หอบลูกหอบหลัวมาขออาหาร อิหลัวก็นอบน้อมที่สุดไม่กล้าแม้จะเหยียบเข้าบ้านก้มหน้าก้มตาด้วยความหิว

หากมีคำโบราณได้กล่าวไว้ว่าถ้ามีภรรยาให้เชื่อฟังหรือให้ภรรยาเป็นคนจัดการจะเจริญ นั่นอาจจะเป็นเรื่องที่จริงและก็ไม่ใช่เพียงแค่กับมนุษย์แม้แต่แมวเองในบางครอบครัวก็อาจจะให้ภรรยาเป็นหัวหน้า เพราะคำที่ว่าเชื่อภรรยาแล้วจะเจริญ เช่นเดียวเจ้าเหมียวครอบครัวนี้ เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Sunti Tiemwan ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าเหเมียวพ่อแม่ลูกครอบครัวนี้ หลังจากที่น้องได้หอบลูกหอบหลัวมาขออาหารกินประทังความหิว ซึ่งการมาของพวกเขานั้นก็ไม่ใช่แค่ธรรมดาเพราะเมียมาร้องขออาหารส่วนหลัวของนางก็ก้มหน้าก้มตาทำเจียมเนื้อเจียมตัว อย่างสุดๆเหมือนกับเมียสั่งเอาไว้ให้ก้มหน้าเข้าไว้เดี๋ยวมนุษย์ก็จะให้ข้าวและเมตตากับเราเอง ส่วนลูกก็เดินเล่นตามประสาเด็ก ซ้ำยังไม่กล้าแม้จะเหยียบเข้าบ้านจึงได้ก้มหน้าก้มตาประทังความหิว แต่ทว่าผู้โพสต์เองก็เป็นทาสแมวงานนี้ก็เลยเสร็จตามที่ครอบครัวนี้วางแผนการเอาไว้ เพราะในที่สุดผู้โพสต์ก็รับเด็กๆมาเลี้ยงทั้งครอบครัว จนทำให้ตกเป็นทาสแมวสมใจและไปไหนไม่ได้ แม้แต่เรื่องราวที่เราได้เขียนไปเมื่อวันก่อน ที่มีหนุ่มรายหนึ่งได้แขวนอาหารเอาไว้หน้าบ้านเพราะต้องไปธุระต่างจังหวัด 2 วันก็เป็นเจ้าเหมียวพวกนี้แหละที่เป็นต้นเหตุ โดยทั้งนี้เองก็อยากจะฝากเอาไว้ถึงความใจอ่อนของมนุษย์และเร่เหลี่ยมของพวกเจ้าเหมียว ด้วยในตอนแรกพวกเขาก็จะมาทำให้เหมือนกับว่าน่าสงสารมากที่สุดแต่เมื่อได้ยึดและเข้าบ้านมาอาศัยอยู่แล้วพวกเขาก็จะทำตัวเป็นนายของเราและเราก็จะต้องตกไปเป็นทาสของพวกเขาโดยปริยาย ที่มา Sunti Tiemwan

ลาก่อนนะเจ้าโค้ก ขนาดถนนในหมู่บ้านเขายังไม่เว้น จิตใจทำด้วยอะไรทั้งๆที่น้องไม่ได้ทำอะไรผิด

เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : ธัญรัต กิตติชยาภัทร ได้เผยเรื่องราวสุดเศร้าของน้องหมาที่เธอได้เลี้ยงเอาไว้ โดยเจ้าตูบของเธอ ถูกรถที่ขับมายังเส้นทางหมู่บ้านขับมาด้วยความเร็วและชนน้องเข้าอย่างจัง จนน้องนอนแน่นิ่งไป แถมคนที่กระทำยังไม่คิดลงมาดูเลยแม้แต่น้อย . โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า RIP นะลูกโค๊ก น้องถูกรถชนเป็นรถฟอร์จูนเนอร์ขับมาเร็วมากๆทั้งๆที่มีน้องหมา 4-5 ตัวเดินอยู่กลางถนน เป็นถนนในหมู่บ้านไม่ใช่ถนนเส้นหลักถนน 2 เลน มันไม่น่าจะขับรถเร็วขนาดนั้นเลย แถมชนแล้วหนี ไม่จอด ไม่ลงมาดู ไม่แตะเบรค มีคนเห็นว่ามันตั้งใจชน "โค๊กเป็นหมาพันธ์ไทยหลังอาน ตัวใหญ่"...

หอบลูกหอบเต้ามาเฝ้าขออาหาร ฝนก็จะตกลูกก็ร้องหิว แม้ต้องแบกหน้าส่งเศร้าแววตาขอมนุษย์ช่วยเหลือ

หากเราจะเอื้อนเอ่ยถึงหัวอกคนเป็นแม่ที่ยอมแม้จะสละชีพชีวีเพื่อลูก คงจะไร้แม้สิ่งใดจะเปรียบกับความรักลูกที่แม่ได้ให้กำเหนิดเกิดมาได้ ด้วยสิ่งไหนแม้ยอมได้ก็จำยอมทำด้วยคนที่ได้เกิดมาเป็นแม่จะรู้อยู่เต็มอก แม้ยอมลูกหลบนอนไม่อิ่มท้องหัวอกแม่นี้ก็กระวนใจจะวายชีวา ยิ่งได้เกิดมาเป็นเพียงจรที่ไร้แม้ที่จะซุกหัวนอนให้กับลูกน้อย เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า อ้ายมัน คนซั่ว ได้โพสต์เล่าเรื่องของแม่แมวจรที่ตัวเขาได้พบเจอขณะที่ฝนก็กำลังจะตก เขาได้เดินอยู่ในสวนของหลังบ้านโดยไม่รู้ว่าน้องมาจากที่ไหน แต่หอบลูกหอบเต้าทำหน้าเศร้ามาขอความเมตตา ด้วยตัวข้านั้นเป็นเพียงจรจึงไร้แม้ที่อยู่อาศัย ฝนก็กำลังจะตกพายุกำลังจะกระหน่ำขอเพียงแค่ให้ลูกได้พื้นที่หลบภัย ส่วนตัวนั้นไม่เป็นไรแม้ยอมทน ด้วยน้องก็ได้เดินพาลูกน้อยมาพร้อมกับส่งสายตาแบบนี้ให้กับเธอ เธอจึงได้มาโพสต์ถามเพื่อนๆในกลุ่มว่าควรจะต้องทำยังไงกับน้องดี เพราะลูกก็ร้องส่งเสียงด้วยความหิว ตัวแม่ก็ไร้แรงที่จะหาอาหารเธอจึงได้นำน้องเก็บเข้ากระท่อมบ้านสวนพร้อมกับหาข้าวหาน้ำให้กินประทังความหิว เพราะก็เข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ดีเมื่อเวลาที่ยามลูกต้องทุกข์แม่ก็ยิ่งจะทุกข์มากยิ่งกว่าเดิม โดยเธอก็ได้บอกเอาไว้ว่าอย่างน้องทั้งแม่ลูกคืนนี้ ก็ไม่ต้องมาอดทนนอนตากฝนทั้งแม่และลูก เพราะตัวเธอเองก็คงจะปล่อยน้องๆเอาไว้ท่ามกลางสายฝนไม่ได้จริงๆ โดยจากเรื่องราวนี้เราก็จะเห็นได้ว่าแม้แต่ในแมวก็มีความเป็นแม่หรือหัวอกของผู้เป็นแม่ไม่ได้ต่างอะไรไปจากมนุษย์อย่างเราเลย จึงอยากจะฝากเพื่อนๆหลายๆคนที่ไม่ชอบแมวหรือสุนัขถ้าไม่รักไม่ชอบกันก็อยากที่จะให้ปล่อยผ่าน อย่าไปเบียดเบียนพวกเขาเลย ที่มา อ้ายมัน คนซั่ว

เมื่อหนุ่มทาสแมวต้องไปธุระ แล้วหาคนดูแลแมวให้ไม่ได้ จึงฝากให้คนผ่านไปมาให้อาหารโดยมีค่าจ้างเป็นการตอบแทน

เพราะพวกเราเป็นคนไทยขึ้นชื่อในเรื่องของความมีน้ำใจหรือรอยยิ้มสยามของเรานั้น ทำให้ชาวต่างชาติต่างชื่นชอบในความมีน้ำใจที่ได้มาเมืองไทยเพราะคนไทยเห็นทุกคนเป็นสิ่งเท่าเทียบ แถมไม่เลือกที่จะช่วยเหลือผู้คนที่ตกทุกข์ได้ยาก อีกทั้งเรื่องของความซื่อสัตย์ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หน้าชื่นชม และถ้าหากเพื่อนๆเองที่ได้เป็นทาสแมวหรือได้เลี้ยงแมวแล้วก็จะเข้าใจถึงการที่จะต้องไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือการที่จะไปธุระและต้องไม่อยู่บ้านกันดี เพราะหากเราเลือกที่จะเลี้ยงพวกเขาแล้วเราก็มักจะไม่สามารถที่จะให้พวกเขาอยู่เพียงลำพังได้เลย เพราะมันจะมีความเป็นห่วงต่างๆนาๆเกิดขึ้นมาในหัวเวลาที่ ให้พวกเขาอยู่บ้านกันลำพัง เช่นเดียวกับเรื่องนี้เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Sunti Tiemwan ได้โพสต์เล่าเรื่องราวเมื่อเขาจำเป็นต้องไม่อยู่บ้านเป็นเวลา 2 วัน โดยเขานั้นได้ฝากให้คนที่ได้ผ่านไปผ่านมาให้อาหารกับเจ้าเหมียวจรที่เขาได้รับเลี้ยงเอาไว้ภายในรั้วบ้าน โดยการมีค่าจ้างเป็นการตอบแทนให้ในครั้งละ 50 บาท ซึ่งเขาได้เอาเงินไว้ในกระป๋องที่เขาได้จัดการเอาไว้ 200 บาทเป็นเวลา 2 ครั้งต่อหนึ่งวันนั้นก็คือค่าจ้างทั้งหมดเจ้าเหมียวจะได้กินเป็นเวลา 4 มื้อ เพราะการที่เขาเป็นห่วงแสนจะห่วงเจ้าเหมียวที่รัก จึงฝากคนที่ผ่านไปผ่านมาให้อาหารน้อง แถมคนไทยเราก็ได้มีความมีน้ำใจและซื่อสัตย์เพราะเงินในกระป๋องที่เข้าได้เตรียมเอาไว้ให้เป็นแบงค์ร้อยแถมมีแบงค์ยี่สิบถอนออกมาไว้ให้เสร็จสรรพอีกด้วย...

วุ่นวายทั้งหมู่บ้านกลางดึก หลังเข้าแล้วออกไม่ได้เหตุเพราะติดพุง ดึงแทบตูยสุดท้ายทุบ

ด้วยจากการที่เราเลี้ยงแมวแล้ว นอกจากที่เราจะได้ทั้งความรักความสุขหรือแม้แต่ความเสียใจ ในบางครั้งเราก็จะได้ความบันเทิงที่ไม่คิดว่าจะมีตามมา เพราะแมวนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่มนุษย์ทั่วๆไปไม่สามารถที่จะคาดคะเนทิศทางความฉลาดหรือความซนของพวกเขาได้ เพราะบางครั้งพวกเขาก็มักจะทำให้มนุษย์อย่างเราได้เห็นว่าพวกเขานั้นไม่มีความฉลาดเลย แต่ในบางครั้งวินาทีที่เป็นหน้าสิ่วหน้าขวานพวกเขาก็แสดงความฉลาดออกมาอย่างหน้าตาเฉย เช่นเดียวกับเรื่องนี้เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Eka Aam ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของน้องพลอย เจ้าเหมียวจอมซนตัวนี้ เมื่อได้เกิดเหตุขึ้นในกลางดึกด้วยเจ้าเหมียวตัวซนของเขาได้แอบย่องเข้าไปนอนในไหทองคำของแม่ด้วยความอิ้นดี ซึ่งทว่าเมื่อได้ตื่นขึ้นมาน้องพลอยก็ไม่สามารถที่จะออกมาจากไหทองคำของแม่ได้ และในตอนแรกพวกเขาก็ไม่ทราบว่าน้องพลอยนั้นได้หายไปไหน จนเมื่อได้ลองไปตามหาก็พบว่าน้องพลอยติดอยู่ในไหทองคำนี้ จนพวกเขาต้องพยายามช่วยกันอย่างยาวนาน แม้จะพยายามแล้วพยายามอีกที่จะดึงตัวของน้องพลอยออกมาจากไห แต่ก็ไม่มีแม้แต่จะขยับได้เลยแม้แต่น้อยไม่รู้ว่าน้องพลอยเข้าไปแอบกินอะไรในไหหรือป่าว ทำให้พวกเขาไม่สามารถที่จะนำตัวน้องพลอยออกมาจากไหได้ จนสุดท้ายแม่ต้องตัดสินใจที่จะทุบไหทองคำของแม่เอง เพื่อที่จะช่วยชีวิตเจ้าน้องพลอยตัวอ้วนออกมาจากไห งานนี้ผู้โพสต์จึงได้ RIP ไหทองคำของแม่และโพสต์เล่าเรื่องราวสุดป่วนของเจ้าเหมียวตัวซนลงในโลกออนไลน์ทำให้มีผู้คนเข้ามากดไลค์มากกว่าหมื่นคน ทั้งนี้ก็อยากจะฝากเอาไว้ว่ากรุณาเก็บไหให้ดีก่อนคิดที่จะเลี้ยงแมว ที่มา Eka Aam และชมคลิปการทุบไหทองคำของแม่ https://www.facebook.com/aam.eka.1/videos/2463565203691319/

สาวโวยตั้งแต่มีแมวเข้ามา ตัวเองก็เหมือนคนมาขออาศัยอยู่ แม้กระทั่งที่นอนหรือฝาชีจนตอนนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว

หากเพื่อนๆที่ได้เลี้ยงแมวเองก็จะเข้าใจว่าในบางครั้งที่มีคนในครอบครัวของเราที่ในตอนแรกไม่ได้ชอบแมวหรือไม่เคยเลี้ยงแล้วเลยมักจะมีการกระทำที่ตอบโต้กับสิ่งที่เพิ่งเข้ามาใหม่ยังไง เพราะหากว่าได้สัมผัสหรือได้ลองเลี้ยงแบบเป็นจริงเป็นจัง คุณก็จะตกหลุมรักความเป็นทาสไปโดยปริยาย เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า AP Ple ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวที่เธอเองได้เลี้ยงไว้ ด้วยหลังจากการเข้ามาของเจ้าเหมียวก็ได้ทำให้ชีวิตของเธอได้เปลี่ยนไปอย่างฟ้ากับเหว เพราะจากเมื่อก่อนที่เธอได้ใช้ชีวิตร่วมอยู่กับแฟนของเธอนั้นก็มีความสุขกันมาตลอด แต่เมื่อมาในวันนี้เมื่อได้มีเจ้าเหมียวเข้ามาขั้นกลางชีวิตคู่ของเธอก็ได้เปลี่ยนไป เพราะวันนี้เธอได้บอกเล่าลงในกลุ่ม ชมคมคนรักแมวเหมียวเอาไว้ว่า ตั้งแต่มีเธอเข้ามาฉันก็เหมือนกับคนที่มาขออาศัยบ้านอยู่ เธอแย่งที่นอนของฉัน เธอแย่งสามีของฉันแย่งขนมของฉัน และมาในวันนี้ฉันก็ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว พร้อมกับแนบรูปสามีกำลังขับรถพร้อมกับอุ้มเจ้าเหมียวที่ทำหน้าทำตาระลื่นราวกับเป็นการเยอะเย้ยว่าคนนี้เขาเลือกฉันแล้วย๊ะ ทำให้เธอเศร้าใจเล็กน้อยแต่เมื่อได้แลกกับความสุขที่ได้รับมาก็ยอมให้เข้ามาจนตัวเองไม่เหลืออะไรอีกเลย โดยภาพนี้ก็ได้เป็นที่ถูกใจสำหรับเพื่อนๆในกลุ่มคนรักแมวเอง แต่ทว่าก็มีหลายๆคนได้บอกเล่าเช่นเดียวกับเธอเอาไว้ด้วยว่าที่บ้านก็กำลังจะถูกเจ้าเหมียวตัวซนยึดสามีและทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเพียงเพราะการแค่อยากจะเลี้ยงแมวเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ก็อยากจะฝากเอาไว้สำหรับใครที่คิดจะตกเป็นทาสแมวก็อยากจะให้คิดกันให้ดีๆเพราะไม่แน่ว่าคุณก็อาจจะโดนแย่งฝาชีไปเช่นเดียวกับเธอ ที่มา AP Ple

จากหมาพันธ์ดีเคยอยู่ดีมีสุข ต้องพลันตัวมาเป็นจรนอนแร่ร่อน หาที่หลบอาศัยไม่มีใครเขาจะมาเหลียวแล

เพราะความอยากจะได้อยากจะมีของมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้หลายๆชีวิตต้องทนอยู่อย่างอยากลำบาก เพียงเพราะการตัดสินใจเพียงชั่วครู่ ในเมื่อคิดอยากจะเลี้ยงแต่ก็ไม่ได้เตรียมความพร้อมหรือความคิดให้ถี่ถ้วยหรือเอาง่ายๆว่าก็คิดเพียงแค่ตนนั้นอยากจะได้มาโดยไม่สนใจว่าถ้าเกิดวันหนึ่ง สิ่งที่ตนอยากจะได้กลับมาเป็นภาระให้จะมีความรับชอบมากเพียงใด เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Bew Wongnarat ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าตูบไซบีเรียนฮัสกี้ตัวนี้ เมื่อเขาได้พบน้องต้องใช้ชีวิตทนอยู่ในสภาพที่เป็นสุนัขจรจากที่เคยมีเจ้าของได้รับความรักดั่งดุดดวงใจ ยามในวันนี้แก่ลงไปไร้แม้ใครจะพึ่งพา จากที่เคยรักเคยดูแลตอนนี้ต้องใช้ชีวิตหาประทังชีวิตในแต่ละมื้อ เมื่อเป็นหมาพันธ์ดีเคยมีคุณค่าในวันนี้มาไร้แม้ที่หลับนอน ซึ่งน้องเคยมีเจ้าของแต่เจ้าของก็ปล่อยให้ใช้ชีวิตเยี่ยงสุนัขจรเดินออกหากินไม่มีแม้ที่หลบอาศัยแดดฝน แต่ก็ต้องอดทนเพราะด้วยเขาไม่ต้องการเราแล้ว อีกทั้งสภาพในตอนนี้ก็เป็นโรคผิวหนังเรื้อรังด้วยตัวลำพังเป็นหมาพันธ์อากาศหนาวแต่เมื่อไม่มีใครต้องการชีวิตนี้จึงต้องอยู่อย่างตามมีตามเกิด โดยผู้โพสต์ก็ยังได้บอกว่าได้พบเห็นอีกสองตัวสีดำชอบมาเดินหากินด้วยกัน โดยพิกัดที่น้องได้อยู่นั้นผู้โพสต์บอกเอาไว้ว่าแถว มหาสารคาม จึงอยากหาเพื่อนๆท่านไหนที่อยู่ในบริเวณดั่งกล่าวเข้าช่วยเหลือหรือพอจะมีหน่วยงานใดพอจะเข้าไปประทังชีวิตต่อลมหายใจ และในวันต่อมาทางผู้ต้นโพสต์ก็ได้มาอัพเดทเพิ่มเติมว่าในวันนี้ไม่ได้พบน้องอยู่ตรงที่เดิมแล้วไม่รู้ว่าเดินเร่ร่อนไปที่ไหนแล้ว ที่มา Bew Wongnarat

ออกลูกใต้ถุนร้าน วิ่งข้ามถนนไปมาหาอาหารสำรอกให้ลูกได้อิ่ม เพียงเพราะคาบลูกมาฝั่งนี้ไม่ได้

หากจะเอ่ยเอิ่นถึงหัวอกแม่ผู้แม้ยอมสละชีวีเพื่อลูกได้ ก็คงจะหาความรักจะมาเปรียบกับสิ่งใดที่แม่ยอมทำให้กับลูกได้เสมอ และความรักที่ยิ่งใหญ่ก็ไม่ได้มีแค่กับมนุษย์เพียงเท่านั้นแม้แต่สัตว์ที่ได้ชื่อว่าแมว ก็ย่อมมีจิตใจที่รักผู้เป็นลูกไม่ได้ต่างอะไรไปจากคนอย่างเราเลย เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Supanee Lertjiraprasert ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของแม่เปรอะแม่แมวจรที่มีความรักต่อลูกที่ใหญ่หลวง ด้วยตัวนั้นเป็นจรจึงได้เติบโตมาในบริเวณร้านก๋วยเตี๋ยวเมื่อขออาศัยให้ได้อิ่มท้อง ในวันนี้มาเป็นแม่คนก็ย่อมยอมที่จะเสียสละชีวิตพร้อมให้กับลูกได้เติมใหญ่ เมื่อไปคลอดลูกเอาไว้ใต้ทุนของร้านกาแฟฝั่งตรงข้าม แต่ก็ต้องดิ้นรนหาอาหารประทังชีวิตให้กับลูกตัวน้อยๆ ด้วยในแต่ละวันแม่เปอระจะต้องวิ่งข้ามถนนที่มีรถสัญจรผ่านไปมานับครั้งไม่ถ้วน ด้วยการมาขออาหารจากฝั่งตรงข้ามเพื่อที่จะข้ามไปสำรอกให้กับลูกๆของแม่นี้ เพราะสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจกับความเป็นจรที่ไร้แม้ที่จะอาศัยหรือที่กำบังฝน แม่เปอระจึงไม่สามารถที่จะคาบลูกข้ามมาฝั่งร้านก๋วยเตี๋ยวได้เพราะฝั่งร้านก๋วยเตี๋ยวไม่มีที่กำบังแดดฝนหรือลมหนาวให้กับลูกของฉันเลย ฉันจึงต้องวิ่งข้ามถนนด้วยความเสี่ยงแม้รู้ตัวดีแต่ก็จำต้องยอมทำ เพราะด้วยชีวิตที่เลือกเกิดมาไม่ได้แต่หัวอกแม่แล้วก็รักลูกยิ่งกว่าสุดดวงใจ โดยผู้โพสต์จึงได้มาโพสต์ลงยังกลุ่มทาสแมว Offical เพื่อที่จะขอบ้านที่อยู่อาศัยให้กับแม่เปอระผู้ที่รักลูกของตนดั่งสุดดวงใจที่มี และทั้งนี้ได้ระบุพิกัดเอาไว้ที่ ซอยสุขุมวิท 11 หน้าทางเข้าโรงแรมแอมบาสซาเดอร์ ที่มา Supanee Lertjiraprasert

ช่วงวินาทีสุดท้ายของชีวิต ของแมวจรที่ไม่มีใครรักกับการรอคอยและความหวังว่านายจะกลับมาหา

เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Tanapont Sesteesombat‎ ได้เผยเรื่องราวของของเจ้าดำ เจ้าดำเป็นแมวขาใหญ่คุมซอย แถวนี้ถิ่นนี้ดำจะเป็นผู้ครองหมด จนหนุ่มรายนี้เกิดตกหลุมรักเพราะน้องมีนิสัยขี้อ้อน และเป็นมิตรต่อผู้คนจนกระทั่ง น้องเริ่มแก่ตัวลงและเริ่มมีอาการป่วยจนแทบทนไม่ไหว.... . โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า คุณเชื่อเรื่องการมีชีวิตอยู่ เพื่อรอคอยใครสักคนมั้ย? ดำคือชื่อที่ชาวบ้านแถวนี้เขาเรียกว่า "อดัม" คือชื่อที่ใช้เมื่อไปหาหมอที่คลีนิค ดำจะอยู่แถวนี้มาก่อนผมกี่ปีผมไม่รู้หรอกนะ รู้แต่ว่ามาตอนมาอยู่ก็เจอแล้วเป็นแมวจร ป้วนเปี้ยนอยู่แถวบ้านเป็นประจำเลย ดำเป็นขาใหญ่คุมซอยแถวนี้ ไม่เคยมีแมวตัวไหนแย่งตำแหน่งนี้ไปได้ ชาวบ้านเขาก็ให้อาหารอยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่มีใครเขากล้าเข้าใกล้ดำเลย เพราะรูปร่างหน้าตาที่น่ากลัวและมีแผลเป็นรอบตัวเลยเชียว พักหลังมานี้ดำจะชอบเข้ามาบ้านผมเป็นประจำ เพราะมีแมวจรตัวเมียมาอยู่แถวนี้ด้วย...

เดินผ่านเห็นคิดว่าหมูป่า ตาไม่มีหนึ่งข้างสภาพผอมโซ ส่งเสียงร้องเรียกหวังขอความเมตตาจากมนุษย์

หากแม้เกิดมายากไร้แต่ถ้ายังเป็นคนมีทั้งกายและใจก็ยังจะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ แต่ถ้าหากเกิดมาเป็นสัตว์ที่ไร้แม้กำลังกายหรือใจจะต้องเดินไปก็ไร้แม้ใครจะช่วยเหลือ เพราะจะไปร้องบอกใครว่าตนเจ็บหรือป่วยก็ไม่มีใครเขาจะสนใจหรือรับฟังด้วยต้นทุนที่ได้เกิดมาไม่เท่ากัน เมื่อผู้ใข้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า หญิง จิ๊มิ๊ ได้โพสต์เล่าเรื่องราวหลังจากที่เธอได้พบเจ้าเหมียวตัวนี้นอนหลบอยู่ในซอยสยามสแควร์ ซอย 5 โดยเธอได้เล่าว่าเธอทำงานอยู่แถวสยามสแควร์ซอย 5 ได้เดินผ่านมาเห็นน้องในสภาพนี้ ด้วยทีแรกก็ไม่คิดว่าน้องจะเป็นแมว เพราะหน้าตาของน้องไม่เหมือนแมวเลย ตาก็หายไปหนึ่งข้างเนื้อตัวก็ผอมเพราะด้วยเป็นจรที่ต้องหาอาหาร แต่เมื่อเวลาที่เธอเรียกน้อง น้องก็จะส่งเสียงร้องออกมาในทุกครั้งเหมือนกับว่าน้องก็อยากที่จะให้เธอนั้นช่วยเหลือ เพราะด้วยตนก็ทนอยู่กับความเจ็บปวด เธอจึงได้นำมาโพสต์หาคนหรือหน่วยงานใดที่พอจะช่วยเหลือน้องได้ลงในกลุ่ม ซึ่งเธอก็ยังเล่าอีกว่าน้องมักจะอยู่กับเพื่อนอีกหนึ่งตัวสีดำ คอยอยู่ด้วยกันตลอดไม่รู้ว่าเป็นพี่น้องกันหรืออย่างไร แต่ด้วยการที่น้องได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ก็ไม่แน่ว่าอาจจะเกิดมาจากฝีมือของมนุษย์ โดยหลังจากการโพสต์ลงไปยังกลุ่มดังกล่าวก็ได้มีผู้ใช้เฟสบุ๊คใจดีรายหนึ่งพยายามที่จะเข้าช่วยเหลือด้วยการติดต่อเธอมา แต่ทว่าเจ้าเหมียวตัวนี้ก็ได้หายตัวไปและก็ยังคงเฝ้าตามหากันอยู่แม้ในขณะนี้ก็ตาม ซึ่งหากเพื่อนๆท่านไหนอยู่ในบริเวณดังกล่าวและพบเจอน้องก็อยากจะให้ช่วยกันประสานงานติดต่อกับผู้โพสต์ ที่มา หญิง จิ๊มิ๊