สาวโพสต์เตือนอย่าเปิดทีวีให้แมวเล่นเกมส์ เพราะวันนี้ได้รู้เจอฉี่ใส่แหกปากลั่นว่าฉันเป็นเจ้าของ
เพราะเคยมีคุณหมอจิตแพทย์ออกมาบอกว่าการเลี้ยงสุนัขหรือแมวนั้นจะช่วยให้เราหายจากโรคหรืออาการซึมเศร้าได้ เพราะไม่ดีร้ายอาจจะกลายเป็นโรคประสาทได้หรือปวดหัวแทน เพราะก็เหมือนกับการเลี้ยงเด็กน้อยๆที่พวกเขามีความคิดความอ่านเทียบเท่ากับเด็กสองสามขวบและยังมีความเป็นตัวเองสูงเพราะคิดว่าตัวเป็นนาย
เมื่อทำอะไรผิดมาก็จะไม่รู้สึกผิดคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของทุกอย่าง เหมือนกับเรื่องราวนี้เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Paradee Intrakomhaeng ได้มาโพสต์เล่าเรื่องราวน้ำตาไหลพรากเพราะหัวจะปวด และออกมาเตือนภัยกับในกลุ่มทาสแมวว่า ทาสแมวทั้งหลายอย่าคิดจะปล่อยให้แมวดูทีวีหรือเปิดทีวีให้แมวดู
เพราะตัวเขาเองเห็นน้องกลัวจะเหงาเลยเปิด cats game ให้แมวเล่นพอไปๆมาๆกลับร้องขอจะเล่นแต่ cats game ทั้งวัน แม้จะฉี่ทีวีฉันแสดงตัวว่าตัวเองนั้นเป็นเจ้าของ เธอก็ต้องน้ำตานองและไม่อยากจะให้เกิดกับใครอีก ซึ่งหลังจากนั้นจอทีวีก็จะเสียและไม่สามารถที่จะซ่อมได้
ทุกข์ไม่หายบางคนซ่อมได้ก็อาจจะโชคดีไป แต่ของเธอนั้นไม่สามารถที่จะซ่อมได้เลยจะต้องเสียตังซื้อทีวีใหม่เลยมาโพสต์บอกเล่าไว้เพราะจากนี้ไปก็จะตัดใจไม่ยอมเปิดให้เล่นอีกแล้ว แม้หลังจากการนำมาโพสต์ลงก็ได้สร้างรอยยิ้มและประสบการณ์ที่ทำให้หลายคนเข้าใจและรู้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะทำ
แม้บางคนก็เข้ามาบอกว่าใจถึงมากเพราะเปิดเกมส์นี้ใส่ทีวีให้น้องแมวเล่นพินาศละยังครับ ซึ่งเธอก็บอกว่าเพราะรักล้วนๆเลยต้องทำใจเป็นเศร้ามาก แม้ยังมีหลายคนเข้ามาบอกว่าทีวีใจไม่กล้าเอาแค่ไอแพดก็เกินตัว แต่ทั้งนี้ก็อยากจะหาอะไรมาให้เข้าเล่นแต่ที่มันไม่ใช่ของที่พังง่าย
ที่มา Paradee...
เอามาทิ้งไว้ข้างกองขยะให้สิ้นลมไปใจสะอึก แม้ตายังไม่ทันลืมนมยังไม่ทันหย่าต้องคลานหาความช่วยเหลือ
เพราะจิตใจของมนุษย์เรานั้นเป็นสิ่งที่ยากแท้จะหยั่งถึง เหมือนที่พระท่านเคยบอกแล้วควรคำนึงว่าจิตใจคนเรานั้นเป็นสิ่งที่เข้าถึงไม่ได้แม้สกปรกเพราะยามตัวเดือนร้อนหรือได้รับภาระก็จะเลือกเห็นแก่ตัวเลือกจะพาเขาไปทิ้งโดยที่ไม่สนว่าชีวิตน้อยๆเหล่านี้นั้นจะอยู่กินกันเยี่ยงไร
เหมือนกับเรื่องราวนี้เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า สมชิด เนตรกลาง ที่ได้โพสต์เล่าเรื่องราวด้วยน้ำตาหลังไปเจอมาจนต้องลั่นว่าจิตใจทำด้วยอะไรลูกแมวเพิ่งจะคลอดนำใส่กล่องมาทิ้งไว้ข้างกองขยะข้างถนนรถก็เยอะไม่มีแม้ความเมตตาหรือสงสารชีวิตน้อยๆที่เพิ่งจะแรกเกิดนี้บ้างเลยหรือ
เขาเองเมื่อพบเห็นแล้วก็ต้องนำกลับมาป้อนนมอนุบาลดูแลพอแข็งแรงก่อนแล้วค่อยประกาศหาบ้านให้ หรือถ้าหากท่านใดสนใจเมตตาและสะดวกเดินทางมารับไปเลี้ยงป้อมนมเขาก็ยินดีมอบแมวให้ไปดูแลอุปการะ ส่วนเขาเองตัวคนเดียวที่บ้านช่วยเหลือมา 50 ตัวแล้วหรือสามารถที่จะทักแชทไปหาส่วนตัวเขาได้ตลอด 24 ชั่วโมง
หวังให้แค่น้องได้บ้านเพราะตอนนี้เขาได้นำแมวมาดูแลที่บ้านแมวอุ่นไอรัก ซ.วัดลาดหวายบางเพรียงสมุทรปราการใกล้ๆ คลองด่านทางออกปากน้ำสุขุมวิทสายเก่าท้ายบ้านได้ครับ เพราะชีวิตน้อยๆนี้ต้องพยายามจะดิ้นรนกระเสือกกระสนร้องขอความช่วยเหลือแม้ตัวเองก็ยังไม่ทันลืมตา
และนมยังไม่ทันหย่าคนใจร้ายเขาก็หาพามาทิ้งไว้ ซึ่งก็อยากจะฝากเอาไว้สำหรับผู้กระทำว่าการทำแบบนี้นั้นอาจจะก่อให้เกิดบาปกับตัวเพราะถ้าสุนัขจรหรือแมวโตมาพบเข้าพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะเอาชีวิตรอดได้เลย และเราก็ขอขอบคุณผู้โพสต์ที่ไม่เลือกจะทิ้งชีวิตน้อยๆนี้เอาไว้
ซึ่งถ้าใครอยากจะรับน้องๆไปถือว่าเอาบุญก็สามารถจะติดต่อไปหาได้ที่ต้นโพสต์
ที่มา สมชิด เนตรกลาง
เคยอยู่ร่วมกินข้าวหม้อเดียวกันฝันสลาย จากลาครั้งสุดท้ายใจสลายต้องมากลบดินฝังร่างน้อง
แม้ในหลายคนที่พยายามจะบอกเล่าว่าสิ่งที่มีชีวิตที่เรียกว่าแมวนั้นพวกเขาไม่มีความรู้สึก แม้ไม่มีจิตสำนึกหรือแค่การเรียกชื่อยังไม่ค่อยจะหัน แต่เราอยากจะบอกว่าให้ลองหาแมวจรที่พวกเขาไม่มีจะกินหรืออิ่มท้องมาเลี้ยงดูสักวัน เราเชื่อว่าพวกเขานั้นจะแสดงออกถึงสิ่งที่พวกเขารับรู้ได้และฟังรู้เรื่องมากกว่าแมวบ้านเลย
เหมือนกับเรื่องราวนี้เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า ยุพิน บุญเปลื้อง ที่ได้โพสต์เล่าเรื่องราวด้วยน้ำตาหลังได้พบเจอมากับสิ่งที่สุดแสนะเจ็บปวดที่สุด เพราะเมื่อแมวส้มของเธอได้เสียและจากไปเธอก็จะต้องทำกันฝ ังน้องแต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอต้องน้ำตานองและใจสลายคือพี่น้องของเขาได้มาเห็น
ในตอนที่เธอนั้นพยายามจะฝ ังร่างที่ไร้วิญญาณของเจ้าส้มซึ่งแมวตัวพี่ของเขาก็ได้มาดมและช่วยพยายามจะกลบดินใส่ร่างน้องที่ไร้ลมแล้ว แม้ยังมีอาการซึมไม่ค่อยกินข้าวกินปลาตัวเลยมาโพสต์ว่าเค้าคงจะรู้ว่าน้องได้จากไปแล้ว นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เธอนั้นปวดหัวใจมากยิ่งไปกว่าเดิม
ซึ่งสาเหตุเพิ่มเติมเธอได้แจ้งเอาไว้ว่าน้องส้มได้ตั้งท้องและคลอดลูกออกมาเองไม่ได้ เธอเลยได้พาน้องไปหาหมอแต่ก็ไม่สามารถที่จะช่วยลูกของเขาเอาไว้ได้แม้ในเวลาต่อมาส้มก็ได้เสียชีวิตลงตามไปด้วย ซึ่งเรื่องนี้ก็ถือเป็นเรื่องราวที่บีบหัวใจให้กับคนที่เลี้ยงแมวหรือคนเป็นทาสและบางคนก็เข้ามาถามหาความรับผิดชอบกับทางคุณหมอเจ้าของเคส
ที่มา ยุพิน บุญเปลื้อง
ร้องสุดสียงแหกปากลั่นตัวสะอึก วิ่งระทึกขึ้นเองได้ลงไม่ได้หัวทาสจะปวด
เพราะในความเป็นแม่ต่อให้พวกเขาจะคิดว่าตัวเองเป็นเจ้านายของเราก็ตาม แต่พอยามเดือดร้อนหรือทุกข์ยากก็ไม่พ้นคนเป็นทาสที่จะต้องมาคอยช่วยเหลือหรือรับใช้ แม้แต่การปล่อยให้ออกไปเที่ยวเล่นในทุกวันที่ไม่ค่อยจะมีเรื่องราวอะไรมาวันนี้แทบกลั้นใจเมื่อได้ยินเสียงลูกร้องขอให้ช่วยชีวิต
เหมือนกับเรื่องราวนี้เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า พิชชากร ดาวดึงษ์ ได้โพสต์เล่าเรื่องราวที่เทอแทบจะใจสลายเพราะในแต่ละวันเจ้ามิ้วของเธอนั้นจะชอบออกไปเที่ยวเล่น ซึ่งเธอก็พยายามจะให้น้องอยู่แต่ในบ้านแล้วแต่เมื่อเผลอทีไรก็จะต้องเป็นแอบออกไปในทุกที ซึ่งเธอก็พยายามจะจำก ัดบริเวณของน้อง
และมาในวันนี้ก็อีกเช่นกันเมื่ออยู่ๆเธอก็ได้ยินเสียงร้องลั่นเหมือนกับเสียงของลูกที่พยายามจะร้องขอความช่วยเหลือจากเธอ เธอก็รีบวิ่งออกไปดูชนิดที่ว่าล้มไม่ต้องลุกเลยก็ว่าได้วิ่งออกไปสุดกำลังตัวเพื่อที่จะไปช่วยลูกให้พ้นจากอันตรายที่เขาได้ร้องขอออกมา แต่ทว่านี้คือสิ่งที่เธอได้เห็น
เพราะความซนของเจ้าตัวแสบที่ดันไปปีนต้นเสาร์ที่กำลังจะปลูกบ้านจนทำให้ตัวเองไม่สามารถที่จะลงมาได้เลยร้องขอให้ช่วยไว้ แม้ตัวเธอเองจะมอหอมากที่เห็นลูกอยู่ในสภาพแบบนี้แต่เอาเข้าจริงๆก็ต ีไม่ลง เพราะในตอนแรกก็คิดว่าน้องจะถูกสุนัขหรือสัตว์อื่นๆไล่มา
ซึ่งผู้โพสต์ก็ได้เล่าอีกว่าน้องน่าจะวิ่งเล่นซนสนุกจนเกิดอาการคึกแล้วทำให้ปีนขึ้นไปโดยที่ไม่รู้ตัว จนมารู้อีกทีก็เกิดอาการกลัวความสูงจนทำให้เขานั้ต้องไปหาบันไดแล้วก็ปีนขึ้นไปอุ้มลงมาถึงลงได้ ซึ่งไอเสียงร้องที่ได้ยินขอให้ช่วยนั้นไม่ได้มาจากการได้รับอันตรายแต่มาจากการที่ตัวกลัวว่ามันสูงเกินแล้วลงไม่ได้หัวจะปวดเลย
ที่มา พิชชากร ดาวดึงษ์
นอนหมอบซมจมกองฉี่อึไม่มีแม้ทุนจะพาไปรักษา ทำได้เพียงรอเวลาหมดสิ้นลมหายใจ
เพราะแม้แต่ควา่มสงสารเมื่อได้เห็นแล้วแต่ตัวก็ไร้ทุนจะช่วยเลยต้องนอนป่วยนอนจมกองฉี่อึแม้อยากจะพาไปหาหมอทำไม่ได้ เลยมาโพสต์ขอร้องขอความช่วยเหลือแม้เมตตาลงในกลุ่มเพื่อให้ได้ช่วยหนึ่งชีวิตนี้ที่กำลังตกทุกข์ได้ยากก่อนจะหมดสิ้นลมหายใจ
เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Milk Pisut ได้โพสต์เล่าเรื่องราวด้วยน้ำตาหลังมาขอความเมตตาผู้ใจบุญช่วยเหลือเคสนี้ที เพราะเขาได้พบเจอกับน้องแมวเหมือนจะเดินไม่ได้น้องทนนอนทับฉี่ทับอึของตัวเองอย่างสิ้นและไร้หวัง เขาเองก็ไม่มีเงินมากพอที่จะช่วยเหลือเผื่อประทัง
เลยต้องหมดหวังที่จะพาไปรักษาหรือหาหมอเลยมาโพสต์ลงในกลุ่มเพื่อที่จะขอให้ช่วยต่อชีวิตต่อลมหายใจนี้ พิก ัดที่ลงไว้ เพชรเกษม 1 แม้ภายหลังก็ได้มีคนเข้ามาคอมเม้นว่าจะช่วยออกค่ารักษาในเบื้องต้นให้และให้เขาพาน้องแมวไปหาหมอ ซึ่งทางเขาก็ได้มาอัพเดทเอาไว้ว่า
เดียวจะลองไปดูและพาไปเบื้องต้นครับ แต่ทว่าติดวันอาทิตย์โรงพยาบสัตว์ปิด และเขาก็ได้มาแจ้งอีกทีว่าจะมาอัพเดทอาการของน้องให้ถ้าพาไปหาหมอแล้ว ซึ่งถ้าใครอยู่ใกล้ๆหรืออยากจะช่วยเหลือเคสนี้ให้มีลมหายใจต่อก็สามารถที่จะติดต่อไปหาเขาได้เลย
หรือถ้าใครเห็นโพสต์นี้แล้วอยากจะช่วยให้ตัวน้องแมวได้มีโอกาสรอดชีวิตก็สามารถที่จะช่วยแชร์เพื่อที่จะเพิ่มโอกาสให้เขาได้มีการช่วยเหลือหรือต่อลมหายใจเพิ่ม เราก็ขอขอบคุณที่เขาไม่เลือกที่จะนิ่งนอนใจต่อให้ไม่มีทุนจะพาไปรักษาก็ยังนำมาโพสต์ลงเพื่อที่จะหาโอกาสที่ให้น้องได้รับการรักษาและมีชีวิตอยู่ต่อบนโลกใบนี้
ที่มา Milk Pisut
หายออกจากบ้านไปตัวเป็นห่วงนานาจิต สุดจะคิดเดินเรียกตาหาน้ำตาคลอเบ้า
เพราะเป็นสัตว์ที่ขึ้นชื่อว่าตัวเองจะชอบคิดว่าตัวนั้นเป็นนายไม่สนดีร้ายต่อให้เราเดินร้องหายตามหาเป็นวันก็ไม่สน แม้จะอยู่แค่ตรงนี้กลับไม่ส่งเสียงเรียกหาตัวเฝ้าทน นอนตากแดดฝนนอนพึ่งแดดไม่สนใจใคร คนที่เลี้ยงหรือหัวอกแม่ก็เฝ้าเรียกแต่หาแม้ต้องปาดน้ำตาเดินหาน้องแมวตัวน้ำตาไหล
เหมือนกับเรื่องราวนี้เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า สิงโต มีโชค ได้โพสต์เล่าเรื่องราวด้วยน้ำตาหลังเธอพยายามจะหาน้องแมวแทบตูย เพราะเธอก็เดินหาอยู่รอบสองรอบก็ไม่พบเจอน้องซึ่งในตอนหลังได้เจอน้องขึ้นไปหลับบนต้นไม้อีกแล้ว และนี่ก็ไม่ใช่เพียงครั้งแรกที่ผู้เป็นเจ้าของหรือคุณยายได้ตามหาน้องไม่เจอ
เพราะตัวชอบไปนอนเผลอนอนแผ่พุงสบายใจเฉิบและไม่ยอมที่จะส่งเสียง เธอก็เรียกให้ลงมาๆเพราะน้องจะชอบไปนอนหลบบนต้นไม้ก็กลัวจะตกเอา หาแต่งานให้ยายเศร้าใจก็หายหาลูกไม่เจอ น้องก็ทำหน้าเหมือนกำลังจะตอบว่ายายนี่ยุ่งจริงๆหนูกำลังนอนผิงนอนพึ่งแดดอย่างสบายใจ
แม้คนที่เลี้ยงดูจะต้องเสียน้ำตาหรือร้องไห้น้ำตาไหล ตัวก็ไม่สนใจเพราะคิดแค่ว่าเป็นนายเรา เพราะการปล่อยให้ออกเราจะไม่สามารถที่จะรู้ได้เลยว่าพวกเขาไปแอบหลบอยู่ตรงไหน ทางที่ดีให้หาสายจูงมาใส่เอาไว้เราจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจเดินร้องไห้ตามหา
ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องราวที่น่ารักที่ทำให้หลายคนได้ยิ้มได้กับเรื่องราวนี้ ถึงแม้คุณยายจะต้องเสียใจในตอนที่หาน้องไม่เจอในตอนแรกก็ตาม แต่ก็สร้างรอยยิ้มให้กับหลายๆคนที่เข้ามารับชมภายในกลุ่มทาสรักเจ้านาย เลาคือทาสแมว เพรารูปร่างท่าทางที่น้องนอนนั้นเอง
.
ที่มา สิงโต มีโชค
นอนมอบหน้าคว้ำน้ำมูกไหล เคยมีเจ้าของแต่กลับปล่อยให้ป่วยจนต้องรอเวลาหมดสิ้นลมหายใจไปเอง
เพราะในความพร้อมในการดูแลพวกเขาไม่ใช่เพียงแค่เราเห็นแค่สงสารเขาเลยเลือกจะเลี้ยงไว้ เพราะหนึ่งชีวิตนั้นต้องดูแลมากกว่าแค่การให้อาหาร เพราะถ้าป่วยขึ้นมาแล้วคนที่คิดจะเลี้ยงไม่มีความรับผิดชอบมากพอพวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะไปพึ่งพาใครเพราะคุณคือโลกทั้งใบของพวกเขา
เหมือนกับเรื่องราวนี้เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Jenny Jutamas ที่ได้โพสต์เล่าเรื่องราวด้วยน้ำตาหลังเธอมีเรื่องอยากจะมาขอความช่วยเหลือคือน้องแมวตัวนี้เป็นแมวของคนข้างๆบ้านเธอ แต่คนข้างบ้านเธอกลับไม่สนใจปล่อยทิ้งเธอก็สงสารเลยให้ข้าวให้น้ำน้องทุกวันจนน้องโตถึงทุกวันนี้
และช่วง 3-4 วันมานี้น้องเหมือนจะไม่สบายเพราะน้องไม่ยอมกลับบ้านเธอเลย น้องไปนอนนอกบ้านและมีอาการน้ำมูกและไอไม่ยอมขยับตัวพากลับบ้านก็ไม่กลับ เธอและแม่ไม่มีเงินมากพอที่จะเอาน้องไปหาหมอเพราะบ้านเธออุปการะแมวของคนข้างบ้านมาเลี้ยงทั้งหมด 5 ตัวแล้ว
ซึ่งเธอจะต้องจ่ายค่าอาหารแมวเดือนละ 500 บาททุกเดือนเงินเดือนเธอก็ออกเป็นวีค เธอเลออยากจะขอน้ำใจจากคนรักหมารักแมวช่วยเหลือเธอในเรื่องค่าใช้ต่ายที่จะพาน้องแมวไปหาหมอด้วย เธอไม่รู้ว่าน้องจะรอดไหมแต่เธอก็อยากที่จะพยายามจนสุดความสามารถก่อน แม้ภายหลังจากการนำมาโพสต์ลงเธอก็ได้มาอัพเดทว่าในตอนนี้น้องได้ไปหาหมอมาแล้วแต่อาการไม่ดีขึ้นเลย
ที่มา Jenny Jutamas
จากวันแรกรับมากำพร้าหน้าเหมือนอึ่ง วันนี้ตัวสะพรึงต้องพบเจอกับสายตาที่ไร้เยื้อใย
จากคำว่าทาสที่หลายคนที่ไม่ได้เลี้ยงก็อาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเรียกตัวเองว่าทาส เราเลยได้นำเรื่องราวยกตัวอย่างของการเป็นทาสมาฝากสำหรับคนที่ไม่รู้ เพราะคำว่าทาสจริงๆนั้นก็หมายความตรงตัวเลยเพราะการเลี้ยงดูแลน้องแมวที่ต่างออกไปจากน้องหมาที่ยังรู้ว่าเราเป็นนาย
เหมือนกับเรื่องราวนี้เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า พรพัชรนันท์ วัชรรุ่งเรือง ที่ได้โพสต์เรื่องราวสุดฮาของเจ้ามิ้วที่มีชื่อว่าน้องแครกเกอร์ ซึ่งเธอได้มาเล่าถึงสำหรับคนที่ยังพอจะจำน้องแครกเกอร์ได้ และคิดถึงน้องวันนี้เธอเลยได้เอารูปน้องในปัจจุบันของน้องมาให้ดูกัน เลยขออนุญาตแฟนใหม่ของคุณพ่อมาณที่นี้ด้วยนะคะ
เพราะปัจจุบันตอนนี้น้องอยู่กับคุณพ่อและแฟนใหม่ของคุณพ่อ ซึ่งได้เป็นคนเลี้ยงดูแลน้องแครกเกอร์อย่างเป็นอย่างดี และพาแครกเกอร์ไปเที่ยวต่างจังหวัดตลอด ตอนนี้น้องอายุได้ 3 ขวบกว่าแล้วน้ำหนัก 6.4 โลซึ่งก่อนที่เธอจะแต่งงานเธอได้โทรไปคุยกับคุณพ่อของน้องแครกเกอร์ว่าขอดูรูปน้องผ่านเฟสบุ๊คคุณแม่คนใหม่ก็ได้เพราะคิดถึงน้องมาก
เธอก็ดูรูปน้องทุกวันแล้วต้องขอบคุณที่คุณแม่คนใหม่ดูแลแครกเกอร์เอ็นดูน้องเหมือนกับลูกสาวอีกคน น้องโชคดีแล้วที่ได้อยู่กับคุณพ่อเพราะถ้าอยู่กับเธอเธอรักำน้องจริงๆแต่สถานที่ที่แครกเกอร์ต้องอยู่ก็จะต้องถูกจำกัด เพราะเธอไม่อยากที่จะเห็นภาพนั้น แม้ในทุกวันนี้เธอก็มีความสุขที่ได้ดูรูปน้องผ่านเฟสบุ๊ค
ซึ่งบางครั้งก็ดูไปร้องไห้ไปยิ้มไปแต่ต้องขอบคุณจริงๆที่ดูแลน้องเป็นอย่างดี วันนี้เธอเลยเอารูปน้องมาอัพเดทให้ดูเพราะมีพี่ๆหลายคนทักมาหาในไอจีและเฟสบุ๊คตลอด ซึ่งมครทักส่วนตัวมาเธอก็จะส่งรูปให้ดูตลอด วันนี้เลยอยากจะให้ทุกคนเห็นและหายคิดถึงน้องโดยการเอารูปมาลง
ซึ่งสำหรับเพจน้องที่ปิดไปปิดเกือบปีแล้วเพราะเธอก็ไม่รู้วาจะมีโอกาสได้อัพรูปอีกเมื่อไหร่ จึงปิดไปแต่รูปทั้งหมดของแครกเกอร์เธอก็ได้เก็บเอาไว้ใน google...
จำอาศัยในป่าสวนตัวก็เล็กยังเด็กอยู่ ทนนอนหลบแอบในโพรงหญ้าที่เป็นรูยังไม่รู้จะพ้นมูวันไหน
ด้วยชีวิตหนึ่งชีวิตที่เกิดมาเป็นเพียงแค่สัตว์ตัวน้อยๆ บางคนเขาเลยเลือกจะมองข้ามและมองว่าด้อยค่า เลยไม่คิดสนว่าจะมีชีวิตหรือลมหายใจยังไงต่อหรือต้องออกไปประทังหา เลยเลือกมาปล่อยเทไว้แม้ท่ามกลางป่าใหญ่ที่เป็นสวน ซึ่งตัวก็น้อยนิดและยังไร้เดียงสายังต้องเผชิญกับสัตว์มีพ ิษนาๆแม้อาจจะเอาชีวิตไม่รอด
เหมือนกับเรื่องราวนี้เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Phattarawadee SA ได้โพสต์เล่าเรื่องราวเพื่อที่จะมาหาบ้านให้กับเจ้ามิ้วตัวน้อย หลังเธอไม่รู้ว่าน้องมาจากไหนหรือใครเอามาปล่อย เพราะเธอได้พบเจอน้องเมื่อตอนสิ้นปี ในสวนของบ้านญาติ แม้น้องยังตัวเล็กมากและคิดว่าน้องน่าจะยังเด็กอยู่เลย
ซึ่งในตอนนี้เธอก็ดูแลน้องอยู่แต่อยากจะให้น้องได้บ้านอยู่ที่เป็นหลักเป็นแหล่งมากกว่า เพราะที่บ้านของเธอเองก็มีแมวหลายตัวแล้ว แม้ในกลางวันจะเอาข้าวไปให้และพอตกเย็นน้องก็จะมานั่งรอหลังบ้านทุกวันค่ะเอ็นดูมากๆ เลยอยากจะหาใครอยากจะได้รับน้องไปเลี้ยงดูก็สามารถที่จะทักไปหาเธอได้ตลอดเลย
และขอคัดบ้านและขอคนที่พร้อมจะเลี้ยงดูแลเขาไปจนกว่าจะหมดสิ้นอายุขัย เป็นแมวตัวผู้กลางวันจะอาศัยอยู่ที่สวนออกไปเที่ยวเล่นแต่พอตกเย็นมืดค่ำน้องจะเข้ามาหลบแอบแถวๆระแวกบ้านเธอก็ทำที่หลับที่นอนให้เขาเอากล่องลังกระดาษมาให้เขาเอาไว้หลับนอนตอนมืดค่ำ
ซึ่งก็ยังไม่น่าไว้วางใจเท่าไหร่สำหรับคนที่ได้เข้ามาเห็นเพราะในสวนนั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรจากป่าที่มีสัตว์มีพ ิษหรือสัตว์นักล ่าที่สามารถจะเป็นอันตรายกับตัวน้องได้ หลายๆคนก็ยังแสดงความคิดเห็นเป็นห่วงแต่ก็ยังไร้คนจะมารับน้องไปเลี้ยงดู เราก็ขอฝากผ่านพื้นที่ตรงนี้ขอเพียงพื้นที่ในบ้านเพียงเล็กๆน้อยๆ
ให้หนึ่งชีวิตนี้ได้อาศัยอยู่มีบ้านเป็นหลักแหล่งแม้ไม่หลักลอยให้ชีวิตน้อยๆนี้ได้รอดพ้นจากภัยอันตรายท่ามกลางสวนป่าที่น่ากลัว ซึ่งถ้าใครไม่สามารถจะรับเขาได้ก็ช่วยแชร์ก็ได้เพื่อที่จะเพิ่มโอกาสให้กับเขาเราเชื่อว่าบุญจะส่งกลับหาตัวเราขอให้เขาได้มีชีวิตที่มีสุขไม่ต้องทนนอนตากยุงกลางป่า
ที่มา Phattarawadee SA
ถูกสุนัขรุมฟัดวิ่งสะบัดเข้าโพรงหญ้า หูก็พับคงหลงมาปาดน้ำตาจับไม่ได้
เพราะการเลี้ยงดูแลให้อยู่แต่ภายในบ้านที่เราคอยพยายามจะย้ำบอกว่าให้เลี้ยงเขาให้อยู่ในสายตาตลอดเพราะถ้าหากเราเผลอปล่อยให้ออกเราอาจจะต้องเสียใจไปตลอดเลยก็ว่าได้ เพราะชีวิตที่ไม่รู้เรื่องราวหรือพ ิษภัยจากโลกภายนอกนั้นยามเวลาขับขันตัวก็ไม่สามารถที่จะเอาตัวรอดจากโลกกว้างข้างนอกนั้นได้เลย
เหมือนกับเรื่องราวนี้เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Mongkol Chaisri ได้โพสต์เล่าเรื่องราวเพื่อที่จะตามหาว่าแมวของใครหายลงในกลุ่ม ทาสแมวทาสหมานิคมพัฒนาปลวกแดงระยอง หลังเขาได้พบเจอน้องถูกสุนัขไล่รุมฟัดมาจนน้องตกอยู่ในสภาพที่สะบักสะบอมซ้ำไม่ให้จับ
ตัวก็วิ่งเข้าไปหลบหนีแอบในโพรงหญ้าริมป่าข้างทาง แม้ตัวเขาจะเข้าไปใกล้น้องก็วิ่งหนีไปจนเขาก็รอให้น้องออกมาเพื่อที่จะช่วยเอาไว้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะพอเข้าไปใกล้น้องอีกน้องก็จะพยายามวิ่งหนีเข้าไปหลบและเตลิด ซึ่งคาดว่าน้องน่าจะเป็นแมวพันธุ์สก็อตติชเพราะมีหูที่พับ
และน่าจะเป็นแมวมีเจ้าของ เขาเองพอรอสักพักน้องก็วิ่งเข้าป่าไปอีกเขาก็เลยต้องกลับมาก่อน ซึ่งพิก ัดตรงที่น้องหายนั้นเขาได้แจ้งว่ามาบยางพร ซ.7 แม้ในภายหลังก็ยังไม่ได้มีการอัพเดทอะไรเพิ่มเติม ซึ่งถ้าใครคิดว่าเป็นแมวของตัวเองแล้วอยากจะได้รายระเอียดพิก ัดที่น้องหายเพิ่มเติมก็สามารถที่จะทักไปหาต้นโพสต์ได้
หรือถ้าใครเห็นแล้วเกิดความสงสารน้องก็สามารถที่จะช่วยแชร์ได้ เพื่อที่จะเพิ่มโอกาสให้เขาได้พบเจอกับเจ้าของตัวจริงๆเขาจะได้มารับน้องกลับไปสู่อ้อมกอดที่ตัวได้เคยอยู่ และนี่ก็เป็นสาเหตุที่เราพยายามบอกให้ทุกคนเลี้ยงแมวเอาไว้ในระบบปิดเพราะถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ได้เขากลับคืน
.
ที่มา Mongkol Chaisri