พยายามลุกขึ้นยืนสู้แม้ร่างกายจะเจ็บหนักจนยืนแทบไม่ไหว แต่เพราะเป็นแค่จรจึงต้องช่วยเหลือตัวเอง

หากในวันนี้เพื่อนๆคิดว่าตัวเองไม่มีใครอยากให้ลองมองดูรอบๆตัวหรือสิ่งมีชีวิตเล็กๆเหล่านี้ที่พวกเขานั้นไม่มีใครเลยจริงๆแม้สักคนเดียว เพราะด้วยชีวิตที่เกิดมาเป็นแค่เพียงสัตว์จรไร้ญาติขาดมิตรไม่เหมือนกับมนุษย์ที่อย่างน้อยๆก็ยังไม่สามารถที่จะตัดกันขาดได้ แต่ด้วยความเป็นสัตว์เล็กจะให้ไปร้องบอกใครเขาก็คงจะไม่มีใครฟัง เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า สราวุธ ตรีประพันธ์กิจ หลังจากที่พบน้องถูกรถชนเข้าอย่างจังแต่ทว่าน้องก็ยังคงพยายามต่อสู้เพื่อที่จะยื้อชีวิตของตัวเองด้วยการลุกขึ้นยืนเดินหลายครั้ง ราวกับว่ายังอยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อเขาจึงได้มาโพสต์ลงในแฟนเพจ Thai Love Animal ช่วยสัตว์ สุนัขและแมวจรจัด เพื่อที่จะร้องขอความช่วยเหลือ ซึ่งน้องนั้นถูกชนเข้าแถว พิกัดเส้นถนนกาญจนา ตรงดีทัวร์ตรงหน้าคลาดรถตลาดรถยนต์ดีชัวร์ ซึ่งเขาได้ขอความช่วยเหลือมาโดยด่วนเพรา่ะตัวผู้โพสต์เองได้จอดรถกันเอาไว้เพื่อที่จะไม่ให้น้องโดนรถชนซ้ำสองอีกครั้ง เพราะด้วยความที่ยังอยากจะมีชีวิตจึงต้องดิ้นรนตะเกียดตะกายเพื่อที่จะเอาชีวิตรอด โดยเป็นภาพที่บาดตาบาดใจของคนรักแมวเป็นอย่างมาก ด้วยเป็นเพียงแค่สัตว์ตัวเล็กๆจะไปร้องบอกใครๆเขาให้ช่วยเหลือก็คงไม่มี แต่ก็ยังโชคดีที่เจอคนใจดีรายนี้จอดรถและลงมาช่วยเอาไว้ ซึ่งในเวลาต่อมาน้องก็ได้มีคนเข้าช่วยเหลือและรับเคสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทางคุณหมอก็ได้แจ้งว่าน้องทีอาการบาดเจ็บรุนแรงและต้องแอดมิทเพื่อทำการรักษาและก็คงต้องดูอาการกันต่อไปซึ่งหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะรับน้องไปเลี้ยงหรือติดตามเรื่องราวของน้องต่อก็สามาถติดตามไปที่พี่คนที่รักเคส Jesika Sika Sitthiket คนนี้ได้เลยนะคะ...

เคยมีเจ้าของแต่ถูกนำมาเทไว้ จึงต้องแอบอาศัยในศูนย์เด็กเล็ก ไม่วายยังโดนมนุษย์แอบเอาน้ำร้อนราดทุกวี่วัน

เพราะด้วยชีวิตที่เลือกเกิดมาไม่ได้ทำให้ต้องต่อสู้และดิ้นรนเพื่อที่จะสู้ชีวิตให้มีชีวิตรอดไปในแต่ละวัน ซ้ำเป็นสัตว์ที่ไม่สามารถจะพูดหรือบอกใครเขาได้ว่าตนโดนอะไรมา จึงได้แต่ก้มหน้ารับกรรมที่โดนกระทำจากน้ำมือของมนุษย์ เพราะหนูไม่สามารถจะไปฟ้องหรือบอกใครเขา เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้โดยเมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า ฐานิตย์ บุญณะ ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวรายนี้หลังจากที่เดิมทีแมวตัวนี้อาศัยอยู่ที่ศูนย์เด็กเล็กที่มีคนนำมาเทไว้ เธอจึงได้นำอาหารไปให้กับน้องในทุกวันซึ่งบางทีก็ฝากเพื่อนเอาไปให้ ด้วยที่ได้พาน้องไปทำหมันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ทว่าเจ้าเหมียวกลับหายตัวไปจนเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้วจนมาในวันนี้โรงเรียนแห่งนี้ได้เปิดเทอมเป็นวันแรก ซึ่งพอน้องได้ยินเสียงรถของเธอน้องๆก็ออกมาให้เห็นด้วยความหวาดระแวงอยู่แค่แว๊บเดียว ด้วยสภาพที่เธอได้เห็นน้องเหมือนกับโดนเอาน้ำร้อนราดใส่มา เพราะเพื่อนของเธอนั้นได้บอกว่า ก่อนหน้านี้ก็ได้เอาอาหารมาให้กับน้องๆและเห็นน้องตัวเปียกทุกวันเลย จึงคิดว่าน่าจะถูกคนใจร้ายแอบกระทำน้องเข้าแน่นอน ซึ่งในตอนนี้น้องก็มีแผลและเริ่มส่งกลิ่น ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าใครได้แอบมาทำน้องเขาเพราะด้วยน้องไม่ได้มีบ้านอยู่เป็นหลักแหล่ง จึงอยากที่จะหาบ้านที่อบอุ่นให้กับน้องได้อยู่ซึ่งพวกเด็กๆนั้นมีกันอยู่หลายตัวและสภาพแต่ละตัวก็น่ารักๆทั้งนั้นแต่ด้วยการหาบ้านที่ยากเย็นจึงไม่มีใครรับน้องไปเลี้ยงอย่างเป็นจิจะลักษณะ โดยทั้งนี้เองหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะรับน้องไปเลี้ยงก็สามารถติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์เลยนะคะ และก็อยากจะฝากเพื่อนๆเอาไว้ว่าหากไม่รักไม่ชอบพวกเขาก็อย่าไปรังแกพวกเขาเลยพวกเขาก็มีหัวใจและเจ็บได้ไม่ต่างจากคนและยิ่งการทำแบบนี้เวรกรรมมันจะตามทันเอานะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก ฐานิตย์ บุญณะ และชมคลิป https://www.facebook.com/100009074856576/videos/2536179233361214/

ยอมอดให้ลูกอิ่มแม้ตนจะผอมแห้งไร้แม้เรี่ยวแรงจะเดิน แต่ก็ยังคงหาอาหารมาให้ลูกไม่ขาด

หากจะบอกหรือพูดถึงหัวอกคนเป็นแม่แล้วเชื่อว่าทุกคนนั้นก็จะเข้าใจความหมายของคำๆนี้กันดีแน่ เพราะด้วยมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตทุกๆอย่างบนโลกใบนี้ล้วนแต่เกิดมามีผู้เป็นแม่ที่คอยดูแลและปกป้องยามที่ลูกต้องการความช่วยเหลือ และด้วยความรักความห่วงใยนี้แม้ตัวจะต้องยากลำบากแค่ไหนแม่ก็ยอมได้ เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Aek Tanathon ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าตูบแม่ลูกอ่อนตัวนี้หลังจากที่เขานั้นได้พบน้องอยู่ในระหว่างทางที่เขาจะต้องำแทำงานในเวลา 8.00น. ซึ่งน้องได้กำลังเดินหาอาหารด้วยสภาพร่างกายที่หิวโหย บนถนนสายบายพาสหลังโรงงานห้องเย็นควนปริง จังหวัดตรัง ซึ่งแม่ตูบนั้นก็ได้เดินตามหาอาหารให้กับลูกน้อยที่กำลังหิว ซึ่งในบริเวณถนนดังกล่าวนั้นก็มีรถสัญจรไปมาเป็นอย่างมาก เขาจึงได้จอดรถและนำอาหารเม็ดที่ติดมาด้วยในรถลงไปให้กับแม่หมา โดยเขาได้เล่าอีกว่าเป็นภาพที่น่าจดจำมากๆ เพราะเมื่อเขาได้เอาอาหารไปให้กับแม่หมาแล้วเจ้าตูบตัวน้อยก็ดูดนมแม่อย่างไม่ห่าง และที่น่าจดจำมากกว่านั้นคือสภาพของเจ้าสุนัขตัวน้อยไม่ได้ผอมลงเลยมีแต่เพียงผู้เป็นแม่เท่านั้นที่ผอมแห้งไร้แม้เรียวแรงจะยืน เพราะด้วยหัวอกแม่ก็คงจะหาอาหารและให้ลูกได้กินอิ่มตลอด แม้ว่าตัวจะอดก็คงจะไม่เป็นอะไรแต่ก็ขอเพียงแค่ให้ลูกได้กินอิ่มนอนหลับเพียงเท่านั้น ซึ่งหลังจากเรื่องราวนี้ได้ถูกเผยแพร่ออกไปยังกลุ่ม ชมรมคนเลี้ยงหมาแมวจังหวัดตรัง ก็ได้มีผู้คนใจดีรับอาสารับน้องไปเลี้ยงแล้วแต่ทว่าก็น่าเสียใจที่แม่ลูกไม่ได้อยู่ด้วยกันเพราะด้วยคนที่รับเลี้ยงไม่สามารถที่จะดูแลได้ทั้งคู่ แต่ทั้งนี้พวกน้องๆก็จะได้อยู่กับแบบไม่ต้องอดอีกต่อไป ขอขอบคุณข้อมูลจาก Aek Tanathon

ผูกถุงปุ๋ยมัดปากนำมาเทไว้ คนงานโยนเข้าเครื่องอัดขยะ ได้ยินเสียงร้องหวิดไม่รอดยกครัว

เพราะยังมีอีกหลายๆชีวิตนั้นต้องดิ้นรนเพื่อที่จะต่อสู้ชีวิตจริงๆ เรียกได้ว่าต่อสู้ยิ่งกว่ามนุษย์อย่างเราๆเสียอีกเพราะพวกสัตว์ตัวน้อยๆเหล่านี้ต้องต่อสู้เพื่อให้มีชีวิตรอดในแต่ละวันไม่ใช่เพียงแค่ปากท้องให้ได้อิ่ม แต่นี่หมายถึงชีวิต ด้วยไม่มีปากมีเสียงเหมือนใครๆ จึงต้องก้มหน้าก้มตารับกรรมต่อสิ่งที่ได้เจอ เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า ‎Aroonrung Jaiklom‎ ได้นำเรื่องราวมาโพสต์บอกเล่าหลังจากที่เขาได้พบน้องถูกนำมาเทเอาไว้ด้วยการนำใส่ถุงปุ๋ยและมัดปากมาวางกองไว้รวมกับขยะ โดยที่คนงานที่โรงงานนั้นก็ไม่รู้ว่าในนั้นคืออะไรจึงคิดว่าเป็นขยะปกติ และเมื่อคนงานกำลังจะจับโยนใส่เครื่องอัดขยะกลับได้ยินเสียงร้อง จึงได้เปิดดูกลับพบเป็นแมวตัวน้อยๆยกครอบครัว โดยในนั้นมีแม่ 1 ลูกอีก 2 อายุเพียงแค่ประมาณ 1.5 เดือน ซึ่งในตอนนี้ทางคนงานเองก็ได้ทำการเลี้ยงน้องไว้ชั่วคราวแล้ว เธอจึงได้นำเรื่องราวมาโพสต์ลงในแฟนเพจ มูลนิธิรักษ์แมวปันน้ำใจให้แมวจร เพื่อที่ต้องการจะหาบ้านที่อยู่เป็นหลักแหล่งให้กับน้องๆ โดยพิกัดที่ได้ลงเอาไว้คือที่ สุขุมวิท 101 กรุงเทพมหานคร...

ผิดที่วิ่งตัดหน้ารถ แต่ชนที่ท่ายางกลับเอาไปปล่อยให้สิ้นใจข้างถังขยะที่ชะอำ เพราะเห็นว่าเป็นแค่หมาจร

เพราะชีวิตที่เลือกเกิดมาไม่ได้ทำให้หลายๆชีวีตต้องเกิดมาดิ้นรนต่อสิ่งที่ตนนั้นได้เจอ ยิ่งถ้าเกิดมาเป็นสุนัขจรที่บางคนเห็นว่าเป็นเพราะสัตว์ตัวหนึ่งที่ไร้ค่าไร้ราคาทำเหมือนแม้กับไร้ชีวิต จึงไม่มองเห็นคุณค่าในการมีชีวิตที่ยากลำบากหรือผ่านไปได้ในแต่ละวัน โดยเมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Oranuch Nuch Banyam ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าตูบจรตัวนี้หลังจากที่พบน้องถูกนำไปปล่อยเอาไว้ให้สิ้นลม โดยผู้โพสต์รายหนึ่งได้บอกว่าตนได้ชนสุนัขตัวนี้หลังจากที่เขานั้นตั้งใจไปทำบุญให้อาหารสัตว์ แต่ทว่าสุนัขตัวนี้กลับวิ่งตัดหน้ารถ แต่คนนั้นกลับไม่เป็นอะไรแต่สุนัขนั้นไม่น่ารอด แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับมีผู้ใช้เฟสบุ๊คอีกรายพบน้องถูกนำมาไปปล่อยไว้อีกอำเภอซึ่งน้องก็ยังคงมีชีวิตอยู่ ด้วยสภาพหายใจรวยรินราวกับกำลังจะสิ้นใจ เหมือนกับว่าน้องจะถูกนำมาปล่อยให้สิ้นใจไปเอง โดยผู้โพสต์รายนี้จึงได้นำเรื่องราวมาโพสต์ลงในโลกออนไลน์เพื่อเตือนเพื่อนๆที่ได้ใช้รถใช้ถนนให้มีสติให้มาก อีกทั้งการทำบุญแล้วมาพบเจอสุนัขถูกชนแบบนี้ก็ควรที่จะพาน้องไปหาหมอ ไม่ใช่นำมาปล่อยไว้อีกที่แบบนี้ ซึ่งน้องก็ได้แต่นอนรอด้วยหวังว่าจะมีใครสักคนช่วยเหลือ ซึ่งหลังจากที่เรื่องราวได้เผยแพร่ออกไปผู้โพสต์ก็ได้ตัดสินใจนำน้องไปหาหมอเพื่อที่จะรักษา และก็ยังคงโชคดีที่ยังทันเวลาแต่ทว่าหลังจากการรักษาคุณหมอก็ได้แจ้งข่าวร้ายว่าน้องอาจจะต้องพิการไปตลอดชีวิต เนื่องจากบาดแผลที่น้องได้รับนั้นสาหัสเกินที่จะเยียวยา โดยหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะติดตามเรื่องราวเพิ่มเติมก็สามารถติดตามไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Oranuch Nuch Banyam

ติดอยู่ในท่อระบายน้ำวิ่งหาทางออกเอาชีวิตรอด ด้วยสภาพเนื้อตัวผอมแห้งไร้เรี่ยวแรงเพราะไม่มีอะไรตกถึงท้อง

เพราะด้วยชีวิตที่เกิดมาเป็นสัตว์จรนั้นแสนจะยากลำบาก จะมีใครเขาเห็นค่าในเมื่อเกิดมาเป็นเพียงแค่สุนัขตัวหนึ่งที่ต้องทนอยู่ข้างถนน ยิ่งเวลาที่ตกทุกข์ได้ยากยิ่งแสนยากเย็นไหนจะต้องพบเจอกับคนที่เขาไม่ชอบหรือถูกเขาขับไล่ไสส่งต้องทนใช้ชีวิตอยู่อย่างไร เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า ทวน มานพ ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าตูบสองตัวนี้ลงในกลุ่ม ชมรมคนรักสุนัขจังหวัดระยอง หลังจากที่เขาได้พบน้องติดอยู่ในท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ที่มีความสูงกว่า 2 เมตรและแน่นอนว่าน้องๆไม่สามารถที่จะขึ้นมาได้ด้วยตัวเองแน่ๆ ด้วยการคาดการณ์ว่าน้องน่าจะติดมาแล้วหลายวันเพราะด้วยสภาพที่ผอมโซแถมสภาพอาการในบ้านเราในตอนนี้นั้นก็มีฝนตกหนักและน้ำที่ไหลแรงมากๆและก็ไม่รู้ว่าน้องๆทนอยู่กันได้อย่างไรแถมผอมแบบนี้จะมีชีวิตหรือลมหายใจต่อไปได้อีกกี่วัน โดยทางผู้โพสต์เองจึงได้นำเรื่องราวนี้มาขอความช่วยเหลือลงในกลุ่มดังกล่าวเพื่อว่าจะมีใครที่พอจะสามารถช่วยน้องๆขึ้นมาได้บ้างและได้ระบุพิกัดเอาไว้ที่ นิคมพัฒนา ในจัวหวัดระยอง เพราะหากปล่อยเอาไว้ไม่รู้ว่าพวกเขานั้นต้องเจอกับอะไรบ้างถ้าฝนตกหนัก ด้วยสภาพที่ท่อระบายน้ำแห่งนี้ค่อนข้างจะลึกและเมื่อฝนตกเยอะน้ำก็คงจะขึ้นมาสูงจนพวกน้องๆคงจะต้องลอยคอขึ้นมา ไหนจะการที่ต้องอยู่ในน้ำเป็นเวลานานก็อาจจะทำให้ผิวหนังของน้องเกิดการอักเสบเพราะน้ำกัดได้อีกด้วย จึงอยากวอนหน่วยงานใดๆที่พอจะช่วยน้องได้ช่วยเหลือน้องที ขอขอบคุณข้อมูลจาก ทวน มานพ

สาวสุดจะทน หลังเห็นหัวหน้าพูดจาด่าทอเพราะเธอให้ข้าวแมวจร เธอจึงตอกกลับทำหัวหน้าถึงกับเงิบ

เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Natthamon Charoen‎ ได้เผยเรื่องราวของน้องแมวจรสีดำตัวหนึ่ง น้องเป็นแมวจรตัวผอมที่มาขออาศัยอยู่ที่สำนักงานที่เธอนั้นได้ทำงานอยู่ แต่ในขณะที่เธอกำลังให้อาหารน้องอยู่ จู่ๆเจ้านายของเธอกลับพูดและด่าเธอด้วยถ้อยคำที่รุนแรง . โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า น้องโดนเจ้าของเทเพียงแค่น้องเป็นสีดำค่ะ น้องหลงมาอยู่ที่ทำงานตัวผอมมากๆแล้วขนก็แหว่งๆ เราเลยเอาอาหารให้น้องกิน แต่จู่ๆก็โดนหัวหน้าด่าคือเรางงมาก เราไม่สนใจเลยว่าเลี้ยงแมวดำมันไม่ดีกับคนรอบข้างหรืออย่างไร ว่าแบบนั้นแบบนี้ เราสนใจแค่ว่ามันจะอดจะโดนรถชนมากกว่า เราเอาขึ้นรถกลับบ้านในทันทีเลยค่ะให้หัวหน้ารู้ด้วย มึงไม่ให้กูให้อาหารกูก็จะเอาไปเลี้ยงเอง เก็บมาเลี้ยงเอามาดูแลแล้วจะเลี้ยงเขาให้ดีที่สุด น้องเป็นสมาชิกตัวที่2ของบ้านแล้ว ไอแอมสำลี ตอนนี้ขนของนางดำเงามาก รักต้าวอ้วง ล่าสุดเราก็ถูกหวยอะคะเชิดใส่ด้วยเบาๆ ด้านชาวเน็ตหลังได้รับชมเรื่องราวต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็น พร้อมกล่าวว่าความเชื่อผิดๆแบบนี้ยังอยู่ในสังคมไทยอีกหรือทำไมยังเชื่อเรื่องพวกนี้อีก บ้างก็บอกว่าบ้านนี้ก็เลี้ยงแมวดำเหมือนกันจ้า...

ติดอยู่ในบ้านไร้คนอยู่มา 3 วัน ไม่มีแม้น้ำหรืออาหารจะตกถึงท้อง ได้แต่ส่งเสียงร้องแผ่วเบาลงทุกวัน

อาจจะมีหลายคนที่น้อยนิดที่จะคิดว่าชีวิตตัวน้อยๆก็มีค่า ยิ่งถ้าไม่เคยได้สัมผัสกับการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงความเมตตาต่างๆต่อสิ่งมีชีวิตร่วมโลกก็น้อยลง เพราะชีวิตที่ได้เกิดมาไม่ได้มีใครต้องการต้องอยู่ต้องอาศัยแบบตามมีตามเกิดเวลาเดือดร้อนหรือจะให้ใครเขาช่วยเหลือก็ไม่มีปากมีเสียงจะไปร้องบอกใครเขา เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Santhiti Viyagun ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวรายนี้หหลังจากที่พบน้องติดอยู่ในบ้านที่ไม่มีผู้คนอยู่มาได้สามวันแล้ว ซึ่งทางตัวเขาเองก็เป็นห่วงว่าน้องจะต้องอดจนสิ้นใจเพราะไม่มีอะไรได้ตกถึงท้องเลยแม้แต่น้อย ซึ่งทางตัวเขาเองก็ได้พยายามที่ขอความช่วยเหลือเพื่อบ้านดูแล้ว แต่ทว่าก็ไม่มีใครที่จะสามารถติดต่อกับทางผู้เป็นเจ้าของบ้านรายนี้ได้เลยสักคน โดยทางตัวเขาเองก็ได้นำเรื่องราวของเจ้าเหมียวเพื่อหวังว่าใครจะพอมีทางแนะนำวิธีช่วยเหลือน้องให้ก็สามารถทักเข้าไปหาเขาได้ตลอด และทางตัวผู้โพสต์เองก็ยังได้เล่าอีกว่าในวันแรกๆน้องก็ส่งเสียงร้องเพื่อที่จะขอความช่วยเหลือ แต่ในวันนี้เป็นวันที่ 3 แล้วที่น้องเริ่มจะร้องแผ่วเบาขึ้นราวกับว่าไม่ค่อยจะมีเสียงเพื่อที่จะส่งเสียงร้องเพื่อขอความช่วยเหลือแล้ว จึงอยากวอนหน่วยงานใดๆที่พอจะช่วยเหลือชีวิตน้อยๆของนี่ได้บ้างก็อยากให้ช่วยที ซึ่งหลังจากที่ผู้โพสต์ได้โพสต์ขอความช่วยเหลือลงไปในโลบออนไลน์ก็ได้มีเพื่อนๆในโลกออนไลน์ได้แนะนำให้หย่่อนน้ำกับอาหารลงไปให้น้องก่อน พร้อมกับทำผ้าหย่อนลงไปเพื่อให้น้องปีนขึ้นมาได้ซึ่งทางผู้โพสต์ก็ได้บอกว่าจะลองทำดูแต่ถ้่าหากมันไม่เวิร์กก็จะพยายามหาทางต่อไป โดยหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะติดตามเรื่องราวเพิ่มเติมก็สามารถติดตามไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Santhiti Viyagun 

หนุ่มต่างด้าวจับแมวใส่กระสอบ อ้อนวอนขอให้หมอช่วยรักษาหลังพบน้องถูกรถชนต่อหน้า แม้ตัวจะมีเงินติดตัวเพียง1พัน

เพราะด้วยความอ่อนโยนของจิตใจของคนนั้นวัดกันที่ภาพนอกไม่ได้จริงๆ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คแฟนเพจที่ใช้ชื่อว่า Poetry of Bitch ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของชายหนุ่มรายนี้ที่มีชื่อว่า บุญเที่ยง ซึ่งบุญเที่ยงนั้นเป็นคนงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานอยู่ในประเทศไทย ด้วยงานที่บุญเที่ยงได้ทำนั้นได้ค่าแรงขั้นต่ำชั่วโมงละ 25 บาท ทำวันละ 12 ชั่วโมงตกวันละ 300 บาท ซึ่งเมื่อวานนี้ 28 มิ.ย. 63 ในขณะที่บุญเที่ยงได้กำลังปั่นจักรยานอยู่นั้น เขาก็ได้เห็นแมวตัวหนึ่งได้ถูกรถชนต่อหน้าต่อตา บุญเที่ยงรีบทิ้งจักรยานคู่ใจแล้วตรงเข้าไปช่วยเหลือเจ้าเหมียวตัวนั้น แต่ทว่าเจ้าเหมียวนั้นอาการไม่ดีนัก เจ้าเหมียวได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสบุญเที่ยงจึงตัดสินใจเอาน้องแมวใส่กระสอบและรีบเรียกแท๊กซี่พาน้องไปหาหมอในทันที โดยบุญเที่ยงได้ตัดสินใจแวะที่คลีนิกรักษาสัตว์แห่งหนึ่ง...

ชีวิตที่ไม่มีทางเลือก ต้องยอมให้ลูกอดและอยู่โดดเดี่ยวเพราะตัวแม่นั้นต้องหนีหมาหวังพรากชีวิต

เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2563 ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Khwan Sirikhwan ได้เผยเรื่องราวหลังเธอนั้นได้พบเจอกับครอบครัวแม่แมวสามสีตัวหนึ่ง ที่ต้องระหกระเหินหนีทั้งคนหนีทั้งหมาใหญ่ ต้องคาบลูกน้อยเอาไปซ่อนเพื่อความปลอดภัย แถมเจ้าของโรงงานก็มีคำสั่งให้พาน้องไปอยู่ที่อื่นและสั่งห้ามไม่ให้เอาอาหารให้ . โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า น้องกำลังจะโดนเอาไปปล่อยยกครัว ได้โปรดเมตตาครอบครัวน้องสามสีด้วยนะคะ แม่แมวหนีหมา มาให้กำเนิดลูกที่ใต้ตู้คอนเทนเนอร์ ในฟาร์มไก่ แถมโดนหมาไล่ฟัดมาแล้วรอบนึงแม่แมวต้องปล่อยให้ลูกอดนมกว่า 3 - 4 วัน แต่ตอนนี้แม่แมวกลับมาแล้ว เด็กๆเริ่มโต ออกมาเดินเล่นได้แล้ว...