไทรน้อยโรงผลิตไฟฟ้าช่วยเหลือที ขอขอบคุณข้อมูลจาก Sineenath Sintuesan

ถูกเขาจับใส่ถุงดำมาเทไว้ ด้วยเนื้อตัวทุรนทุรายไร้เรี่ยวแรงจะหนี ได้แต่นอนหอบลิ้นด้วยสิ้นหวัง

หากจะพูดถึงการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงแล้ว สิ่งนึงที่เราควรจะต้องคำนึงถึงก็คือก่อนที่จะนำสัตว์มาเลี้ยงนั่นก็คือความรับผิดชอบต่อหนึ่งชีวิตที่จะมีผลพวงตามมาอีกมากมาย ด้วยเพราะหากเราจะได้นอกจากความสุขยังจะได้ถึงภาระหน้าที่ของผู้เป็นพ่อแม่เพราะหากปล่อยประละเลยแล้วสิ่งที่จะตามมาเมื่อพวกเขาตั้งท้อง นั่นก็คือปัญหาของการนำสุนัขหรือแมวไปเทไว้ตามที่ต่างๆ เชกเช่นเดียวกับเรื่องราวนี้เมื่อไม่นานมา่นี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Gulyada Yim Saelim ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวตัวน้อยๆเหล่านี้ๆ ที่ถูกนำมาเทเอาไว้ที่หน้าบ้านของผู้โพสต์ด้วยลักษณะการนำถุงดำมาใส่เอาไว้ ซึ่งเมื่อเขานั้นได้พยายามเปิดถุงดำดังกล่าวก็ได้พบกับน้องเหมียวตัวน้อยๆที่ตกอยู่ในสภาพที่อิดโรย ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนทำให้น้องๆนั้นเกือบที่จะขาดอากาศหายใจ โดยมีน้องบางตัวนอนหอบจนลิ้นห้อยเพราะด้วยอากาศที่น้อยนิดภายในถุง แต่ก็ในใจก็คงจะรู้ตัวว่าพวกหนูคงจะรอดแล้ว ซึ่งในบางครั้งมนุษย์เรานั้นก็มองเห็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆพวกนี้ไม่มีค่าไม่มีราคาจึงไม่สนใจว่าพวกเขาจะต้องทนอยู่กันอย่างไรหากนำมาเอาไว้เช่นนี้ โดยทั้งนี้เองผู้โพสต์จึงได้นำเรื่องราวมาโพสต์เพื่อที่จะช่วยเหลือและหาบ้านให้กับน้องๆ อีกทั้งน้องๆก็คงจะคิดถึงผู้เป็นแม่เป็นอย่างมาก และในเวลาต่อมาก็ได้มีผู้คนเข้ามาสนใจอยากที่จะรับพวกเด็กๆเป็นจำนวนมาก จนในตอนนี้น้องๆก็ได้บอกกันครอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็อยากจะฝากถึงเพื่อนๆทุกคนเอาไว้ด้วยว่าอยากจะให้คิดสักนิดก่อนที่จะลงมือทำอะไรอย่างนี้พวกด้วยเพราะเค้าก็มีชีวิตจะไม่ให้คิดไม่ให้เจ็บคงจะไม่ได้ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Gulyada Yim Saelim

เดินตามหาผู้เป็นเจ้าของ ส่งเสียงร้องจนเป็นลมกลางถนนหลังพลัดหลงไม่ตัวว่าตนอยู่หนไหน

ด้วยความรักของสุนัขนั้นเป็นสิ่งที่สวยงามมากที่สุดเพราะในการที่เรานำพวกเขามาเลี้ยงนั้น สุนัขจะจดจำเราไปตลอดไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานมากแค่ไหนพวกเขาก็จะยังคงเฝ้ารอและรักเราด้วยใจดวงเดียวดวงน้อยๆ ที่จะไม่มีวันลืมเลือน อย่างที่มีคนเคยพูดเอาไว้ว่าให้อาหารสุนัขหนึ่งครั้งพวกเขาจะจดจำเราไปตลอดชีวิต และมันก็อาจจะเป็นเรื่องจริงเช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า กำยำ จำโบ้ ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าตูบตัวนี้หลังจากที่เขาได้พบน้องเดินตามหาผู้เป็นเจ้าของในสภาพอากาศที่ร้อนจัด จนทำให้น้องนั้นเป็นลมกลางถนนเพราะด้วยการที่น้องได้เดินไปส่งเสียงร้องไป ด้วยหัวใจที่เฝ้าตามหาจึงทำได้เพียงออกเดินไปตามทางและหวังว่าจะพบกับเจ้าของ ซึ่งทางพี่รปภ.ในหมู่บ้านได้เข้าช่วยเหลือเอาไว้เพราะด้วยเห็นสภาพของน้องแล้วก็อดสงสารไม่ได้ เขาจึงได้นำเรื่องราวมาโพสต์ยังโลกออนไลน์เพื่อที่จะประกาศตามหาผู้เป็นเจ้าของให้กับน้อง โดยพื้นที่ที่น้องได้อยู่อยู่ที่ แถวๆบางใหญ่ซอยกันตนา นนทบุรี จึงอยากวอนช่วยตามหาน้องเพราะในตอนนี้น้องก็ยังคงส่งเสียงร้องไม่หยุดเพราะด้วยคงคิดถึงผู้เป็นเจ้าของแย่แล้ว ด้วยความคิดถึงที่น้องได้มีต่อเจ้าของนั้นทำให้เขาส่งเสียงร้องออกมาอย่างสุดใจด้วยหวังว่านายคงจะได้ยินและกลับมารับเขาไป และหลังจากที่เรื่องราวนี้ได้ถูกเผยแพร่ไปยังโลกออนไลน์ก็ได้ทำให้มีผู้คนช่วยกันตามหาผู้เป็นเจ้าของของน้อง จนในเวลาต่อมาผู้โพสต์ก็ได้ออกมาอัพเดทว่าในตอนนี้ น้องได้พบกับผู้เป็นเจ้าองเดิมแล้วจึงขอขอบคุณทุกๆคนที่ช่วยกันตามหาผู้เป็นเจ้าของให้น้องและน้องก็ได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย ขอขอบคุณข้อมูลจาก กำยำ จำโบ้

ทนอยู่อย่างทุกข์ทรมาน ได้แต่มาขออาศัยขอข้าวกินประทังความหิว ด้วยเป็นจรจึงไร้ผู้คนจะช่วยรักษา

หากในโลกนี้มีเรื่องของบุญกรรมเก่าที่ได้ทำมา ก็คงจะเกี่ยวข้องกันมาในชาตินี้ๆเพราะในขณะที่คนบางคนนั้นได้เกิดมาอยู่อย่างสุขสบายกับในบางคนแล้วกลับต้องเกิดมาพบเจอแต่ความทุกข์ยากไร้แม้ที่จะพึงพิง และก็คงจะเป็นเช่นเดียวกันกับสัตว์โลกที่ได้เกิดมาอยู่อย่างสุขสบายกับบางตัวที่ต้องเกิดมาเป็นจร เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Supangpak Chanloy ได้นำเรื่องราวของเจ้าเหมียวจรตัวนี้มาโพสต์ลงยังกลุ่มคน ช่วยเหลือสุนัขและแมว หลังจากที่เขานั้นได้พบน้องมาขออาศัยขอข้าวกินเพื่อที่จะประทังความหิวซึ่งด้วยความสงสารเขาก็ได้ให้ข้าวน้องอยู่เป็นประจำ แต่ทว่าเมื่อเขาได้สังเกตเห็นที่พุงของน้องกลับมีเหมือนกับอวัยวะภายในนั้นได้หลุดออกมาจากตัว ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ว่าควรที่จะช่วยน้องยังไงอีกทั้งน้องยังคงเป็นแมวจรที่ไม่สามารถจะจับตัวน้องได้ และด้วยเธอเองก็ไม่มีทุนทรัพย์มากพอที่จะช่วยเหลือน้อง จึงทำได้แต่สงสารเพราะด้วยว่า หนึ่งชีวิตนั้นต้องเกิดบนความทุกข์ซ้ำยังต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความเจ็บปวดเธอจึงสงสารน้องมากๆและพยายามหาวิธีเพื่อที่จะช่วยเหลือบรรเทาให้กับน้องได้บ้าง เธอจึงอยากสอบถามราคาค่าใช้จ่ายในการรักษาหรือหากว่ามีหน่วยงานใดที่พอจะช่วยเหลือน้องได้เข้าช่วยเหลือน้องที โดยเธอได้ระบุพิกัดเอาไว้ที่ธรรมศาสตร์รังสิต โดยทั้งนี้หากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากที่จะเข้าช่วยเหลือน้องหรือรับน้องไปเลี้ยงก็สามารถติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Supangpak Chanloy

เลี้ยงดีแค่ไหนสุดท้ายก็ถูกว่าอยู่ดี สาวทาสแมวเผยถูกเขาว่าเลี้ยงแมวไม่ดีขาดตกบกพร่อง

เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Aum Chophaka ได้เผยเรื่องราวของเจ้าแมวอ้วนสุดน่ารักที่เธอได้เลี้ยงเอาไว้ โดยตัวเธอนั้นเป็นทาสแมวตัวยงและยังคงเป็นนักศึกษาอยู่ แต่ก็ถูกเขาตำหนิมาว่าจะเลี้ยงแมวทำไม ไม่มีเวลาให้ก็อย่าเลี้ยง (แต่เธอก็เลี้ยงแมวกินดีอยู่ดีจนน่ารักเหมือนกับในรูป) ...แต่ยังไงเขาก็ว่าเธออยู่ดี . โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า เรากำลังศึกษาอยู่มหาลัยค่ะและทำงานธุรกิจเล็กๆไปด้วยในระหว่างเรียน ใช่ค่ะเราไม่ได้มีเวลาเลี้ยงน้องตลอดทั้งวันหรอกนะ แต่ทุกเย็นคืออยู่นอนกับน้องตลอด พอตอนเช้าเราก็ออกไปทำหน้าที่ของเราเหมือนทุกวัน เราโดนตำหนิเรื่องเวลาความพร้อมในการเลี้ยงน้องมาก(มีเวลาให้น้อย) คือเรางงมาก ต่อให้เราเรียนจบแล้ว เราก็ต้องมีอาชีพมีการมีงานทำที่ต้องทำมาหาเลี้ยงชีพ เราก็คงไม่ได้มีเวลาอยู่กับน้องทั้งวันอยู่ดีหรอก หรือเป็นเพราะเป็นนักศึกษาคะถึงมองว่าไม่มีความพร้อมในเรื่องนี้ พอถึงช่วงปิดภาคเรียนก็จะเอาน้องกลับบ้านไปด้วยนะคะไม่ได้ไว้หรือฝากใครเลี้ยง ส่วนเรื่องวัคซีน ถ่ายพยาธิ อาหารต่างๆเราไม่เคยขาดตกบกพร่องนะคะ เลี้ยงกินอยู่ดี แต่ก็โดนเขาตำหนิว่าไม่พร้อมอีก...

ระหว่างทางกลับฐานเจอลูกแมว นอนหายใจโรยรินกลางถนน คาดน่าจะถูกชนแต่ก็คงจะปล่อยเอาไว้ไม่ได้

ด้วยชีวิตที่ได้เกิดมาในบางครั้งคนไทยเราก็มีควา่มเชื่อกันว่า เมื่อได้เกิดมาต้องพบเจอกับวิบากกรรมที่ได้ทำไว้ในอดีตชาติทำให้ชาตินี้จึงต้องเกิดมาชดใช้กรรมที่ต้องพบเจอ แต่ทว่าหากเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กที่ต้องเกิดมาพบเจอยิ่งแล้วใหญ่เพราะจะไปร้องบอกใครเขาก็ไม่มีใครช่วย แต่ถ้าเกิดโชคยังดีหน่อยได้เจอผู้คนที่เขานั้นใจดีช่วยเอาไว้ก็ถือเป็นบุญที่ได้ทำร่วมกันมา เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Re Va ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวหลังจากที่เขานั้นได้กำลังอยู่ในระหว่างทางที่เขาจะกลับฐาน ซึ่งเขาก็ได้พบกับเจ้าเหมียวตัวหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่ที่กลางถนน ด้วยสภาพร่างกายที่หายใจโรยริน แต่ก็ยังคงกระเสือกกระสนคลานเข้าริมฝั่งของถนน เพื่อที่จะให้ชีวิตตนนั้นรอดพ้นจากอันตราย ซึ่งผู้โพสต์ได้เห็นก็จึงได้ตัดสินใจจอดรถลงไปดูและเข้าช่วยเหลือ เพราะหากว่าปล่อยน้องเอาไว้ไม่วายคงจะถูกซ้ำไม่รอดอย่างแน่แท้ เขาจึงตัดสินใจลงไปดูและกลับขึ้นมาบนรถเพื่อที่จะหาผ้าไปอุ้มตัวน้องขึ้นมาอย่างปลอดภัย โดยทั้งนี้ในเวลาต่อมาเขาได้ทำการพาน้องไปพบสัตวแพทย์เพื่อดูอาหารเบื้องต้นและทำการรักษา โดยทางคุณหมอก็ได้แจ้งกับเขาว่าน้องมีอาการหนักเพราะจากด้วยสภาพของน้องแล้วแต่ก็ยังดีที่รีบพานำมารักษาได้อย่างรวดเร็ว แต่ทว่าก็ยังคงจะเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิดเพราะด้วยน้องยังเล็กและสิ่งที่น้องได้พบเจอมา โดยผู้โพสต์เองก็ไม่ได้ย่อท้อแต่อย่างใดยังคงให้คุณหมอทำการรักษาน้องอย่างเต็มที่แม้คุณหมอเองจะบอกว่าน้องมีโอกาสรอดเพียงแค่ 50 50 เพียงเท่านั้น และเพื่อนๆในเฟสก็ต่างพากันชื่นชมต่อความมีน้ำใจที่ผู้โพสต์นั้นไม่เลือกที่จะเมินต่อชีวิตตัวน้อยๆ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Re Va และคลิป https://www.facebook.com/re.va.982/videos/737767570309606/

ถูกเขาเอามาปล่อยไว้ ช่วยได้แค่จับใส่ตะกร้าด้วยป้าเป็นคนเร่ร่อน แต่ก็เลือกที่จะเมินชีวิตน้อยๆไม่ลง

ในทุกๆครั้งที่เรามักจะบอกกับเพื่อนๆผู้อ่านเสมอว่าการนำสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยงนั้นเท่ากับเราจะได้รับภาระจากพวกเขาเพิ่ม นอกจากที่เราจะได้ความรักและความผูกพันรวมไปถึงความสุขแล้วสิ่งที่จะตามมานั้นก็คือภาระที่จะต้องรับผิดชอบต่อหนึ่งชีวิตยิ่งถ้าเกิดสัตว์ที่เพื่อนๆเอามาเลี้ยงนั้นเป็นตัวเมียแล้วด้วย เพื่อนๆเองก็ควรที่จะนำน้องไปทำหมันให้เรียบร้อยจะได้ไม่ส่งผลกระทบที่ตามมานั้นก็คือการตั้งท้อง เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Som Ramphaphak ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวเหล่านี้หลังจากที่ได้พบน้องเมื่อเขานั้นได้ไปเดินเยาวราช ซึ่งเธอก็ได้พบตะกร้าที่เต็มไปด้วยชีวิตน้อยๆทั้ง 5 โดยลูกเหมียวน้อย 5 ตัวนี้ที่เธอได้สอบถามจากป้าแถวนั้น ด้วยแกก็บอกว่ามีคนนำน้องเอามาปล่อยเอาไว้ และใครที่อยากจะอุปการะน้องก็สามารถมาขอไปได้ โดยตัวคุณป้าเองนั้นเป็นคนเร่ร่อนแถวนั้นและได้พบน้องเข้า แต่ก็ไม่สามารถที่จะเลือกเมินชีวิตน้อยๆเหล่านี้ได้ จึงทำได้เพียงแค่นำพวกน้องๆมาใส่ตะกร้าเอาไว้เพราะป้าก็ทำได้ดีที่สุดเท่านี้ และคุณป้ารายนี้ก็ยังบอกอีกด้วยว่าถ้าปล่อยน้องๆเอาไว้แถวนี้คงจะอยู่รอดไปอีกแค่ไม่กี่วัน เพราะด้วยแถวนั้นก็มีสุนัขจรเป็นจำนวนมากไหนจะรถไหนจะคนอีกเยอะแยะ อีกทั้งลูกแมวที่ได้ขาดแม่ไร้แม้กำลังจะปกป้องกันตัวด้วยโลกกว้างใบใหญ่และยังคงเล็กไม่รู้ว่าสิ่งไหนอันตรายกับตัวสิ่งไหนปลอดภัย จึงอยากฝากหาบ้านให้กับพวกน้องๆ ซึ่งน้องๆก็น่ารักมากๆโดยพิกัดที่ผู้โพสต์ได้กำหนดเอาไว้คือที่ วัดคณิกาผล ตรงข้ามกับสน.พลับพลาไชย ปล.น้องอยู่ข้างกำแพงวัดด้านนอก ซึ่งหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะรับอุปการะน้องๆก็สามารถเข้าไปติดต่อสอบถามได้ที่ต้นโพสต์ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Som Ramphaphak

กระเสือกกระสนแบกสังขารคลานมาขอความช่วยเหลือ ด้วยซีกซ้ายใช้การไม่ได้นอนแน่นิ่งรอวันสิ้นลม

ด้วยชีวิตที่ได้เกิดมาเป็นแมวจรทำให้หลายๆชีวิตต้องดิ้นรนต่อสู้กับสิ่งทีตนได้เจอ ซึ่งหากถ้าเป็นคนไทยเราแล้วก็จะเชื่อกับสิ่งที่เรียกว่าวิบากกรรมที่ได้ทำมาแต่ชาติปางก่อน ทำให้ชาตินี้ต้องเกิดมาชดใช้กรรมเพราะแม้แต่แมวเองบางตัวก็ได้เกิดมาอยู่ดีมีสุขเพราะด้วยมีผู้เป็นเจ้าของที่ดีแต่บางตัวก็กลับต้องเกิดมาเป็นจร ไร้แม้ผู้คนจะแยแสแม้ตกทุกช์ได้ยาก เชกเช่นเดียวกับเจ้าเหมียวรายนี้เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า กิติ สุวรรณกาญจน์ ได้บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวตัวนี้หลังจากที่ได้พบเจ้าเหมียว แบกสังขารตัวเองคลานมาร้องขอความช่วยเหลือด้วยสภาพซีกซ้ายไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ แต่ก็ยังดิ้นรนต่อสู้ชีวิตเพื่อที่จะมาร้องขอความช่วยเหลือ แม้ตัวจะหมดเรี่ยวแรงก็ตาม ซึ่งผู้โพสต์เองก็ได้พบน้องมานอนแน่นิ่งอยู่ที่หลังบ้านของตน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเหลือน้องได้ยังไงเพราะด้วยตัวก็ไม่มีทุนทรัพท์มากพอที่จะสามารถช่วยเหลือน้องได้จึงได้นำเรื่องราวมาโพสต์ยังโลกออกไลน์ จนภายหลังเพื่อนๆในโลกออนไลน์ก็ได้พากันช่วยแนะนำวิธีช่วยเหลือน้องข้างตนเอาไว้ด้วยว่า ให้นำภาชนะที่สามารถจะใส่น้องได้มาใส่น้องเอาไว้ก่อนแล้วค่อยช่วยกันหาคนรับน้องไปดูแลเพื่อที่จะพาน้องไปหาหมอและทำการรักษาอีกต่อไป โดยทั้งนี้ผู้โพสต์ก็ได้ทำตามที่เพื่อนๆในโลกออนไลน์ได้บอกไว้ และได้ระบุพิกัดที่น้องได้อยู่เอาไว้ที่ ถนนเพชรเกษม ตำบลควนลัง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยทั้งนี้เองก็ยังคงหวังว่าจะพอมีใครที่สามารถยืนมือเข้ามาช่วยเหลือได้เข้ามาช่วยที เพราะหากปล่อยเอาไว้ไม่รู้ว่าคืนนี้น้องจะอยู่รอดต่อไปถึงพรุ่งนี้ไหม ขอขอบคุณข้อมูลจาก กิติ สุวรรณกาญจน์