เฝ้าไม่ห่างหลังเจ้าของประสบอุบัติเหตุจนต้องจากไป แต่ตูบคู่ใจก็ยังคงเฝ้าทั้งที่ร่างไร้วิญญาณ

หากเพื่อนๆที่ได้เลี้ยงสุนัขแล้วก็คงจะเข้าใจดีว่าสุนัขนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซื่อสัตย์มากที่สุดในโลก เพราะไม่ว่าจะนานเพียงใดหรือผู้เป็นเจ้าของจะจากไปพวกเขาก็ยังคงรักและเฝ้ารอคอยพวกคุณจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ เหมือนกับคำพูดโบราณที่มีคนเคยพูดเอาไว้ว่า ให้ข้าวสุนัขหนึ่งมื้อพวกเขาจะจดจำเราไปตลอดทั้งชีวิต เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Whittaya Reang-ngern ได้นำเรื่องราวของเจ้าตูบผู้ซื่อสัตย์รายนี้มาโพสต์ลงในกลุ่ม siAgain I Like Husky คนรักไซบีเรียนฮัสกี้ original หลังจากที่ได้เห็นเรื่องราวของเจ้าตูบตัวนี้นั่งเฝ้าคอยผู้เป็นเจ้าของที่ได้จากไปแบบไม่มีวันได้หวนกลับมา หลังจากที่รูปภาพดังกล่าวได้ถูกแชร์กันเป็นเรื่องราวจนเป็นกระแส ซึ่งได้เกิดเหตุต้นไม้ใหญ่ล้มทับรถยนต์จนทำให้ผู้เป็นเจ้าของของน้องนั้นสิ้นใจและจากไปในเวลาต่อมา โดยเหตุนั้นได้เกิดในช่วงเย็นของในวันที่ 24 เดือนพฤษภาคม 2563 ที่จังหวัดชัยภูมิโดยในเหตุการณ์นั้นน้องสุนัขตัวนี้ ก็ได้เดินทางไปกับทางผู้เป็นเจ้าของด้วยแต่เคราะห์ร้ายผู้เป็นเจ้าของกลับถูกต้นไม้ล้มทับซึ่งเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ทำให้รถยนต์ของผู้เป็นเจ้าของนั้นได้เกิดความเสียหายอย่างหนัก แต่ทว่าเจ้าตูบนั้นก็ยังคงเฝ้าดูผู้เป็นเจ้าของแบบไม่ห่างจนในเวลาต่อมาผู้เป็นเจ้าของก็ได้จากไป และถึงแม้ว่าผู้เป็นเจ้าของนั้นจะจากไปแล้วก็ตามเจ้าตูบก็ยังคงอยู่กับผู้เป็นเจ้าของรายนี้จนถึงวินาทีสุดท้าย และเฝ้ารอเพื่อว่าผู้เป็นนายนั้นจะฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง โดยทั้งนี้ทางผู้โพสต์นั้นก็ยังเขียนคำพูดที่ฟังแล้วรู้สึกสะอึกในใจเอาไว้อีกด้วยว่า สุนัขเขานั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซื่อสัตย์ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตามไม่ว่าจะดีหรือจะร้ายกับเขามากแค่ไหนแต่เขานั้นก็ยังจะเลือกที่จะอยู่กับคุณต่อไปจนวินาทีสุดท้าย ขอขอบคุณข้อมูลจาก...

นอนหมดแรงตามืดบอดสนิทหนึ่งข้าง ไร้แม้เรี่ยวแรงจะเดินต่อได้ต่อส่งเสียงร้องขออ้อนวอนให้ช่วยชีวิต

ด้วยชีวิตที่ไม่สิ้นก็ต้องทนดิ้นกันไป หนึ่งชีวิตที่เกิดมาเพราะการเลือกไม่ได้ด้วยสังคมและความเชื่อที่ใครๆเขานั้นก็ไม่ต้องการจึงต้องดิ้นรนหาบ้านหาที่อยู่อาศัยค่ำไหนก็ต้องนอนนั่น แม้ตัวจะต้องเจ็บหรือยากแค้นแต่ก็ทำได้เพียงประคองชีวิตให้รอดพ้นไปวันๆ เช่นเดียวกับเจ้าเหมียวสุดน่าสงสารรายนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า อย่าง เปรม เลยว่ะ ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวตัวสีดำรายนี้ลงในกลุ่มทาสแมว หลังจากที่เธอนั้นได้พบน้องเดินมานอนหมดแรงที่ลานจอดรถที่โรงพยาบาลจุฬา ด้วยตาก็มองเห็นเพียงแค่หนึ่งข้างเท่านั้น ซึ่งน้องเดินร้องส่งเสียงให้คนที่ได้ผ่านไปผ่านมาช่วยเหลือแต่ก็ไร้แม้วี่แววจะมีคนมาเมตตาหรือสงสาร และน้องก็มาร้องของความช่วยเหลือจากหลานสาวของผู้โพสต์ซึ่งอายุเพียงแค่ 5 ขวบ โดยหลานสาวจึงได้บอกกับผู้โพสต์ว่าจะไม่ยอมกินข้าวถ้าไม่ช่วยเหลือน้องแมวตัวนี้ จนในที่สุดผู้โพสต์ก็ต้องยอมช่วยเหลือน้องและนำตัวน้องไปส่งโรงพยาบาลสัตว์จุฬาในเวลาต่อมาโดยทางคุณหมอก็ได้ให้ยาฆ่าเชื้อกับให้น้ำเกลือ ซึ่งจะต้องให้ติดต่อกันเป็นเวลากว่า 7 วัน โดยได้ย้ายโรงพยาบาลมาเป็นโรงพยาบาลหทัยราษฏร์เรียบร้อยแล้ว และอาการของน้องในตอนนี้ก็ดีวันดีคือโดยทางผู้โพสต์ก็ยังได้บอกว่าคงจะทำบุญร่วมกันมาแต่ก็ดีใจที่เจ้าดำดีขึ้นมากๆ และก็ชื่นชมเจ้าหนูตัวน้อยหลานสาวของผู้โพสต์ที่มีความเมตตากับสัตว์โลกตัวน้อยๆที่กล้าที่จะยื่นข้อต่อรองเรื่องการไม่กินข้าวที่ทำให้ผู้เป็นน้ายอมใจอ่อนและช่วยชีวิตเจ้าดำเอาไว้ ซึ่งโดยทั้งนี้ทางผู้โพสต์เองก็ไม่ได้ประกาศจะหาบ้านให้กับเจ้าดำแต่อย่างใดซึ่งหากเพื่อนๆคนไหนอยากที่จะรับน้องไปเลี้ยงก็สามารถที่จะติดต่อสอบถามไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก อย่าง เปรม เลยว่ะ

หญิงใส่ไอ้โม่งโยนแมวเข้าวัดไม่เกรงกลัวบาปกว่า5ชีวิต ขนาดต่อหน้าพระไม่มียางอาย

เมื่อไม่นานมานี้แฟนเพจเฟสบุ๊ก : The Voice (เสียงจากเรา) ได้เผยเรื่องราวหลังพบเห็นหญิงปริศนาคนหนึ่งกำลังพยายามที่จะโยนแมวเข้าไปในวัด หวังผลักภาระให้กับทางวัดเพราะไม่ต้องการที่จะเลี้ยงดูเขาต่อไปอีกแล้ว จนทางแฟนเพจได้พยายามตามหาและติดตามหญิงคนดังกล่าว เพราะเป็นความผิดทางกฏหมาย . โดยทางแฟนเพจได้ระบุว่า ภาระที่วัดรับไว้ยังไม่พอเหรอ! จิตใจทำด้วยอะไร มาโยนใส่แบบนี้ และถ้ามีหมาอยู่ตรงนั้น แมวจะมีชีวิตอยู่รอดไหม? คิดบ้างไหมว่าเค้าจะใช้ชีวิตต่อไปได้ยังไงให้รอดต่อไป? ทะเบียน ปท 910 รถกระบะคอก ขับมาบริเวณวัดโพธิ์ ผู้หญิงกลางคนใส่ไอ้โม่งลงมาพร้อมถุงใส่แมวมาโยนเข้าวัด ทั้งหมด 4 ตัว พระอาจารย์ที่เห็นเหตุการณ์เลยออกมาถ่ายทันตัวสุดท้ายที่โยนเข้ามาค่ะ...

สังเกตสักนิดก่อนจะสาย สุนัขที่อยู่ร่วมกันมากว่า5ปีป่วยหนักเพียงเพราะแค่อาการเบื่ออาหาร

อาจจะเพราะด้วยความคุ้นชินหรือความที่อยู่ด้วยกันมาตลอดจนเราเกิดคิดว่าสัตว์เลี้ยงแสนรักของเรานั้นคงไม่เป็นไรแค่มีอาการเล็กๆน้อยจนทำให้เรานั้นเกิดความชะล่าใจ จนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่อาจจะทำให้เราต้องเสียใจไปตลอด เพราะด้วยความเอาใจใส่ที่ลดน้อยลง เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Jinda Noonok ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าตูบรายนี้ลงในกลุ่ม โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ เจ้าขนทอง หลังจากที่เขานั้นได้พบเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คิดว่าต้องเจอมาก่อนเพราะด้วยความสะเพร่าของตัวเขาเอง โดยสุนัขสุดที่รักของเขานั้นมีชื่อว่าเจ้า ดีดิ๊ ซึ่งน้องนั้นเป็นสุนัขแสนรักของเขาและก็อยู่ด้วยกันมาด้วยความรักและความเอาใส่ใจมา 5 ปีแล้ว โดยเรื่องนั้นได้เกิดขึ้นเมื่อวานหลังจากที่เขานั้นพาน้องไปหาหมอซึ่งน้องนั้นมีอาการไร้แม้เรี่ยวแรงจะเดิน เพราะในตอนแรกนั้นน้องมีแค่อาการเบื่ออาหารเขาจึงคิดว่าน้องไม่ได้เป็นอะไรมาก จนมาวันนี้จึงได้พาตัวนำส่งโรงพยาบาลจนคุณหมอได้ตรวจพบว่าน้องเป็นมะเร็งในกระเพาะอาหารก้อนใหญ่มากๆ ซึ่งเขาเองก็ทำได้เพียงแต่โทษตัวเองที่อยู่บ้านด้วยกันกับน้องมาตลอดแต่ดันไม่สังเกตเห็นอาการของน้องเลย จึงได้มาฝากเตือนเพื่อนๆให้ระมัดระวังอาการดังกล่าว หรือแม้แต่เพียงแค่อาการเล็กๆน้อยๆของสุนัขหรือแมวสุดที่รักเพราะเราอาจจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตเพราะความสะเพร่าของเรานั่นเอง ซึ่งทั้งนี้หากเพื่อนๆคนไหนมีสุนัขหรือแมวที่เลี้ยงไว้ก็อยากจะให้พาน้องๆไปตรวจสุขภาพประจำปีหรือเพียงแค่เฝ้าสังเกตการเล็กๆน้อยๆที่พวกเขานั้นเปลี่ยนแปลงไป ขอขอบคุณข้อมูลจาก Jinda Noonok

หนุ่มพบแมวของตัวเองกำลังหนีเที่ยวจึงไล่เข้าบ้าน พอกลับถึงบ้านถึงกับต้องร้องเพราะแมวของตนเดินลงมาจากข้างบน

เพราะทุกๆครั้งที่เรามักจะย้ำเตือนกับเพื่อนๆเสมอในเรื่องการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในระบบที่ปิดนั้น เพราะด้วยส่วนใหญ่แล้วปัญหาที่เกิดจากอันตรายภายนอกนั้นเป็นปัดใจหลักที่ทำให้สัตว์เลี้ยงแสนรักของเรานั้นได้รับอันตราย ซึ่งก็มีความจำเป็นมากๆที่เราเลือกให้เลี้ยงพวกเขาในระบบปิด แต่ทว่าการเลี้ยงในระบบปิดนั้นก็อาจจะไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นทำให้แมวของเรานั้นชอบหนีออกมาเที่ยวได้ เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Sundew Taksin ได้นำเรื่องราวของเจ้าเหมียวแสนรักของตนนั้นมาโพสต์ลงในกลุ่มทาสแมว หลังจากที่เมื่อเวลาตีหนึ่งที่ผ่านมาเขานั้นได้พบเจ้าเหมียวตัวนี้อยู่ที่หน้าบ้าน ด้วยความที่เขานั้นเอาขยะไปทิ้งและเจอน้องซึ่งในทันใดนั้นเขาก็ได้ไล่ให้น้องเข้าบ้านเพราะเขานั้นคิดว่าเป็นแมวของตัวเองที่ชอบหนีออกมาเดินเล่นที่หน้าบ้านอยู่บ่อยๆ และพอไล่น้องเสร็จน้องก็เดินเข้ามาในบ้านของเขาและก้มหน้าก้มตากินอาหารในถ้วยจนหมด และนอนตากพัดลมอย่างสบายใจเฉิบ ซึ่งเขานั้นก็ไม่ได้สังเกตอะไรมากนักเพราะน้องนั้นมีสีเดียวกับแมวของเขาเลย โดยเมื่อเขาได้นั่งเล่นเกมส์ไปสักพักก็พบว่าแมวของตนนั้นเดินลงมาจากบนบ้าน ซึ่งเมื่อเขาได้หันไปดูก็ถึงกับต้องร้องออกมาว่า อ้าวนี่แมวตรู แล้วมุงเป็นแมวใคร สรุปว่าแมวใครไม่รู้หลงมาแถมยังมากินอาหารจนหมดจานแบบหน้าตาเฉย เท่านั้นยังไม่พอน้องยังมานั่งเฝ้านอนเฝ้าแมวตัวเมียของเขาเพราะเจ้าเหมียวของใครไม่รู้ตัวนี้เป็นแมวตัวผู้ ซึ่งก็ตีเนียนเหมือนกับเป็นเจ้าของบ้าน ซึ่งทั้งนี้ก็อยากจะฝากเพื่อนๆเอาไว้ว่าถ้าเจอแมวตัวอื่นอยู่ข้างนอกบ้านก็ควรที่จะเช็คดูให้ดีมิเช่นนั้นคุณอาจจะได้แมวเพิ่มก็ได้ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Sundew Taksin

แอบมานอนหลบหมาบนหลังคารถ ร่างกายผอมไร้แม้เรี่ยวแรงจะหนี เพราะชีวิตนั้นไม่เป็นที่ต้องการของใครๆ

เพราะชีวิตที่เกิดมาไม่เป็นที่ต้องการของใครๆ เลยทำให้คุณค่าของชีวิตในแต่ละคนนั้นไม่เท่ากันยิ่งถ้าต้องเกิดมาไม่เป็นแมวหรือสุนัขที่ต้องไร้บ้านไร้แหล่งอาศัย ชีวิตจึงต้องดิ้นรนหาที่แอบซ่อนไร้แม้ที่จะให้นอนอย่างสุขสบายไร้ความระแวง เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Suriya Charoenphol ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวรายนี้ลงในกลุ่ม ชมรมคนรักแมวเหมียว หลังจากที่เขานั้นได้พบเจอน้องมาแอบนอนหลับบนหลังคารถของเขาเอง ซึ่งเขาเห็นก็สงสารเพราะเนื่องตัวของน้องผอมมากๆ และคงจะหลบหนีสุนัขจรมาเลยมาแอบนอนบนหลังคารถของเขา เพราะมันคือที่ที่ปลอดภัยที่สุดที่หนึ่งชีวิตน้อยๆนั้นจะหาได้ในตอนนั้น และเมื่อเขาได้เห็นแบบนั้นเขาก็ทนไม่ได้จึงได้นำอาหารไปให้กับน้องเพราะด้วยความสงสาร โดยในตอนแรกน้องก็จ้องหน้าเขาจึงคิดว่าน้องคงจะต้องหิวมากแน่ๆ และเมื่อเขานั้นพยายามที่จะเข้าไปใกล้ๆเพื่อที่จะนำอาหารไปให้กับน้องแล้วน้องก็เกิดอาการกลัวอยู่บ้างและเหมือนจะกระโดดหนี แต่น้องก็ยอมกินแต่โดยดีเพราะดูแล้วน่าจะหิวมาก เขาจึงได้แอบมาดูน้องกินอาหารอยู่ห่างๆ โดยเขาได้บอกอีกว่าน้องมาหลายครั้งแล้วละขอมานอนแอบบนรถ แต่เวล่าเจอเขาก็กระโดดหนีไปตลอด แต่รอบนี้คงจะหิวมากและเริ่มคุ้นชินแล้วเลยไม่หนี ซึ่งเขาก็ยังได้บอกอีกด้วยว่ารอให้คุ้นชินหรือสนิทกันให้มากกว่านี้ก็จะหาบ้านให้น้อง ซึ่งหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากที่จะรับน้องไปเลี้ยงก็สามารถติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Suriya Charoenphol

น้ำตาตกใน มีเจ้าของแต่กลับถูกล่ามเชือกยาวแม้ไม่พอนอน ไร้น้ำไร้อาหารต้องอยู่ด้วยความทนทุกข์และเจ็บปวด

เพราะด้วยหัวใจของมนุษย์เรานั้นมีความอ่อนโยนแตกต่างกัน ด้วยการเลี้ยงดูหรือสิ่งที่ถูกปลูกฝังเมื่อที่ได้เติบโตมาทำให้หลายๆคนนั้นมีหัวใจที่มีความเมตตาต่อสัตว์ แต่ในบางรายกลับไร้ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ด้วยทั้งนี้จึงทำให้สัตว์เลี้ยงบางตัวที่เกิดมาเป็นสุนัขหรือแมวพันธุ์นั้นต้องอยู่อย่างทนทุกข์ เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Clouseau Puttiporn ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าตูบสองรายนี้ที่ถูกจับล่ามเอาไว้ภายในบ้านหลังนี้ซึ่งน้องเองเป็นสุนัขพันธุ์แต่กลับเหมือนไม่ถูกเลี้ยงดูเลยสักนิด ด้วยความที่เชือกที่ล่ามน้องนั้นสั้นทำไม่ได้แม้แต่จะลงไปนอนกับพื้นจึงต้องนั่งอยู่แบบนั้นตลอด โดยไม่รู้เลยว่าพวกน้องๆนั้นต้องใช้ชีวิตด้วยความยากลำบากมากมายชนาดไหน ซึ่งเมื่อผู้โพสต์นั้นได้ไปพบเข้าน้องมีอาการสั่นและหอบไม่มีน้ำไร้แม้อาหารที่ตัวได้รับบาดเจ็บและผอมเหลือแต่ผิวหนัง โดยผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นก็มักจะเอาข้าวเอาน้ำไปให้น้องกินอยู่บ่อยๆเพราะเห็นแล้วก็อดที่จะสงสารน้องไม่ได้ และในตอนแรกเองทางผู้เป็นเจ้าของสุนัขทั้งสองตัวก็ไม่ยอมที่จะมอบสุนัขทั้งสองตัวนี้ให้กับทางผู้โพสต์ ซึ่งผู้โพสต์ก็ได้พยายามที่จะอ้อนวอนเพื่อที่จะขอให้ได้น้องออกมา ด้วยเห็นว่าถ้าน้องต้องทนอยู่ในสภาพแบบนี้ต่อไปน้องๆคงจะอยู่รอดไปได้อีกไม่นอน ด้วยชีวิตที่ต้องทนทุกข์เขาจึงพยายามที่จะเจรจาจนในที่สุดก็ได้สุนัขออกมาแค่ 1 ตัวและเลือกที่จะต่อรองจนเจ้าของยอมใจอ่อนและก็มอบสุนัขทั้งคู่ให้กับผู้โพสต์ ซึ่งเมื่อได้เข้าไปช่วยเหลือแล้วน้ำตาร่วงเลยจริงๆเพราะพวกเขานั้นทำผิดอะไรจึงได้เอาพวกเขามาทรมานเอาไว้แบบนี้ และก็อยากทีจะฝากเพื่อนๆเอาไว้ด้วยว่าหากคิดจะเลี้ยงต้องมั่นใจว่าจะรับผิดชอบกับชีวิตที่เลือกมาจนสุดสิ้นลมหายใจเพราะถ้าเอามาแล้วพวกเขาต้องอยู่อย่างยากลำบากก็ควรที่จะเลือกอย่าเอามาเลี้ยงเลยจะดีกว่า ขอขอบคุณข้อมูลจาก Clouseau Puttiporn และชมคลิปตอนเข้าช่วยเหลือน้อง https://www.facebook.com/clouseau.clouseau.37/videos/900951340379401/

เผยร่องรอยกระดูกของพี่เตี้ย แม้ตัวจะจากแต่ยังคงทิ้งร่องรอยการกระทำของมนุษย์

เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Pimabsorn Ruxnark ได้เผยเรื่องราวหลังเธอนั้นได้เข้าไปเยี่ยมพี่เตี้ยถึงที่พิพิธภัณฑ์ โดยก่อนหน้านี้พี้เตี้ยถูกคนปองร้ายเอาชีวิต และหลายคนตั้งข้อสังเกตต่างๆนาๆว่าน้องคงไม่ได้ถูกรถชน แต่พอตรวจสอบดูแล้วจากโครงกระดูกพบว่าน้องมีร่องรอยมากมายที่เขาหมายปองจะเอาชีวิต . โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า สวัสดีค่า วันนี้เราได้ไปเยี่ยมพี่เตี้ยมาแล้วนะคะ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จัดดีมากค่ะ พี่เตี้ยเด่นสง่าอยู่ท่ามกลางเพื่อนๆสัตว์ต่างๆหลากหลายชนิดเลย เป็นเกียรติแก่พี่มากค่ะ ตอนอยู่ก็สร้างความน่ารักความสดใสให้กับคนอื่น ตอนจากไปร่างของพี่ก็ยังให้ความรู้กับคนอื่นๆได้อีกด้วย สำหรับท่านใดอยากมาหาพี่เตี้ยแบบเรา มาหาได้ที่ พิพิธภัณฑ์กายวิภาคและพยาธิวิทยาทางสัตวแพทย์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ค่ะ ถ้าอยากเห็นพี่เตี้ยเราเองก็สามารถไปหาพี่เตี้ยได้นะ ด้านชาวเน็ตหลังได้รับชมต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นพร้อมกล่าวว่า ตอนที่พี่เตี้ยยังมีชีวิตอยู่​ พี่ก้อสร้างความสุขให้กับผู้คน​ ยามพี่เตี้ยจากไป​ พี่ก็ยังคงสร้างความทรงจำดีๆไว้อีก...

สาววานบอกแมว หวังให้น้องช่วยจับตุ๊กแกให้ ถ้าจับได้จะให้กินปลาทู เช้าวันรุ่งขึ้นกลับต้องเสียค่าปลาทูให้น้อง

หากว่าเพื่อนๆที่ได้เลี้ยงเจ้าเหมียวหรือน้องแมวแล้วก็คงจะรู้ดีว่าในความเป็นจริงแล้วแมวนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดมากกว่าสุนัข แต่ด้วยโดยส่วนใหญ่แมวนั้นจะไม่ชอบแสดงออกมาว่าตนนั้นรู้เรื่องรู้ราวเหมือนกับสุนัขนั้นเอง ซึ่งที่น่าทึ่งยิ่งไปกว่านั้นคือแมวนั้นรู้ภาษาคนและฟังพวกเรารู้เรื่องด้วย เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Thammaporn Phokhakul ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวรายนี้ หลังจากที่บ้านของเขานั้นได้มีตุ๊กแกมาอาศัยอยู่เมื่อนานมาแล้วแต่ทว่าเมื่อมันเติบโตขึ้นกลับสร้างความลำคานและน่ากลัวให้กับคนในบ้าน เขาจึงได้เสาะหาวิธีเพื่อที่จะหาคนมาจับเจ้าตุ๊กแกตอนนี้ออกไป แต่ทว่าเมื่อเขานั้นได้ตามคนงานเพื่อที่จะให้มาช่วยจับตุ๊กแกแล้ว เจ้าตุ๊กแกเจ้ากรรมก็กลับหลบหนีเข้าไปอยู่ในซอกที่คนงานนั้นไม่สามารถที่จะจับได้ จนเขาได้ถอดใจและได้ให้คนงานนั้นกลับไป แต่ทว่าก็ได้เดินผ่านเจ้าเหมียวพอดี ซึ่งน้องนั้นเป็นแมวที่อาศัยอยู่ที่โรงงานตรงกันข้ามของบ้านของผู้โพสต์ ผู้โพสต์จึงได้บอกกับน้องว่าให้ช่วยไปจับตุ๊กแกให้หน่อย ถ้าจับได้จะซื้อปลาทูมาให้กิน และเวลาก็ผ่านล่วงเลยไปจนวันรุ่งขึ้นเขานั้นกลับมาบ้านในตอนตี 1 และก็ได้ยินเสียงของกระดิ่งที่ดังไปรอบๆบ้าน และยังนึกว่าแมวหรือป่าวนะแต่ปกติเจ้าเหมียวนั้นจะอาศัยอยู่แต่ในโรงงานน้อยมากที่น้องจะมาที่บ้าน ซึ่งพอตื่นเช้ามาวันนี้เขานั้นกลับได้พบซากตุ๊กแกนอนอยู่ที่หน้าประตูของสวน พร้อมร่องรอยของเจ้าเหมียวบนตัวของตุ๊กแกตัวนั้น ซึ่งที่แปลกใจก็คือตุ๊กแกตัวนี้จะอาศัยอยู่ที่หลังบ้านแต่นี่ซากของมันกลับโผล่มาอยู่ที่หน้าบ้านและนั่นก็คือคนละฝั่งกันเลยเหมือนว่าน้องจะพยายามที่จะเอามาโชว์ให้เห็นจนต้องเสียปลาทูไปตามสัญญา ขอขอบคุณข้อมูลจาก Thammaporn Phokhakul

น้ำตาซึมหลังแม่เอาแมวใหม่มาเลี้ยง แอบไปนอนร้องหลบมุมห้อง เพราะด้วยความน้อยใจคิดว่าแม่รักน้องมากกว่า

เพราะสิ่งมีชีวิตต่างๆบนโลกใบนี้นั้นล้วนแต่มีหัวจิตหัวใจกันด้วยทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆหรือสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ต่างก็ล้วนแต่มีความรู้สึกในขณะเดียวกัน ยิ่งสัตว์ที่เราคิดว่าพวกเขานั้นมักจะไม่ค่อยสนใจโลกนักอย่างเช่นเจ้าเหมียวเองก็มีความรู้สึกไม่ต่างกัน เชกเช่นเดียวกับเจ้าเหมียวรายนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า  Chiranan Suran ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวสุดที่รักรายนี้มาโพสต์ลงในกลุ่มทาสแมว หลังจากที่เธอนั้นได้นำเจ้าเหมียวตัวใหม่มาเลี้ยงเพิ่ม แต่น้องกลับเข้ากันไม่ได้กับตัวเก่าที่อยู่มาก่อน ซึ่งเจ้าเหมียวตัวนี้นั้นมีการขู่น้องตลอดเวลาเลย แล้วพอเมื่อเธอนั้นได้อุ้มแมวใหม่ขึ้นมา แล้วอุ้มผลัดกันอุ้มตัวเก่าขึ้นมานางก็จะโวยวายลั่นบ้านเหมือนกับว่าไม่พอใจและไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก แถมไม่เข้าหาผู้เป็นเจ้าของรายนี้อีกเลยด้วยซ้ำ และยังมีอาการซึมตามมาเป็นระยะ และน้ำตาซึมหน่อยๆอีกด้วย เหมือนกับว่ากำลังน้อยใจที่แม่ไปเอาน้องใหม่มาเลี้ยงโดยที่ไม่บอกหรือไม่ก็อาจจะกลัวที่จะได้ความรักลดน้อยลงไปหรือจะเรียกว่างอนก็ว่าได้ เพราะมีอาการไปนอนแอบน้อยใจอยู่คนเดียว โดยผู้โพสต์จึงได้นำเรื่องราวนี้มาโพสต์ลงในกลุ่ม เพื่อที่จะขอคำปรึกษากับเพื่อนๆว่าควรจะทำยังไงกับเจ้าเหมียวดีเพื่อที่จะให้เขานั้นได้อยู่ด้วยกันได้ โดยได้มีเพื่อนๆในโลกออนไลน์คนนึงได้โพสต์บอกอีกด้วยว่า ต้องสนใจและให้ความสำคัญกับเจ้าเหมียวตัวเก่าก่อนเพราะเค้ากำลังน้อยใจเมื่อได้เห็นน้องใหม่และอย่าเพิ่งไปเล่นกับเจ้าตัวใหม่มากเพื่อที่จะให้เขาได้รู้ว่าเรานั้นยังรักเขาเหมือนเดิม ขอขอบคุณข้อมูลจาก Chiranan Suran