ได้ยินเสียงแมวร้องคิดว่าฟัดวิ่งเล่นกันเอง วิ่งออกมาไม่ทันได้แต่โทษตัวเองทั้งน้ำตา
หนึ่งชีวิตนั้นแสนจะมีค่าหากคิดว่าต้องการที่จะเลี้ยงดูให้เติบใหญ่ เพราะเอามาเลี่ยงก็เหมือนเด็กที่ต้องคอยหมั่นเอาใจ จะมีใครหน้าไหนคิดว่าตนเป็นลูกเหมือนตัวเรา เมื่อได้เลี้ยงเติบใหญ่ก็มักจะเรียกตัวว่าเป็นแม่สุดจะแท้ร้องหาเรียกเหมือนใจฝัน เมื่อไม่เห็นหน้าเห็นตาก็แสนจะคิดถึง
หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า มะเดี่ยว เดี๋ยวเดียวกลับได้โพสต์หาผู้เป็นเจ้าของเจ้าเหมียวรายนี้ให้กับน้องลงในกลุ่ม ทาสแมว ชลบุรี ในวันที่ 11 สิงหาคม แต่ทว่าก็ไม่ได้พบเจอผู้เป็นเจ้าของ จนมาในวันนี้ผู้โพสต์ได้เล่าทั้งน้ำตาและโทษตัวเองว่าเมื่อตนนั้นออกมาช่วยเอาไว้ไม่ทัน
โดยมาในวันนี้เขาเองก็ได้โพสต์ลงในกลุ่มดังกล่าวตามเดิม แต่ข้อความนั้นได้เปลี่ยนไปเพราะเขาได้แสดงความเสียใจและขอโทษกับความรู้สึกผิดของตน โดยได้เล่าว่าน้องได้เสียไปแล้ว เขานั้นออกมาช่วยเอาไว้ไม่ทันจริงๆไม่รู้ว่าเจ้าของน้องจะรู้หรือยัง น้องโดนงูรัดเมื่อคืน
ซึ่งในตอนแรกเขาคิดว่าแมวฟัดกันจึงออกมาดูช้า เพราะโดยปกติในระแวกบ้านจะมีแมวจรเยอะและจะฟัดกันอยู่เป็นประจำ เขาก็ได้ยินเสียงแมวร้องด้วยปกติแต่ในวันนี้เมื่อเขาได้ออกมาก็ช่วยเหลือน้องเอาไว้ไม่ทันเสียแล้ว เขารู้สึกผิดกับตัวเองเป็นอย่างมากและอยากจะขอโทษทั้งเพื่อนๆในกลุ่ม
และทางผู้เป็นเจ้าของแมวเอาไว้ เพราะเพียงแค่น้องเป็นแมวที่พลัดหลงมาและเขาได้ให้ข้าวกับน้องเพียงแค่ไม่กี่มื้อทำให้เขาก็คิดถึงและเสียใจในสิ่งที่ได้เกิดขึ้น ซึ่งถ้าหากว่าเขาพยายามตามหาผู้เป็นเจ้าของให้กับน้องมากกว่านี้น้องก็อาจจะไม่ต้องมาจบชีวิตลงเช่นนี้ และอยากจะฝากเพื่อนๆที่ได้เลี้ยงแมวเอาไว้ว่าสิ่งที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับแมวที่เรารักนั้นก็คืออ้อมอกอ้อมแขนของผู้เป็นพ่อเป็นแม่อย่างเราเท่านั้น
ที่มา...
ผู้อยู่เบื้องหลังการชุมนุมใหญ่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หลังพลเรือนนับมือมาร่วมตัวกันปราศัยคาดเป็นแกนนำ
ด้วยประเทศของเรานั้นเกิดการชุมนุมใหญ่เพราะจากการที่ต่างผ่ายต่างแสดงความคิดเห็นไม่ตรงกันในยุคสมัยของรัฐบาลดังกล่าว ทำให้เกิดการชุมนุมใหญ่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แต่ทว่าได้มีชาวเน็ตบางรายได้มาเผยว่าได้ทราบตัวของแกนนำผู้ก่อตั้งการชุมนุมนี้ขึ้น
นั่นก็คือเจ้าเหมียวตัวสีขาวส้มที่ขึ้นไปอยู่บนอนุสรณ์ของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย์ ในระหว่างที่เขาได้ก่อการชุมนุมเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ประชาธิปไตย และมีการปราศรัยต่างๆ โดยในระหว่างนั้นได้มีคนเห็นเจ้าเหมียวตัวนี้นอนอยู่บนปีกอนุสาวรีย์ดังกล่าว ในฝั่งของสตรีวิทย์ จึงได้ถ่ายรูปและเอามาโพสต์ลงในทวิตเตอร์
จนกลายเป็นไวรัลที่มีผู้คนได้ทวิตมากถึง 70,000 ครั้ง โดยต่อมาก็ได้มีคนเริ่มสงสัยว่าน้องอาจจะขึ้นไปแล้วลงมาไม่ได้เพราะจำได้ว่าในตอนที่ชุมนุมกันครั้งที่แล้วเมื่อวันที่ 18 กรกฏาคมเอง ก็มีเจ้าเหมียวตัวสีส้มขาวขึ้นไปอยู่บนนั้นเหมือนกัน ซึ่งอาจจะเป็นตัวเดียวกันหรือน้องอาจจะติดอยู่บนนั้นนานแล้ว
จนในตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ทำให้หลายคนขำไม่ออกและพยายามที่จะหาทางช่วยน้องกันใหญ่ ด้วยในบางรายก็พากันไปร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิบ้าง เพจแมวกลุ่มแมวต่างๆบ้าง แต่ทว่าก็มีบางคนได้บอกว่าน้องส้มนั้นไม่ใช่แมวจร น้องมีเจ้าของและเจ้าของน้องก็เปิดร้านอยู่แถวนั้น น้องชอบขึ้นไปอยู่บนอนุสาวรีย์
โดยน้องสามารถที่จะขึ้นลงเองได้ และต่อมาก็มีคนมาบอกว่าไปเจอแมวในลักษณะเหมือนน้องส้มแถวร้านขายของ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นแมวตัวเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามเมื่อม๊อบได้เลิกการชุมนุมก็ได้ตรวจพบว่าน้องส้มไม่ได้อยู่ที่ปีกอนุสาวรีย์แล้วแสดงว่าน้องน่าจะขึ้นลงเองได้ทำให้ทาสแมวทั้งหลายโล่งอกโล่งใจไปตามๆกัน
ที่มา Poetry...
ถูกเขาฟัดนอนแน่นิ่งไร้เรี่ยวแรงจะรุกเดินต่อ ด้วยตัวเป็นจรไร้แม้เจ้าของเลยไม่รู้จะไปร้องบอกใครเขา
ยามเดือดร้อนทุกข์ยากลำบากใจ ยังมีใครที่คอยห่วงคอยถวิลหาแต่ในเมื่อได้เกิดมาเป็นเพียงจรที่ไร้บ้านที่อาศัย จะให้ไปร้องบอกกับใครว่าตนเจ็บหรือเดือดร้อนใครเล่าเขาจะฟัง เพราะชีวิตเลือกไม่ได้จึงต้องใช้ทนไปในแต่ละวันให้ผ่านพ้น แม้เพียงตนจะไร้เรี่ยวแรงสู้หรือเดินต่อ
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า วชิระ เริงสมุทร ได้โพสต์เล่าเรื่องราวหลังจากที่เขาได้พบเจ้าเหมียวนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น ด้วยไร้แม้เรี่ยวแรงที่จะรุกเดินต่อไหว เพราะหมารุมฟัด แทบขาดใจจะมีใครเขามาสนชีวิตตนที่ไร้ค่า เขาจึงได้พยายามที่จะด้วยการกันสุนัขออกไปและมาโพสต์ลงในกลุ่มดังกล่าว
ดัวยตัวเขาเองก็ไร้แม้ทรัพย์ที่จะสู้ไหว อีกทั้งจะปล่อยเอาไว้ก็คงจะสิ้นใจไปไม่นาน โดยผู้โพสต์จึงได้มาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆในกลุ่มเพื่อว่าจะพอมีใครมาเมตตาน้อง ซึ่งได้ระบุพิกัดเอาไว้ที่ พรประภานิมิต 27 ร่วมสุข หรือหากอยากจะช่วยหรือรับเลี้ยงก็ติดต่อได้ที่ต้นโพสต์
และในเวลาต่อมาก็ได้มีคนใจดีได้รับดูแลเคสของน้อง เขาจึงได้พาน้องไปหาหมอเพื่อดูอาการต่อไปโดยมีผู้ใจบุญได้ออกค่ารักษาพยาบาลให้ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะต่อลมหายใจได้อีกกี่วัน เพราะสภาพนั้นแสนจะยับเยินเกินครหา แต่ทั้งนี้น้องก็ยังอยู่ในความดูแลของแพทย์แล้ว
เราเองก็คงจะโล่งใจได้ไปอีกเปรอะนึง จึงอยากจะขอขอบคุณผู้โพสต์เอาไว้ที่เลือกจะช่วยและไม่ปล่อยให้ชีวิตน้อยๆนอนสิ้นลมไปต่อหน้าต่อตา...
ถูกเขาต้มน้ำร้อนสาดเข้าให้ เพราะเป็นแมวเขาถึงคิดว่าไม่มีใจ แค่ตัวไปเดินเฉียดกำแพงบ้าน
อาจจะด้วยความเมตตาของจิตใจมนุษย์เรานั้นแตกต่างกัน ทำให้มนุษย์บางคนมีใจที่เมตตาต่อสัตว์แตกต่างกัน เพราะด้วยการเลี้ยงดูที่ได้เติบใหญ่มาหรืออาจจะการเติบโตที่ถูกเลี้ยงดูมาในครอบครัวที่รักสัตว์กับบางครอบครัวที่ไม่ชอบสัตว์ ทำให้ไม่คิดว่าพวกเขาก็มีความรู้สึกหรือใจ
เช่นเดียวกับเรื่องนี้เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า เกิยรติศักดิ์ ยีเหม ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวตัวนี้ในกลุ่ม ประเทศดอน หลังจากที่แมวของเขาถูกคนข้างบ้านใจร้ายเอาต้มน้ำรอด และสาดใส่น้องเพียงเพราะน้องไปเดินเฉียดกำแพงบ้างของเขาซึ่งเป็นกำแพงติดกัน
ซึ่งทางผู้โพสต์เองได้เล่าว่า จิตใจคุณทำด้วยอะไร ต้มน้ำรอดสาด แมว แมวแค่เดินบนสันกำแพงบ้าน กำแพงและคูน้ำของผมก็สร้างขึ้นมา เจ้าของบ้านคุณ ที่คุณเช่าอยู่ยังขอร่วมใช้ แมวก็มีหัวใจให้สงสารเค้านะครับ เค้าฟังรู้เรื่องทุกอย่างแต่เค้าพูดภาษาเราไม่ได้เท่านั้น ขอให้เป็นครั้งสุดท้ายนะคับ
ด้วยสภาพที่เขาได้พบเห็นน้องมีผิวตัวที่แดงเหมือนกับโดนของร้อนสาดใส่ แต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บมากแต่อย่างใดแต่น้องก็คงจะเจ็บมากน่าดู จึงอยากจะฝากเอาไว้สำหรับใครๆที่ไม่ชอบแมวหรือสุนัขก็อย่าไปทำอะไรพวกเขาเลย เพราะพวกเขาก็มีจิตใจไม่ได้ต่างจากมนุษย์เรา
เพียงแค่เขาพูดไม่ได้ และอีกเรื่องการทำกับสัตว์เช่นนี้ก็มีความผิดในยุคสมัยนี้...
สาวโวย ถามแมวชอบเล่นถุงมากแต่แฟนบอกรำคาญ เลยกะว่าจะเอาไปปล่อยที่ไหนดี
ในบางครั้งการเลี้ยงแมวก็เป็นมากกว่าที่คนไม่ได้เลี้ยงจะเข้าใจ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่สรรหามาให้เจ้าเหมียวเขาก็ไม่ต้องการแต่ทว่าการเลี้ยงพวกเขาก็เหมือนกับเราได้เลี้ยงลูก จนบางคนก็แยกไม่ออกระหว่างรักลูกหรือว่าแมว ยกตัวอย่างได้จากคนเป็นแม่ของเราเอง
หากจะเอ่ยถามว่าแม่รักใครมากกว่ากันระหว่างเรากับแมว แม่นั่นก็คงจะตอบมาด้วยความรวดเร็วว่าแมว เพราะฉะนั้นอย่าได้ไปถามเป็นอันขาดเช่นเดียวกับเรื่องนี้เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Auraiwan Ksm ได้โพสต์ถามเพื่อนๆในกลุ่มทาสแมวด้วยแมวของเธอนั้นชอบเล่นถุงเอามากๆ
แต่ทว่าแฟนของเธอกลับบอกว่ารำคาญ เธอจึงได้มาถามเพื่อนๆในกลุ่มว่าควรจะเอาแฟนไปปล่อยที่ไหนดี ใช่แล้วฟังไม่ผิดหรอกเป็นแฟนไม่ใช่แมว นั่นคือคำตอบสำคัญที่เราไม่ควรจะมีเรื่องกับทาสแมวเพราะเราจะถูกลดความสำคัญลงมาในทีทัน ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะรู้กันแล้วว่าควรที่จะทำตัวยังไงกัน
โดยเรื่องนี้ได้ถูกเผยแพร่ลงในกลุ่มทาสแมว 4.0 และต่างมีแต่เพื่อนๆมาแสดงความคิดเห็นเห็นด้วยกับเจ้าของโพสต์ บ้างก็ว่าวัดบ้างก็ว่าให้เอาเงินและกุญแจรถให้แล้วบอกจะไปไหนก็ไปตามสบาย เพราะสิ่งที่สำคัญมากยิ่งกว่าคือเจ้าเหมียวที่เราได้เลี้ยงและรัก
แต่โดยส่วนใหญ่แล้วก็ลงคะแนนเสียงกันว่าวัด ซึ่งทั้งนี้ก็อยากที่จะฝากเอาไว้ให้เพื่อนๆได้คิดกันว่าหากเราเป็นแฟนทาสแมวแล้วจะมีเรื่องหรือหาเรื่องอะไรก็ได้แต่ต้องไม่ใช่กับเจ้าเหมียวที่แฟนของคุณเป็นทาสจำเอาไว้ ซึ่งเรื่องนี้เองก็ได้สร้างรอยยิ้มมากมายให้กับเพื่อนๆในกลุ่มทาสแมวเป็นอย่างมาก
ที่มา Auraiwan Ksm
มาดักรอคอยเฝ้าเข้าหาริมถนนทุก 5 โมง เพียงเพื่ออยากจะได้รับสิ่งที่เคยได้มาตลอด
ในวันนี้มีแค่อยากได้ไม่ได้หมายถึงว่าเขาจะถวินหา ด้วยวันนั้นเคยรักเคยเมตตาวันนี้มาปล่อยปละละเลยไม่เคยแม้สนใจ ยอมต้องการนำมาอยากจะเลี้ยงต้องหาได้วันนี้หายไม่คิดถึงเหมือนวันไหน วันนี้เคยรักเคยมักสุดหัวใจวันนี้ใยไม่คิดเอาไปไม่เคยแยแส
เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า คลินิกบ้านสีฟ้ารักษาสัตว์ ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวสามสีรายนี้ที่น้องเป็นแมวจรอาศัยอยู่ที่ปากซอยหมู่บ้านในซอย บางนา-ตราด27 โดยคาดว่าน้องน่าจะถูกเจ้าของเทเอาไว้หลังจากที่ย้ายออกไป น้องอาศัยหลบนอนหลบฝนตากบ้านที่ไม่มีคนอยู่
ซึ่งมีคนผ่านไปผ่านมาคอยให้อาหารบ้างแต่ก็ไม่ได้สม่าเสมอ โดยในแต่ละวันสามสีจะคอยมาดักรอคนที่ริมถนนของหมู่บ้านราว 5 โมงเย็นของทุกวัน เผื่อว่าคนที่ผ่านไปมาจะเมตตาให้อาหารประทังความหิวบ้างลูบตัวเล่นบ้าง บางทีมืดค่ำแล้วก็ยังทนอยู่แม้ยุงจะฟัด เพียงเพื่อที่จะได้รับความรักจากคนอย่างที่เคยได้มา
นั้นก็คือความรักความเอาใจใส่จากผู้คนที่ผ่านไปมา เพราะสามสีนิสัยดีขี้อ้อนชอบให้คนอุ้มมากชอบคนมากๆเรียบร้อยและเจียมเนื้อเจียมตัวตลอด ไม่เคยแม้แต่จะส่งเสียงดัง เธอจึงอยากจะให้น้องได้รับชีวิตใหม่ที่ดีไม่ต้องมาทนนอนตากให้ยุ่งฟัดเช่นนี้อีก
ซึ่งตัวเธอเองก็ได้ถามคุณป้าที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว และได้ทราบว่าน้องได้ทำหมันแล้วทำวัคซีนแล้วเสร็จสรรพ จึงอยากมาฝากในแฟนเพจดังกล่าวเพื่อที่จะหาบ้านให้กับน้องสามสี เพราะความน่ารักและคอยเฝ้าหาเข้าหาผู้คนของน้องคนที่นี้ก็รักและเมตตาแต่ก็อยากจะให้มีบ้านที่อาศัยเป็นหลักแหล่ง
ที่มา คลินิกบ้านสีฟ้ารักษาสัตว์
สาวโวย 2 ปีก่อนเป็นเพียงเด็กกล่องตาดำๆ เดี๋ยวนี้เลื่อนขั้นเป็นเจ้าของทุกอย่างแม้กระทังฝาชี
ด้วยเพราะเป็นจรจึงเห็นว่าคงทุกข์ไม่มีสุขเหมือนดังแมวพันธ์อย่างใครเขา จะไม่เลือกช่วยก็คงไม่พ้นความทุเลาจะมีใครเขามาเห็นใจเพียงเป็นจร แต่ทว่าเมื่อยามช่วยมาแล้วกลับแปลเปลี่ยนไม่เหมือนที่เคยเรียนรู้มาแต่ก่อนจากคนรักกลายเป็นคนสร้างทุกข์ให้อาทรไม่มีใครสอนเป็นเองด้วยตัวเรา
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Ppreaw Thng ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวสุดที่รักของเธอหลังจากที่เมื่อสองปีก่อน เธอได้นำน้องมาเลี้ยงเอาไว้ในกล่องเพราะด้วยเห็นเป็นจรที่ไร้ที่ไปที่อาศัย แต่มาในวันนี้แมวของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ด้วยข้อความที่เธอได้เล่าเอาไว้ เมื่อได้เห็นสายตาที่นังตัวร้ายมองมาหา เธอต้องจึงได้มาถามว่าต้องไปหลบอยู่มุมไหนของบ้าน ด้วยถ้าหากว่าเป็นแบบนี้เธอคงจะต้องเก็บเสื้อผ้าไปอยู่กับหลวงตาที่วัด แม้จะเห็นและอยู่ในกลุ่มมานานวันนี้ได้อัดอั้นตันใจก็ขอซักโพสต์ก็แล้วกัน
เพราะในตอนมาใหม่ๆก็รักใคร่ปรองดอง แต่พออยู่ไปอยู่มาแววตาคู่นั้นก็เปลี่ยนไปไม่รู้ว่าทำไมถึงมาทำกันเช่นนี้ ด้วยจากที่เคยรักนอนกอดนอนฟัดทุกชีวิต มาวันนี้เธอเปลี่ยนไปหาแต่ฝาชีของเธอ จนเธอเองได้บอกกับเพื่อนๆในกลุ่มอีกว่าไม่ว่าจะโดนเฉดหัวออกไปจากบ้านวันไหน
ด้วยแมวของเธอเฝ้าและจ้องมองเธออยู่ตลอดเวลาที่เธอเข้าใกล้ฝาชีของตัวเธอเอง จนเธอเริ่มที่จะทำตัวไม่ถูกและอาจจะต้องเก็บเสื้อผ้าหอบเสื้อผ้าที่มีหนีไปบวชชีอยู่กับหลวงตาที่วัดในเร็ววัน จึงอยากจะฝากกับเพื่อนๆเอาไว้ใครที่คิดจะเลี้ยงก็ควรระวังและอบรมแมวของตัวเองให้ดีมิเช่นนั้นอาจจะต้องตกที่นั่งลำบากอย่างเช่นเดียวกับเธอเอง
ที่มา Ppreaw Thng
แบกสังขารคลานมาขออาหารประทังความหิว ด้วยขาหลังใช้การไม่ได้ หากไม่พบเจอคงไม่รอดเกินอาทิตย์
หากวันนี้ได้เกิดมาเป็นมนุษย์แต่ไม่เหลือใครสิ่งหนึ่งที่เรายังทำได้คือการร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเองหรือแม้แต่ญาติพี่น้องก็ยังคอยอยู่เคียงข้างในวันที่ล้ม แต่ถ้าเกิดมาเป็นแมวจรที่ไร้แม้จะมีใครมาเหลียวแลจะหันหน้าไปร้องบอกใครหรือญาติพี่น้องก็คงจะไม่มี
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Thanaporn Jiamtong ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวรายนี้หลังจากที่เธอได้พบน้องกระเสือกกระสนคลานมาร้องขออาหารเพื่อที่จะประทังความหิว ด้วยขาหลังทั้งสองนั้นหักและใช้การไม่ได้จึงไร้แม้แต่วิธีที่จะหาอาหารเหมือนดังใครเขา
เลยได้แต่เฝ้าร้องขอความเมตตา โดยเธอได้นำเรื่องราวมาโพสต์ลงยังในกลุ่มชมรมแมวสายดาร์กและเล่าว่าในครั้งแรกที่เธอนั้นได้เห็นน้องแมวตัวนี้คือน้องนั้นผอมมากๆก็แลยกะจะไปซื้ออาหารแบบในสภาพมาไว้ให้น้องเพื่อที่จะประทังชีวิต แต่พอกลับมาน้องก็หายไป
ประมาณ 3-4 วันแล้ว มาวันนี้น้องขาหักต้องเดินลากขาประทังมาร้องขออาหาร เธอก็อยากจะช่วยเหลือเลี้ยงดูน้องแต่ก็ทำได้เพียงเท่านี้ จึงอยากจะฝากถามเพื่อนๆในกลุ่มคนใดพอจะรับน้องไปดูแลได้ เพราะด้วยการเป็นแมวจรที่ต้องลากแบกสังขารตัวเองเช่นนี้
อาจจะมีชีวิตอยู่ได้เพียงไม่เกินหนึ่งอาทิตย์เพราะไหนจะรถที่วิ่งผ่านไปมาไหนจะหมาหรือสุนัขเจ้าถิ่นที่เป็นจร ไหนจะคนที่ไม่ชอบแมว โดยพิกัดที่เธอได้ลงเอาไว้ที่สุรินทร์ อ.เมือง และหากเพื่อนๆคนใดอยู่ในบริเวณพื้นที่และได้พบน้องก็ช่วยกันแจ้งให้เธอทราบทีเพราะหากปล่อยเอาไว้แบบนี้ก็คงไม่รอดต้องสิ้นใจ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Thanaporn Jiamtong
ถูกเขาปล่อยลอยแพให้หากินตามยถากรรม หนีเตลิดไปหลายวันไม่เคยเจอโลกภายนอก ใยมาเทกันไม่เอาไปด้วย
เคยมีคนบอกเอาไว้ว่าแมวนั้นไม่สามารถร้องไห้หรือมีความรู้สึกได้เหมือนกับมนุษย์ เพราะเพียงแค่เชื่อว่าการที่เขามีน้ำตาออกมาเพียงเพราะพวกเขาแสดงความเจ็บปวดจากบริเวณท้องเท่านั้น ไม่ได้หมายถึงว่าพวกเขาจะมีความรู้สึกหรือมีจิตใจเช่นเดียวกับมนุษย์เรา
แต่ทว่าก็ได้มีหลายๆเรื่องราวที่เรามักจะได้เห็นว่าในความจริงแล้วพวกเขาก็มีจิตใจและความรู้สึกและจิตใต้สำนึกเหมือนกับคนเรา เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้เมื่อผู้ใข้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า ศุภมน แก้วจวนตา ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวสองรายนี้มีชื่อว่าเจ้า สีทองและตาโต
โดยเขาได้เล่าเรื่องราวผ่านลงกลุ่มชมรมคนรักแมวเหมียวแห่งประเทศไทย เอาไว้ว่า ถ้าช่วยไม่ได้ก็คงจะต้องนำกลับไปปล่อยไว้ที่เดิม ใครทีคิดว่าแมวไม่มีหัวใจ...น้ำตาแมวคงไม่ใช่เพราะคิดถึงเจ้าของ 2 เหมียวถูกเจ้าของย้ายบ้าน ปล่อยไว้ไม่แลเหลียว สีทองเป็นแมวเพศชายอายุประมาณ 2 ปี
สีทองหนีออกจากบ้านไปเกือบปี กลับมาด้วยการต่างๆนาๆนอนซมไม่กินข้าวกินนมจนผู้โพสต์ต้องพาไปหาหมอและในวันรุ่งขึ้นเจ้าของเก่าก็ย้ายบ้านไป ตาโตเป็นเพศเมียอายุประมาณ 3 ปีเจ้าของบอกเอาไว้ว่าจะเอาไปด้วยแต่เมื่อถึงเวลาก็ไม่เอาไปถูกปล่อยลอยแพให้หากินตามยถากรรม
ตาโตไม่เคยได้พบเจอกับโลกภายนอกก็เลยหนีเตลิดไปหลายวัน เพิ่งจะกลับมาเมื่อวานค่ำด้วยจากการที่คงจะเสียใจที่ถูกปล่อยเอาไว้ให้อยู่เพียงลำพัง ผู้โพสต์จึงอยากจะหาบ้านให้กับเด็กๆในระบบที่ปิด เพราะพวกเขาก็บอกช้ำทางด้านจิตใจมาพอสมควรแล้วจึงอยากจะขอบ้านที่จะเป็นหลังสุดท้ายจะได้ไม่ต้องมาถูกทำร้ายจิตใจเช่นนี้อีกต่อไป...
หลงทิศหลงทางเดินเร่ร่อนใช้ชีวิตหิวโซ แอบหลบนอนใต้ท้องรถ ด้วยเนื้อตัวที่ผอมมากมั้ง
ทุกๆครั้งที่เราย้ำบอกกับเพื่อนๆไว้ ในการเลี้ยงสัตว์ในระบบปิดเพราะจากการสูญหายของสัตว์เลี้ยงมากกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นมาจากการที่เราได้เลี้ยงพวกเขาในระบบเปิด ทำให้มีโอกาสที่พวกเขาจะหายไปได้มากกว่า เพราะสิ่งอันตรายจากภายนอกทำให้พวกเขานั้นไม่สามารถที่จะกลับมาบ้านได้อย่างปลอดภัย
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Nana Hana ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวตัวอ้วนนี้ลงในกลุ่ม ประกาศหมาแมวหายในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งหลังจากที่เขาได้พบน้องเดินเร่ร่อนหาอาหารประทังความหิวอยู่แถวหน้าธนาคารออมสิน วิชิต โดยน้องมีลักษณะหน้าตาหน้ารัก
และตัวอ้วนกลมโดยเขาได้เห็นน้องมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่ก็ไม่ทราบว่าเป็นแมวใครและคาดว่าน่าจะพลัดหลงมาจากผู้เป็นเจ้าของจึงได้มาโพสต์ช่วยตามหา เพราะคาดว่าแมวจรในระแวกนั้นก็คงจะต้องอดเพราะน้องน่าจะกินเก่งด้วยดูจากลักษณะตัวของน้อง
และด้วยชีวิตที่ต้องแอบนอนใต้ท้องรถเมื่อรถออกตัวก็ต้องหลบไปนอนอีกคัน ทั้งเป็นแมวที่เคยได้ถูกเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดีจึงอยากในการทีจะอาหารประทังความหิวของตน แต่ด้วยลักษณะของน้องค่อนข้างจะเชื่องและไม่กลัวผู้คน แต่ผู้โพสต์ก็กลัวว่าน้องจะได้รับอันตรายจากสุนัข
ด้วยตัวไม่รู้ว่าสุนัขจะสามารถทำอันตรายให้กับตนได้จึงได้นอนอย่างนิ่งนอนใจไม่ได้มีความกระวนกระวายแต่อย่างใด จึงอยากฝากเอาไว้หากใครรู้จักกับเจ้าของหรือคุ้นหน้าคุ้นตา หรืออยู่ในบริเวณดังกล่าวก็อยากจะให้ช่วยตามหาผู้เป็นเจ้าของให้น้องทีเพราะอ้วนกลมแบบนี้เจ้าของคงจะคิดถึงแย่แล้ว
ที่มา Nana Hana