คิดว่าหมากำลังคุ้ยขยะหาของกินประทังหิว พอหัวโผล่มาโธ่เจ้าแมวน้อยใครช่างปล่อยให้อยู่ข้างถนน
ทุกๆครั้งเรามักจะย้ำบอกกับเพื่อนๆเสมอว่าการนำสุนัขหรือแมวมาเลี้ยงนั้นเพื่อนๆจะต้องเตรียมความพร้อมก่อนที่จะนำพวกเขามาเลี้ยง ไม่ใช่เพียงแค่อยากจะได้ก็เอามาหรืออยากจะมีก็เอามาเลี้ยง เพราะภาระต่อหนึ่งชีวิตที่เพื่อนๆจะต้องดูแลพวกเขาตลอดไป
มิเช่นนั้นอาจจะเกิดปัญหาการถูกนำมาปล่อยไว้หรือปล่อยให้ใช้ชีวิตเร่ร่อนไม่ต่างอะไรกับสัตว์จรเช่นเดียวกับเจ้าเหมียวตัวนี้ หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Yotin Innoy ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวรายนี้หลังจากที่เขานั้นพบน้องกำลังคุ้ยขยะหาของกินเพื่อที่จะประทังชีวิต
ซึ่งในตอนแรกนั้นหนุ่มผู้โพสต์กำลังเดินอยู่ที่ข้างถนน คิดว่าเป็นหมากำลังคุ้ยหาขยะกินเพื่อประทังความหิว แต่เมื่อน้องได้โผล่หัวออกมาสรุปเป็นเจ้าเหมียวสุดน่ารัก ซึ่งไม่รู้ว่าใครนั้นปล่อยให้เจ้าเหมียวรายนี้ออกมาอยู่ข้างถนนแบบนี้ แต่ทว่าก็น่าจะเป็นแมวที่มีเจ้าของ
เพราะเนื้อตัวมอมแมมเล็กน้อยและดูเหมือนว่าเพิ่งจะได้ออกมาผจญโลกภายนอกไม่นาน ไม่รู้ว่าหลุดหรือหลงมาแต่อย่างใดแต่ทางผู้โพสต์เองก็ได้งดบอกพิกัดเอาไว้ เพราะคาดว่าเจ้าของหรือบ้านของน้องคงจะอยู่ใกล้ๆนี้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามเพื่อนๆในกลุ่มเอง
ก็อดที่จะเป็นห่วงน้องไม่ได้เลยจริงๆ เพราะด้วยน้องนั้นหน้าตาน่ารักแถมเป็นแมวพันธุ์กลัวว่าจะเจอสุนัขจรแถวนั้นฟัดเอาได้ ซึ่งหากเพื่อนๆคนไหนเคยเห็นหรือรู้จักเจ้าเหมียวตัวนี้ก็สามารถติดต่อไปที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะเพื่อว่าน้องจะหลุดออกมาแล้วกลับบ้านไม่ถูก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Yotin Innoy
สุนัขสองพี่น้องที่ใครหลายคนเห็นต่างก็ยิ้มได้ ปัจจุบันน้องกะหล่ำกำลังป่วยส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Kanokpon Onjunprasert ได้เผยเรื่องราวของน้องกะหล่ำน้องหมาตัวสีดำ หลายคนอาจคุ้นหน้าคุ้นตากับหมาพี่น้องคู่นี้ในโลกออนไลน์ที่เธอนั้นได้โพสต์ในครั้งก่อนๆ แต่ปัจจุบันน้องกะหล่ำกำลังป่วยหนัก และต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลสัตว์อย่างเร่งด่วน
.
โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า คุณจำภาพเหล่านี้ได้ไหมคะ ภาพของสองพี่น้องน้องกะหล่ำกับพี่ผักโขม ภาพที่ทำให้หลายคนมีความสุข มีเสียงหัวเราะ และอดที่จะอมยิ้มตาม ตอนนี้น้องหมาในภาพตัวสีดำอย่างน้องกะหล่ำกำลังป่วยหนักด้วยโรคตับอักเสบและไข้หัด
ตั้งแต่เล็กจนโตน้องร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่เวลาป่วยน้องจะใจสู้อดทนเก่งที่สุด ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน น้องผ่านพ้นโรคมาได้อีกครั้งแต่ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงพักฟื้นร่างกาย วันนี้วัดไข้น้องไม่มีไข้แล้วร่างกายอุณหภูมิปกติ แต่ร่างกายน้องกล้ามเนื้ออ่อนแรงและขาดวิตามินสารอาหาร
แนวทางการรักษาตามที่คุณหมอแนะนำมาก็คือ น้องจะต้องกินยาเกี่ยวกับระบบประสาท ยาเขียว ยาโรคตับ ยาบำรุงโลหิต กินยาวิตามินบำรุง...
เกือบต้องเสียแมวไปตลอดทั้งชีวิต และอาจต้องตาบอดเพราะซื้อยามาใช้เองที่ร้านขายอาหารสัตว์
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Khathawut Somrit ได้เผยเรื่องราวอุทาหรณ์ให้กับผู้เลี้ยงแมว โดยก่อนหน้านี้เขาได้ซื้อยาหยอดเห็บหมัดที่หลังคอให้กับแมวของเขาที่ร้านขายอาหารสัตว์ แต่พอใช้ไปได้ไม่นานน้องก็เริ่มมีอาการทางประสาท และอาจต้องตาบอดไปตลอดทั้งชีวิต
.
โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า ผมตัดสินใจจะเล่าบทความนี้เป็นวิทยาทานและด้วยกุศลนี้ผมขอให้แมวอันเป็นที่รักของผมหายป่วยด้วยเถอะครับ ขออนุญาตนำภาพที่ถ่ายติดมากับเพื่อนผมมาเล่าให้คนรักแมวฟังด้วยนะครับ บทเรียนเตือนภัย กับใครที่เลี้ยงหมาแมว ยาที่ใช้กับหมาแมวไม่ว่าจะโรคอะไรก็อย่าไปซื้อมาใช้เองเด็ดขาด
กะหล่ำต้องเข้า รพ.สัตว์ เพราะเราหยอดยากำจัดเห็บหมัดที่หลังคอของน้องด้วยตัวเอง คนขาย(ร้านขายอาหารสัตว์)บอกว่าให้ใช้ทั้งขวด แต่ผลที่ได้คือ เกินขนาด ยาไม่มี อย. แมวมีอาการทางประสาทตามมา ตาอาจจะบอดตลอดชีวิต(ตอนนี้ม่านตาขยายจนสุดและมองไม่เห็น) หูได้ยินบ้างแต่ก็มีโอกาสที่จะหูหนวก ยืนเองไม่ได้นั่งไม่ได้...
เกรงใจลูกแม้ตัวต้องยอมลำบาก น้ำก็ต้องอาบงานก็ต้องไปทำลูกก็เป็นอุปสรรคต่อการอาบน้ำในแต่ละวัน
หากบ้านไหนที่ได้เลี้ยงแมวหรือเป็นทาสแมวจริงๆก็คงจะเข้าใจในความรู้สึกนี้ เมื่อทุกครั้งในการที่เราจะเข้าห้องน้ำหรืออาบน้ำก็มักจะเป็นปัญหากับเจ้าเหมียวเสมอไม่ว่าเราจะเข้าห้องน้ำช้าหรือเข้าเร็วแค่ไหนพวกเขาก็จะต้องมารบกวนหรือพยายามที่จะเข้ามาอยู่กับเราในห้องน้ำด้วยให้ได้
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Ratiyaa Meejaroen ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวตัวแสบของเขาลงในกลุ่มทาสแมว หลังจากที่เมื่อเวลาที่เธอต้องตื่นเช้าซึ่งเป็นเวลาที่เร่งรีบในการที่จะต้องอาบน้ำไปทำงานซึ่งก็จะถูกลูกน้อยของเธอก่อกวนในทุกวัน
และด้วยความเกรงใจลูกนี่เองทำให้เธอนั้นต้องยอมลำบากในการอาบน้ำจากการที่จะได้อาบน้ำฝักบัวอย่างเร่งรีบและสบายใจเธอกลับต้องมาใช้สายฉีดก้นใส่แก้วแล้วอาบแทนเพราะด้วยความที่เจ้าเหมียวทั้งหลายพยาบาลจะเข้ามาอยู่ในห้องน้ำด้วย
ซึ่งถ้าเธออาบแบบปกติก็จะเปียกลูกๆของเธอไปด้วย ซึ่งลูกๆของเธอแต่ละตัวก็ขนค่อนข้างยาวทั้งนั้นไอ้จะอาบโดยไม่สนใจว่าพวกเขาจะเปียกปัญหาก็จะตามมาอีกเพราะถ้าขนของแมวเปียกแล้วไม่เป่าให้แห้งเชื้อราก็จะเกิด เธอจึงได้นำเรื่องสุดฮานี้มาลงในโลกออนไลน์
และนี่ก็ถือเป็นอปุสรรคของเธอที่ลูกๆมีให้แต่ละวันของทุกเช้า แต่ยังไงก็รักไปแล้วเธอก็เลยทำได้แต่เกรงใจซึ่งทั้งนี้เธอยังมีแฟนเพจของลูกๆเธอเองอีกด้วยหากว่าเพื่อนๆคนไหนอยากจะเข้าไปรับชมความฮาแบบนี้ก็เข้าไปตามที่เพจน้องๆได้เลยจ้า ยังไงก็ขอให้คุณแม่มีความสุขในการอาบน้ำในแต่ละวันจ้า
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Ratiyaa Meejaroen Pandy & Panda แมวหน้ามึน
แม้ร่างกายจะแย่เพราะถูกหมาฟัดก็ยังคลานสองขาด้วยแรงที่เหลือเพื่อปกป้องลูกสุดกำลังที่มี
หากเราจะพูดถึงหัวอกคนเป็นแม่แล้วเชื่อว่าทุกคนนั้นจะเข้าใจในคำคำนี้เป็นอย่างดีแท้ เพราะความรักของแม่นั้นหาที่สุดจะเปรียบเทียบกับความรักของโลกใบนี้ได้ ไม่ว่าจะต้องทนเหนื่อยทนเจ็บลำบากยากเย็นแสนเข็นเพียงใดหัวอกแม่แล้วย่อมทำได้เพื่อให้ลูกนั้นปลอดภัยเสมอ
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Ging Rungrudee ที่ได้มาโพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวที่มีชื่อว่าสีหมอก โดยสีหมอกนั้นเป็นแมวจรแม่ลูกอ่อนแถวบ้าน แต่ก็ตอนนี้ต้องพิการไปตลอดทั้งชีวิตเพราะโดนสุนัข 5 ตัวรุมฟัดตอนตี 2 ซึ่งแมวจรตัวอื่นๆนั้นวิ่งหนีหมากันไปหมด เหลือแต่สีหมอกที่อยู่เฝ้าลูกตัวน้อยไม่ไปไหน
จนโดนสุนัขรุมฟัด ซึ่งตอนที่เธอนั้นออกไปไล่หมาจนหมดพี่หมอกก็คลานด้วย 2 ขาหน้าเพื่อที่จะไปหาลูกตัวน้อยๆ และเมื่อเธอเห็นว่าสภาพของพี่หมอกไม่ไหวแล้วก็จึงนำส่งโรงพยาบาลสัตว์จนสุดท้ายสองขาหลังใช้การไม่ได้ และอึฉี่ด้วยตัวเองไม่ได้ตลอดชีวิต โดยเป็นการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลเกือบเดือน
และหลังจากออกจากโรงพยาบาลมาก็มาดูแลนางต่อที่บ้านจน 2 วันก่อนได้มีคนเอาลูกแมวใส่ลังมาไว้ในสนามของหมู่บ้านเธอจึงเก็บมาป้อนนมและดูแล แต่เมื่อพี่หมอกเห็นลูกแมวตัวน้อยพี่หมอกก็รีบคลานเข้ามาด้วย 2 ขาหน้าของนางและคาบน้องไปไว้ที่นอนตัวเองเหมือนตัวเองเป็นแม่แท้ๆ
ซึ่งตอนนี้พี่หมอกก็เป็นพี่เลี้ยงที่เลี้ยงน้องได้ดีมากๆ...
กูยังตกใจคนอื่นจะเหลือมั้ย หลังคืนนี้มีคำสั่งให้ไปนอนเฝ้าแพะอิทาสก็ห่วงลูกขอกระเตงไปนอนเฝ้าแพะด้วย
เพื่อนๆหลายคนเคยคิดหรือสงสัยกันบางมั้ยว่าทำไมผู้สูงอายุอย่างเช่นพ่อกับแม่ของเรามักจะชอบเลี้ยงแมว อาจจะด้วยความเหงาเมื่อเรานั้นไม่ได้อยู่ใกล้หรืออาจจะมีสิ่งใดๆมากมายกว่านั้น เพราะด้วยการเลี้ยงแมวก็เหมือนกับการเลี้ยงเด็กที่จะได้ทั้งภาระและความสุขความรักและรอยยิ้ม
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Nipawan Prangsuk ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวและลูกสาวของเธอลงในกลุ่มทาสแมว หลังจากที่เธอนั้นได้สั่งกับลูกสาวและแมวเอาไว้ว่า ทั้งคู่เตรียมตัวนะคืนนี้จะพาไปนอนเฝ้าแพะ
เพราะด้วยการประกอบอาชีพของเธอนั้นคือการเลี้ยงแพะเธอจึงจำเป็นต้องไปนอนเฝ้า แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้หน้าตกใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือสภาพของทั้งสอง นั่นก็คือทั้งลูกสาวและแมวของเธอนั้นกลับมายืนเฝ้ารออยู่ที่กลางถนนจนเธอได้บอกว่า ก็บอกให้เตรียมพร้อมแต่ไม่จำเป็นต้องมายืนพร้อมอยู่กลางถนนแบบนี้
เพราะถึงขนาดตัวเขาเองยังตกใจแล้วคนอื่นจะเหลือมั้ยนี่ ซึ่งงานนี้ก็ได้เรียกเสียงฮาลงในกลุ่มทาสแมวเป็นอย่างมาก เพราะด้วยจากสภาพของทั้งคู่นั้นไม่ได่ต่างอะไรไปจากผีแม่ลูกอ่อนอุ้มลูกมาตามหาผัวเลยทีเดียว แต่ถึงยังไงก็อยากจะฝากเพื่อนๆไว้ว่ากลางค่ำกลางคืนอย่ามายืนแบบนี้คนอื่นเขาจะตกใจได้ ฮ่าๆ
ทั้งนี้เรายังได้ทราบชื่อเสียงเรียงนามของเจ้าเหมียวตัวนี้ด้วยว่ามีชื่อว่าเจ้า มะตูม เป็นแมวเพศผู้สุดแสนจะน่ารักก็จะให้ไปนอนเฝ้าแพะจะไม่ให้เอาหนูไปด้วยได้ยังไงละ ซึ่งทางผู้เป็นเจ้าของเองก็ยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกด้วยว่าน้องมะตูมถูกเลี้ยงดูมาเหมือนกับเด็กคนนึงเวลาจะไปทำงานหรือไปไหนก็จะต้องกะเตงกันไปด้วยเสมอ ซึ่งในปีนี้น้องก็มีอายุได้ 5 ขวบแล้วซึ่งทั้งนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่สร้างรอยยิ้มให้กับเหล่าทาสแมวมากๆเลยจ้า
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Nipawan Prangsuk
กู้ภัยรับแจ้งเหตุ ขอความช่วยเหลือด่วนหลังเหมียวติดเหล็กดัด ใจก็คิดว่าคงต้องแรงแน่แต่ไปถึงก็อดขำไม่ได้
หากเพื่อนๆที่ได้เลี้ยงแมวแล้วก็คงจะรู้จักนิสัยใจคอของเหล่าเจ้าเหมียวกันดีว่าแมวนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถจะคาดเดาการกระทำของพวกเขาได้ ซึ่งในบางครั้งพวกเขาก็ทำเหมือนกับว่าพูดรู้เรื่องและเข้าใจในสิ่งที่เราพูด แต่ในบางครั้งพวกเขาก็ทำเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
ยิ่งไปกว่านั้นจากการกระทำสุดพิเรนของพวกเขานั้นยังได้ทั้งการสร้างรอยยิ้มและเรียกเสียงฮาให้แก่มนุษย์ เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Rungroj Prampipat ได้โพสต์เรื่องราวนี้ลงในโลกออนไลน์หลังจากที่เขานั้นเป็นหน่วยกู้ภัยและได้รับแจ้งเหตุ
ว่ามีแมวติดเหล็กดัดซึ่งขอให้ทางหน่วยกู้ภัยนั้นได้เข้าช่วยเหลือ ซึ่งในใจของเขาเองตอนนั้นก็คิดไปว่าแมวน่าจะถูกเหล็กทิ่มหรืออะไรแบบนี้ แต่ทว่าเขาก็เห็นว่ามีทางหน่วยกู้ภัยนั้นได้เข้าไปช่วยเหลือแมวตัวดังกล่าวแล้วซึ่งทางเขาเองก็เลยไม่ได้ไปช่วยและไม่ได้ติดตามข่าวใดๆต่อๆ
ทราบเรื่องภายหลังจากสาวใจดีท่านหนึ่งที่เธอนั้นมักจะให้อาหารแมวจรตัวนี้ สรุปน้องเป็นแมวจรจ้า โดยผู้โพสต์คุณ Elegant Moon ได้เล่าว่า นางตัวนี้นางเป็นแมวจรในซอยที่เราอาศันอยู่ค่ะ อาศัยนอนตามหลังคาบ้านตามระเบียงบ้านของคนในซอย บางบ้านก็ชอบบางบ้านก็ไม่ค่อยชอบนาง ปกตินางจะมารอกินอาหารที่หน้าบ้านเราทุกวัน 2 เวลา เช้ากับเย็น
เมื่อเช้าวันที่9 ไม่เห็นนางมากินเหมือนทุกวันที่เคยมา เราตะโกนหาเรียกหาตั้งแต่เช้าก็ไม่มีวี่แวว จนถึงมื้อเย็นนางก็ไม่มาสักที...
บทเรียนสาวทาสแมว หลังแมวป่วยเพียง1ตัวกลับทำให้แมวอีก60ชีวิตต้องป่วยตามไปด้วยเพราะความชะล่าใจ
ถือเป็นอีกหนึ่งบนเรียนราคาแพงสำหรับเพื่อนๆหลายคนที่ได้เลี้ยงแมวหลายๆตัว เพราะสิ่งที่จะตามมาในการที่เพื่อนๆนั้นได้เลี้ยงแมวหลายๆตัวในระบบปิดนั้นก็คือโรคติดต่อ ที่จะส่งผลเสียและแพร่กระจายตัวได้อย่างรวดเร็วซึ่งหากเราเกิดการชะล่าใจแล้วก็ยิ่งหนัก
เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Ple App ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวของเธอซึ่งเธอนั้นได้นำมาโพสต์เอาไว้ในกลุ่มทาสแมวหลังจากที่แมวของเธอนั้นมีอาการป่วยมีอาการไอมีน้ำมูกไหล หายใจทางปากประมาณ 2-3 ตัวซึ่งพอตอนเช้าก็เป็นกันทั้งหมด 5 ตัว
โดยในเย็นวันจันทร์ที่เธอกลับมาจากทำงานเธอก็ซื้อยามาให้น้องแมวสำหรับ 5 ตัว แต่ทว่าเมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาลมแทบจับเพราะเจ้าเหมียวที่เธอเลี้ยงไว้นั้นติดกันจนหมด 60 ตัว ซึ่งเธอเลี้ยงน้องแมวในระบบที่ปิดแต่มีอากาศถ่ายเทดี แต่ด้วยความที่มีแมวเยอะจนทำให้ติด
และด้วยเหตุผลที่เธอนั้นชะล่าใจจนทำให้ไม่ได้แยกน้องตัวที่ติดโรคเอาไว้ จนทำให้ทุกตัวนั้นติดกันหมดซึ่งอาการของน้องๆเองก็ทรงๆทรุดๆโดยเธอเองก็ต้องดูแลน้องตลอดเวลา ในขณะที่หนึ่งวันเธอได้นอนเพียงแค่ 2-3 ชั่วโมงเพียงเท่านั้นเพราะด้วยเธอตัวคนเดียวและอยู่เพียงลำพัง
จนในที่สุดแมวของเธอก็สิ้นใจไปหนึ่งตัวเพราะจากอาการป่วยและการชะล่าใจของเธอ เธอจึงได้นำเรื่องราวมาบอกกับเพื่อนๆลงในกลุ่มเพื่อเป็นบทเรียนหากบ้านไหนที่มีแมวเยอะและเกิดมีอาการแมวป่วยก็ควรรีบจะแยกก่อนที่พวกเขาจะติดกันไปทั้งหมดเหมือนกับเรื่องราวนี้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Ple...
บทเรียนราคาแพงเกือบต้องเสียแมวสุดที่รัก เพราะแมวเครียดต้องส่งคลีนิคจนเกือบไม่รอด
เพื่อนๆที่ได้เป็นทาสแมวหลายๆคนก็คงจะเคยได้ยินเรื่องราวของเหล่าเจ้าเหมียวว่าความเครียดนั้นเป็นสิ่งสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของพวกเขา เพราะถ้าหากว่าแมวของเพื่อนๆเกิดเครียดขึ้นมาปัญหาที่จะตามมานั้นย่อมถึงแก่ชีวิตได้เลยทีเดียว ซึ่งทั้งนี้เรามาดูกันว่ามันอันตรายมากขนาดไหน
หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า วรพรรณ กลับแก้ว ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวสุดที่รักซึ่งเรียกได้ว่าเป็นนาทีที่บีบหัวใจของผู้เป็นเจ้าของที่สุดตั้งแต่เลี้ยงน้องแมวมาเลย เพราะวันนี้อยู่ๆน้องก็เกิดอาการชัก โดยเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเร็วมากๆ เพราะวันนี้ผู้เป็นเจ้าของนั้นได้กลับมารับตี๋ (ชื่อแมว)
เพื่อที่จะมานอนด้วยที่คอนโด แต่ทว่าจังหวะที่เธอนั้นได้เอาเจ้าตี๋ใส่ลงในตะกร้าตี๋กลับดิ้นแรงมากและไม่ยอมที่จะลงไปในตะกร้า แต่เธอก็ยังฝืนใจน้องด้วยความที่คิดไม่ถึงว่าน้องจะเครียดขนาดนี้ ซึ่งตี๋ก็ร้องโวยวายไม่หยุด เธอก็ยังคิดว่าน้องคงงี่เง่าเป็นปกติ
แต่อีกไม่กี่นาทีต่อมาเจ้าตี๋กลับเกิดอาการชักในตะกร้า พี่แยมจึงรีบวิ่งพาไปที่คลีนิคอย่างเร็วและคุณหมอก็รีบฉีดยากันชักให้เลยในทั้นที ซึ่งจากการวัดค่าอุณหภูมิในร่างกายติ๋นั้นมีไข้ขึ้นสูงถึง 137 ซึ่งไม่ปกติและต่อจากนั้นตี๋ก็ไม่ได้สตินอนแน่นิ่งอยู่พักใหญ่ ซึ่งผู้เป็นเจ้าของก็ได้แต่นั่งลุ้นรอตี๋ฟื้น
ซึ่งถือได้ว่าเป็นวินาทีชีวิตเลยก็ว่าได้เพราะหมอบอกว่าตี๋อาจจะฟื้นหรือไม่ฟื้นก็ได้ ซึ่งต้องรอดูอาการเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หัวอกแม่กับป๊านั้นก็ได้แต่นั่งรอลูกฟื้นขึ้นมาทั้งน้ำตาร้องไห้ไปหลายตลบมากๆ เพราะด้วยความกลัวว่าตี๋จะไม่กลับมาอีกแล้ว จนในที่สุดคุณหมอก็วัดอุณหภูมิตี๋อีกครั้ง
และตี๋ก็ค่อยๆกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง ซึ่งทั้งนี้ก็อยากจะฝากเป็นบทเรียนสำหรับเพื่อนๆที่เป็นทาสแมวว่าให้เลี้ยงดูแมวของท่านให้ดีเพราะความเครียดนั้นมีผลต่อร่างกายของเขามากกว่าที่พวกเราคิด...
ถูกจองจำมาตั้งแต่เกิด กลัวว่าน้องจะตัวใหญ่จึงได้กักอาหารจนขาลีบ
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : mayacrasy ได้เผยเรื่องราวของแมวที่เธอนั้นได้เลี้ยงมันเอาไว้ โดยเจ้าเหมียวตัวนี้ก่อนที่เธอจะรับมาเลี้ยงเธอหมดเงินไปทั้งหมด 30,000 บาทเพื่อรักษาเพราะน้องอยู่ในกรงนานกว่า 1ปี เพราะขายไม่ได้ ทางร้านค้าสัตว์ก็ไม่ยอมเอาข้าวให้กินเพราะกลัวว่าน้องจะตัวใหญ่แล้วจะขายไม่ได้
โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ใช้ทั้งเวลา ใช้ทั้งเงินเกือบ 30,000 ในการรักษาและบำรุง เจ้าชีวาส เด็กที่อยู่ในกรงร้านสัตว์เลี้ยงมาเป็นเวลากว่า 1ปีเต็มๆ (ไปตลาดเจอน้องทุกวัน) จนทางร้านเริ่มกักอาหารแล้ว(กลัวน้องโตแล้วจะขายยาก)
แถมน้องยังโดนตัดไข่อีก ขาทั้งสี่ลีบเล็ก เพราะไม่เคยได้ออกกำลังไม่เคยได้เดินไปไหนมาไหน ขนทั้งตัวก็เป็นเชื้อราลุกลาม จนอาการเริ่มไม่ดีแล้ว...