แมวจรที่ถูกเก็บมาเลี้ยง นอนเฝ้าเจ้าของไม่ยอมห่างกายนอนผิงกันไม่ไปไหนหลังเจ้าของประสบอุบัติเหตุ
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Somporn Kingsawat ได้เผยเรื่องราวสุดอบอุ่นหัวใจของแมวของเธอที่เก็บมาเลี้ยงทั้งหมด น้องแมวเหล่านี้ในอดีตเป็นแมวจรนอนข้างถนน แต่ถูกสามีของเธอชุบเลี้ยงจนเติบใหญ่มีร่างกายที่อวบอ้วนกินดีอยู่ดี จนกระทั่งสามีของเธอประสบอุบัติเหตุ แต่น้องแมวเหล่านี้ก็คอยเป็นห่วงเป็นใยนอนเฝ้าเจ้าของไม่ยอมห่างกาย
.
โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า ถึงเวลาเจ็บป่วยขึ้นมาคนที่ดูแลเราอยู่กับเรามาตลอด นอนเฝ้าเราทั้งวันทั้งคืนคือใครให้ดูเอาตามภาพนะคะ เป็นภาพที่เราซาบซึ้งประทับใจมากๆเลยค่ะ แทบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ไม่ว่าตอนลำบากหรือตอนเรามีความสุข ก็มีแต่พวกเขานี่แหละที่คอยอยู่กับเรา
ที่เราเรียกได้เต็มปากว่าเขาคือลูกของพวกเรา แมวจรทุกตัวเก็บมาจากหลายที่ต่างต่างกันออกไป แต่มาอยู่รวมกันได้ด้วยดีลูกๆของเราทุกตัวเรารักมากที่สุดเลย มีคนมาขอไปเลี้ยงแต่เราก็ไม่ให้เพราะเราคิดว่าเราจะดูแลเขาให้ดีที่สุด และลูกเราเขาก็ไม่อยากจากเราไปอยู่กับคนอื่นๆแน่ๆ
ถึงตอนนี้ครอบครัวเราและสามีประสบอุบัติเหตุขาหักทั้งสองคนลำบากมากแค่ไหนมีกินอิ่มบ้างไม่อิ่มบ้าง บางวันเด็กๆพวกนี้ก็ไม่เคยทิ้งเราไปไหน หากท่านใดอยากจะช่วยเหลือในค่าอาหารของเด็กๆ หรือจะเป็นข้าวสารอาหารเม็ดก็สามารถช่วยเหลือครอบครัวนี้ได้นะครับ สามารถติดตามเรื่องราวเพิ่มเติมที่ลิงค์ด้านล่างได้เลยนะ
ที่มา Somporn...
หนุ่มเจอแมวสฟิงซ์ เดินอยู่ข้างถนนหลายคนอาจคิดว่าเป็นแมวจรเพราะไม่มีขนจึงเกิดความสงสาร
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Nangyang Cheeze ได้เผยเรื่องราวหลังเขานั้นได้พบเจอน้องอยู่ข้างถนนในหมู่บ้าน โดยเจ้าแมวตัวนี้เป็นแมวสายพันธุ์สฟิงซ์เดินอยู่ข้างถนน หนุ่มรายดังกล่าวก็สงสารกลัวว่าน้องจะหลุดมาก็เลยประกาศโพสต์ลงในกลุ่มทาสแมว Official
.
โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า ผมเจอน้องเดินอยู่ข้างถนนในหมู่บ้าน ไม่รู้ว่าน้องแมวเป็นของใคร พิกัดหมู่บ้านพรธิสาร7ธัญบุรีคลอง8 ไม่ต้องทักมานะครับ ผมกลับรถไปหาให้หาไม่เจอแล้ว ขอให้เจ้าของได้คืนไวๆนะ ขอให้แมวไม่เป็นไร แต่เอาจริงๆเดี๋ยวผมจะวนรถไปดูให้อีกรอบ
จนชาวเน็ตมากมายต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า โอ้โห! นี่ไม่ใช่แมวธรรมดานะเห็นแบบเนี่ยน้องเป็นแมวพันธุ์สฟิงซ์เลยนะ เคยเห็นในรายการนึงน้องมีค่าตัวสูงถึง 450,000 บาท เลยนะเออ จนกระทั่งเขาได้มาอัพเดตเพิ่มเติมว่า สรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็คือน้องแค่ออกมาเดินเล่นข้างนอกบ้าน...
อยู่อย่างโดดเดี่ยวร่วม2เดือน หลังเจ้าของไม่อยู่ได้แต่ร้องขอความช่วยเหลือจากข้างห้อง เพราไม่มีอะไรตกถึงท้อง
การนำแมวหรือสัตว์อื่นๆมาเลี้ยงนั้นเราก็มักจะย้ำบอกกับเพื่อนๆเสมอว่าการนำสัตว์มาเลี้ยงนั้นก็ไม่ต่างจากที่เพื่อนๆรับเด็กที่มีอายุเพียงสองขวบมาเลี้ยง เพราะสมองของพวกเขานั้นทำงานได้เพียงเทียบเท่ากับเด็กสองขวบ ซึ่งถ้าเราเลี้ยงพวกเขาตั้งแต่ยังเล็กพวกเขาจะไม่สามารถที่จะดูแลตัวเองได้
และถ้าเกิดว่าเราไม่เตรียมความพร้อมแล้วปัญหาการปล่อยปละละเลยก็จะตามมาเช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Immaimjai Por ที่ได้นำเรื่องราวมาโพสต์ลงในกลุ่มทาสแมวหลังจากที่เธอนั้นพบน้องอยู่ในห้องเพียงลำพังในบ้านหลังนี้ซึ่งน้องนั้นอยู่อย่างโดดเดี่ยวมานานร่วมสองเดือนแล้ว
ซึ่งผู้เป็นเจ้าของก็ไม่ได้อยู่บ้านทำให้เจ้าเหมียวนั้นต้องใช้ชีวิตเพียงลำพังอยู่แต่ภายในบ้าน ซึ่งน้องก็ร้องขอข้าวขออาหาร ผู้โพสต์ได้เห็นก็อดที่จะเข้าช่วยเหลือไม่ได้ ได้แต่แอบเข้าบ้านเขาแล้วแอบเปิดหน้าต่างและโรยอาหารลงไปให้ในทุกๆวัน ซึ่งทางผู้โพสต์เองก็กลัวว่าทางเจ้าของบ้านกลับมาจะต่อว่ากับเธอ
แต่ถ้าจะให้เมินเฉยต่อหนึ่งชีวิตที่ต้องหิวและอดอยากรอวันสิ้นลมหรือสิ้นใจก็คงจะทำไม่ลง จึงเลือกที่จะลงมือทำแม้จะผิดกฏหมายก็ตาม ซึ่งทั้งนี้ผู้โพสต์เองก็ยังได้บอกเอาไว้ด้วยอีกว่าไม่รู้ว่าเจ้าของกลับมาจะแจ้งจับเขาหรือป่าวที่แอบมาลักลอบเอาอาหารให้น้องแมวแบบนี้
แต่อย่างน้อยๆก็คงขอให้ว่ากันอีกทีเพราะเราก็ต้องเลือกที่จะช่วยเหลือหนึ่งชีวิตที่เราจะทำได้ อีกอย่างถ้าปล่อยเอาไว้แบบนั้นน้องคงต้องอดจนสิ้นใจอย่างแน่นอน และก็ไม่รู้ว่าผู้เป็นเจ้าของน้องนั้นจะกลับมารับน้องวันไหน เพราะนี่ก็เข้าเดือนที่สองแล้ว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Immaimjai Por
นอนแน่นิ่งไม่ขยับ ไร้เรี่ยวแรงจะส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ได้แต่ลืมตาขึ้นมาหวังให้ใครสักคนช่วยชีวิต
เพราะชีวิตที่เลือกเกิดไม่ได้ ทำให้โลกของเรานั้นมีสัตว์เร่ร่อนอยู่เป็นจำนวนมาก ไหนจะเพราะการไม่ยอมทำหมันตั้งแต่เริ่มต้น พอมีลูกมีหลานออกมาก็ไม่สามารถเลี้ยงดูน้องให้ดีได้ ปัญหาหมาแมวจึงยังไม่สามารถแก้ไขได้จนถึงปัจจุบัน เหมือนกับเรื่องราวนี้ที่หนุ่มรายหนึ่งไปพบน้องเข้า
หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า เจ้าชาย ทลายซิง ได้นำเรี่องราวของเจ้าเหมียวรายนี้มาโพสต์ลงยังกลุ่ม กลุ่มรักหมาจัง หลังจากที่เขานั้นกำลังจะออกไปวิ่งแต่ทว่าเขากลับเห็นเจ้าตูบยืนมองอะไรกันอยู่ เขาจึงเดินเข้าไปดูและพบว่าเป็นลูกแมวจรตัวน้อย
ซึ่งหมานั้นก็ยังไม่ได้ทันได้ทำอะไรน้องแต่อย่างใดเพราะน้องนอนนิ่งมาก โดยหมาที่อยู่ในเหตุการณ์ก็คงจะคิดว่าน้องคงจะไม่รอดไปแล้ว แต่สภาพของน้องนั้นก็อย่างที่เห็นน้องเนื้อตัวผอมมาก ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะเดินไม่มีแม้เรี่ยวแรงจะส่งเสียงร้อง
จนเขาตัดสินใจเอามือลูบหัวน้องอย่างแผ่วเบา และทันใดนั้นเองน้องก็ลืมตาขึ้นมามองและก็พร้อมจะลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองแต่ทว่าด้วยความที่ไม่มีแรงเลย ก็ล้มลงนอนอีกครั้ง ซึ่งถ้าเอาไว้อยู่อย่างนี้น้องคงจะไม่รอด เขาจึงต้องอุ้มน้องกลับมายังที่บ้าน ซึ่งเขาได้บอกว่านี่เป็นแมวตัวแรกเลยที่กล้าจับกล้าอุ้มกลับบ้านแบบนี้
เพราะปกติแล้วไม่ค่อยจะถูกกับแมวสักเท่าไหร่นัก แต่ถ้าไม่ช่วยเอาไว้คงไม่รอดแน่ๆโดยหลังจากที่เขานำน้องกลับมาบ้านแล้วเขาก็เอานมแพะมาป้อมให้กับน้องได้อิ่มและสัญญากับเพื่อนๆในกลุ่มว่าจะช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ ขอเพียงแค่ให้น้องรอดชีวิต ซึ่งทั้งนี้ก็อยากจะฝากเพื่อนๆเอาไว้ว่าทุกชีวิตนั้นมีค่าหากพบเจอสัตว์ที่ต้องการความช่วยเหลือก็อยากจะให้เพื่อนๆนั้นลงมือช่วยเพราะถ้าเราเลือกที่จะเมินพวกเขานั้นอาจจะเป็นเสียงสุดท้ายที่พวกเขารวบรวมเพื่อร้องขอชีวิตจากเราก็เป็นได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก เจ้าชาย...
หัวอกแม่แอบอาศัยอยู่หลังกำแพงออกมาขอเศษอาหาร คาบอาหารเอาไปให้ลูกแม้ตัวจะกลัวแต่ลูกจะต้องอิ่มท้อง
ถ้าหากเราจะพูดถึงหัวอกคนเป็นแม่ เชื่อว่าเพื่อนๆทุกคนนั้นคงจะเข้าใจความหมายของคำว่า "แม่" กันเป็นอย่างดีเพราะคนเรานั้นเกิดมาก็จะต้องมีแม่กันทุกคน แต่ทว่าความหมายของคำว่าแม่นี้ยิ่งใหญ่มากมายเกินกว่าจะบรรยายได้นัก เพราะด้วยความรักและความหวังดีที่ไม่เคยจะหวังผลตอบแทนใดๆ และก็ไม่ใช่เพียงแค่มนุษย์เพียงเท่านั้น
แม้แต่สัตว์ต่างๆก็มีหัวอกคนเป็นแม่ไม่แพ้มนุษย์ใดๆเลย เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า เหมียว เหมียว ที่ได้นำเรื่องราวของเจ้าเหมียวแม่ลูกอ่อนตัวนี้มาโพสต์ลงในกลุ่ม โครงการรวมพลคนช่วยเหลือสัตว์ยากไร้ด้อยโอกาส หลังที่เธอได้ไปพบน้องเข้าซึ่งน้องเป็นแมวตาสีฟ้า พันธุ์วิเชียรมาศ
โดยน้องนั้นอาศัยอยู่ด้านหลังของแม็คเวลู่ สาขาสุขุมวิท 71 ด้านข้างของกำแพงนั้นมีลูกของน้องด้วยซึ่งลูกของน้องก็ยังคงตัวเล็กมากๆ และน้องก็ซ่อนเอาไว้ข้างหลังกำแพงเพราะด้วยความเป็นห่วงลูก พอเช้าๆมาน้องก็มักจะมาขอเศษอาหารกับคนที่ผ่านไปผ่านมาในบริเวณ ลานจอดรถ ซึ่งก็ไม่ค่อยจะมีใครให้น้องกินเลย
แต่ทว่าด้วยความที่เป็นแม่ก็ต้องพยายามเพื่อที่จะนำอาหารไปฝากลูกน้อยให้ได้อิ่มท้อง แม้ว่าแม่นั้นจะต้องเสี่ยงอันตรายต่อรถหรือต่อคนแม้แต่หมาก็ตาม แต่แม่ก็ต้องทำเพราะมันเป็นหนทางที่จะให้ลูกของฉันนั้นรอดชีวิตและเติบใหญ่ แม้จะไม่มีบ้านที่อยู่อาศัยเหมือนกับแมวอื่นๆ...
เคยมีเจ้าของแต่กลับต้องใช้ชีวิตเยี่ยงแมวจร สภาพผอมโซไร้เรี่ยวแรงจะยืนไม่รู้ต้องทนอยู่อย่างเร่ร่อนมานานเท่าไหร่
เพราะการนำสัตว์มาเลี้ยงแล้วก็จะเกิดภาระในระยะยาว ที่ถ้าหากเราเกิดถอดใจหรือไม่อยากที่จะเลี้ยงพวกเขาต่อไปในกลางคัน ก็จะเกิดเหตุการณ์แมวถูกนำมาปล่อยเอาไว้ในที่ต่างๆซึ่งบางครั้งก็จะต้องกลายเป็นสัตว์จรที่เร่ร่อนแม้ว่าจะเป็นแมวพันธุ์ก็ตาม เราจึงมักจำย้ำบอกกับเพื่อนๆว่าให้คิดดีๆก่อนที่อยากจะนำพวกเขามาเลี้ยงเพราะนั่นคือหนึ่งชีวิตที่เพื่อนๆจะต้องดูแลพวกเขาตลอดไป
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Utiga Penjumras ได้นำเรื่องราวของเจ้าเหมียวรายนี้มาโพสต์ลงในกลุ่ม คนรักแมวหาดใหญ่ หลังจากที่เธอนั้นได้พบน้องมาขออาหารกิน ซึ่งเธอได้คาดว่าน้องน่าจะเคยมีเจ้าของมาก่อนแต่อาจจะหลุดหรือถูกทิ้ง แต่ดูจากโครงสร้างแล้วน้องน่าจะเป็นแมวพันธุ์ดี
สีก็สวยหน้าก็หักแต่คาดว่าน่าจะจรมานานเลยทำให้สภาพมอมแมมพอสมควร แถมยังผอมมากขนก็ยาวรุงรังเพราะขาดการดูแลและสารอาหาร แต่น้องเชื่องมากๆ ซึ่งทางตัวเธอเองก็ไม่สามารถที่จะเลี้ยงน้องได้เนื่องจากที่บ้านมีแมวอยู่แล้ว 3 ตัว แถมด้านล่างยังมีหมาอีก โดยน้องต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆอดๆอยากๆ
ซึ่งเธอเองก็ได้แต่เพียงแอบเอาอาหารไปให้น้อง แล้วเธอก็ออกมาทำงานเช้ากลับค่ำวันไหนไม่ไดเจอน้องก็จะต้องอด ซึ่งเธอเองก็เจอน้องอาทิตย์ละแค่ครั้งสองครั้งเพียงเท่านั้น และน้องก็จะได้กินอิ่มแค่เวลาที่เจอเธอจึงอยากหาคนที่อยากจะรับน้องไปเลี้ยงด้วยความเมตตาโดยเธอยินดีที่จะทำหมันให้ก่อนส่งมอบอีกด้วย
ซึ่งทั้งนี้เธอได้ระบุพิกัดเอาไว้ด้วยที่ จังหวัดสงขนา อ.ระโนด ซึ่งถ้าใครสนใจจริงๆเธอก็ยินดีส่งให้ในพื้นที่สงขลาหรือหาดใหญ่...
แม่ใจสลาย หลังน้องมีอาการผิดปกติกินข้าวน้อยลง แต่เธอเลี้ยงระบบปิดอย่างดีแต่กลับป่วยเหมือนแมวจร
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Pensakaw Somtip ได้เผยเรื่องราวของเจ้าเหมียวที่เธอนั้นได้เลี้ยงมันเอาไว้ โดยเจ้าเหมียวมีอาการแปลกไปกินข้าวได้น้อยผิดปกติ เธอจึงเกิดความเป็นห่วงและพาน้องไปตรวจกับคุณหมอที่คลีนิค และวันที่ผลตรวจออกมาก็มาถึงที่ทำเอาผู้เป็นเจ้าของใจสลาย
.
โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า วันนี้คือวันที่เสียใจที่สุดค่ะ พาน้องไปตรวจกับคุณมาเนื่องด้วยน้องทานน้อยผิดปกติไป แต่ร่าเริงแจ่มใสขับถ่ายปกติทุกอย่างนะ ตรวจภายนอกคุณหมอแจ้งว่าน้องปกติไม่ได้เป็นอะไร ไม่มีไข้ เลยตัดสินใจตรวจโลหิต
และผลออกมาว่า น้องเป็นเอดส์แมวค่ะ มือสั่นหน้าตึงๆ น้ำตาไหลอาบแก้มเลยค่ะ เราเลี้ยงระบบปิดตัวเดียวพาออกไปเดินเล่นข้างนอกก็อยู่กับน้องตลอดเลย แถมน้องไม่เคยโดนแมวจรงับ อันตรายมากมั้ยคะกับโรคนี้ น้องหนัก 7.7 อายุ 4...
วอนขอร้อง อย่าเอากระป๋องน้องออกหลังมีคนพยายามจะช่วยเอาออกให้แต่นั่นคือการทำร้ายทางอ้อม
เพราะด้วยการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเท่ากับที่เราต้องรับผิดชอบต่อหนึ่งชีวิต ซึ่งถ้าเกิดคิดจะเลี้ยงพวกเขาแล้วเราก็จะต้องดูแลพวกเขาให้ดีไม่ให้ไปสร้างความเดือดร้อนหรือความลำคานแก่เพื่อนมนุษย์หรือผู้คนในระแวกบ้านได้ เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้
หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า ตะวันทับใหม่ ได้นำเรื่องราวของเจ้าตูบตัวนี้ที่มีชื่อว่าเจ้าแพนด้า (หรืออีกชื่อนึงคือเจ้าด้วบ) มาโพสต์ลงในโลกออนไลน์หลังจากที่น้องเป็นสุนัขจรที่อาศัยอยู่ที่บริเวณซอยชยาทิพปากซอย ซึ่งน้องมีนิสัยดีมากแต่ทว่าน้องกลับไม่ชอบรถท่อที่มีเสียงดังๆ หรือขับเร็วๆ
ซึ่งถ้าน้องเจอรถเหล่านั้นก็มักจะชอบกวดรถซึ่งก็จะเป็นบางคัน วันนี้เขาจึงต้องพยายามหาวิธีแก้เพราะด้วยกลัวและเป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัยของทั้งน้องและคนที่ขับรถผ่านไปมา เขาจึงได้ค้นหาวิธีจากหลายที่เอาป้ายแขวนไว้พร้อมกับกระป๋อง
และก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะทรมารสัตว์แต่อย่างใด แค่เป็นวิธีป้องกันเพื่อที่จะไม่ให้น้องไปวิ่งไล่รถคันอื่นๆ ซึ่งทางผู้โพสต์ก็ขออภัยหากจะมองไม่ดี แต่ก็อยากที่จะให้ร่วมด้วยช่วยกันเพราะน้องเป็นหมาที่อาศัยอยู่ภายนอกและไม่อยากให้ใครได้รับความเดือดร้อน
ทั้งนี้ในป้ายก็ได้ระบุเอาไว้ด้วยว่า ไม่ต้องเอาออกให้ผมนะครับผมชอบไล่กวดรถครับเอากระป๋องแขวนคอไว้จะกวดรถน้อยลงครับ ซึ่งอีกทั้งกระป๋องก็มีน้ำหนักเบาและทั้งนี้ก็ไม่ได้จะแขวนเอาไว้ตลอดไปเพียงแต่แค่ต้องการดัดนิสัยน้องในระยะเวลาที่สั้นๆเพียงเท่านั้น แถมกระป๋องไม่ได้มีน้ำหนักอะไรก็เพื่อความปลอดภัยของตัวน้องเอง ถึงอย่างไรก็ตามผลที่ได้ตอนนี้น้องก็กวดรถน้อยลงและเพียงทำหน้าทำตาเซ็งๆเพียงเท่านั้น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ตะวันทับใหม่
จำต้องปล่อยให้อยู่บ้านเพียงลำพัง เปิดกล้องวงจรคิดจะแกล้งแต่ไหงทำน้ำตานองทั้งคนทั้งแมว
เพราะด้วยการนำสัตว์มาเลี้ยงนั้นเท่ากับเราจะต้องดูแลพวกเขาหรือเทียบเท่ากับการดูแลเด็กสองขวบ เพราะสมองของพวกเขานั้นมีความคิดความอ่านเพียงเทียบเท่ากับเด็กเพียงเท่านั้น เราจึงเน้นย้ำให้เพื่อนๆนั้นเตรียมความพร้อมในเรื่องของเวลา
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า อะมิตา ลั๊ลลา ที่ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวของเธอลงในกลุ่ม ทาสแมว Offcial หลังจากที่เธอนั้นจำต้องปล่อยให้น้องอยู่กันลำพังที่บ้าน 2 วัน ซึ่งมาในวันนี้เธอก็กะว่าจะเปิดกล้องวงจรปิดแล้วเรียกชื่อแกล้งซะหน่อย
แต่เรื่องราวกลับไม่เป็นอย่างที่คิดเพราะสิ่งที่เห็นนั้นทำให้เธอน้ำตาคลอแถมยังต้องรีบกลับบ้าน เพราะน้องเดินมาชะโงกหน้าพร้อมกับคราบน้ำตาซึ่งคาดว่าน้องน่าจะร้องไห้มา ด้วยสีหน้าและแววตาที่เศร้าสร้อยก็ทำให้หัวอกคนเป็นทาสถึงกับอยู่ไม่ได้
ซึ่งเธอก็ได้มาอัพเดทเพิ่มเติมด้วยว่า เธอนั้นอยู่จังหวัดเดียวกันกับน้องแต่เพียงแค่มาทำธุระซึ่งระยะทางห่างกันเพียง 30 กม. เท่านั้นเอง เพราะเธอต้องมาขายของอีกที่นึงและน้องก็ไม่ได้อยู่เพียงลำพังเพราะน้องอยู่กับแม่ของผู้เป็นทาสแถมที่บ้านก็ไม่ได้มีแมวเพียงแค่ตัวเดียว แต่น้องน่าจะคิดถึงเจ้าของที่ไม่ยอมกลับบ้านกว่า 2 วัน
ซึ่งมีพ่อกับแม่ของน้องอยู่ด้วยแถมยังมีเพื่อนอีกตัวอีกด้วย ทั้งนี้ก็อยากจะฝากเพื่อนๆทาสทั้งหลายเอาไว้ด้วยว่าถ้าหากคิดจะเลี้ยงพวกเขาแล้วก็อย่าได้ลืมนึกถึงความรู้สึกของพวกเขาด้วยไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามเพราะพวกเขานั้นก็มีหัวใจไม่ต่างไปจากเรา
ขอขอบคุณข้อมูลจาก อะมิตา...
แมวฮีโร่ปกป้องคนในครอบครัว หลังตะคาบบุกบ้านก็มีแต่น้องที่คอยไล่กวดเพื่อคนในครอบครัว
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Namkang Nisachon ได้เผยเรื่องราวของแมวที่เธอนั้นได้เลี้ยงมันเอาไว้ โดยเจ้าเหมียวตัวนี้คอยปกป้องคนในบ้าน จากตะคาบตัวร้ายที่เข้ามา ตะคาบตัวนี้มีขนาดใหญ่โต จนน้องพยายามไล่จับถึงขนาดปีนขึ้นไปบนประตู เพื่อคอยดูว่าเจ้าตะคาบตัวนี้จะทำอะไร
.
โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า อ่านให้จบก่อนจะดราม่ากันนะคะ เราเลี้ยงแมวก็มีประโยชน์หลายอย่างนะ เมื่อคืนเราได้ยินเสียงแมว ปีนขึ้นมุ้งลวด เลยลุกขึ้นไปดูกะว่าจะดุสักหน่อยว่าทำไมเจ้าแมวไม่หลับไม่นอนสักที แม่เอาไฟฉายส่องเท่านั่นแหละ โอ้โห ตะขาบบักเอ้กมากเกาะอยู่ที่มุ้งลวด
ดีนะที่ไวท์เห็นซะก่อน ไม่งันมันกระโดดมาเกาะที่หัวอิแม่แน่ ขอบคุณนะเจ้าไวท์ ที่เป็นยามตอนกลางคืนให้กับแม่ เก่งที่สุดเลยลูก ปล.เราเห็นแมวทำตัวผิดปกติก็รีบออกมาดูเลยนะ แล้วก็รีบจับน้องแยกออกมาจากตะขาบในทันที...