ไอ้ป๋องหมาเหงา ชอบหนีออกจากบ้านมามุดรั้วหาไอ้เปี๊ยกเพื่อนซี้ พอเริ่มอ้วนป๋องมุดจนตัวติดต้องคอยเรียกให้ไอ้เปี๊ยกช่วย

การเลี้ยงสุนัขนั้นก็เหมือนกับการที่เรานำเด็กตัวเล็กๆมาเลี้ยง ซึ่งสมองและความคิดของพวกเขาเองก็มีเท่าเพียงเด็กอายุสองขวบเพียงเท่านั้น และหากเราจะพูดถึงเด็กเล็กก็คงจะหนีไม่พ้นการเล่นซุกซนด้วยความเป็นเด็ก แล้วยิ่งถ้าหากมีเพื่อนบ้านเป็นรุ่นราวคราวเดียวกันแล้วก็ยิ่งเข้าไปกันใหญ่ เช่นเรื่องราวในวันนี้หลังจากที่ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า ป้า แป้ง ได้นำเรื่องราวของเจ้าป๋องสุนัขตัวน้อยของเพื่อนบ้านข้างๆ พันธุ์พื้นเมืองตัวแสบที่เป็นสุนัขสุดอินดิ้ที่รู้จักเอาตัวรอด เพราะเมื่อเวลาที่เจ้าป๋องหิวก็มักจะแอบรอดรั้วบ้านเพื่อที่จะเข้ามากินอาหารที่มีใส่ในถ้วยเอาไว้ให้ตลอดเวลาและป๋องนั้นมีนิสัยที่เจียมเนื้อเจียมตัวสุดๆ ไม่สร้างความเดือดร้อนหรือความรำคาญใดๆป๋องเจียมตัวและอยู่เป็น แต่คือประเด็นนั้นอยู่ตรงที่ว่าเวลาที่ป๋องอยากจะไปไหนมาไหนป๋องก็จะไปตามทางของป๋องและไม่มีใครสามารถห้ามป๋องได้ แต่ทว่าป๋องมักจะตูดติดอยู่ที่หน้าประตูรั้วหน้าบ้านและไม่ว่าจะดึกเพียงใดผู้โพสต์ก็จะต้องมาดันเจ้าป๋องออกไปทุกที ซึ่งทั้งนี้ผู้โพสต์นั้นได้ระบุข้อความเอาไว้ลงในกลุ่ม Gluta Story Club ด้วยว่า "อยากจะเล่าเรื่องไอ้ป๋อง...ไอ้ป๋องคือหมาน้อยสีดำข้างบ้านพันธุ์พื้นเมืองทั่วไปหรืออะไรก็ม่ายรู้...ป๋องเป็นหมาเด็กที่รู้จักเอาตัวรอด เวลาหิวป๋องจะลอดรั้วเข้ามาขออาหารกินซึ่งก็มีใส่ในถ้วยไว้ตลอด เวลาเหงาก็ลอดรั้วเข้ามาขอเล่นด้วย" "ซึ่งบางทีก็ติดอยู่ตรงซี่รั้วต้องคอยดูมัน ป๋องไม่สร้างความรำคาญป๋องเจียมตัวป๋องอยู่เป็น...แต่ประเด็นคือป๋องอยากมาเวลาไหนก็มาป๋องคือหมาอินดิ้ ติดอยู่ตรงรั้วตอนกลางคืนดึกแค่ไหนก็ดันตูดมันออก....อ่อส่วนอีกตัวทีบ้านชื่อไอเปี๊ยก..ไอ้นี่ก็ตัวดีช่วยเรียกไอ้ป๋องเข้าบ้านเก่ง!!!" จึงกลายเป็นเรื่องราวสุดน่ารักระหว่างไอ้ป๋องเจ้าตูบน้อยตัวแสบที่รู้จักการเอาตัวรอดและเพื่อนสุนัขของผู้เป็นเจ้าของรายนี้อย่างไอ้เปี๊ยก ซึ่งหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไปก็ได้มีผู้คนจำนวนมากเข้ามากดไลค์และสร้างรอยยิ้มให้กับคนในกลุ่มเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังทำให้สุนัขของเจ้าของรายนี้มีเพื่อนเล่นเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ขอขอบคุณข้อมูลจาก ป้า แป้ง

และนี่คือการเที่ยวครั้งแรกของผม กับช่วงเวลาที่แสนสั้นที่เหลือและอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต

ด้วยการที่ได้เกิดมามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงนั้นเป็นพรที่ดีที่สุดสำหรับคนที่ป่วยเป็นโรคต่างๆ และจะต้องทนทุกข์อยู่กับโรคนั้นๆ ซึ่งหากเพื่อนๆหรือสัตว์เลี้ยงของเพื่อนๆได้เกิดมามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงแล้วก็คงจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เพราะบางชีวิตที่เลือกเกิดไม่ได้และต้องป่วยทนอยู่กับโรคนั้นๆมันช่างทุกข์ใจเหลือเกิน เช่นเดียวกับเรื่องราวของเจ้าเหมียวรายนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า อรพิน เหล่าลุมพุก ได้โพสต์เล่าเรื่องราวสุดเศร้าใจลงในกลุ่มคนรักแมวอย่างกลุ่ม ทาสแมว หลังจากที่เขานั้นได้พาเจ้าเหมียวสุดที่รักไปเที่ยวครั้งแรกในชีวิตแต่ทว่าความน่าเศร้าใจนั้นคือมันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายของเจ้าเหมียวเช่นเดียวกัน เพราะเจ้าเหมียวรายนี้ดันเป็นโรค FIV หรือที่รู้จักกันในโรคเอดส์แมวนั่นเอง ด้วยความดีใจของน้องที่ได้มาทะเลเป็นครั้งแรกแต่ก็ทำเอาเจ้าของนั้นสุดปวดใจเพราะด้วยโรคดังกล่าวนี้จะทำให้ภูมิคุ้มกันของเจ้าเหมียวนั้นอ่อนแอลงเรื่อยๆ แถมเจ้าเหมียวเองก็แก่มากแล้วคงจะเหลือเวลาอยู่ต่ออีกไม่มากนัก และนี่ก็คือช่วงเวลาอันแสนสั้นของผมเองงับ เมื่อเจ้าของรายนี้ได้เห็นเจ้าเหมียวนั้นมีความสุขกับการได้ไปเที่ยวก็ทำให้สุขใจอยู่บ้าง แต่ทว่าการที่ได้รู้ว่าน้องมีเวลาเหลืออยู่น้อยนิดก็ทำให้ผู้เป็นเจ้าของรายนี้กังวัลในทุกคืนวันเพราะกลัวว่าจะตื่นมาแล้วไม่ได้ยินเสียงร้องของน้องอีกต่อไป โดยผู้โพสต์นั้นได้ระบุข้อความเอาไว้ด้วยว่า "นี่คือการเที่ยวครั้งแรกในชีวิตผมครับดีใจมาก ผมแก่มากและเป็น FIV นี่คือช่วงเวลาแสนสั้นที่เหลือของผมครับ ผมมีลูก 3 ครับเป็น FIV ทั้งครอบครัวครับ"...

วิ่งหน้าตาตื่น มาหาด้วยความร้อนใจทำหน้าเหมือนให้ช่วยอะไร ที่ไหนได้มดกัดหูน้อง

เพราะการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงนั้นก็เหมือนกับการที่เรานำเด็กตัวเล็กๆมาเลี้ยง ซึ่งในบางครั้งพวกเขาเองก็คิดว่าพวกเรานั้นเป็นพ่อเป็นแม่ของพวกเขาจริงๆ และเมื่อเวลาเด็กน้อยนั้นมีเรื่องให้ช่วยเหลือหรือบาดเจ็บก็มักจะวิ่งมาหาคนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างเราๆเสมอ เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้ หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Khun K-t ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของลูกชายหรือก็คือเจ้าเหมียวตัวส้มสีอ่อนที่เห็นในรูปนั่นเอง ซึ่งเจ้าเหมียวนั้นได้วิ่งหน้าตาตื่นมาหาผู้เป็นแม่หรือผู้เป็นเจ้าของด้วยความร้อนใจและทำหน้าทำตาเหมือนกับจะร้องไห้เหมือนว่าถูกใครรังแกมา ซึ่งในตอนแรกผู้เป็นเจ้าของเองก็ไม่ทราบว่าน้องเป็นอะไรเพราะด้วยความตกใจที่อยู่ๆน้องก็วิ่งมาหาเหมือนกับกำลังจะบอกอะไรบางอย่าง โดยทันใดนั้นเจ้าของก็ได้เหลือบไปเห็นเจ้ามดแดงตัวหนึ่งกำลังงับหูน้องอยู่จึงได้รับรู้ว่าเจ้าเหมียวนั้นต้องการให้ช่วยเหลือและคงจะร้องไห้ด้วยความเจ็บ ซึ่งผู้เป็นเจ้าของก็เลยได้เอามดตัวนั้นออกจากหูน้องแต่น้องก็ยังคงทำหน้าตาเศร้าด้วยความเจ็บแล้วคงอยากที่จะฟ้องแม่ว่าตัวเองนั้นถูกเจ้ามดรังแกมา ซึ่งทั้งนี้ผู้โพสต์นั้นได้ระบุข้อความเอาไว้ด้วยว่า "ลูกชายวิ่งมาหาเหมือนจะบอกอะไร ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ที่ไหนได้มดกัดหู โอ๋ๆๆๆแค่มดกัดนิดเดียงเอง เพี้ยง!!เดี๋ยวก็หายเนอะ พี่ขุนทอง" ซึ่งจริงๆน้องก็คงจะเจ็บมากเพราะหูของแมวนั้นมีเส้นประสาทอยู่เป็นจำนวนมาและไวต่อความรู้สึกมากๆด้วยเช่นเดียวกันก็อยากจะฝากเจ้าของให้ระวังเจ้ามดตัวแสบเอาไว้ด้วย ขอขอบคุณข้อมูลจาก Khun K-t

ชาวเน็ตจวกยับ พบพระปลอมหากินกับผ้าเหลืองเดินธุดงค์ใช้วัวลากของให้ ห้ามไม่เคยฟังทำอยู่อย่างนี้มาหลายปีแล้ว

หากเพื่อนๆได้อยู่ในกลุ่มรักสัตว์หรือได้เล่นในโลกโซเชียลคงจะได้เคยเห็นข่าวของพระรูปหนึ่งที่ใช้สุนัขโกลเด้นลากเกวียนออกธุดงค์บิณฑบาต จนเป็นข่าวออกไปแล้วหลายครั้ง จนมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยื่นมาเข้าไปช่วยเหลือสุนัขเนื่องจากต้องลากเกวียนพร้อมออกเดินตามพระรูปนั้นทั้งๆที่แดดร้อนจัด จนเพื่อนๆหลายคนเห็นก็ว่าเหมือนเป็นการเอานำสุนัขมาตกระกําลําบาก โดยล่า ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า พิมพ์นารา ค่ะ ก็ได้ออกมาโพสต์เรื่องราวของพระรูปดังกล่าวลงในกลุ่มรักหมา ซึ่งในครั้งนี้ไม่ใช่น้องหมาแต่อย่างใดแต่เป็นน้องวัวแทน ปีก่อนๆเคยเอาแพะมาเดินลาก ซึ่งพระรูปนี้นั้นเคยทำแบบนี้มาแล้วหลายต่อหลายครั้งคือเป็นการเดินบิณฑบาต ไปเรื่อยๆตามจังหวัดต่างๆ โดยมีรถตู้เป็นเป็นพาหนะ ไม่มีวัดอยู่จำวัดเป็นที่เป็นทางเดินสายบิณฑบาตไปเรื่อยๆโดยใช้สัตว์มาทำแบบนี้หลายครั้งหลายคราแล้วโดยข้อมูลดังกล่าวนั้นได้มาจากเพื่อนในโลกออนไลน์ที่ได้มาคอมเม้นต์บอกไว้จากโพสต์ดังกล่าวอีกด้วย ซึ่งทั้งนี้ผู้โพสต์เองยังได้ระบุข้อความเอาไว้ด้วยว่า "ไม่เกี่ยวกับน้องหมาค่ะแต่ก็อดสงสารไม่ได้ ก้นน้องขนหลุดหมดเลยเพราะเดินลากของ เคยเห็นแต่ในข่าวพอมาเจอกับตัวเองสงสารวัวน้อยเจ็บใจ พอมีหน่วยงานไหนเมตตาช่วยเหลือสัตว์น้อยผู้น่าสงสารได้มั้ยคะ เมื่อเช้าที่ อ.เมือง จ.มุกดาหารค่ะ" "พอเราถามพระตนนี้ว่า มาจากไหนเค้าบอกมาจากโคราชแล้วพระตนนี้ก็รีบเดินไปเลยค่ะ คงไม่ใช่พระหรอกถ้าเป็นพระจริงคงไม่มาทำแบบนี้ ผิดกฏลบได้ค่ะเราแค่สงสารวัวน้อย" ซึ่งทั้งนี้ก็อยากจะวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเข้าตรวจสอบกับพระรูปนี้และดำเนินการตามที่จะสามารถเอาผิดได้เพราะเราได้เห็นพระรูปนี้ทำมาหลายครั้งหลายคราแล้ว ขอขอบคุณข้อมูลจาก...

สาวเก็บแมวจรมาเลี้ยงโดนด่าบ้านแทบแตก ถึงขั้นหอบแมวหนีแต่พอเลี้ยงได้ไม่ถึงเดือนกลับรักยิ่งกว่าลูกแท้ๆ

เพราะการนำสุนัขหรือแมวมาเลี้ยงนั้นเป็นการเพิ่มภาระ อีกทั้งยังเพิ่มความผูกพันธุ์ให้กับมนุษย์อย่างเราๆ ซึ่งทั้งนี้โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ใหญ่หรือพ่อแม่ของเรานั้นมักจะไม่ชอบให้นำสัตว์เลี้ยงใหม่ๆเข้ามาในบ้าน แต่ทว่าก็อาจจะเป็นแค่ในช่วงแรกๆเพียงเท่านั้นเพราะเมื่อเวลาผ่านไปเหล่าเจ้าตูบหรือเจ้าเหมียวก็จะทำให้พวกเขานั้นหลงรัก เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังจากที่ผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเขาลงในกลุ่มทาสแมวตั้งแต่ปี 2016 แต่ทว่าเรื่องราวนั้นได้สร้างรอยยิ้มและความผูกพันธุ์มากมายให้กับครอบครัวของเขาเอง ซึ่งย้อนกลับไปเมื่อสองปีที่แล้ว โดยเธอนั้นได้ระบุข้อความทั้งหมดเอาไว้ว่า "เมื่อ 2 ปีที่แล้วเรีาเจอแมวถูกทิ้ง หาคนเลี้ยงไม่ได้จึงพาเข้าบ้าน พอพ่อและแม่เห็นว่าเราแอบเอาแมวใส่กระเป๋ามา เท่านั้นแหละด่าบ้านแทบแตกไม่มีใครคุยกับเราเลย จนเราหอบแมวไปอยู่ที่อื่นเกือบ 2 อาทิตย์แล้วกลับมา เราขังแมวไว้ในห้องแมวยังเล็กและกลัวคน" "เลยได้แค่นอนหลบอยู่หลังตุ๊กตาตัวใหญ่ในห้อง พอพ่อแม่เริ่มมีทีท่าหายโกรธเราเลยปล่อยแมวออกมาวิ่งเล่นภายในบ้านบ้าง มันก็วิ่งหลบไปมา พ่อก็แอบยิ้มและแลดู (คงอยากเล่นมากแต่ยังวางเชิง) เวลาเราออกไปทำธุระนอกบ้านแม่ก็มีการแอบเปิดห้องเราเข้าไปดูแมว (มีความสนใจ...แม่บอกว่าอยากเห็นหน้าตายังไง)" "หลังจากนั้นพ่อและแม่ก็หลงรักแมวตัวนี้ โดยไม่รู้ตัวแม่กลายเป็นคนให้อาหาร...

สาวขุนลูกแมวจรตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ ชุบเลี้ยงอย่างดีจนเติบโตตามจีบมาเป็นเดือนแม้แต่แขนก็ไม่เคยได้จับ

หลายคนที่อยากจะเลี้ยงแมวก็อยากจะเลี้ยงจนแทบขาดใจ แต่ด้วยภาระและการที่ต้องเลี้ยงดูพวกเขานั้นหนักมากไปสำหรับบางคนจึงทำได้เพียงแค่ให้อาหารเหล่าน้องแมวจรไปวันๆ ก็เพียงพอต่อการเล่นหรือเลี้ยงเพื่อความเอ็นดูกันไป แต่มันก็มีข้อดีตรงที่ว่าเรานั้นไม่ต้องมาคอยเป็นห่วงเวลาเราจะไม่อยู่บ้านหรือกลับจากต่างจังหวัดในช่วงปีใหม่ เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Litar Su ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวจรในบริเวณบ้านของเขา หลังจากที่เขานั้นให้อาหารน้องตั้งแต่น้องๆยังอยู่ในท้องของแม่ซึ่งเป็นแมวจร โดยผู้ใช้เฟสบุ๊ครายนี้ก็ได้ทำการให้อาหารหรือเปย์มาโดยตลอดจนถึงตอนที่คลอดลูกออกมา ซึ่งเมื่อน้องๆคลอดออกมาจนเจริญเติบโตและน่ารักเขาก็อยากที่จะได้เหล่าเจ้าเหมียวมาเลี้ยงให้เป็นกิจจะลักษณะ แต่ทว่าเจ้าเหมียวน้อยๆทั้งหลายนั้นกลับไม่ให้แม้แต่สัมผัสร่างกายเลยแม้แต่น้อย เรียกได้ว่าเสียเป็นแสนแขนก็ไม่ได้จับเลยก็ว่าได้น่ารักขนาดนี้แถมยังหยิ่งอีกซะด้วย โดยผู้โพสต์รายดังกล่าวนั้นได้เล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวสุดน่ารักนี้ลงในกลุ่มคนรักแมวอย่าง ทาสแมว ซึ่งหลังจากนั้นโพสต์ดังกล่าวก็ได้สร้างรอยยิ้มให้กับผู้คนออนไลน์เป็นอย่างมาก อาจจะด้วยหน้าตาของเจ้าเหมียวที่น่ารักเกินห้ามใจเหล่าทาสแมวทั้งหลายและเรื่องราวสุดน่ารักที่ผู้โพสต์นั้นได้เปย์หรือเลี้ยงดูน้องๆตั้งแต่ในท้อง โดยได้ระบุข้อความเอาไว้ว่า "เสียเป็นแสนแขนไม่ได้จับ น้องแมวจรแถวบ้านขุนตั้งแต่อยู่ในท้องแม่จนโต ขอสัมผัสนิดเดียวยังไม่ได้เลย อยากได้น้องอยากร้องไห้" ซึ่งทั้งนี้ผู้โพสต์เองก็ยังไม่ได้สัมผัสน้องๆแม้แต่ปลายเล็บเลยจริงๆเพราะพวกนางก็จะวิ่งหนีทุกครั้งที่เข้าใกล้ แถมวิ่งเร็วอีกด้วย และก็คงจะทำได้เพียงเปย์ให้กับพวกนางต่อๆไปและก็คงได้แค่เฝ้าดูพวกนางเติบโต แต่ถึงอย่างไรแค่ได้เห็น แค่ได้ให้ข้าวแค่นี้ก็มีความสุขแล้วเนอะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Litar...

ห่านคู่ชีวิตบอกลากันเป็นครั้งสุดท้าย เพราะเจ้าของจะนำไปเป็นของขวัญและยากที่จะกลับมาเจอกันได้อีก

ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่มีการรับชมมากถึง 12 ล้านครั้ง เมื่อเว็บไซต์ Weibo ได้เผยเรื่องราว การจูบอำลาเป็นครั้งสุดท้าย โดยห่านคู่นี้นั้นอยู่ร่วมครองคู่กันมาจนถึงวันหนึ่ง โดยห่านตัวเมียถูกคนเลี้ยงจับตัวเพื่อเอาไปเป็นของขวัญวันเกิดให้แก่ครอบครัวของเพื่อน เพื่อนำไปประกอบอาหาร โดยมีห่านตัวผู้เหมือนรู้ชะตากรรมคอยส่งอำลาเป็นครั้งสุดท้าย . โดยทางแฟนเพจได้แปลจากต้นฉบับภาษาจีนพร้อมระบุข้อความเอาไว้ว่า เมื่อห่านตัวเมียถูกมัดแล้วนำใส่ถุงซ้อนบนรถมอเตอร์ไซค์ ห่านตัวผู้คู่ของมันได้พยายามเข้ามาปลดปล่อยเพื่อนร่วมชีวิต มันพยายามส่งเสียงร้องต่อคู่รักของมัน แต่การกระทำของมันดูเหมือนจะขัดขืนอะไรไม่ได้เลย และมนุษย์มองพวกมันเป็นแค่อาหาร มันจึงทำได้แค่ยืนมองและร้องไล่ตามหลังมอเตอร์ไซค์ที่ขับพาคู่ของมันจากไป ชายผู้ที่นำห่านไปบอกว่า เมื่อตอนที่เขากำลังจะประกอบมันเป็นอาหาร ห่านตัวเมียตัวนั้น มันมีน้ำตาไหลออกมา หลังจากภาพห่านคู่นี้แพร่หลายบนโลกออนไลน์ ตัวเขารู้สึกละอายอย่างมากและกล่าวว่า ถ้าเขารู้ถึงความผูกพันธ์ของห่านคู่นี้มาก่อน เขาคงปล่อยให้พวกมันอายุยืนเป็นร้อยปี ห่านเป็นสัตว์ที่ซื่อสัตย์ต่อคู่รักของมัน...

มุมอ่อนโยนของผู้กำกับ สภ.สามง่าม หลังมีหมาจรเดินมาขอข้าวกินท่านก็เลยแกะของกินให้ด้วยความเอ็นดู

ในชีวิตของสุนัขจรหลายๆตัวนั้นต้องเกิดมาอดทนนอนกลางแดดกลางฝน ซึ่งในบางวันก็ไม่ได้โชคดีเสมอไปเพราะหาอาหารไม่ได้ก็ต้องอดทนหิวให้ผ่านพ้นไปในแต่ละวัน แถมยังต้องเอาตัวรอดจากผู้คนใจ ร้าย หรืออันตรายจากรถที่มองไม่เห็นอีก แต่ทว่าจะดีแค่ไหนหากมีคนดีๆที่ยังมีจิตใจเมตตา คอยให้ข้าวให้น้ำให้ที่อยู่อาศัยแก่พวกเขา เหมือนกับเรื่องราวนี้ซึ่งกลายเป็นภาพที่คนรักน้องหมานั้นต่างประทับใจกันเป็นอย่างมาก เมื่อผู้ใช้แฟนเพจเฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า สภ.สามง่าม ได้โพสต์ภาพพร้อมเล่าเรื่องราวของเจ้าตูบสุดน่ารัก ระหว่างที่คุณผู้กำกับ กับเจ้านางนวล สุนัขจรที่ชอบเดินไปเดินมาใกล้ๆบริเวณสถานีตำรวจแห่งนี้ จนทำให้กลายเป็นที่พูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ โดยขณะทางแฟนเพจได้ระบุข้อความเอาไว้ด้วยว่า "เมตตาธรรมค้ำจุนโลก แอบถ่ายเจ้านายครับ เมื่อช่วงเช้าขณะ ผู้กำกับเดินตรวจบริเวณรอบๆสถานี มีน้องหมาตัวนึงชื่อว่า นางนวล พอเห็นผู้กำกับก็รีบปรี่เดินเข้าหาในทันใด สัญชาตญาณรับรู้ได้ว่าคนๆนี้มีเมตตา (ไม่อดแล้วน้องหมาได้กล่าว) เครดิตภาพสายตรวจ...

ไอ้ไฝโจร500 แอบย่องมาขโมยข้าวหมายามดึกแต่เกิดพลาดตัวติดบนหลังคา 5 วันร้องขอให้ทาสแมวช่วย

หากเพื่อนๆที่เป็นทาสแมวอยู่แล้วนั้นก็คงจะเข้าใจความติสของเหล่าเจ้าเหมียวในแต่ละตัวดี เพราะด้วยความที่เป็นแมวนั้นจะมีลักษณะนิสัยที่ไม่เหมือนหมาพวกเขาไม่สามารถคาดคะเนหรือคาดเดานิสัยของพวกเขาได้เลยจริงๆ เอาง่ายๆว่าวันไหนนึกจะพูดรู้เรื่องขึ้นมาก็คือรู้เรื่องแบบงงๆ ซึ่งถ้าวันไหนนึกจะไม่รู้เรื่องขึ้นมาเลยก็คือไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ เช่นเดียวกับเจ้าเหมียวที่มีชื่อว่า ไอ้ไฝตัวนี้ หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Ploy ได้เล่าเรื่องสนุกชวนปวดหัวให้กับเพื่อนๆในกลุ่มคนรักแมวอย่าง ทาสแมว ลงในกลุ่ม หลังจากที่เจ้าเหมียวตัวอ้วนที่มีนามว่าไอ้ไฝนั้นชอบแอบย่องมากินข้าวหมาที่บ้านในทุกๆคืน แต่แล้ววันนึงเจ้าเหมียวอ้วนตัวแสบก็ดันไปติดอยู่ที่หลังคาบ้านคนอื่นร่วมเป็นเวลากว่า 5 วันที่เจ้าไอ้ไฝนั้นติดอยู่บนนั้นซึ่งทางแม่ของผู้โพสต์เองก็เดือดร้อนเพราะด้วยเมื่อเวลาที่ไอ้ไฝเห็นหน้าแม่ของผู้โพสต์ทีไรไอ้ไฝก็จะส่งเสียงร้องแหกปากลั่นบ้านแบบไม่หยุดราวกับเป็นลูกเป็นหลานหรือเป็นเจ้าของเลยก็ว่าได้ ซึ่งงานนี้เลยลามปามไปถึงหน่วยกู้ภัยให้เข้ามาช่วยเหลือ เพราะด้วยความสงสารเลยต้องหาข้าวหาน้ำไปประเคนให้ถึงที่แบบยกใหญ่ไหนจะบนหลังคาบ้านที่ร้อนระอุเลยพยายามช่วยกันอย่างสุดความสามารถและเมื่อกู้ภัยมาถึงไอ้ไฝก็แผลงฤทธิ์อันหาญกล้าหลังจากที่เขาระดมพลช่วยเหลือกันมาเข้าวันที่ 6 ซึ่งไอไฝ้นั้นค่อยๆกระโดดลงมาจากกำแพงที่สูงส่งแล้วจั๊มพ์ลงบนพื้นราวกับนักกีฬาเหรียญทองอันดับหนึ่งในทีมยิมนาสติกหญิงประเภทเดียว เสร็จแล้วเดินชิคๆคูลๆ งานนี้ทำเอาทั้งกู้ภัยทั้งคนแถวบ้านที่ระดมกันมาเกือบหมดหมู่บ้านเงียบสนิทกริบกันทั้งวง ซึ่งเรื่องราวนี้ก็ได้สร้างเสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้กับเพื่อนๆในกลุ่มกันเป็นอย่างมาก และอย่างที่บอกเอาไว้ข้างต้นว่าแมวนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถคาดเดาได้จริงๆ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Ploy Kanud

ยังเฝ้ารอแม่อย่างมีหวัง หลังแม่หมาหายไปเลยต้องเฝ้าดูแลกันลำพัง อาหารไม่มีตกถึงท้อง

เพราะอีกหลายชีวิตนั้นเลือกที่จะเกิดมามีความสุขสบายไม่ได้ หากในวันนี้คุณท้อหรือหมดกำลังใจอยากให้ลองมองไปดูอีกหลายชีวิตที่ไม่สามารถเกิดมาเป็นคนได้อย่างเราๆ ไม่สามารถพูดหรือร้องขอความช่วยเหลือจากใครได้เลย ด้วยที่เกิดมาเป็นสัตว์จรไม่มีปากเสียงที่จะไปประกาศบอกใครว่าพวกตนนั้นกำลังเดือดร้อน เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า บ้านขนมหวาน คุณยาย ได้นำเรื่องราวของเหล่าเจ้าตูบตัวน้อยๆมาโพสต์ลงในกลุ่ม รักหมาแมวจร หาบ้านฟรี หลังจากที่ได้พบพวกเขาอยู่กันเพียงลำพังในป่า ซึ่งตามหาแม่หมานั้นไม่พบเลยไม่รู้ว่าโดนทำร้ายหรือเป็นยังไงก็ไม่รู้เพราะตามหาไม่พบ ซึ่งปล่อยให้ลูกๆนั้นอยู่กันเพียงลำพัง และตัวน้องหมาเองก็ยังเล็กมากจนไม่สามารถหาอาหารกินกันได้เอง ผู้โพสต์จึงต้องนำอาหารมาให้เด็กๆในทุกๆวันเพราะถ้าไม่มาพวกเขาก็คงต้องอด ซึ่งผู้โพสต์ได้ระบุข้อความเอาไว้ด้วยว่า "หมาน้อยมี 2 คอกเล็กกับใหญ่ แม่มันไม่รู้ว่าใครทำร้ายมันหรือปล่าวหายไปไม่กลับมาหาลูกหลายวัน" "น่าสงสารลูกมันมากอยู่ตามลำพัง..เราจะวิ่งไปขุนให้ทุกวันก็ไม่มีเวลา..ใครผ่านมาช่วยให้อาหารมันหน่อยนะ เส้นขาไปพัทยามาจากฟามแกะพัทยาอยู่ฝั่งซ้ายมือที่โล่ง..ตรงข้ามกับหมู่บ้านศิริษา" และหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไปก็ได้มีเพื่อนๆในโลกออนไลน์หลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น และสนใจที่จะรับเลี้ยงน้องๆแต่ทว่าด้วยจำนวนน้องๆที่มากจึงยังไม่สามารถหาบ้านได้หมดและตัวผู้โพสต์เองก็ทำได้เพียงนำอาหารไปให้น้องๆได้เพียงแค่บางวันเนื่องจากไม่มีเวลาแต่ก็สามารถนำไปหาที่อยู่ของน้องๆได้ ซึ่งหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะได้น้องๆไปเลี้ยงก็สามารถติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ ขอเพียงแค่ข้าววันละมื้อให้ได้อิ่มท้องที่หลบแดดหลบฝนเพียงเท่านั้น ขอขอบคุณข้อมูลจาก บ้านขนมหวาน คุณยาย