แบกสังขารคลานขึ้นฟุตบาทแม้ตัวจะฝืน หลังถูกเขาชนแต่ก็ต้องขับผ่านทั้งน้ำตานอง
หากในวันนี้ชีวิตไร้หนทางไปต่อแม้ไม่มัวรอสิ้นหวังนั่งทุกข์ยาก จะให้นิ่งนอนใจรอหวังด้วยทุกข์คลายจะไม่วายสิ้นชีพสิ้นชีวี ในเมื่อเกิดมาต้องพบเจอดิ้นรนสู้แม้ไม่รู้ว่าจะมีลมหายใจต่อไปได้ จะดิ้นรนอดทนให้พรากพ้นไปเมื่อใจยังไม่หมดแรงทำ
เมื่อเป็นจรเกิดมาไร้ที่อยู่อดทนสู่ความหิวด้วยความหวัง จะร้องแรกแหกกระเจิงก็ลำพังตัวลำพังใครจะมาช่วยเหลี่ยวแล เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Saksit Chatgod ได้โพสต์เรื่องราวที่เขาได้พบเจอในระหว่างทางที่เขาได้กำลังจะออกไปทำงานอยู่เป็นประจำ
ซึ่งเช้าวันนี้ไม่ได้เหมือนวันเก่า เพราะเขาได้ขับรถผ่านพบเห็นเจ้าตูบพยายามที่จะแบกสังขารของตนขึ้นไปยังฟุตบาดของข้างถนนด้วยตัวที่ขาหลังใช้การไม่ได้ ซึ่งคาดว่าน้องน่าจะถูกรถชนมาจนให้พิการในส่วนล่างโดยทั้งหมด แต่ไม่วายก็ยังพยายามกระเสือกกระสนเอาชีวิตตนให้รอดพ้นไป
และหากว่าเป็นในวันธรรมดาแล้วผู้โพสต์เองก็จะเลือกที่จะลงไปช่วยเหลือ แต่ในวันนั้นสิ่งที่เขาทำได้มีแต่การทำใจและเช็ดคราบน้ำตาของตัวเมื่อต้องขับและผ่านไปได้แต่ถ่ายรูปน้องเอาไว้และมาลงยังกลุ่มรักหมาจัง เพราะในการทำงานของเขาเข้าไปแล้วเขาจะไม่สามารถที่จะออกมาข้างนอกได้
จึงอยากจะให้ใครสักคนรีบไปช่วยน้องเอาไว้ก่อน โดยภายหลังเขาเองก็ได้พยายามที่จะไปตามหาน้องจนพบเข้าแต่น้องก็ไปแอบนอนอยู่ใต้ท้องรถด้วยความกลัวมนุษย์ เพราะน่าจะคิดว่ามนุษย์ใจร้ายที่ขับรถชนตนจึงทำให้เกิดความไม่ไว้ใจได้ และล่าสุดผู้โพสต์ก็ได้อัพเดทว่าแม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่สามารถที่จะจับน้องได้เลยได้แต่นั่งให้ข้าวให้น้ำประทังความหิวไปวันๆเพียงเท่านั้น
ที่มา Saksit Chatgod
ขับกลับบ้านกำลังจะปิดงาน เจอวิ่งตัดหน้าออกมากลางถนนรีบจอดลงไปเก็บผ่านไปอีก 50 เมตรเจออีก 1
เมื่อชีวิตหน่อเลือกเกิดมาไม่ได้จึงต้องดิ้นรนสู้ทุรายให้มีลมหายใจต่อ จะยากจำต้องทนต่อสถานะการณ์ที่ได้เจอแม้ตัวเธอไร้หัวอกแม่ที่เคยมี จึงต้องหนีใช้ชีวิตในโลกใหญ่ไม่มีใครเขามาช่วยด้วยตัวเป็นเพียงจร วิ่งเตลิดเติดหาความปลอดภัยเมื่อตัวเองตื่นตระหนกถึงภัยที่ตามหา
และอีกหนึ่งอาชีพที่กำลังเป็นที่นิยมในตอนนี้นั้นคือพนักงานส่งของ Grab food ซึ่งเป็นอีกอาชีพที่หลายคนหันมาขับและหนึ่งในนั้นก็คือเหตุการณ์ของชายหนุ่มรายนี้ที่ใช้ชื่อว่า จอร์นนี่ เอ็กซ์พอร์ท ได้โพสต์เรื่องราวของเจ้าเหมียวตัวน้อยหลังจากที่ในวันนั้น
เขากำลังขับรถกลับบ้านและปิดงานก็ได้พบเจ้าเหมียวตัวน้อยวิ่งออกมาจากกลางเลยถนนหลายเลนส์ ซึ่งเขาจึงรีบหยุดรถและจอดลงไปช่วยเหลือ พบเจ้าเหมียวน้อยกลัวด้วยตัวสั่นส่งเสียงร้องหาผู้เป็นแม่นั้นอยู่ที่ไหน เขาจึงช่วยเหลือน้องเอาไว้และตัดสินใจที่จะนำกลับไปบ้าน
แต่เมื่อขับผ่านมาอีก 50 เมตร เจออีกหนึ่งตัวเป็นสีส้มวิ่งตามหา เขาจึงนำมาบอกลงในกลุ่มทุกข์อุสาจิตใจหาทำด้วยอะไรทำได้ลง เฝ้าตามหาถามหาเจ้าของที่ริมถนนก็ไร้แม้วี่แววของผู้เป็นเจ้าของเด็กๆ จึงเก็บลงกล่องล็อคไว้เอากลับบ้านเช้ามาค่อยว่ากันอีกที
เพราะหากปล่อยไว้อยู่ที่นี้คงสิ้นลมไม่ถึงเช้าแน่นอน โดยหลังจากที่เขาเอาน้องๆกลับบ้านเขาก็ได้ตัดสินใจที่จะรับน้องเอาไว้เองด้วย ซึ่งได้มีเพื่อนๆหลายคนมาแสดงความคิดเห็นว่ายินดีต้อนรับกับทาสแมวคนใหม่ อีกทั้งก็ยังขอบคุณน้ำใจที่ไม่เลือกจะปล่อยเอาไว้กลางทาง
ที่มา จอร์นนี่ เอ็กซ์พอร์ท
เล่าทั้งน้ำตาหลังถูกบุกเข้ามากระทำสุดดวงใจยันในบ้าน โทษตัวเองหนักด้วยเสียใจรู้สึกผิดไปที่ไม่รอบคอบ
ในทุกครั้งที่เราบอกกับเพื่อนๆเอาไว้ว่าหากคิดจะเลี้ยงสัตว์ก็ควรที่จะเลี้ยงพวกเขาให้อยู่ในระบบที่ปิด เพราะด้วยความปลอดภัยเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดสำหรับพวกเขา อาจะด้วยเราเป็นมนุษย์ที่มองไม่เห็นว่าอันตรายจากโลกภายนอกนั้นมีมากมายเพียงใด
เช่นเดียวกับเรื่องนี้เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Kantida Suttamanuswong ได้โพสต์เรื่องราวของเจ้าเหมียวทั้งน้ำตาหลังจากที่ถูกแมวนอกบ้านบุกเข้ามากระทำน้องแมวของตัวเองภายในบ้าน แม้ว่าจะปิดประตูมุ้งลวดเอาไว้ แต่เมื่อได้มาพบอีกที่น้องก็นอนนิ่งด้วยความเจ็บ
จนเกือบจะลุกไม่ไหว แม้เสื้อผ้าที่เธอได้ซื้อมาใส่เอาไว้ให้น้องเมื่อต้องอยู่ในบ้านแล้วเปิดแอร์ด้วยกลัวว่าจะหนาวก็ขาดยับเยิน แถมขนก็กระจัดกระจายเต็มพื้นห้องและตัวของน้องเองก็ได้รับบาดเจ็บหนัก เธอจึงได้มาโพสต์เพื่อถามเพื่อนๆในกลุ่มว่า
น้องโดนแมวข้างนอกบ้านบุกเข้ามาฟัดกลัวว่าน้องจะถูกฟัดจนติดโรคจากแมวภายนอกอีกทั้งก็ยังเจ็บช้ำเพราะเลี้ยงมาด้วยความรักเหมือนกับลูกตัวเอง จึงอยากจะได้คำแนะนำจากเพื่อนๆในกลุ่มทาสแมว v2 และกำลังที่จะนำตัวน้องไปรักษา
และก็อยากที่จะฝากเอาไว้ว่าคิดว่าอยู่แต่ภายในบ้านแล้วก็จะปลอดภัยไม่ต้องเป็นกังวลใดๆ เพราะอันตรายหรืออุบัติเหตุนั้นอาจจะเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา และก็จะมาบอกกับเพื่อนๆให้ดูแลแมวของตัวเองให้ดีเพราะแม้เธอเองจะมีมุ้งลวดกันเอาไว้ก็ยังไม่พ้นแมวจรจากภายนอกเลย
ที่มา Kantida Suttamanuswong
แมวจรหน้าเซเว่นจวนเจียนใกล้สิ้นลม กับความฝันที่เป็นจริงและความโชคร้ายที่ตามมา
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : เสาวรส เบียร ได้เผยเรื่องราวของแมวจรหน้าเซเว่นตัวหนึ่ง น้องเป็นแมวจรที่ไม่เคยมีบ้านมาก่อนในชีวิต แต่ก็ยังมีโชคอยู่บ้างเพราะน้องได้มาพบเจอกับคนใจดี ที่เห็นน้องอยู่ในสภาพที่ใกล้สิ้นลม แต่แล้วพอเอาน้องไปรักษากับคุณหมอกลับพบว่า....
.
โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า ผมชื่อน้องอิงครับ พี่ๆจำผมได้ไหมครับ วันนี้ผมมาบอกลาพี่ๆนะครับ ผมไม่รู่หนทางว่าผมจะไปที่ไหน หรือผมอาจจะไปอยู่ที่ดวงดาวแมวก็เป็นได้ ในอดีตของผม ผมเคยเป็นแมวจรเร่ร่อนอาศัยอยู่หน้าเซเว่น ตัวผมนั้นลำบากมากๆเลยครับ
ผมไม่เคยรู้จักกับความรักความอบอุ่นมาก่อน จนผมไม่สบายมากครับ แล้ววันนึงก็มีเทวดาน้อยนั่นคือพ่อของผมเอง เขามาเจอผม แล่วพ่อผมก็ทนเห็นผมสภาพแบบนั้นไม่ได้พ่อผมเลยเก็บผมมาเอามาดูแล และพาผมไปหาหมอ แต่ผมโชคร้ายครับหมอเขาบอกผมเป็นรูคิเมีย
ผมคงจะอยู่ได้อีกไม่นานแค่ไหนก็ไม่รู้ พ่อสงสารผมมากแต่พ่อไม่สามารถดูแลผมได้...
ปาดน้ำตาจะเฝ้ารอตามหาอีก 10 วันถ้าไร้แม้วี่แววคงจะต้องทำใจและเก็บของให้คนอื่นเขาไป
ยามเมื่อได้เลี้ยงก็รักเฝ้ารักษา ยามจะป่วยมีเมตตาไม่ยอมแม้เหินห่างยามจะรักเฝ้าคอยห่วงดวงชีวา วันนี้ไม่มีแล้ววันเวลาที่เคยได้อยู่แม้ร่วมกัน จะนึกถึงแต่สิ่งที่ดีเมื่อยามมีได้เฝ้าอยู่ แม้ไม่รู้วันนี้ตัวหนูจะไปอยู่หนแห่งไหน พ่อยังรอเฝ้ารอด้วยดวงใจไม่รู้วันไหนจะได้พบด้วยใจเธอ
เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า ณัฐฑี ประพัฒน์ ได้โพสต์เรื่องราวของเจ้าเหมียวของเขาหลังจากที่น้องได้หายตัวออกไปจากบ้านนานร่วมกว่า 4 วันแล้วซึ่งเขาก็ยังเฝ้ารอและตามหา แต่ทว่าหากอีก 10 วันถ้าไร้แม้วี่แววของน้องเขาก็คงจะต้องทำใจและเก็บของไปให้คนอื่นไป
ด้วยเก็บไว้ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่สุดดวงใจจะกลับมา เมื่อรับเลี้ยงด้วยรักมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เลี้ยงในระบบที่ปิดยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม วันนี้ต้องจำยอมเมื่อต้องจากหายหน้าไป แม้แสนจะกลัวว่าตัวจะหากินไม่ได้เมื่อเลี้ยงมาในระบบปิดตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ไม่เคยได้ออกไปเจออันตรายโลกภายนอก
แต่ถ้าหากว่ามีคนได้เก็บหรือเอาไปเลี้ยงก็ขออยากให้ได้พบเจอกับคนดีๆไม่ถูกเขาทำร้ายใส่ ด้วยตัวพ่อก็หวงและห่วงแทบกระวนกระวาย ไม่รู้ว่าวันนี้จะอยู่ที่ใดได้แต่เก็บของพร้อมปาดน้ำตาตก ด้วยนึกถึงแม้ยามนอนก็ไม่หาย ใจก็นึกว่าตัวลูกจะไม่ทุกข์แม้กระวนกระวาย
ด้วยแม้สายไม่เห็นหน้าสุดดวงใจ เขาจึงได้มาโพสต์บอกกับเพื่อนๆในกลุ่มเพื่อบอกย้ำในการที่เลี้ยงและดูแลพวกเขาให้เฝ้าดี จะได้ไม่ต้องมาเสียใจอย่างตัวของเขาเอง...
ตอนรับมาบอกเป็นแมวพันธุ์ขาวหน้าตาดี เฝ้าเลี้ยงดูมากว่า 4 ปีเปลี่ยนเป็นโกโก้ครั้นช์
หากเมื่อเราคิดจะเลี้ยงสัตว์สิ่งที่เรามักจะมองในอันดับแรกก็คือความน่ารักหรือความชอบที่อยากจะได้ในสายพันธ์นั้น ซึ่งเมื่อในความเป็นจริงไม่ว่าจะเป็นแมวหรือสุนัขในตอนเด็กก็ไม่สามารถแยกสายพันธุ์ที่แท้จริงได้จนกว่าจะเติบใหญ่ ทำให้มองดูยากจนกว่าจะได้เลี้ยงดูจนเติบโตและก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่หลายๆคน
มักจะถูกย้อมแมวขายมาได้ เช่นเดียวกับเรื่องนี้เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Rachaya Maleficent ได้โพสต์เรื่องราวของเจ้าเหมียวที่มีชื่อว่าเจ้านมสด ที่มีอายุ 4 ปีหลังจากที่ในตอนแรกเธอได้รับน้องมาเลี้ยงในตัวที่มีสีขาวทั่วทั้งตัว ซึ่งเป็นแมวตัวสีขาวตัวน้อยที่น่ารัก
แต่ทว่าเมื่อเวลาได้ผ่านไปเจ้าเหมียวก็ได้เริ่มมีสีที่เข้มขึ้นมาเรื่อยๆ จนกลายมาเป็นโกโก้ครั้น ด้วยสีของแมวพันธุ์วิเชียรมาศเองเมื่อตอนยังเล็กจะมีสีขาวที่สวยสง่าและมีสีเทาดำแซมบริเวณหูและจมูกและปลายขาทั้ง 4 ข้างรวมถึงหางแต่เมื่อพอได้เติบโตขึ้นสีก็จะเข้มขึ้นโดยปกติ
แต่ทว่าในบางบ้านเองก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก ซึ่งเธอเองก็ได้เห็นว่าในตอนแรกน้องแมวมีสีขาวที่สวยและเธอก็ชอบแมวสีขาวอยู่แล้ว แต่เมื่อโตขึ้นน้องก็เปลี่ยนสีขนไปเป็นสีน้ำตาลช็อคโกแลตเลย ไม่ได้เหมือนกับสีขนในตอนเด็กๆในตอนแรก
ซึ่งหากใครหลายๆคนที่ไม่ได้เคยได้เลี้ยงแมวพันธุ์วิเชียรมาศเองก็อาจจะไม่ได้รู้ว่าน้องจะมีสีที่เข้มขึ้นเป็นปกติ จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าผิดใจอะไรนัก แต่ถ้าคนไหนที่ไม่รู้ก็อาจจะรู้สึกแผลกได้เป็นธรรมดา ทั้งนี้ก็อยากจะฝากเอาไว้ถึงเพื่อนๆที่คิดจะเลี้ยงสัตว์เพราะไม่ว่าพวกเขาจะเป็นอย่างไรก็ตามเมื่อได้เติบโตขึ้นมาแล้วก็อยากจะให้รักพวกเขาด้วยหัวใจมากกว่า
ที่มา Rachaya Maleficent
ยังคงรู้สึกผิดอยู่ในใจไม่เคยลืมเลือน หลังไม่อยู่บ้านเพียง1วันจะทำให้แมวจากไปตลอดกาล
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Jin Jintanakarn ได้เผยเรื่องราวของแมวที่เธอนั้นได้เลี้ยงเอาไว้ โดยเจ้าเหมียวตัวนี้จากในอดีตน้องเป็นแมวจรมาเดินแอบหลบฝนอยู่ข้างบ้าน แต่พอเธอเอาอาหารเม็ดให้กินนางก็ไม่ยอมไปไหนอีกเลย จนกระทั่งเกิดเรื่องขึ้นในขณะที่เธอไม่อยู่บ้าน
.
โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า จากแมวจรตัวมอมแมม หลงมาจากไหนไม่รู้มาแอบหลบฝนอยู่ข้างบ้าน เราสงสารเอามาเช็ดตัวหาอะไรให้นางกิน แล้วนางก็ไม่ยอมไปไหนอีกเลย เราเลยเลี้ยงไว้ ดูแลอย่างคุณชาย จนแม่ว่าเลี้ยงอย่างกับลูกแท้ๆ
เราพาไปรักษาแผลที่เขาโดนฟัดหมดเป็นหมื่น พาไปฉีดวัคซีนไปทำหมันให้อีก เวลานอนก็เอามานอนด้วยกัน ขุนจนกลายเป็นเจ้าอ้วนขี้อ้อน เลี้ยงจนผูกพัน แต่ตอนนี้อ้วนได้จากเราไปแล้ว เพราะโดนหมาของคนข้างบ้านเข้ามาฟัดถึงในบริเวรบ้านของเรา
เราเสียใจมากร้องไห้หนักมาก รู้สึกผิดติดอยู่ในใจมาโดยตลอด ว่าตอนที่เค้าจากไปไม่ได้อยู่กับเค้า เรามีเรื่องต้องเดินทางไปต่างจังหวัดก็เลยฝากให้แม่ช่วยดูแล...
อยู่อาศัยด้านข้างของตึกแถว มีรั้วกันไว้เป็นแนวนอนตากฝน ไร้แม้ผู้คนหรืออาหารจะตกถึงท้อง
เพราะด้วยความอยากได้อยากมีของมนุษย์เป็นสิ่งที่น่ากลัว กับสิ่งมีชีวิตน้อยๆที่ต้องพบเจอที่เราเคยบอกย้ำเสมอว่าหากคิดจะนำมาเลี้ยงดูก็ควรที่จะเตรียมความพร้อมกันให้ดี เพราะชีวิตที่มีจะต้องอยู่กับเราต่อไปจนกว่าจะสิ้นลม เมื่อคิดเลี้ยงก็ควรรักดูแลจนกว่าจะสิ้นลม
ให้ได้สมที่อยากได้อยากจะมีในวันนั้น เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊แฟนเพจที่ใช้ชื่อว่า Thai Love Animal ช่วยสัตว์ สุนัขและแมวจรจัด ได้โพสต์เรื่องราวของเจ้าตูบสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์สองตัวนี้ หลังจากทีได้พบน้อง 2 ตัวอยู่อาศัยบริเวณด้านข้างของตึกแถว
ด้วยมีรั้วกั้นเอาไว้นอนตากแดดตากฝนที่ตกลงมาทั้งคนจนตัวเปียก มีหนึ่งตัวมีอาการซึมซึ่งเป็นตัวสีน้ำตาลเข้ม อีกทั้งบริเวณรั้วก็มีแต่มูลเต็มพื้น คาดว่าน่าจะต้องทนอยู่แบบนี้มาหลายวันแล้ว ทั้งบริเวณตึกแถวดังกล่าวก็ไม่มีคนอยู่ จึงอยากจะให้ทางทีมงานแฟนเพจช่วยเหลือน้อง
ด้วยการส่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข่องไปตรวจสอบ เพราะเมื่อได้เห็นแล้วก็รู้สึกสงสารเป็นอย่างมาก โดยทางผู้ที่ได้นำเรื่องมาแจ้งก็ได้มีภาพและวิดีโอมาให้ดู และน้องสาวของเขาก็ได้แวะเอาอาหารไปให้กับน้องๆเมื่อในตอนเที่ยงที่ผ่านมา โดยล่าสุดเมื่อตอน 3...
กุมขมับเดินเข้าไปอาบน้ำออกมา ลูกมาบอกว่าพี่ชาคริตเขียนให้แล้ว พร้อมประทับตารายเซ็นให้เสร็จสรรพ
หากเราได้สังเกตว่าเมื่อบ้านไหนมีลูกมีหลานแล้วได้เลี้ยงร่วมกับสัตว์เลี้ยงไม่ว่าจะเป็นสุนัขหรือแมว เด็กที่ได้เติบโตมากับสัตว์เลี้ยงนั้นจะมีพัฒนาการหรือการเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากกว่าเด็กในบ้านที่ได้ไม่ได้ และเมื่อพวกเขาได้เติบโตมาพวกเขาก็จะมีจิตใจที่เมตตาต่อเพื่อนร่วมโลกหรือแม้แต่เพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง
เช่นเดียวกับเด็กคนนี้เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า กองทัพ ยายี ได้โพสต์เรื่องราวของน้องต้นลูกชายของเธอลงยังแฟนเพจเมื่อเธอนั้นได้เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ และได้เดินออกมาน้องต้นก็มาบอกว่ามามิ๊ๆ พี่ชาคริตเขียนให้แล้ว เธอจึงได้ถามกลับไปว่าพี่ชาคริตเขียนอะไรให้เหรอลูก
เธอก็ได้มองตามมือน้อยๆที่ชีไปในสมุดสีชมพูของโรงเรียน พร้อมกับกุมขมับเมื่อได้เห็นการประทับตราอุ้งมือของผู้ปกครองไปเรียบร้อย ที่สำคัญกว่านั้นคือการลบไม่ออก เพราะเป็นหมึกที่มีเอาไว้ปั้มตราประทับพรุ่งนี้ก็คงจะต้องไปอธิบายกับคุณครูอีก
ด้วยคุณครูเองก็คงจะงงว่าคุณแม่อารมณ์ไหน เพราะทำไมลายเซ็นของคุณแม่ถึงเปลี่ยนไป เปิดเทอมหน้าเทอมใหญ่คุณครูบอกให้ผู้ปกครองที่เซ็นมาประชุม และที่สำคัญกว่านั้นคือผู้ปกครองคนเก่า จะต้องพาคุณผู้ปกครองคนใหม่ไปล้างมือ เช็ดมืออีกด้วย
งานนี้เลยพากันฮากันยกใหญ่ส่วนตัวแม่เองก็ได้มีความสุขแม้จะต้องล้างมือผู้ปกครองคนใหม่จนกุมขมับก็ตาม อีกทั้งเมื่อได้พบเจอกับคุณครูคุณครูเองก็ได้พูดกับน้องต้นว่าผลการสอบรอบหน้าคุณครูจะต้องรายงานกับผู้ปกครองคนไหนคะ
ที่มา กองทัพ ยายี
ขนาดแมวยังตกงาน หลังเจ้าของแบกรับไม่ไหวจนแมวส้มถูกเลิกจ้างต้องมาเดินเล่นข้างถนน
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Baipat Nopnom ได้เผยเรื่องราวของน้องแมวตัวหนึ่ง น้องเป็นแมวในอดีตที่เคยอยู่ในร้านคาเฟ่แมว แต่ด้วยเศรษฐกิจที่ถดถอยคนมาใช้บริการน้อยลงจากแต่ก่อนมากทำให้น้องต้องตกงาน คาเค่แมวก็ปิดตัวลง ส่วนแมวส้มตัวนี้ก็ออกมาเดินเล่นที่ข้างถนน
.
โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า วิกฤติเศรษฐกิจทำให้คาเฟ่แมวที่อยู่ระแวกบ้านอยู่ไม่ได้ เราเจอน้องตัวนี้ จำได้ว่าน้องอยู่คาเฟ่แมวแต่ในวันนี้น้องออกมาเดินเล่นริมถนน ก่อนเจอใครสักคนแถวนั้นเขาก็เล่าว่า เจ้าของคาเฟ่ตัดสินใจปิดกิจการลง
เพราะเขาไม่สามารถแบกรับรายจ่ายเอาไว้ไม่ไหว แมวที่มีมากกว่า 30 ตัว ต้องตกงาน ถูกแจกจ่ายไปให้คนรู้จักช่วยเลี้ยงดูคนละตัวสองตัว ส่วนน้องส้มรายนี้ มีคนบ้านติดกับคาเฟ่แมวขอเลี้ยงเอาไว้ แต่ก็โชคยังดีนะที่น้องๆพนักงานแมวทุกตัวได้บ้านกันหมดแล้ว
ส่วนเจ้าส้มตนนี้ก็ออกมาเดินเล่นสวยๆอยู่ที่ข้างถนน เพราะเจ้าของคนใหม่เขาก็อยู่แถวระแวกร้านคาเฟ่แมว จนเรื่องราวดังกล่าวถูกโพสต์ในโลกออนไลน์...