เกิดคำถามในใจเราควรจะทำยังไงดี เมื่อพบเจอน้องแมวที่เราไม่เคยเห็นมาแถวบ้านเรา ตัดสินใจพิสูจน์หาความจริง
เรามักจะย้ำเตือนบอกกับเพื่อนๆเสมอว่า การเลี้ยงแมวนั้นควรที่จะเลี้ยงแมวในระบบปิดเพราะด้วยอันตรายจากโลกภายนอกนั้นมากมายมากกว่าที่มนุษย์เราจะเข้าใจว่าสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่ไม่ได้เคยเจอโลกกว้างใบใหญ่มาก่อนนั้นเป็นเช่นไร
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Mayya Thana ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวรายนี้ หลังจากที่พบน้องไม่รู้ว่าหลงมาจากไหน จึงได้เกิดคำถามในใจมากมายว่าเขานั้นควรที่จะจับน้องเอาไว้ก่อนไหม ถ้าเป็นน้องแมวที่เค้าเลี้ยงระบบเปิดละจะทำยังไง
แต่ถ้าน้องเค้าหลุดออกมาจากบ้านตัวเอง โดยที่ผู้เป็นเจ้าของนั้นเข้าไม่รู้ตัวละจะเอายังไงดีวะ จับไว้หรือปล่อยน้องไปดี ซึ่งเขานั้นเกิดอาการลังเลอยู่พักใหญ่ เขาจึงนำอาหารแมวจรที่เขาเตรียมเอาไว้ให้ทุกวันลองให้กับน้องได้กิน ซึ่งน้องนั้นมีอาการหอบและดูร้อน ลิ้นห้อย
เขาจึงตัดสินใจจับน้องเอาไว้ใส่ตะกร้าหิ้วไปถามเพื่อนบ้านหลังที่คาดว่าน่าจะเป็นเจ้าของ แต่ทว่าเพื่อนบ้านกลับไม่อยู่ จึงได้ถามเพื่อนบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามว่าเคยเห็นน้องแมวของบ้านหลังนี้ไหม ใช่เจ้าเหมียวตัวนี้หรือป่าว สุดท้ายเพื่อนบ้านก็บอกว่าใช่
เขาจึงได้นำน้องกลับเข้าไปในบ้านตรงที่หน้าต่างบ้านนั้นได้เปิดออกมา เพราะน้องออกมาจากทางนั้นและได้พยายามที่จะหาไม้มามาบังหน้าต่างเพื่อที่จะไม่ให้เปิดออกได้ และให้บ้านตรงข้ามอยู่เพื่อดูเป็นพยานว่าไม่ได้มีเจตนาจะบุกรุกแต่อย่างใด
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Mayya Thana
แม่แอบมาคลอดไว้ แอบอาศัยบนหลังคาบ้านคนที่ไม่ชอบ เป็นวิเชียรมาศทั้งหมดแต่โดนถีบตกตึกไปแล้ว 2
เพราะชีวิตนั้นเลือกที่จะเกิดมาไม่ได้ทำให้หลายๆชีวิตนั้นต้องเกิดมาดิ้นรนบนความทุกข์ยากที่ต้องเผชิญต่อโลกใบใหญ่ ซึ่งถ้ายิ่งเกิดมาเป็นแมวหรือสัตว์จรด้วยแล้วยิ่งใหญ่ เพราะชีวิตนั้นไม่เคยมีใครเขาต้องการจึงต้องทนอยู่แบบตามมีตามเกิด
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Keichi Jocho ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวรายนี้หลังจากที่แม่แมวจรนั้นแอบขึ้นไปคลอดลูกอยู่ที่บนหลังคาของตึกของคนที่เขาไม่ได้ชอบแมว ซึ่งทั้งหมดเป็นลูกแมวพันธุ์วิเชียรมาศทั้งหมด 5 ตัวแต่ปัจจุบันเหลือเพียงแค่ 3 ตัว
โดยเป็นแมวพันธุ์วิเชียรมาศ 9 แต้ม 2 ตัวและ 4 แต้ม 1 ตัวและไม่ทราบเพศเนื่องจากมีเพื่อนคนนึงมาบอกอีกที ซึ่งในตอนนี้น้องๆน่าจะอายุประมาณเกือบ 2 เดือนได้แล้ว เพื่อนคนนี้ได้เอาอาหารแอบไปให้ในทุกๆวัน ซึ่งเป็นข้าวคลุกไข่ต้มเพื่อที่จะให้เด็กๆได้ประทังชีวิต
โดยน้องๆนั้นอาศัยอยู่บนหลังคาตึกคนละอาคารกับที่เพื่อนของผู้โพสต์นั้นอาศัยอยู่...
วินาทีชีวิต ดับเพลิงรีบเข้าช่วยหลังพบสุนัขโดนมัดขาโยนลงน้ำ ก่อนลอยคอติดบ้านคนเกือบไม่รอด
เพราะด้วยชีวิตที่ต้องเกิดมาเป็นสัตว์จรก็ว่าแย่แล้วยิ่งถ้าเกิดมาพบเจอกับมนุษย์ที่จิตใจไม่ดีที่ไม่ชอบยิ่งแย่กว่า ไหนว่าจะหวังเอาชีวิตคิดให้สิ้นใจก็ยิ่งซ้ำแค่ข้าวปลาในแต่ละวันจะหากินก็ยากที่จะไร้ตกถึงท้อง ไฉนต้องทำกันได้ลงขนาดนี้
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า พิศัลย์ ธนะวัย ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าตูบรายนี้หลังจากที่เขานั้นได้พบน้องถูกมัดขาด้วยเชือกฟางและโยนลงน้ำกะให้สิ้นใจแต่ทว่าก็ยังโชคดีที่น้ำนั้นตื้นเลยทำให้น้องรอดมาได้
น้องจึงลอยน้ำมาติดที่หลังบ้านของผู้ชายรายดังกล่าว เขาจึงได้ประสานงานให้ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย นครแหลมฉบัง อีกครั้งในรอบที่ 3 ของปีนี้แล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยมีเหตุการณ์แต่เคสนี้ต่างกันตรงที่สุนัขนั้นไม่ได้ตกลงมาเอง
แต่กลับถูกคนนี้คิดไม่ดีมัดขาด้วยเชือกฝางแล้วโยนลงน้ำ กะเอาให้สิ้นใจโดยน้องนั้นไหลมาไกลมากจนมาติดที่คลองหลังบ้านของผู้โพสต์รายดังกล่าว เลยประสานงานให้หน่วยงานเข้าช่วยเหลือพร้อมกับอุปกรณ์ที่เหมาะสม
ซึ่งทั้งนี้เมื่อหน่วยงานมาถึงก็เร่งเข้าช่วยเหลือจนทำให้น้องขึ้นมาจากน้ำได้อย่างปลอดภัย โดยจากรายงานก็ไม่ได้ระบุว่าหลังจากนั้นน้องเป็นอย่างไรหรือมีใครรับไปเลี้ยง แต่อย่างไรก็ตามน้องได้ปลอดภัยแล้วซึ่งหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากที่จะรับน้องไปเลี้ยงก็สามารถติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก พิศัลย์ ธนะวัย
อ้างพี่เตี้ยกระโดดลงรถเองจนล้อหลังทับ พร้อมโยนทิ้งโกยใบไม้ปกปิดขอโทษต่อสังคมขอให้จบเพียงเท่านี้
กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ หลัง มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ ได้ติดตามรับหน้าที่ในการประสานงานและเป็นผู้เสียหายในคดีของพี่เตี้ยมช. ทางแฟนเพจได้เผยและอัพเดทล่าสุดเกี่ยวกับผู้กระทำความผิดที่พาพี่เตี้ยออกนอกมหาลัย และล่าสุดเองคนที่พาพี่เตี้ยออกไปก็ยอมรับสารภาพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
.
โดยทางแฟนเพจได้โพสต์ในเพจระบุว่า หลังกล้องวงจรปิดได้เผยภาพที่ชัดเจน สืบซักตัวพบต้องสงสัยที่นำพี่เตี้ย ออกจากมหาลัย เมื่อเวลา 20.34 ของคืนวันที่ 3 พฤษภาคม 2563อ้างว่า สงสาร ที่เตี้ยไม่ได้ออกไปไหนมาไหนเลย จึงคิดจะพาไปเที่ยวข้างนอก
WDT แจ้ง ต่อให้ไม่สามารถพิสูจน์เจตนาได้ ก็ต้องเจอข้อหาลักทรัพย์ เป็นอันดับแรก เพราะหลังจากที่พี่เตี้ยหายไปนั้น...
จากปากผู้เป็นแม่หลังมนุษย์ลูกออกไปซื้อขนมที่เซเว่นในช่วงเวลาก่อนเคอร์ฟิว แต่ขากลับกับได้แมวกลับมาแทน
ในขณะที่ช่วงนี้ไวรัสโควิท-19 ได้ระบาดหนักในประเทศทำให้ส่งผลกระทบถึงสิ่งต่างๆมากมายที่ได้เกิดขึ้นมาในหลายเดือนนี้ แต่สิ่งที่กระทบมากที่สุดก็น่าจะเป็นสัตว์ตัวน้อยๆหรือสุนัขหรือแมวจรที่ต้องทนอยู่ในช่วงที่ไร้ผู้คนไร้แม้แหล่งอาหารหรือจะไปขอความช่วยเหลือจากใครเขาได้
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Kattreya Somboon หลังจากที่ลูกของเธอนั้นได้ไปซื้อขนมที่เซเว่น ในช่วงก่อนที่จะถึงเวลาเคอร์ฟิว ซึ่งลูกของเธอก็ได้ยินเสียงเจ้ามิ้วน้อยร้องและลองหาดูก็ได้พบว่าน้องติดอยู่ในรถที่จอดอยู่ข้างทาง ลูกของเธอจึงเข้าไปช่วยเหลือ
และได้นำน้องออกไปจากเครื่องยนต์รถ ซึ่งลูกของเธอก็ได้ถามชาวบ้านในบริเวณดังกล่าวว่าเคยพบเห็นน้องมาก่อนไหมหรือว่าเป็นแมวของใคร แต่ป้าก็กลับบอกว่าไม่รู้ว่าแมวใครเอามาโยนไว้แถวนั้นแหละ ลูกของเธอจึงได้อุ้มน้องกลับมายังบ้านเลยจ้า
และได้ตั้งชื่อให้กับน้องว่า น้องเคอร์ฟิว ละกัน ซึ่งเธอก็ได้นำเรื่องราวสุดน่ารักนี้มา่โพสต์ลงในกลุ่มทาสแมว และก็ต่างมีผู้เข้ามาชื่นชมในความช่วยเหลือที่เธอได้ช่วยเหลือน้องเอาไว้เป็นอย่างมาก แถมเมื่อไปซื้อขนมที่เซเว่น แต่ยังได้แมวกลับมาด้วยอีกต่างหาก
โดยทั้งนี้ก็อยากที่จะฝากเพื่อนๆเอาไว้ด้วยว่า หากพบเจอสัตว์ต้วเล็กๆต้องการความช่วยเหลือก็อยากที่จะให้ยื่นมือเข้าไปช่วยเพราะถ้าเราเลือกที่จะเมินพวกเขาไปในวันนั้น เราก็ไม่รู้ได้เลยว่าพวกเขานั้นจะมีชีวิตอยู่ต่อกันไปได้อีกนานเท่าไหร่
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Kattreya Somboon
ถูกทิ้งซ้ำซ้อนร้องจนเสียงแหบเสียงแห้ง ได้แต่แอบอยู่ใต้ท้องรถทั้งร้อนทั้งว้าเหว่เพราะใครๆเขาก็ไม่ต้องการ
เพราะชีวิตนั้นเลือกเกิดไม่ได้ ทำให้หลายๆคนนั้นต้องเกิดมาดิ้นรนต่อความยากลำบากที่ต้องเจอในชีวิต และก็ไม่ใช่เพียงแค่มนุษย์อย่างเราๆเพียงเท่านั้น แม้แต่สัตว์ตัวน้อยๆอย่างเจ้าเหมียวเองก็ไม่ต่างกัน ยิ่งแล้วเกิดมาไร้บ้านหรือไม่เป็นที่ต้องการของใครๆเขา
เช่นเดียวกับเรื่องราวของเจ้าเหมียวรายนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Pinta SP ที่ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวรายนี้ ลงในกลุ่มคนอวดแมว หลังจากที่ได้พบน้องถูกเอามาปล่อยที่หน้าโรงเรียน และร้านโจ๊กที่หน้าโรงเรียนก็รับไปเลี้ยงภายในวันเดียวกันนั้น แต่ก็กลับเอามาปล่อยไว้ที่เดิม
คุณครูที่โรงเรียนเห็นเข้าจึงได้จับน้องขังเอาไว้กะว่าจะเอาไปให้หลวงตาช่วยเหลือ แต่ก็มีคนเอาไปอาบน้ำให้ข้าวกินร้านโจ็กมาดูรอบ 2 เอาไปเลี้ยงแต่ก็เอาไปปล่อยที่เดิมอีก หนูร้องจนเสียงแหบเสียงแห้งอยู่ใต้ท้องรถคุณลุงคนนี้ ทั้งร้อนและหวาดกลัว
จนกระทั่งคุณลุงออกรถไปตลาด 30 กิโลเมตร หนูทั้งเหนื่อยและกลัวจนตัวสั่น เพราะ 5 วัน 5...
เผยคลิปสุดท้ายของพี่เตี้ย ถูกหนุ่มปริศนาเรียกให้ขึ้นรถก่อนขับหายไปไม่มีวันได้กลับมาอีก
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2563 แฟนเพจเฟสบุ๊ก เตี้ย มช. ได้เผยการอัพเดทล่าสุดข่าวของพี่เตี้ยมช. หมาเซเลปของมหาลัยเชียงใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้พี่เตี้ยถูกพบในร่างที่ไร้ลมหายใจ แต่วันนี้ทางแฟนเพจได้เผยคลิปสุดท้ายที่พบเจอพี่เตี้ย พี่เตี้ยถูกหนุ่มคนหนึ่งเรียกให้ขึ้นรถก่อนจะขับออกไป และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้พี่เตี้ยต้องจากไปหรือไม่ ?
.
โดยทางแฟนเพจได้ระบุข้อความเอาไว้ว่า เหตุการณ์ของคืนวันที่ 3 พ.ค.63
- พี่เตี้ยนั่งเล่นกับน้องผู้หญิง 2 คนจนถึงประมาณ 20.30 น. - หลังจากน้อง...
นอนตัวแข็งทื่อ ลองเอาหูแนบดูคิดว่าสิ้นใจจนเตรียมฝัง พอเอามือลูบดูกลับฟื้นคืนชีพอีกครั้ง
เพราะชีวิตนั้นเลือกเกิดมาไม่ได้ทำให้หลายๆชีวิตนั้นต้องเกิดมาดิ้นรนกับชะตากรรมที่ต้องพบเจอ ซึ่งในบางรายเช่นสัตว์ตัวน้อยๆก็ต้องเกิดมาไร้บ้านอันอบอุ่นยิ่งถ้าเป็นในต่างประเทศแล้วโอกาสที่จะรอดนั้นยากมาก ด้วยสภาพอาการที่หนาวถึง 5 องศา
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Namfon Classic ได้โพสตบอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวน้อยตัวนี้หลังจากที่เธอนั้นได้ไปพบน้องเข้าเมื่อ 3 วันก่อนซึ่งน้องได้นอนตัวแข็งกลางอากาศหนาวเย็นถึง 5 องศา ในประเทศเกาหลีใต้
เธอจึงได้เอาหูแนบฟังเสียงชีพจรของน้องๆก็ไม่มีวี่แวว เธอจึงได้คิดว่าน้องคงจะสิ้นลมไปแล้วแน่ๆ นอนแน่นิ่งตัวแข็งเย็นเจี๊ยบอ้าปากค้างแบบนี้ เธอจึงเอานิดปากน้องและเตรียมที่จะเอาไปฝังดิน ด้วยความสงสารนั้นเองเธอก็ค่อยๆลูบๆน้องส่วนแฟนของเธอก็พยายามที่ขุดหลุมดินเพื่อทีจะเตรียมฝัง
พร้อมกับบ่นว่าน่าสงสารมากๆเลยลูกเอ่ยน่าจะเจอกันเร็วกว่านี้ โดยเธอสังเกตุเหมือนขาของน้องดิ้นแฟนเราก็ว่ามือเรานั้นสั่นไปเอง เธอจึงได้รีบวิ่งเข้ามาในห้อง และรีบวิ่งเข้าไปเปิดฮีตเตอร์เพื่อให้พื้นอุ่นขึ้น และสักพักเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้ก็เกิดขึ้นเมื่อเด็กๆเริ่มทีจะหายใจ
เธอดีใจมากๆที่น้องได้กลับมาหายใจปกติอีกครั้ง และก็ได้พยายามดูแลน้องอย่างใกล้ชิด โดยเรื่องราวดังกล่าวนั้นได้เกิดในขึ้นประเทศเกาหลีใต้และเธอจึงได้นำเรื่องราวมากบอกเล่าลงในกลุ่ม ทาสแมว...
มานั่งเฝ้ารอขอข้าวอยู่หน้าบ้านทุกวัน แต่กลับไม่ยอมกินเพราะจะให้เมียกับลูกได้กินอิ่มก่อนเสมอ
หากเราจะพูดถึงกับคำว่ารักสิ่งหนึ่งทื่เราจะรู้ได้เลยว่าคนไหนรักเราหรือไม่นั่นก็คือการแสดงออกมาเช่นความเสียสละแม้แต่สัตว์ตัวเล็กๆอย่างแมวเองก็ตาม เราก็มักจะเห็นพวกเค้ายอมเสียสละให้ลูกของตนได้กินอิ่มก่อนเสมอ แม้ตัวจะหิวแค่ไหนก็เฝ้ารออยู่ได้ไม่ห่าง
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Natnarin JA ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของครอบครัวเจ้าเหมียวครอบครัวนี้ โดยครอบครัวของเขานั้นจะมี พ่อกุด(ตัวที่นั่งเฝ้ารอดูตัวอื่นๆกิน) แม่พวงและน้องแพรว ซึ่งเจ้าเหมียวเหล่านี้จะเป็นแมวจรมาขออาหารกินอยู่เสมอ
โดยจะมีพ่อกุดแมวหน้าอึนๆที่พูดน้อยหรือแทบจะไม่พูดอะไรเลย จะชอบมานั่งรอที่หน้าบ้านขอข้าวที่หน้าบ้านอยู่เป็นประจำ โดยหลังๆนั้นได้มีการพัฒนาพาลูกและเมียมากินข้าวด้วย และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นพ่อกุดจะให้เมียกับลูกน้อยกินก่อนเสมอและเมื่อเมียกับลูกอิ่มท้องเมื่อไหร่ก็ตาม
พ่อกุดก็จะค่อยๆกินอาหารต่อที่เหลือจากเมียและลูก และนี่คือความน่ารักของพ่อสุภาพบุรุษของพ่อกุดเขาแหละ ซึ่งถือว่าทำหน้าที่ผู้เป็นพ่อและคนรักได้ดีมากๆ เพราะต่อเมื่อให้มีอาหารท้งหมด 3 จานก็ตามพ่อกุดก็จะไม่ยอมที่จะกินแต่อย่างใด
จะเลือกที่จะนั่งรอให้เมียและลูกของตนนั้นได้กินอิ่มก่อนในทุกๆวันและเมื่อเหลืออาหารเท่าไหร่พ่อกุดก็จะกินแค่นั้นไม่เคยที่แม้แต่คิดจะร้องขอ เพราะด้วยเป็นแมวที่ไม่ค่อยส่งเสียงหรือเอะอะโวยวายอยู่แล้ว ซึ่งถือเป็นเรื่องราวของเจ้าเหมียวสุภาพบุรุษรายนี้ที่น่ารักมากๆเลยอยากให้น้องได้มีบ้านที่อบอุ่นขึ้นมาเลยแหละ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Natnarin JA
เป็นเด็กกำพร้าถูกเขานำมาปล่อย ต้องนอนหนาวสั่นอยู่ข้างถนน ตาก็หวิดบอดต้องอยู่ในความมืดไร้แม้แสงสว่าง
เพราะชีวิตต้องเกิดมาดิ้นรนและไม่เป็นที่ต้องการของชีวิต ทำให้หลายๆชีวิตต้องดิ้นรนต่อสู้กับสิ่งที่ตนนั้นต้องเผชิญแล้วยิ่งถ้าเกิดมาไม่เป็นที่ต้องการของใครๆทำให้ถูกเขานั้นเอามาปล่อยไว้เหมือนชีวิตนั้นไร้ค่า ต้องดิ้นรนต่อสู้กับทั้งความหนาวและความกลัว
เช่นเดียวกับเจ้าเหมียวรายนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า แคท แคท ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวตัวน้อยหลังจากที่เธอได้ช่วยเหลือน้องไว้ ซึ่งน้องเป็นแมวที่กำพร้า มีน้ำหนักเพียงแค่ 3.5 ขีด แถมยังป่วยเป็นหวัดและตาอักเสบรุนแรงโดยในตอนแรกเธอคิดว่าน้องน่าจะต้องตาบอดแน่ๆ
เพราะต้องอยู่ในความมืดมิดมาหลายวันเพราะผู้เป็นเจ้าของเก่านั้นเอาน้องมาปล่อยไว้ ต้องทนทุกข์ทั้งความหนาวความหิวและความเจ็บปวด น้องกลัวมากจนผู้โพสต์นั้นช่วยหนูเอาไว้และนำมารักษาและในตอนนี้ก็เกือบที่จะหายดีแล้ว น้ำหนัก ขึ้นมาแล้ว 6 ขีด
ตอนนี้น้องรอดแล้ว วันนี้จึงมาขอบคุณพี่ๆในกลุ่ม ชมรมคนรักแมวเหมียว ทุกคนที่ส่งกำลังใจมาช่วยเหลือน้อง ซึ่งทั้งนี้น้องมีชื่อว่า อบอุ่น และน้องก็ได้บ้านที่อบอุ่นจริงๆเพราะมีผู้เป็นเจ้าของอันเป็นที่รักและอยู่อย่างไม่ต้องหวาดกลัวใดๆไม่ต้องแม้จะมาทนทุกข์
กับความหนาวเหน็บที่อยู่ภายใน จึงอยากจะฝากเพื่อนๆทั้งหลายที่ได้พบเจอกับเจ้าเหมียวตัวน้อยๆ...