สุนัขพยายามขุดร่างของแมวที่ไร้ลมหายใจขึ้นมา หลังรับไม่ได้ที่น้องจากไปหวังให้น้องกลับมาฟื้นคืนชีพอีกครั้ง
เมื่อไม่นานมาผู้ใช้เฟสบุ๊ก : พระครูอ๊อด วัดเจดีย์หลวง เชียงใหม่ ได้เผยเรื่องราวของการจากไปของเจ้าตุ๊บป่องแมวเพื่อนซี้ของพี่โทน ที่ทำให้พี่โทนต้องหัวใจแตกสลายหลังเจ้าตุ๊บป่องต้องจากไป หลังฝังร่างของน้องแต่พี่โทนอยู่ในเหตุการณ์ พี่โทนจึงแสดงความรักเป็นครั้งสุดท้ายที่ทำเอาหลายคนถึงกับน้ำตาซึม
.
โดยพระท่านได้เล่าว่า เมื่อเจ้าตุ๊บป่องสิ้นใจไปทำให้พี่โทนต้องหัวใจแตกสลาย พี่โทนพยายามดึงร่างที่ไร้ลมหายใจ ที่พระท่านกำลังฝังร่างของน้อง แต่พี่โทนพยายามที่จะขุดพยายามดึง เป็นภาพที่ทำให้พระท่านถึงกับน้ำตาไหลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โดยในคลิปแสดงให้เห็นถึงความรักของพี่โทน ที่ยังรับไม่ได้กับการจากไปของเพื่อนซี้อย่างน้องตุ๊บป่อง ที่มันกะทันหันด่วนจนเกินไปทำให้พี่โทนเองไม่ได้ตั้งตัว พี่โทนพยายามขุดและลากน้องออกมาจากการถูกฝัง เพราะพี่โทนก็หวังว่าน้องจะฟื้นกลับขึ้นมาอีกครั้ง
จนเรื่องราวของพี่โทนและตุ๊บป่องถูกโพสต์ในโลกออนไลน์ จนมีชาวเน็ตมากมายต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นพร้อมกล่าวว่า เกิดมาใช้กรรมในร่างแมวแล้ว เกิดภพหน้าไปเกิดเป็นมนุษย์ที่มีความสุขสมบูรณ์ทุกๆสิ่งนะลูก เจ้าเกิดมาเป็นแมวช่างน่ารักมาก
เจ้าโทนดูแลน้องมาตั้งแต่ตุ๊บป่องตัวน้อยนิด ไม่ว่าจะกิน จะนอนก็จะเคล้าเคลียกันตลอดเวลาแม้ยามหลับ...
เป็นเชื้อราแม่เลยเสิร์ชหาวิธีรักษาด้วยสมุนไพรไทย กลับมาบ้านได้แมวใหม่คิดว่าปิกาจู
หากในบางครอบครัวที่ได้เลี้ยงสัตว์ ซึ่งบางครั้งคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ไม่อยากที่จะเลี้ยงเมื่อเราแค่เอ่ยปากขอ เพราะด้วยความรักที่จะได้รับบวกกับภาระหน้าที่ที่จะต้องแบกรับไหนจะการจากไปทำให้ปวดใจ จึงทำให้คนสูงอายุส่วนใหญ่หรือผู้เป็นพ่อเป็นแม่ไม่อยากที่จะได้เลี้ยง
แต่ถ้าว่าเมื่อได้เลี้ยงแล้วก็ย่อมรักและดูแลเหมือนกับลูกน้อยเมื่อยามเจ็บป่วยก็เฝ้าดูแลคอยรักษาไม่ห่าง เช่นเดียวกับเรื่องนี้เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Thammapa Supamas ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวของเธอลงในโลกออนไลน์หลังจากที่ผู้เป็นแม่เห็นว่าเจ้าเหมียวนั้นเป็นเชื้อราแมว
จึงพยายามค้นหาวิธีที่จะรักษาด้วยสมุนไพรของไทยเรา จนทำให้ไปพบว่าขมิ้นชันนั้นสามารถที่จะรักษาเชื้อราได้ แม่จึงนำขมิ้นชันมายำๆแล้วเอามาถูบริเวณที่เจ้าเหมียวนั้นได้เป็นเชื้อรา พอไปๆมาๆ แม่เลยพอกให้น้องทั้งตัวเลย จนในตอนนี้น้องกลายเป็นสีเหลืองทองอร่าม
คิดว่ามาจากสามเหลี่ยมเจดีย์ยอดทอง แถมยังไม่หวังว่าจะให้น้องขาวเหมือนเดิมแล้ว และเมื่อเธอได้กลับมาบ้านเธอก็ได้พบกับปิกาจูตัวใหม่ที่เธอนั้นได้เลี้ยงเอาไว้นั้นคือแมว แต่ไหงได้ปิกาจูมาแทน แต่ที่แม่เขาทำไปก็เพราะเป็นห่วงหนูแหละเจ้าเหมียวเอ่ย
เพราะถึงหน้าจะดูเศร้าแต่เราก็จะหายจากเชื้อราไปด้วยกัน งานนี้เลยทำให้ชาวเน็ตในโลกออนไลน์แห่กันแชร์เรื่องราวของน้องกันยกใหญ่ เพราะความเหมือนปิกาจูของน้อง แถมยังสีออกมาได้น่ารักและปลอดภัยบ้านไหนคิดจะทำก็อย่าหาทำถามแมวก่อนด้วย
ที่มา Thammapa Supamas
วัดกันไปข้างเพราะชอบชิงสุกก่อนห่าม แอบไปปีนต้นมะม่วงจนเป็นเหตุสังเกตได้
หากเพื่อนๆที่ได้เลี้ยงสุนัขก็คงจะรู้และเข้าใจว่าพวกเขานั้นก็เหมือนกับเด็กเล็กๆที่ไม่รู้ว่าสิ่งไหนอันตรายกับตัวเอง จนบางครั้งก็ได้เรียกความสุขและทุกข์ให้กับเรา เมื่อยามที่พวกเขาได้ซนจนเป็นเรื่องเจ็บตัว เราก็มักจะทั้งเจ็บปวดและก็อดที่จะขำไม่ได้เช่นเจ้าตูบตัวนี้
เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า ผู้หญิงก็ทำได้ ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าตูบสุนัขพันธุ์ปั๊กตัวซนของเธอลงในกลุ่มคนรักหมาปั๊ก ที่เธอนั้นอดขำไม่ไหวเพราะน้องไปบวกกับผึ้งมาจนหน้าบวมเป่งด้วยจากความซนที่เจ้าตูบชอบกินมะม่วงสุกเอามากๆ
ทำให้น้องแอบไปปีนต้นมะม่วงที่บ้านจนไปเจอกับเจ้าผึ้งตัวร้ายที่มาบวกน้องเข้าให้ จนได้หน้าเช่นนี้มาเพราะปกติแล้วน้องเป็นสุนัขที่ซุกซนแต่ก็ไม่ได้ทะเยอทะยานขนาดนี้ แต่นี่เพราะความอยากที่จะกินมะม่วงแต่มะม่วงเจ้ากรรมก็ยังไม่สุกดี น้องจึงปีนขึ้นไปเจอกับผึ้งตัวการ
ทำหน้าหน้าและตาสองข้างปิดจนหมด เพราะจากการถูกผึ้งต่อยแล้วเกิดอาการแพ้แต่ก็ไม่รุนแรงมากนัก แต่ในบางคนอาจจะมีอาการแพ้มากถึงขั้นสิ้นชีวิตเลยก็มีและถ้าหากเป็นสุนัขแล้วการถูกผึ้งในจำนวนมากต่อยก็เป็นอันตรายต่อชีวิตได้เช่นเดียวกัน
เพราะฉะนั้นก็ควรที่จะเลี้ยงดูและเฝ้าดูพวกเขาอย่างใกล้ชิดเพราะพวกเขาก็เหมือนกับเด็กที่จะซุกซนและไม่รู้เรื่องราวได้เป็นปกติ ผู้เป็นเจ้าของจึงควรที่จะหมันเฝ้าดูแลพวกเขาให้ดีมิให้พวกเขาได้รับอันตรายจากภายนอกเช่นเดียวกับเจ้าตูบปั๊กตัวนี้
ที่มา ฟันแล้วทิ้ง ผู้หญิงก็ทำได้
พลัดหลงหลุดเห็นเป็นแมวดูดีมีชาติตระกูล ปลอกคอห้อยกระดิ่งสีแดงเนื้อตัวสะอาดสะอ้านให้ช่วยมารับกลับ
หากสิ่งที่เราคิดว่ามันเป็นความอิสระหรือการได้เปิดโลกให้พวกเขาได้เรียนรู้ นั้นอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่ได้ถูกต้องเสมอไป เพราะการเลี้ยงพวกเขาในระบบเปิดอาจจะได้รับอันตรายมากกว่าการเลี้ยงในระบบปิด เพราะด้วยอันตรายจากภายนอกที่เรามองไม่เห็น
เช่นเดียวกับเรื่องนี้เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า นกมีหู หนูมีปีก ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวรายนี้ลงในโลกออนไลน์หลังจากที่เธอได้พบน้องเป็นแมวลักษณะดูดีมีชาติตระกูลพลัดหลงหรือหลุดมา ในพิกัดร้านข้าวแกงถาดหลุมรามคำแหง 53 ซึ่งน้องหลงมา
และมีสมบัติติดตัวมีเพียงหนึ่งชิ้นคือปลอกคอที่ห้อยกระดิ่งสีแดงเอาไว้ จึงอยากถามหาผู้เป็นเจ้าของในโลกออนไลน์ให้มาติดต่อรับได้ที่ร้านพิกัดดังกล่าว และกรุณาแสดงหลักฐานที่ตนเองมี เพราะถ้าเป็นแมวดูดีมีชาติตระกูลแบบนี้แล้วไม่รีบมารับ ทางผู้โพสต์ก็บอกไว้ว่าจะรับเลี้ยงเอาไว้เองแล้วนะจ๊ะ
แต่อีกทางก็คิดถึงความเป็นห่วงน้องเพราะเจ้าของก็คงจะรักไม่ได้ต่างไปจากลูก ด้วยดูจากลักษณะและเนื้อตัวที่สะอาดสะอ้านของน้องก็ถูกดูแลมาเป็นอย่างดีด้วยขนที่เรียบสวยขาวสะอาดด้วยหน้าตาที่สะอาดสะอ้าน ไหนจะความรู้สึกของน้องเองก็คงจะคิดถึงผู้เป็นเจ้าของอยากมากแล้ว
เธอจึงอยากจะฝากเพื่อนๆเอาไว้หากคิดจะเลี้ยงพวกเขาก็ช่วยดูแลพวกเขาให้ดีอย่าปล่อยให้หลุดมาเช่นนี้เพราะอาจจะถูกคนอื่นอุ้มไปและไม่มีวันได้กลับคืนมาเหมือนเจ้าเหมียวตัวนี้ที่ยังโชคดีที่ได้พบเธอ และเธอก็ได้นำเรื่องมาโพสต์ตามหาเจ้าของให้ยังโลกออนไลน์
ขอขอบคุณข้อมูลจาก นกมีหู หนูมีปีก
ใจแม่แทบขาดหลังหลุดออกบ้านถูกหมาฟัดจนซี่โครงหัก เอาแต่โทษตัวเองหนักและอยากเดินไปซัดเพื่อนบ้านสักที
หากเป็นแม่แม้ยอมเจ็บแทนได้แม่ก็ยอม หากเป็นห่วงเป็นใยลูกน้อยก็ยังไม่คอยไหวด้วยและใจก็เฝ้าเติบใหญ่เรื่อยๆมา ในวันนี้ได้เลี้ยงดูเหมือนลูกน้อยเฝ้าคอยให้ลูกได้แม้สรรหา จะยามใดเวลาใดก็คอยมาเฝ้าดูแลหาไม่ห่วงตัวแม่เอ่ย แต่เกิดว่าเมื่อลูกเจ็บแม่ก็ทุกข์ยามมีสุขแม่นึกถึงไม่เคยหาย
เช่นเดียวกับเรื่องนี้หากเมื่อเพื่อนๆที่ได้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงก็คงจะรักและดูแลพวกเขาไม่ได้ต่างอะไรไปจากลูกน้อยของตัวเอง ซึ่งเธอคนนี้ก็เช่นกัน เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Parinee Thong In ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวของเธอลงในกลุ่ม ชมรมคนรักแมวแห่งประเทศไทย
หลังจากที่เจ้าเหมียวนั้นนอนนิ่งเจ็บใจและร้องไห้ออกมา ด้วยตัวที่ว่าเป็นสาเหตุหลุดออกไปจากบ้านจนถูกสุนัขรุมฟัดจนซี่โคร งหัก ซึ่งในตอนแรกเธอเองก็ไม่ทราบสาเหตุที่น้องหลุดออกไปด้วยปกติแล้วน้องก็จะอยู่แต่ในบ้านและเธอก็ได้เลี้ยงน้องในระบบปิดอย่างมิดชิด
แต่ทว่าในวันนั้นเธอได้ออกไปซื้อของในบริเวณใกล้บ้านและไม่ได้ล็อคประตูเอาไว้ จนเป็นสาเหตุให้น้องหลุดเพราะมีเพื่อนบ้านมาหาเธอที่บ้านและเรียกเธอแล้วเธอไม่ตอบเพื่อนบ้านคนดังกล่าวจึงได้เปิดประตูเข้าไปในบ้านและไม่ยอมที่จะปิดประตู จนทำให้เป็นเหตุให้น้องแมว 3 ตัวหลุดออกจากบ้านไป
ซึ่งหนึ่งในสองตัวนั้นเป็นแมวที่เคยได้เลี้ยงร่วมกับสุนัขทำให้น้องไม่กลัวสุนัขแต่อย่างใด จนทำให้ถูกฟัดเข้าและอีกสองตัวเป็นแมวที่กลัวสุนัขและวิ่งหนีไปได้ทัน หนึ่งในนั้นก็คือเจ้าเหมียวที่มีชื่อน้ำมนต์ที่ถูกฟัดจนซี่โครง หักและบาดเจ็บหนักนอนซมอยู่โรงพยาบาลสัตว์หลายวันเธอนั้นจึงได้มาเล่าพร้อมปาดน้ำตาลงในกลุ่มและอยากจะฝากเพื่อนๆช่วยดูแลแมวของตัวเองเพราะกลัวว่าจะต้องมาเจอเรื่องราวแบบเธอ
ที่มา Parinee Thong...
ช้ำสุดระทมงมหาลูกน้อยด้วยตัวเลือกเกิดมาไม่ได้ หลังฝนตกหนักเคราะห์ซ้ำกรรมซัดชีวิตซ้ำสุดบรรยาย
หากในวันนี้ได้เกิดมากินดีมีสุขได้สุขสบาย จงให้นึกไว้ว่าชาติที่แล้วคงจะได้มีบุญเก่าติดตัวมาแต่หากว่าต้องเกิดมาทนทุกข์ไม่เคยได้พบเจอแม้ความสุขสบายในชีวิตก็ต้องก้มหน้าก้มตาชดใช้กรรมในสิ่งที่ได้สร้างเอาไว้เมื่อชาติที่แล้ว แต่ถ้าเกิดมาเป็นจรแล้วต้องดิ้นรนต่อสู้ยามเดือดร้อนก็ร้องบอกใครเขาไม่ได้ละ
เช่นเดียวกับเรื่องนี้เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Pusadi Kukkai ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องของเจ้าตูบแม่ลูกอ่อนตัวนี้ลงในกลุ่มหลังจากเธอได้พบน้องในป่าที่หลังหมูบ้าน ซึ่งน้องตามืดบอดหนึ่งข้างแถมยังถูกเขาเอามาเทไว้ตั้งแต่ช่วงต้นปี โดยน้องได้ตั้งท้องและออกลูกมาหลายตัว
และด้วยความเป็นแม่ก็จะพาลูกไปนอนในป่าตากแดดตากฝนแทบทุกวันเพราะตัวนั้นเลือกไม่ได้ ซึ่งบางวันลูกๆบางตัวก็หายไปคาดว่าน้องคงจะไม่รอดแล้วในล่าสุดนี้ก็เหลืออยู่เพียงแค่ 4 ตัวชาย 3 หญิง 1 เวลาฝนตกเด็กๆก็จะชอบมุดเข้าไปในรูใต้ฐานบ้าน หลังฝนตกหนักน้ำท่วมโพรงทีน้องก็มุดเข้าไปหลบและก็ติดอยู่ข้างใต้หลายตัว
เพราะด้วยตัวเลือกไม่ได้และไม่มีที่หลบฝนส่วนผู้เป็นแม่ก็เป็นกังวลกลัวว่าลูกจะอยู่ไม่ทนน้ำลดไม่ออกมา เธอจึงอยากจะขอหาบ้านให้กับเด็กๆด้วยเป็นเพียงหมาไทยไร้เสน่ห์หาแต่ด้วยตัวแม่ก็สุดจะทุกข์อุราจะตามหาลูกยามได้ เมื่อมองเห็นเพียงเลือนราง
ซึ่งทางตัวผู้โพสต์เองก็รับเอาไว้ไม่ไหวเพราะด้วยตัวก็มีหมาที่เลี้ยงไว้เป็นจำนวนมาก จึงได้แต่คอยเฝ้ามองอยู่ห่างๆยามว่างก็ยังช่วยให้ประทังความหิว โดยเธอได้ระบุพิกัดเอาไว้ที่ หมู่บ้านรังสิยา ถนน รามอินทรา 74...
โผล่ซ้อนสองไม่ใส่หมวก เล็บเกี่ยวเสื้อไม่ยอมปล่อย นั่งพุงห้อยถามไมตำรวจไม่ยอมจับ
หากเพื่อนๆคนไหนที่ไม่เคยได้เลี้ยงแมวหรือไม่ได้ตกเป็นทาสเจ้าเหมียวแล้วก็คงจะไม่รู้ว่าทำไมเพื่อนๆหลายคนที่ตกเป็นทาส ถึงยอมทำทุกอย่างหรือยอมเป็นข้ารับใช้เจ้าเหมียวเยี่ยงทาส ซึ่งเมื่อได้ลองสัมผัสหรือตกหลุมรักพวกเขาแล้ว สิ่งนึงที่เราจะเลี่ยงไม่ได้เลยนั้นก็คือการยอมรับและทำให้พวกเขาเปรียบเสมือนลูก
เช่นเดียวกับเรื่องนี้เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า วิลาวัณย์ สงสว่าง ได้โพสต์รูปเจ้าเหมียวขาซิ่งลงในกลุ่ม ทาสแมว หลังจากที่เขาได้ไปพบเจอรูปน้องเข้าซึ่งน้องนั่งอยู่ท้ายรถมอเตอร์ไซค์ของทาสด้วยการแกะหลังทั้งไม่ยอมใส่หมวกเพราะซ้อนสอง แต่ด้วยความที่น่าจะชำนาญในการนั่ง
ทำให้น้องชินกับการนั่งรถเช่นนี้โดยที่ไม่ได้ตื่นถนนหรือรถที่สรจรผ่านไปมา แต่ทว่าก็ไม่ยอมที่จะใส่หมวกกันน๊อกเพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้เองชาวเน็ตจึงได้ถามว่าตำรวจอยู่ที่ไหนทำไมถึงไม่ยอมตามจับ ปล่อยให้นั่งมาเกาะเล็บเกี่ยวเสื้อเช่นนี้ก็ได้หรอ
แต่เมื่อรูปนี้ได้ถูกเผยแพร่ออกไปในกลุ่มของทาสแมวแล้วก็ได้มีเพื่อนๆหลายต่อหลายคนออกมาแสดงความคิดเห็น ถึงการที่ปล่อยให้น้องนั่งรถเกาะซ้อนท้ายพ่อไปเที่ยวเช่นนี้ เพราะหากเกิดอันตรายหรืออุบัติเหตุขึ้นมาอาจะทำให้น้องตกใจและตกลงมาจากรถได้อย่างง่ายเลย
แต่หากว่าเราได้สังเกตุดีๆแล้วคุณพ่อผู้เป็นเจ้าของเหมียวเองก็มีเซฟติ้ให้กับเจ้าเหมียวด้วย เพราะในรูปเราจะสังเกตเห็นได้ว่ามีเชือกห้อยท้ายกับปลอกคอรัดเอาไว้ไม่ให้กันน้องตกจากรถอยู่ เพราะอย่างนี้เจ้าของอาจจะไม่ได้มีรถใหญ่ที่จะพาน้องไปจึงได้แต่พาน้องนั่งมอเตอร์ไซค์ไปไหนมาไหนจนชิน แต่อย่างว่าและแมวใครใครก็รักเขาเองก็คงจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ให้กับน้องแล้ว
ที่มา วิลาวัณย์ สงสว่าง
เขาสั่งเอาไว้ห้ามให้เอาผ้าออก ด้วยกะให้อดจนสิ้นใจไปเอง แม้เป็นถึงห้างดังบริษัทใหญ่
หากจะเอ่ยถึงความมีเมตตาในหัวใจของมนุษย์ เมื่อบางคนที่ไม่มีจิตใจที่เมตตาต่อสัตว์ เมื่อถูกเลี้ยงดูมาต่างที่ต่างทางไหนจะครอบครัวที่แตกต่างก็เป็นผล ทำให้ใจมนุษย์หรือใจคนมีความอ่อนโยนไม่เท่าเทียบ เมื่อชีวิตเลือกเกิดไม่ได้ก็ต้องคอยแอบคอยอาศัยให้รอดพ้น แต่ด้วยน้ำมือหรือหัวใจคน
เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Su Pas ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวจรรายหนึ่งที่ได้อาศัยอยู่ในบริเวณรานจอดรถของโลตัสสาขาวังหิน ซึ่งเธอได้บอกเอาไว้ว่าจดหมาเราก็มีบอกให้โทรหาก็ไม่โทรด้วยเนื่องมาจากเธอน่าจะพยายามช่วยน้องด้วยการจับมาดูแล
แต่ทว่าวันนี้ได้มาเขียนป้ายห้ามเอาผ้าออกกะให้แมวอดจนสิ้นหรือหนีไปเอง จนเธอนั้นทนไม่ไหวเป็นห่วงเจ้าเหมียวตัวนี้ที่มีชื่อว่าขาวมาก เธอจึงได้โทรไปที่ผู้จัดการของสาขาด้วยตัวเอง และขอดำเนินการลงพื้นที่เองซึ่งในตอนนี้ทางผู้จัดการสาขาก็ได้กำลังไปตรวจสอบ
และเหมือนกับว่าทางผู้จัดการสาขาเองก็ยังไม่รู้เรื่องว่ามีการดำเนินงานเอาผ้ามากั้นแมวเอาไว้เช่นนี้ ซึ่งหากพรุ่งนี้ยังไม่มีความคืบหน้าเธอก็จะเข้าไปพบผู้จัดการเองอีกครั้ง แต่ก็หวังเพียงแค่น้องยังอยู่และรอดชีวิต ในชีวิตคนเราค่าของสิ่งมีชีวิตต่างๆนั้นไม่เท่ากัน
เมื่อเขามองว่าเป็นเพียงสัตว์แม้ยากไร้ก็ไม่ใส่ใจหรือสงสาร แต่หากอีกมุมนึงถ้าเป็นคนมีใจเมตตาก็หวังว่าจะได้เพียงให้ความช่วยเหลือ ซึ่งหากเพื่อนๆคนไหนอยู่ในบริเวณพิกัดดังกล่าวและเจอแมวจรสีขาวตามพื้นที่กำหนดก็อยากจะให้ช่วยแจ้งเจ้าของโพสต์เพื่อที่จะเข้าช่วยเหลือ
ที่มา Su Pas
พิมพ์ไปปาดน้ำตาหลังพบนอนแน่นิ่งอยู่ประตูหลัง สงสารแทบจับใจไม่มีทางไหนจะช่วยได้เลย
เมื่อชีวิตเกิดมาไร้ค่าไม่เหมือนใครเขาจึงต้องเฝ้าเอาชีวิตให้รอดพ้น ด้วยแค่หากินประทังชีวิตให้รอดไปในแต่ละวันก็ยากแล้ว เกิดต้องมาเจ็บป่วยไร้เรี่ยวแรงจะลุกเดินต่อไหว จะมีใครมาสนก็ชีวิตตนนั้นเป็นแค่จรยามโชคดีเจอผู้คนให้ช่วยเหลือแต่เมื่อถึงตัวก็รู้เวลาว่าเกือบจะสายจะต้องทุกข์เหมือนเกือบสิ้นใจ
เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Oat Pirayu Promren ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวลงในกลุ่ม มูลนิธิรักษ์แมว ปันน้ำใจให้แมวจร หลังจากที่เขานั้นได้มาถึงออฟฟิตในเวลาทำงานตอนเช้า เขาก็ได้พบน้องนอนป่วยอยู่ตรงประตูหลังของออฟฟิต เรียกจับยังไงนอนก็ไม่ลุก
ซึ่งเขาก็ได้รู้ว่าน้องนั้นป่วยมากๆเลยได้เดินไปซื้ออาหารเปียกมาให้น้อง แต่น้องก็ไม่ยอมลุกมากินเลย เมื่อดูแล้วก็รู้ว่าจะต้องพาไปหาหมอ แต่ตัวเขาเองก็งานยุ่งมากและไม่สามารถที่จะลาไปได้ จะมีก็แต่จะต้องรอเวลาเลิกงานซึ่งเป็นเวลากว่าหนึ่งทุ่ม ด้วยน้องก็คงจะทนอยู่รอไม่ไหว
จึงได้มาโพสต์เพื่อที่จะหาใครเข้าช่วยเหลือ ด้วยตัวเขาก็ออกปากบอกจะออกค่ารักษาให้เองโดยทั้งหมด ขอเพียงหนึ่งชีวิตได้มีลมหายใจต่อ เลยอยากขอใครว่างพาไปก่อนที ซึ่งหลังจากที่เขาได้โพสต์ลงยังกลุ่มดังกล่าวก็ได้มีเพื่อนๆเข้ามาให้ความช่วยเหลือด้วยการพาน้องไปหาหมอ
แต่ทว่าเมื่อน้องได้ถึงโรงพยาบาลสัตว์ในเวลาต่อมาคุณหมอก็ได้ทำการรักษาอย่างสุดฝีมือ เมื่อเวลา 12.30น...
นอนเป็นผักน้ำตานองหน้า เมื่อตัวข้าเป็นเพียงจรนอนเจ็บลุกไม่ไหว เดินไม่ได้ร้องไห้แทบขาดใจ
หากวันนี้ได้เกิดมาอยู่ดีมีสุขไม่มีทุกข์โรคภัยไม่ถามหาก็โชคดีมีชัยไม่ต้องทนทุกข์ เพราะยังมีอีกหลายชีวิตที่เลือกไม่ได้และต้องเกิดมาพบกับความทุกข์ยากลำบากใจ แม้จะหาใครมาช่วยตัวก็ไม่มีแล เพียงเป็นจรไร้แม้เจ้าของจึงต้องนอนเป็นผักไร้ที่อาศัยแม้เจ็บก็ต้องอดทนไป
เช่นเดียวกับเรื่องนี้เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Kornsarun Aomsin ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าตูบรายนี้หลังจากที่เธอนั้นกำลังจะเอาอาหารเม็ดไปให้กับน้องๆในกลุ่มที่เป็นจร แต่เจ้าตูบตัวนี้นอนแน่นิ่งเป็นผักและน้ำตาไหลนอง ด้วยความเจ็บปวดเพราะตัวนั้นลุกเดินไม่ไหว
ไร้แม้แรงจะยืนได้แต่นอนรอคอยวันสิ้นใจ ไม่รู้เมื่อไหร่จะถึงวันที่พ้นเจ็บซึ่งตัวของน้องเองก็คงจะรู้ตัวว่าชีวิตของตนนั้นไร้ค่าจะหาใครมาแลเหลียว ก็ได้เกิดมาเพียงครั้งเดียวก็ถือว่าต้องชดใช้เวรกรรม แต่ทว่าก็ยังโชคดีที่ได้มีผู้คนใจดีมาช่วยเหลือ พาน้องไปตรวจพบหมอ
ซึ่งก็ยังได้ต่อชีวิตให้หลุดพ้นแต่ก็ยังไร้แม้ผู้คนจะรับดูแล ซึ่งทางผู้ใจดีก็ได้นำน้องไปหาคุณหมอและตรวจอาการในเบื้องต้นโดยพบว่าน้องเป็นพยาธิเม็ดเลือต จะต้องรักษาประมาณ 1 สัปดาห์ถึงจะดีขึ้น แต่ทว่าก็ทางผู้ที่ช่วยเหลือก็ยังไม่ได้ทำการรักษาน้องต่อเนื่องจากขาดทุนทรัพย์จึงอยากจะหาคนอุปการะและรับดูแลน้อง
ที่มา Kornsarun Aomsin