สาวทาสแมวกุมขมับ ด้วยวันนี้วันดีได้ฤกษ์ปลูกบ้าน และในขณะที่เขากำลังทำพิธีเจ้าเหมียวก็อยากมีส่วนร่วม
หากเพื่อนๆที่ได้เลี้ยงแมวแล้วก็จะเข้าใจกันดีถึงความอินดี้ที่สุดขั้วของพวกเขา เพราะในความจริงแล้วพวกเขานั้นทั้งฉลาดและแสนรู้แต่ก็อยู่ที่ว่าจะเลือกทำให้พวกเราได้เห็นมากน้อยแค่ไหน ด้วยนิสัยหรือการแสดงออกของแมวนั้นไม่เหมือนกับสุนัข และในบางครั้งมันก็ช่างเกินไปจริงๆ
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า กิตติยา บุญมาก ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวของเธอเองซึ่งในวันนี้วันที่เธอได้ฤกษ์ปลูกบ้านหลังใหม่ ด้วยการที่เราจะปลูกบ้านกันมาตั้งแต่โบร่ำโบราณนั้นก็จะมีพิธีเพื่อที่จะเป็นมิ่งขวัญมงคลแก่บ้านของตน ซึ่งก็แตกต่างกันไปตามภูมิภาคของประเทศไทยเรา
และด้วยการที่จะได้ปลูกบ้านหลังใหม่เราก็จะมีการลงเสาเพื่อที่จะเป็นสิริมงคงแก่บ้านหลังนั้นๆ และในวันนี้เธอเองก็ได้เริ่มที่จะทำพิธีปลูกบ้านตามแบบฉบับของภูมิภาคของบ้านเกิดของเธอเอง แต่ทว่าเจ้าเหมียวสุดแซบของเธอทั้งคู่ก็อยากที่จะมีส่วนร่วมในพิธีกรรมในวันที่สำคัญนี้เช่นเดียวกัน
เพราะในขณะที่เขาได้เริ่มที่จะทำพิธีกรรมอยู่เจ้าเหมียวตัวแสบทั้งคู่ก็ลงไปอยู่ในหลุมที่เขาได้ขุดเอาไว้ลงเสาเอก อย่างหน้าตาที่ขมักเขม้นเพราะเจ้าตัวแสบทั้งคู่นั้นได้ลงไปเจิมเป็นฤกษ์เปิดให้แก่บ้านหลังนี้ ซึ่งด้วยน้องๆได้ลงไปฉี่เอาไว้เป็นที่เรียบร้อยอย่างหน้าตาที่จริงจัง
จนเธออดที่จะขำไม่ไหวและได้ถ่ายรูปเอาไว้นำมาลงยังกลุ่มทาสแมว Offcial พร้อมกับข้อความระบุไว้ด้วยว่า วัดไหนดีมันใช่เรื่องใช่เวลาไหมเนี้ยเขากำลังทำพิธีกันอยู่นะ และด้วยเมื่อเพื่อนๆได้มาเห็นโพสต์ดังกล่าวก็อดขำและแสดงความคิดเห็นกันไม่ไหวเพราะด้วยสีหน้าและท่าทางของเจ้าเหมียวตัวแสบนี้เอง ทั้งนี้ก็อยากจะฝากไว้ว่าหากเพื่อนๆจะลงเสาบ้านก็อยากจะให้ช่วยเก็บแมวให้ดี
ขอขอบคุณข้อมูลจาก กิตติยา บุญมาก
เขาสั่งเอาไว้ว่าถ้าใครให้อาหารพวกหนูจะต้องถูกไล่ออก เพราะด้วยเป็นเพียงจรที่ไร้ค่า
ด้วยหัวอกคนเป็นแม่แล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดก็แค่อยากให้ลูกได้อิ่มท้องนอนหลับสนิทไม่ต้องทุกข์ทนหรือดิ้นรนต่อสู้กับชีวิตมากนัก เพราะด้วยไม่ว่าจะต้องเสียสละหรือต้องทำอย่างไรก็ตามแต่ก็หวังแค่ให้ลูกได้สุขสบายก็เกินพอ แต่ชีวิตนั้นเลือกเกิดมาไม่ได้จึงทำได้เพียงแค่ดิ้นรนเพื่อที่จะให้หลุดพ้นไปในแต่ละวัน
เชกเช่นเดียวกับเรื่องราวนี้เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า กระหล่ำ ผัดไข่ หลังจากที่เธอได้พบเจอน้องแมวครอบครัวนี้ที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ในจังหวัดน่านเมื่อเธอได้ไปเที่ยวยังที่นี้ซึ่งเธอได้บอกไว้ว่าทุกอย่างสำหรับการจัดการเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวดีหมด ยกเว้นแต่เจ้าเหมียวจรครอบครัวนี้
ที่ได้มีคำสั่งเด็ดขาด โดยใครที่ให้อาหารแมวครอบครัวนี้จะถูกไล่ออก ซึ่งที่นี้เองก็มีแมวจรอยู่ค่อนข้างเยอะแต่ละตัวก็น่ารักทั้งนั้น โดยตัวที่เธอได้ถ่ายรูปติดมาอยู่ในจุดชมวิว เห็นครอบครัวนึงมีลูกเล็ก 3 ตัวแอบอาศัยอยู่ในรูและเป็นภาพความสุขสำหรับครอบครัวด้วยแม้จะยากไร้แม้อาหาร
แต่ผู้เป็นแม่เองก็ดิ้นรนทำเพื่อลูกอย่างสุดหัวใจด้วยการปกป้องลูกน้อยและเลี้ยงดูลูกน้อยของเขา เธอจึงได้นำเรื่องราวมาโพสต์เพื่อที่อยากจะให้ใครที่มีเมตตารับพวกน้องๆไปดูแล เพราะการที่ต้องอยู่แบบนี้เท่ากับพวกน้องนั้นต้องอดอยาก อีกทั้งสภาพแวดล้อมในป่าก็เต็มไปด้วยอันตราย
ที่พวกเด็กๆจะต้องได้พบเจอในแต่ละวัน ซึ่งผู้เป็นแม่นั้นก็คอยปกป้องลูกไม่ยอมห่าง เธอจึงได้มาโพสต์เรื่องราวดังกล่าวลงในกลุ่ม รักหมาแมวจร หาบ้านฟรี ด้วยหวังว่าครอบครัวตัวน้อยๆเหล่านี้จะได้บ้านที่อบอุ่น ซึ่งหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะรับน้องๆไปเลี้ยงก็สามารถติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก กระหล่ำ...
เขาเอามาปล่อยไว้ที่โรงเรียนด้วยกลัวจนตัวสั่น ร้องสุดเสียงหาผู้เป็นแม่ ด้วยพวกหนูก็แสนจะกลัวแทบขาดใจ
ด้วยปัญหาที่เรามักจะบอกกับเพื่อนๆเสมอ ว่าด้วยเรื่องของการซึ่งจะนำสัตว์มาเลี้ยงเพราะสิ่งที่ตามมาคือภาระที่เราจะต้องดูแลพวกเขาให้ดี มิเช่นนั้นปัญหาการเลี้ยงในระบบเปิดจนทำให้เกิดเป็นวงจรก็จะตามมาโดยสิ่งที่จะต้องรับกรรมนั้นก็คือสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตน้อยๆที่ได้เกิดมาลืมตาดูโลกเพียงไม่นาน
เชกเช่นเดียวกับเจ้าเหมียวตัวน้อยๆเหล่านี้เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า ยูอิ เปาวลี ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวตัวน้อยๆลงในแฟนเพจ มูลนิธิรักษ์แมว ปันน้ำใจให้แมวจร หลังจากที่เธอนั้นได้พบน้องถูกเอามาปล่อยเอาไว้ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดแพร่
ด้วยเพิ่งจะลืมตาดูโลกได้เพียงไม่นานแต่ก็ต้องถูกเขาพรากแม่ไปจากอก และอยู่กันด้วยความกลัวกกกันตัวสั่นเพราะเพียงตัวเองนั้นก็ยังคงเล็กและเด็กมาก ซึ่งน้องทั้งคู่เป็นแมวพันธุ์ขาวมณีซึ่งเป็นแมวไทยที่ทั้งตัวจะมีสีขาวและในตาเป็นสีฟ้าแต่ก็ยังไม่วายถูกเขาเอามาปล่อยไว้อย่างด้วยไร้แม้ความเมตตา
เธอจึงได้นำมาโพสต์ไว้ยังแฟนเพจดังกล่าวเพื่อที่จะหวังหาบ้านให้กับเด็กๆ ซึ่งเธอเองก็ไม่สามารถที่จะรับน้องๆไว้ดูแลเองได้เนื่องจากเธอนั้นเป็นนักศึกษาฝึกสอน จึงอยากหาคนในพื้นที่ที่พร้อมจะดูแลด้วยเธอก็ยังได้ระบุพิกัดที่พวกน้องๆได้อยู่กันไว้ที่ อำเภอวังขึ้น จังหวัดแพร่
เพราะด้วยหัวอกแม่ก็คงจะถวิลหาร้องเรียกหาลูกในแก้วตาลูกจ๋าลูกอยู่ไหนแม่ยังคงคอย ทั้งนี้ก็อยากจะฝากถึงเพื่อนๆเอาไว้ด้วยว่าหากคิดจะนำพวกเขามาปล่อยเอาไว้แบบนี้ก็อยากจะให้นึกถึงหัวอกเขาหัวอกเราด้วยถ้าเป็นเราคงไม่มีใครอยากจะถูกพรากลูกไปจากอกของตัวแม่เอง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ยูอิ เปาวลี
ต้องทนอยู่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ไร้แม้แรงจะรุกขึ้นยืนหรือจะกินเพื่อมีอยู่ต่อ เพราะด้วยน้ำมือมนุษย์ล้วนๆ
หากเราจะเอ่ยถึงสัตว์ที่เห็นแก่ตัวที่สุดในโลก ก็คงจะหนีจากไหนไปไม่ได้นอกจากมนุษย์เพราะด้วยมนุษย์เรานั้นเป็นสัตว์ที่มีสมองและฉลาดจึงมีความเป็นสัตว์ที่เห็นแก่ตัวมากที่ โดยมักจะคำนึงถึงสิ่งที่มีผลประโยชน์กับตัวเองเพียงเท่านั้นโดยไม่สนใจว่าสิ่งที่ตามมาหรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับสัตว์ชนิดอื่นจะมีมากน้อยเพียงใด
แต่ก็ไม่ใช่กับมนุษย์ทุกคนเสมอไปที่มีแต่ความเห็นแก่ตัวหรือไม่มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คแฟนเพจที่ใช้ชื่อว่า มูลนิธิสันติสุขเพื่อสุนัขและแมวจรจัด ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าตูบสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนอลาสก้าเหล่านี้ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 48 ชีวิต
จากฟาร์มผสมพันธุ์เพื่อที่จะจัดจำหน่าย โดยทิ้งไว้เพียงความปวดร้าวทั้งกายและจิตใจที่ถูกเขาขังเอาไว้เพื่อสนองความอยากได้และความโลภเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินตรา ตามเท่าที่มนุษย์นั้นต้องการกับเสียงร้องที่ไม่มีใครได้ยิน ซึ่งในวันนี้ ป๊อปคอน เป็นสุนัขพ่อพันธุ์ที่หมดสภาพตัวนี้
ที่วันนี้พอจะมีแรงที่จะลุกเดินมีแรงที่จะกินอาหาร จากอาการเจ็บป่วยที่ต้องขาดน้ำขาดอาหารขากการรักษาพยาบาล เพราะด้วยในยามที่เจ็บป่วยก็กลายมาเป็นปัญหาหรือภาระที่ไร้แม้แต่ความเมตตาจะรักษาหรือเยียวยาดูแล โดยในวันนี้น้องก็ได้ฟื้นตัวขึ้นจากอาการเจ็บปวดทั้งกายและใจและเข้มแข็งเพื่อที่จะมีกำลังใจมีชีวิตต่อ
เขาจึงอยากที่จะมาแชร์เรื่องราวของมนุษย์ผู้ที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความเห็นแก่ตัวที่สุดในโลก เพราะแค่เราเห็นสุนัขหรือแมวพันธุ์สวยๆที่ได้มาจากฟารม์ต่างๆแต่ใครเล่าจะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังหรือแม้แต่ความเป็นมาว่าพวกเขานั้นต้องผ่านและต้องพบเจอกับอะไรมา จึงอยากจะฝากเอาไว้สำหรับใครๆที่เห็นสุนัขหรือแมวพันธุ์ดีๆและอยากได้ด้วยเบื้องหลังของพวกเขาอาจจะต้องพบเจอกับเรื่องร้ายๆมากมายเลย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก มูลนิธิสันติสุขเพื่อสุนัขและแมวจรจัด
แอบอาศัยอยู่ที่ใต้บันไดทางเข้า mrt ด้วยวันนี้ยังมีที่อยู่เพราะยังสร้างไม่เสร็จ หิวโซทั้งแม่ลูกแต่ก็ทนอยู่เพราะไม่มีที่ให้ไป
หากในวันนี้ในใจคุณกำลังท้ออยากให้คุณมองออกไปได้เห็นสิ่งมีชีวิตตัวน้อยๆที่อาศัยอยู่ในรอบๆตัวของคุณ ว่าพวกเขานั้นต้องทนทุกข์ทนลำบากที่จะต้องดิ้นรนเพื่อที่จะให้ตนนั้นมีทางสู้ชีวิตมากมายเพียงใด เพราะด้วยชีวิตที่เลือกเกิดมาไม่ได้
เชกเช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Thunyaporn Chotsiripatch ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวหลังจากที่เขานั้นได้พบเจ้าเหมียวครอบครัวนี้ที่เป็นแมวสีสวาด(แม่แมว) และลูกแมวอีก 2 ตัวสีวิเชียรมาศ 1 ตัวและสีดำขาสีขาวใส่ถุงเท้าทั้ง 4 ข้าง
โดยเธอเองก็ไม่ทราบเพศของพวกน้องๆอยากแน่ชัดนัก เพราะไม่สามารถที่จะเข้าไปใกล้ๆได้เนื่องจากมีกรวยล้อมรอบอยู่ ด้วยน้องทั้งสามนั้นน่ารักและสวย แต่ก็น่าจะเพิ่งจะเกิดมาได้ไม่นานนักเพราะเธอก็ไม่เคยได้เห็นน้องๆมาก่อนเลย น้องอาศัยอยู่ที่ใต้บันใดทางเข้า MRT พหลโยธิน
ประตูที่ 4 ซึ่งเป็นทางผ่านที่เธอนั้นได้ไปทำงานอยู่เป็นประจำ อยู่แถวห้างยูเนี่ยนมอล ลาดพร้าว กทม...
ถูกเขาเอามาปล่อยไว้พร้อมกับถ้วยใส่น้ำเปล่า หวาดกลัวจนตัวสั่นได้แต่กอดเสาไฟ ด้วยหวังว่าแม่จ๋าจะกลับมาหาหนูที
เพราะด้วยชีวิตของคนเรานั้นเลือกที่จะเกิดไม่ได้ ซึ่งแม้แต่สัตว์ตัวน้อยๆเองก็เช่นเดียวกันแม้ว่าจะต้องเกิดมาพบเจอแต่ความทุกข์แต่สิ่งที่จะทำได้ก็เพียงแค่ก้มหน้าก้มตารับกรรมกับผลกรรมที่มนุษย์นั้นได้กระทำกับพวกเขา โดยแม้แต่เพิ่งจะเกิดมาลืมตาดูโลกไม่นานก็ตาม
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Eve Panida ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวน้อยทั้งสองตัวนี้หลังจากที่เธอได้พบน้องถูกคนใจร้ายนำมาปล่อยเอาไว้แม้จะมีอายุเพียงแค่ 3 สัปดาห์ก็ตามแต่ก็ถูกเขาพรากแม่ไปจากอกแม้นมยังไม่ทันได้หย่า
แต่ด้วยชีวิตที่เลือกเกิดมาไม่ได้ก็ต้องอยู่กันอย่างรับกรรมที่มนุษย์ได้กระทำแก่ตัวนั้น ด้วยความกลัวก็ต้องอดทนกอดเสาไฟไว้ด้วยโลกใบใหญ่ที่ไร้แม้แม่จะเรียกหา ด้วยความระแวงจึงกอดกันด้วยน้ำตาจะเรียกหาแม่ผู้ปกป้องนั้นอยู่หนใด ซึ่งผู้โพสต์ยังได้เล่าอีกด้วยว่า
น้องนั้นเป็นตัวเมียถูกนำมาปล่อยเอาไว้พร้อมกับถ้วยพลาสติกใส่น้ำเปล่าเพียงแค่ 1 ใบทั้งตัวก็ยังคงเล็กมากๆ ฟันก็กำลังเพิ่งจะขึ้น เธอจึงอยากให้น้องๆได้บ้านได้ที่อยู่อาศัย อยากให้มีอาหารกินได้ประทังความหิวมีบ้านที่อบอุ่นที่สามารถจะดูแลน้องๆได้ในระบบที่ปิด
ซึ่งเธอก็ได้นำเรื่องราวมาโพสต์ในแฟนเพจ มูลนิธิรักษ์แมว ปันน้ำใจให้แมวจร และด้วยเธอเองก็ไม่สามารถที่จะรับน้องไว้เองได้เพราะเธอก็รักแมวและเคยแอบเลี้ยงจนมีปัญหากับเจ้าของบ้านและต้องย้ายออกมาภายใน 7 วัน โดยได้ระบุพิกัดที่น้องอยู่เอาไง้ที่ sena fest...
สาวไปกินก๋วยเตี๋ยวจอดรถไว้ ตอนกลับเจอเจ้าตัวนี้อยู่ในตะกร้าหน้ารถ ถามเอากลับบ้านเลยดีมั้ย
หากเพื่อนๆที่ได้เป็นทาสแมวแล้ว เมื่อเวลาที่เราได้ไปไหนมาไหนแล้วเจอกับเจ้าเหมียวแล้วก็คงจะอดไม่ได้ถ้าหากจะเอื้อมมือเพื่อที่จะเข้าไปเล่น ซึ่งถ้าหากว่าเพื่อนๆเป็นอย่างที่กล่าวมาแสดงความเพื่อนๆตกเป็นเหยื่อของเจ้าเหมียวหรือตกเป็นทาสไปแล้วโดยปริยาย
เชกเช่นเดียวกับเรื่องราวนี้เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า JaAye Konghin ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวรายนี้หลังจากที่เธอนั้นได้ไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านแห่งหนึ่ง ซึ่งเธอได้ขับขี่รถมอเตอร์ไซต์มาและจอดเอาไว้แถวๆหน้าร้านดังกล่าว
ซึ่งหลังจากที่เธอนั้นได้กินก๋วยเตี๋ยวเสร็จก็ไม่ได้พบความผิดปกติแต่อย่างใด จนเมื่อได้เดินมายันรถที่เธอได้จอดเอาไว้ก็ได้พบกับเจ้าเหมียวตัวอ้วนตัวกลมตัวนึงกำลังนั่งมองเหม่ออยู่ที่หน้าตะกร้ารถอย่างสบายใจเฉิบ ด้วยความที่เป็นนายในตัวก็ไม่ได้สนโลกหรือแคร์สิ่งใด
ยังคงนั่งนิ่งนอนใจไม่สนใจว่ารถคันนี้กำลังจะออกหรือไม่ ซึ่งเธอจึงได้ถ่ายทั้งคลิปและรูปเอาไว้พร้อมกับมาลงในกลุ่ม รักหมา ทาสแมว ซึ่งก็เป็นที่สนใจกับเพื่อนๆในกลุ่มเป็นจำนวนมากโดยเธอนั้นยังได้ระบุข้อความเอาไว้ด้วยว่า ไปกินก๋วยเตี๋ยว จอดรถไว้ตอนกลับเจอเจ้าตัวนี้อยู่ที่หน้าตะกร้าหน้ารถ
เอากลับบ้านเลยดีมั้ยนะ ซึ่งเพื่อนๆในกลุ่มเองก็ต่างพากันบอกว่าให้เอาน้องกลับบ้านไปเลยแบบไม่ต้องสนโลก แต่ทว่าเธอเองก็ได้มาเฉลยที่หลังไว้ว่าเอากลับไม่ได้เพราะน้องเป็นลูกของแม่ค้าร้านก๋วยเตี๋ยวที่เธอได้ไปกิน ซึ่งถ้าเอากลับไปเลยก็คงจะกลับไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านเดิมอีกไม่ได้แล้วเพราะก๋วยเตี๋ยวก็อยากกินเพราะอร่อยส่วนแมวก็อยากจะได้เพราะน่ารักตัวอ้วนซะขนาดเนี้ย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก JaAye Konghin
มารำฉุยฉายโชว์ขอบ้านหวังเพียงว่าจะมีใครจะรับหนูบ้าง ด้วยรู้ตัวว่าตนสีนั้นไม่สวยเหมือนอย่างใครเขา
เพราะเพียงชีวิตที่เกิดมาเป็นแมวจรที่ต้องอดทนอยู่แอบตามอาศัย โดยซึ่งไร้แม้ที่จะหลับนอนยามดึกและด้วยชีวิตที่เลือกไม่ได้จึงทำได้เพียงแค่เข้ามาอ้อนวอนเข้าหาผู้คน ด้วยรู้ตัวว่าตนนั้นกำลังตั้งท้องจึงต้องการเพียงที่อยู่เอาไว้ให้ลูกๆได้อยู่อย่างสุขสบาย เพราะแม้หัวอกแม่นั้นจะลำบากมาตลอด
แต่ก็ยังมีความเป็นแม่อยู่เต็มอกด้วยรู้ว่าลูกของตนนั้นกำลังจะได้เกิดมา เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Blue Suchada ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องรางของเจ้าเหมียวสามสีตัวนี้ ที่เธอนั้นได้พบน้องเข้ามาอ้อนซึ่งน้องนั้นเป็นแมวจรที่ไร้บ้านและก็ไม่แน่ใจว่าน้องตั้งท้องอยู่ด้วยหรือป่าว
แต่ที่แน่ๆบริเวณที่นอนได้อยู่อาศัยนั้นมีตัวเงินตัวทองค่อนข้างมาก เธอจึงกลัวว่าน้องจะได้รับอันตรายและหากเมื่อได้ให้กำเนิดลูกออกมาแล้ว โดยเมื่อเธอได้เจอกับน้องน้องก็ลงล้มตัวมานอนตุ๊บและพยายามที่จะอ้อนด้วยการนวดมือโชว์ ด้วยเธอเองก็ได้บอกเอาไว้ด้วยว่าน้องอ้อนเก่งมากๆใจดีสุดๆเป็นมิตรกับคน
ด้วยรู้ตัวว่าตนกำลังจะให้กำเนิดลูกน้อยและต้องการบ้าน โดยเธอได้ระบุพิกัดที่น้องได้อยู่เอาไว้ที่ แถวฝั่งธน กรุงเทพมหานคร เพราะสัญชาติญาณของหัวอกคนเป็นแม่แล้วรู้ว่าตนต้องการสิ่งไหนเพื่อที่จะให้ลูกของตนนั้นได้อยู่อย่างปลอดภัย อีกทั้งน้องเองก็คงจะรู้ตัวดีว่าสนของตนนั้นไม่ได้สวยเหมือนอย่างใครเขา
จึงได้เฝ้าตามหาและอ้อนมนุษย์เพื่อที่จะขออยู่อาศัย แต่ในทางกลับกันแล้วถ้าเป็นต่างประเทศสีของน้องนั้นจะเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากและแอดมินเองก็มองว่าสีของน้องสวยมากๆด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งทั้งนี้หากเพื่อนๆคนไหนพอจะมีพื้นที่เหลือให้เหมียวสามสีตัวนี้ได้คลอดลูกอย่างปลอดภัยก็สามารถติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Blue Suchada
ถูกเขาพรากแม่ไปจากอก แม้นมยังไม่ทันหย่าตายังไม่ทันลืม ก็นำมาใส่กล่องเอาไว้ด้วยใจที่เรียกหาว่าแม่จ๋านั้นอยู่ไหน
เพราะมนุษย์เรานั้นล้วนแต่มีจิตใจที่แตกต่างกันออกไป ด้วยสภาพวะของการเติบโตเลี้ยงดูหรือแม้แต่ครอบครัวเองซึ่งหากได้เลี้ยงดูหรือได้เติบโตมาร่วมกับสัตว์เลี้ยงแล้วสภา่พของจิตใจที่มีเมตตาต่อสัตว์ของพวกเขานั้นก็จะยิ่งดีมากขึ้นไป แต่หากในบางบ้านที่ปลูกฝังลูกมาแบบผิดๆ
ตั้งแต่เล็กแต่น้อยความมีเมตตาหรือหัวใจที่อ่อนโยนก็ย่อมที่จะเห็นสัตว์เหล่านี้ไร้ค่า เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Narongdech Wongsankworasak ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวตัวน้อยสองตัวนี้หลังจากที่เธอได้พบน้องถูกคนใจร้ายนำมาเทเอาไว้
ที่ข้างบ้านซึ่งตั้งอยู่ที่ ถนนประชาอุทิศ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร ซึ่งน้อยทั้งสองตัวนั้นมีอายุเพียงแค่ไม่เกินสองสัปดาห์เท่านั้นและยังไม่สามารถที่ระบุเพศของน้องได้แต่อย่างใด แต่จากการสนิษฐานของผู้โพสต์ได้ระบุว่าคาดว่าน้องทั้งคู่น่าจะเป็นเพศผู้
และด้วยสภาพขาที่อ่อนแรงยืนยังไม่ทันจะแข็งไร้แม้เรี่ยวแรงจะคลานไหว นมก็ยังไม่สามารถที่จะกินเองได้ แต่ก็ต้องถูกนำมาเทเอาไว้ไร้แม้เยื้อใยหรือหัวใจจะเมตตา ด้วยทว่าคิดถึงแม่จ๋าสุดหัวใจแต่ก็ทำได้เพียงนอนกกกันไว้ให้ความอบอุ่น
และด้วยทางผู้โพสต์เองก็ไม่สามารถที่จะรับน้องไว้เลี้ยงเองได้เนื่องจากตัวเขานั้นแพ้ขนแมวและที่บ้านก็ยังเลี้ยงแมวอีกด้วย เขาจึงได้นำเรื่องราวมาโพสต์เพื่อที่จะตามหาบ้านให้กับน้องเพราะเนื่องด้วยพวกน้องนั้นยังเล็กมากๆถ้าหากปล่อยเอาไว้แล้วมีหมาจรหรือใครที่ใจร้ายไปเจอก็คงจะไม่รอด ประกอบกับแมวที่มีอายุเพียงแค่นี้หากร่างกายขาดความอบอุ่นหรือต้องอดนมแม่แล้วก็คงจะอยู่ได้แค่ไม่กี่วันเพียงเท่านั้น จึงอยากฝากไปถึงเพื่อนๆด้วยว่าหากคิดจะนำไปปล่อยไว้แบบนี้ให้คำนึงถึงการมีชีวิตรอดของพวกเขาด้วย เพราะถ้าเป็นแบบนี้เท่ากับคุณเองนั้นแหละที่เป็นคนเลือกจะปิดชีพของพวกเขา
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Narongdech Wongsankworasak
เดินลากขาแบกสังขารมาแอบขดอยู่กับสายไฟ ด้วยความกลัวตัวยังสั่นเพียงตัวนั้นเป็นเพียงจรจึงไรใครจะรักษา
ด้วยชีวิตที่เกิดมาไร้ซึ่งผู้คนจะต้องการจึงต้องเกิดมารับกับสภาพวะที่ได้เป็นอยู่ ด้วยว่าเลือกเกิดไม่ได้จึงไม่สามารถที่จะเกิดมามีที่กินที่อยู่อย่างสุขสบายอย่างใครเขา ด้วยตัวเราเป็นเพียงจรตัวน้อยๆที่คอยหาจะมีแม้ชีวิตต่อในแต่ละวันต่อๆมา ใครจะหาพาช่วยเหลือหรือคอยบรรเทา
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Nuttaporn Satheawsavat ได้โพสต์เล่าเรื่องราวที่ทำให้เธอนั้นต้องน้ำตาตกหลังจากที่เธอได้พบน้องนั่งพิงอยู่กับขดของสายไฟ ซึ่งเมื่อพอน้องได้เห็นเธอน้องก็วิ่งหนีเธอ เธอตกใจมากเพราะขาหลังของน้องนั้นไปโดนอะไรไม่รู้มา
ได้แต่นั่งลากขาไปกับพื้นเพื่อที่จะวิ่งหนีด้วยความกลัว เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีเธอเครียดมากเครียดแต่เช้าเลย ซึ่งน้องนั้นได้แอบอาศัยอยู่ที่แถวเจริญนคร 37-39 เธอเองก็ติดหยุดยาวและจะต้องกลับไปต่างจังหวัดหลายวัน แต่ในสิ่งที่เธอทำได้ในตอนนั้นก็คือหาลังมาหนึ่งใบและใส่น้องเอาไว้ด้วยเพราะที่เธอจะต้องรีบไปทำงาน
ประกอบกับการที่เธอต้องปาดน้ำตาและเลือกที่จะต้องปล่อยน้องเอาไว้แบบนั้นเพราะด้วยไม่มีเวลาจะเลือกเลย เธอจึงตัดสินใจรอให้คลีนิกเปิดตอน 10 โมงเพื่อที่จะพาน้องไปรักษายังคลีนิค เธอกลับไปหาน้องอีกครั้งเมื่อคลีนิกได้เปิดแล้ว แต่เมื่อเธอได้ไปถึงกลับไม่พบน้องอีกต่อไปแล้วเธอเดินหาพร้อมกับการกลัวในใจด้วยสั่นคลอน
กลัวว่าจะไม่ได้พบน้องอีกต่อไป จนในที่สุดเธอก็เดินหาน้องอยู่ประมาณร่วมชั่วโมงได้เธอรู้สึกผิดจากใจ ด้วยการที่เธอเลือกจะปล่อยน้องเอาไว้แบบนั้น และเธอก็ได้พบน้องและนำน้องส่งไปรักษาตัวกับทางคลีนิคในเวลาต่อมา เธอจึงได้นำเรื่องราวมาโพสต์เพื่อที่จะขอความช่วยเหลือเพราะด้วยสภาพอาการของน้องนั้นก็ค่อนข้างที่จะหนักทำให้เธอเป็นกังวลใจอีกทั้งประกอบกับเหตุการณ์์ที่เธอได้พบเจอจึงอยากให้เพื่อนๆในกลุ่มช่วย ซึ่งหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะติดตามเรื่องราวของน้องเพิ่มเติมก็สามารถติดต่อไปได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก...