แมวจรแสนรู้เฝ้ารอคอยไม่ยอมไปไหน หลังเคยช่วยชีวิตน้องไว้เพียง1ครั้ง

แมวเป็นสัตว์ที่ไม่ค่อยจดจำใครสักเท่าไหร่ แต่ถ้าวันใดวันนึงที่นางจำใครสักคนได้แล้ว จำไว้เลยว่าคนๆนั้นคือบุคคลสำคัญและน้องแมวจะรักคนๆนั้นไม่ต่างอะไรไปจากหมา เหมือนกับน้องแมวส้มตัวดังกล่าวนี้ ที่ตัวน้องนั้นจำได้ดีว่ามีคนๆนึงที่ช่วยเหลือน้องไว้ . โดยผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : พรพิรุณ ภูอัคนี ได้เผยเรื่องราวลงในกลุ่ม ทาสรักเจ้านายเลาคือทาสแมวอันมีใจความระบุว่า แมวจรตัวนี้เขาป่วยเป็นเชื้อราผิวหนัง ทำให้ขนของน้องร่วงไปทั้งตัว ทาสเห็นแล้วจึงเกิดความสงสารจึงพาไปหาหมอ คุณหมอเขาก็ฉีดยาให้และให้ยามากินประมาณ10วัน และขนของน้องแกก็ค่อยๆดีขึ้นจนหายเป็นปกติเหมือนกับแมวตัวอื่นๆ มีขนขึ้นเต็มตัวแล้วจ้า ทาสแมวจึงพาฉีดวัคซีนครบ จากนั้นได้พาไปไว้สถานที่ที่เดิมที่น้องเคยอยู่เหมือนเช่นเดิม พอเช้านี้ทาสเปิดประตูออกไป สิ่งที่ได้ยินคือเสียงเรียกแม่ๆ ไอ้เราก็มองหาตั้งนาน ปรากฏว่าไอ้เจ้าส้มแมวจรมานั่งรออยู่หน้าบ้านของเราจ้า จะเอายังไงดีเห็นสายตาแล้วอ้อนวอนมากเลยค่ะ ชาวเน็ตต่างเข้ามาคอมเม้นต์และอยากให้ทางผู้โพสต์ช่วยรับน้องไปเลี้ยงที เพราะดูๆแล้วนางเป็นแมวแสนรู้และอยากจะอยู่กับคุณจนกว่าจะหมดลมหายใจ ที่มา พรพิรุณ...

สาวโพสต์จะไม่ทนหลังคนที่เคยพูดใส่หน้า “ตูไม่เลี้ยง” เริ่มมีอาการเปลี่ยนไป

เพราะเป็นความได้ใกล้จากคนเป็นพ่อแม่หรือผู้สูงวัยที่เขาไม่อยากจะให้เอาเข้ามาเลี้ยง แม้ก่อนตัวเองเคยพูดบอกไม่เลี้ยงให้ต้องกลื่นน้ำลายตัวเอง เพราะได้เห็นถึงความน่ารักและความใส่บริสุทธิ์ของน้องแมวก็คงจะเป็นทุกรายแล้วที่เคยพูดไว้ว่าไม่เอาอย่าเอาเข้ามาบ้าน เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า LK Klaysang ได้โพสต์เรื่องราวของผู้เป็นพ่อที่เคยพูดใส่หน้าเธอในวันน้านบอกกับเธอเอาไว้ว่า "ตูไม่เลี้ยง" แต่หลังจากเธอได้เอาน้องมิ้วเข้ามาไว้ในบ้านพ่อก็เริ่มมาอาการเปลี่ยนไป และทุกวันนี้คำที่เคยพูดก็เปลี่ยนเป็นทำไมมุงไม่หาข้าวให้น้องกิน แม้ที่หนักไปกว่าคือการมายืนรีดเสื้อกันหนาวเพราะอาการเริ่มเย็นกลัวน้องจะหนาวแต่พูดกับลูกยังใช้มุงไม่พอบอกให้เลี้ยงน้องว่าลูกแทนคำว่าแมว และยังไม่พอรีดเสื้อให้เสร็จก็ยังเอามาเป่าพัดลมให้ก่อนกลัวเสื้อจะร้อนแล้วแมวใส่ไม่ได้ เพราะการได้ใกล้แล้วใจก็พองโตได้เห็นถึงการเติบโตของพวกเขาเลยทำให้ถูกตกเข้าไปเป็นทาส หรืออาจะด้วยการเอามาเลี้ยงในตอนแรกจะต้องคิดหน้าคิดหลังยามต้องลาจากด้วยพวกเขาสูงอายุเยอะแล้วเลยเคยพบเจอมาบ่อย และไม่อยากจะเจออีก เพราะนอกจากความพร้อมในการเลี้ยงดูสิ่งทีเราเองจะต้องมีคือการเตรียมใจเอาไว้ด้วยอายุขัยของน้องแมวหรือสุนัขไม่สามารถจะอยู่กับเราไปได้ตลอดกาล คนสูงวัยหรือคนเป็นพ่อแม่เขาคงจะเคยผ่านมาแล้วมันต้องเจ็บปวดใจมากเขาเลยไม่อยากจะให้เอามาเลี้ยงดู ที่มา LK Klaysang

ความน่ารักของอภิมหาแมวหลังฝนตกหนัก แต่ไม่ยอมเข้าบ้านเลยต้องทะเลาะกับทาสยกใหญ่

เพราะแม้แต่การมอบความรักเราก็ควรจะมีให้กันในความพอดีหรือการที่เรารักและตามใจเขาตลอดเช่นสุนัขหรือแมวก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ถูกเสมอไป เพราะการตามใจให้ตามใจมากเลยอาจจะเป็นภัยกับตัวของเขาเอง ด้วยค่านิยมเองหรือความชอบของมนุษย์พอเห็นน้องหมาหรือน้องแมวอ้วงกลมแล้วมันอาจจะดูน่ารัก แต่จริงๆแล้วมันอาจจะส่งผลร้ายกับตัวเขา เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า สิรวิชญ์ กันทะเมืองลี้ ได้โพสต์เรื่องราวของน้องมิ้วของเขาหลังจากฝนเริ่มตกลงมาแล้วแต่น้องไม่ยอมเข้าบ้านเพราะตัวดื้อๆ แต่ที่คนเขาโฟกัสกันไม่ใช่เพราะความดื้อแต่เป็นขนาดตัวของน้อง เพราะน้องเองมีขนาดตัวที่ใหญ่มากใหญ่เกือบจะเท่าหมอนหรือบางมุมกล้องใหญ่กว่าโซฟาไปแล้ว แต่เขาก็เลี้ยงดูแลมาด้วยความรักตลอดแม้จะถูกคนในทาสแมวมาม่าเกิดขึ้นก็ตาม เพราะความรักและพันธุกรรมของแมวแต่ละตัวไม่เหมือนกันบางตัวทำหมันแล้วให้เขากินน้อยเขาก็อ้วงขึ้นได้ หรือแม้อาจจะเป็นที่โครงสร้างก็ได้เพราะแมวบางตัวพวกเขามีโครงสร้างใหญ่เลยทำให้อ้วงง่ายเหมือนกับคน แม้เขาจะไม่ค่อยได้บอกรายละเอียดเกี่ยวกับน้องแมวแต่เขาก็ดูแลน้องมาดีตลอดและน้องแมวเขาก็ยังสบายดี และถึงแม้จะมีการเกิดมาม่าขึ้น แต่ความน่ารักของน้องก็สร้างรอยยิ้มให้กับคนในกลุ่มได้ แม้เราเองก็อยากจะบอกว่าคนเราเลี้ยงเรามีการแสดงออกถึงความรักลูกไม่เหมือนกันแต่ที่แน่ๆทุกคนเลี้ยงก็รักเช่นกันเพราะอย่างน้านเราก็อยากไปตำหนิหรือโทษผู้เป็นเจ้าของเขาเลย ที่มา สิรวิชญ์ กันทะเมืองลี้

ความแสบของน้องมิ้วตัวกลม หลังแอบทาสขึ้นไปบนหลังคาบ้านจนวุ่นวายกันทั้งอำเภอ

เพราะด้วยตัวเองเป็นสัตว์ที่ชอบคิดว่าตัวเองเป็นใหญ่ไม่ค่อยจะสนใจใครเลยเข้าใจว่าเป็นนายหรือประธานประจำบ้านเลยทำให้วุ่นวายกันทั้งอำเภอหรือลามไปเป็นตำบล เพราะตัวจนแอบขึ้นไปเล่นบนหลังคาเลยลืมดูว่ามันสูงและน้ำหนักตัวเองก็ไม่ใช่น้อย เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า BigBen Lake Basin ได้โพสต์เรื่องราวของภารกิจกู้ภัยชีวิตของน้องมิ้ว หลังจากได้ติดอยู่บนหลังคาบ้านเกือบ 10 ชั่วโมงและไม่สามารถจะลงมาเองได้และแม้ปกติตัวเองจะลงได้แต่วันนี้ลงไม่ได้หรือไม่อยากจะลงก็ไม่รู้ เลยลำบากคนเป็นทาสกันไปหมดเพราะต้องใช้คนทั้งหมดบ้านเลยมาคอยรับด้วยน้ำหนักตัวของน้องอุ้มคนเดียวก็จะไม่ไหวเอา ภาพเลยออกมาให้เห็นอย่างทุลักทุเรไปแม้ตอนขึ้นไปอุ้มลงมาก็ยังจะไม่อยากจะลงเลยดูท่าเลยลงมาแม่คงถือไม้เรียวรอ เพราะความคิดของน้องแมวเขาเป็นสัตว์ชอบความอิสระจะมีความคิดเป็นของตัวเองมากและไม่เหมือนกับสุนัขเลยแม้แต่นิด เราเองเป็นคนเลี้ยงแล้วก็ไม่ควรจะให้เขาออกไปอยู่ข้างนอกตอนที่เราไม่อยู่หรือลับสายตาเพราะถ้าเจ็บขึ้นมาเราเองคนเป็นทาสก็ต้องมานั่งพาไปรักษาอีก แม้รอบนี้ลงมาคงจะต้องถูกไม้เรียวอยู่บ้างแต่ถ้าถามว่าจะจำไหมก็คงบอกได้เลยว่าไม่ รอบหน้าก็คงจะขึ้นไปใหม่ละมุดเองก็คงจะต้องหาบันไดมาเอาไว้ขึ้นไปอุ้มลงมา เพราะเคยมีคนเขาบอกว่าถ้าเป็นซึมเศร้าให้หาแมวมาเลี้ยงแล้วจะหายก็คงจะเป็นเพราะแบบนี้แหละมั้ง ที่มา BigBen Lake Basin

แมวจรรูปหล่อหน้าตาเหมือนกับแมวพันธุ์ เห็นสาวเป็นไม่ได้เห็นแล้วต้องเข้าไปสีเข้าไปอวดว่าตัวหล่อ

ด้วยชีวิตที่เลือกเกิดไม่ได้จึงต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อมีชีวิตให้รอดพ้นในแต่ละวัน แม้จะต้องพบเจอกับอุปสรรคมากมายแค่ไหนก็ไม่มีใครรู้ได้ว่าลำบากแค่ไหน เหมือนกับเรื่องราวของเจ้าเหมียวจรตัวนี้ที่มีลักษณะเหมือนแมวพันธุ์สวยแต่ยังยังถูกทิ้งเลย . โดยผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : จักรวาล ฯฯ ได้เผยเรื่องราวลงในกลุ่มทาสแมวอันมีใจความระบุว่า อยากทราบว่าเน้องป็นแมวพันธุ์อะไรเหรอครับ ผมเห็นว่าน้องสวยดี และตัวผมเองก็เห็นน้องแกมาเป็นแมวจรมาแอบอาศัยอยู่ในโรงงานม่าได้ 1-2 ปีแล้วครับ น้องหน้าหล่อมากๆเลยนะเห็นสาวเป็นไม่ได้เลย น้องไม่ยอมให้คนเข้าไปจับเข้าไปสัมผัสโดยเด็ดขาด น้องกลายเป็นแม่แมวเพราะออกลูกออกมาหนึ่งตัวเป็นแมวสีดำ ทางโรงงานเขาก็ให้จับเอามาเลี้ยง จนเรื่องราวของน้องถูกโพสต์ลงในโลกออนไลน์ ชาวเน็ตต่างเข้ามาคอมเม้นต์และกล่าวว่า ดูจากรูปทรงและหน้าตาสีขนแล้วชาวเน็ตค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นแมวพันธุ์อย่างแน่นอน และพันธุ์นั้นก็คือแมวพันธุ์สลิดช็อตแฮร์แท้แม่ให้มา ถึงแม้ว่าน้องจะหน้าตาเหมือนกับแมวพันธุ์แต่น้องเป็นแมวบ้านๆนี่แหละหนา แต่น้องหน้าหล่อสีขนสะอาดสะอ้านเหมือนกับแมวพันธุ์ก็เท่านั้นเอง   ที่มา จักรวาล ฯฯ

แม้ตัวเกิดมาเป็นแมวพันธุ์ แต่กลับเป็นแมวจรไร้บ้านไร้คนคิดสนใจ ขนาดไล่ก็ไม่ไปเพราะตัวไม่เหลือใครอีกแล้ว

ถ้าเลือกได้คงไม่มีใครอยากเกิดมาเป็นแมวจร ด้วยตัวยังเล็กดูแลตัวเองก็ไม่ได้แต่ต้องมาลำบากตรากตำ ตากแดดฝนกลางแดดร้อน ไหนจะผู้คนที่ผ่านไปมา ไม่มีเลยที่จะมีคนรักน้องและคิดช่วยเหลือ แต่ก็ยังโชคดีที่มีคนให้ข้าวกินอยู่บ้าง แต่ติดปัญหาตรงที่ไล่ยังไงก็ไม่ยอมไปเสียที . โดยผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Muhammadfaisol Lateh ได้เผยเรื่องราวลงในกลุ่มทาสแมวอันมีใจความระบุว่า พี่ๆมีอะไรพอจะแนะนำให้น้องบ้างไหมครับ เรื่องของเรื่องเลยก็คือน้องเป็นแมวจรไม่ค่อยจะกินอาหาร เพราะทางผู้โพสต์เองพยายามแล้งที่จะหาอาหารให้น้องกิน จนเค้ารู้สึกสงสารก่อนจะเอาน้องกลับมาที่บ้าน จากการสอบถามคนแถวนั้นแกบอกว่าแมวใครก็ไม่รู้มีคนเอามาทิ้งไว้ที่บ้าน ให้ข้าวให้น้ำ5-6วันแล้ว ไล่ยังไงก็ไม่ไปเสียที และดูสภาพของน้องแมวสิ น้องเป็นแมวที่ไม่มีใครเอาและคิดสนใจใยดี แต่น้องกลับเป็นแมวที่น่ารักมาก สีขนลายตามตัวก็น่ารักสุดๆ จนเรื่องราวของน้องถูกโพสต์ลงในโลกออนไลน์ ชาวเน็ตต่างเข้ามาคอมเม้นต์และมีหลายท่านยิดดีขอรับน้องไป เอาไปเลี้ยง เอาไปดูแลให้ตัวเติบใหญ่มีครอบครัวที่อบอุ่น   บ้างก็บอกว่าถ้าดูลายตามตัวน้องเหมือนกับผสมอเมริกันช็อตแฮร์มาเลย...

อาลัยลูกรักไม่มีหวนกลับมา สาวทาสแมวได้แต่โทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุทำให้น้องต้องจากไป

คนเลี้ยงหมาแมวคงจะเข้าใจหัวอกกับความสูญเสียลูกรักไปแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ใครจะไปคิดว่าแค่การวิ่งเล่นเหมือนที่เคยทำจะทำให้ตัวน้องต้องจากไปก่อนวัยอันควร ทางเจ้าของเองก็รู้สึกผิดที่ช่วยน้องเอาไว้ไม่ได้ เหมือนกับเรื่องราวดังกล่าวนี้ที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา . โดยผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Tip Rungtip ได้เผยเรื่องราวลงในกลุ่มชุมนุมคนรักแมว พร้อมระบุข้อความเอาไว้ว่า แม่ขอโทษนะมู่ทู่ที่ข้ามไปเอาหนูเข้าบ้านช้าเกินไป มันเป็นช่วงเวลาแค่เสี้ยววินาทีหนูก็จากแม่ไปเสียแล้ว แม่ผิดเองลูกจ๋าที่ปล่อยไห้หนูไปวิ่งเล่นกันฝั่งนั้น แต่ตัวแม่นั้นกำลังจะข้ามไปรับหนูกลับมาอยู่แล้วเชียว ไปเกิดในภพภูมิที่ดีนะลูกเอ๋ยไปอยู่ดาวแมวนะลูกนะแม่ขอโทษจริงๆ และทางผู้โพสต์ยังได้เข้ามาคอมเม้นต์เพิ่มเติมอีกว่า ที่ตอนนั้นที่ทำให้น้องต้องจากไปก็เพราะว่าน้องโดนรถเหยียบ ในขณะที่ทางเจ้าของกำลังรถนำ้ต้นไม้อยู่ แล้วเค้ากำลังหยอกเล่นกันอยู่กับพี่แทน และพี่เขาคงหยอกกันแล้ววิ่งเข้าไปหารถ รถเขาคงไม่รู้หรอกนะว่าเหยียบเขาไปแล้ว เพราะเขาขับเร็วเราตั้งใจว่าถ้ารถน้ำเสร็จแล้วจะไปเอาเข้าบ้านหันหลังไปแค่แปบเดียวเองแปบเดียวจริงๆ จนเรื่องราวสุดเศร้าที่เต็มไปด้วยน้ำตานี้ถูกโพสต์ลงในโลกออนไลน์ ชาวเน็ตต่างเข้ามาคอมเม้นต์และขอแสดงความเสียใจกับการจากไปของน้อง และชาวเน็ตเองก็ไม่อยากให้โทษตัวเองเลยเหตุการณ์แบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่ถ้าเกิดขึ้นไปแล้วคนเป็นทาสยังไงแล้วก็ต้องทำใจและสู้ต่อไปให้ได้ ที่มา Tip Rungtip

สภาพชีวิตของเหล่าน้องมิ้วส้มจรที่หลังจากหนึ่งปีนี้ จะไม่มีใครคอยให้ข้าวให้น้ำกินอีกแล้ว

เพราะคนเราเวลาเกิดมาแล้วถูกเขาตกไปเป็นทาสเห็นแล้วเกิดความสงสารเวลาคนเป็นทาสเห็นแมวจรนอกบ้าน ก็จะอดไม่ได้ต้องแวะเล่นถามสารทุกข์สุขดิบมาตลอดแม้บางทียังเอามากอดหรือเป็นโรคแมวงอกเพิ่มเข้ามา แม้เธอเองก็รู็สึกแย่มากๆเพราะน้องส้มเหล่านี้เป็นจรมาขอข้าวกินที่บ้านเธอทุกวัน เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Areeya Makoon ได้โพสต์เรื่องราวรบกวนขอคำแนะนำจากเพื่อนๆเพราะหากเธอจะต้องย้ายไๆปจังหวัดอื่นช้ำที่สุดภายในหนึ่งปีข้างหน้านี้ เธอควรจะให้อาหารแมวจรที่ถูกนำมาปล่อยต่อไปจนกว่าเธอจะย้ายบ้านดีมั้ย เพราะสิ่งที่เธอกลัวคือ หากว่าวันหนึ่งจู่ๆเธอได้หายไปน้องจะไม่สามารถหาอาหารกินเองได้ เลยมาถามว่าน้องจะสามารถหากินเองได้มั้ยและเธอเองก็คงจะรู้สึกแย่มากๆที่ปล่อยน้องเอาไว้โดยที่ไม่รู้ว่าพวงเขาจะมีชีวิตเป็นอยู่ยังไงกัน น้องจะรอเธอหรือเปล่า เธอพยายามจะหาบ้านให้กับน้องแล้ว แม้ถามคนรู้จักที่ทำงานโพสต์ขอบ้านในกลุ่มเฟสมาเป็นมากกว่า 5 กลุ่มและน้องก็มี่ 6 ตัว รูปนี้คือหลังจากที่เธอเอาหารไปให้และน้องก็เดินตามมารู้สึกเสียใจมากที่พาน้องไปด้วยไม่ได้ แม้เธอจะโพสต์หาบ้านให้กับเหล่าแมวส้ม 6 ตัวไปแล้ว แต่ความหวังมันก็ริบหรี่มากเหลือเกินเพราะพวกเขาเป็นแค่แมวส้มแมวจร ไม่ได้เป็นแมวพันธุ์ที่เวลาหาบ้านให้ใครๆเขาก็มาแย่งกันอยากจะรับ ชีวิตเขาก็เลยต้องตกอยู่กันตามมีตามเกิดและด้วยเพื่อนๆอยากจะรับน้องไปเลี้ยงก็สามารถจะติดต่อกับทางต้นโพสต์ได้เลย ขอให้หนึ่งชีวิตส้มๆได้มีบ้านอยู่ขอไปเป็นคู่พวกเขาเป็นพี่น้องไม่อยากให้พรากจากหลังตัวถูกเอามาเทไว้เหมือนไร้ค่าตัวก็มีใจหนาทำได้ลง ที่มา Areeya Makoon

สภาพชีวิตแม่แมวจรที่พยายามดิ้นรนหาข้าวให้ลูกตัว แม้ตัวจะเจ็บเพราะถูกเขาทับมา

เพราะชีวิตหนึ่งชีวิตได้เกิดมามีหัวอกคนเป็นแม่แม้เจ็บแม้ยังทนสู้อดเอาไหว จำกระเสือกกระสนคลานดิ้นรนและทนไปหวังหาข้าวก้อนใหญ่ให้คอยประทังชีวิตลูกน้อยตัว เพราะเกิดมาเป็นจรจำอาศัยในโรงงานเขาถูกเขาทับเท้าเข้าเลยใช้งานสองขาหลังไม่ได้ ชีวิตเลยต้องใช้สองขาหน้าลากตัวเองไป เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า สุนันฑา ศิริสุนทร. ได้โพสต์เรื่องราวของน้องมิ้วจรที่โรงงานของแฟนเธอ เพราะน้องถูกรถทับเขาเธอเลยอยากช่วยน้อง น้องมีลูกๆอีกหลายตัวแต่ก็ไม่รู้ว่าน้องเอาลูกไปไว้ไหนแล้ว น้องถูกรถทับมาเลยต้องกระเผลกขาลากตัวไป เที่ยวหาข้าวหาน้ำแต่ก็ยังมีคนพอจะให้อยู่บ้างเธอเองก็อยากจะพาน้องไปรักษาแต่ไม่มีงบพอจะช่วยไหว เธอเลยอยากจะเข้ามาขอระดมทนรักษาน้องแมว เพราะจากผลเอ็กซเรย์แล้วพบว่าขาด้านขวาหลังต่อจากสะโพกหลุดจากเบ้า ข้อสะโพสกหักหลุดจากสันหลังซ้ายและขวา เลยทำให้ค่ารักษาในการใช้จ่ายสูงมากด้วยการประเมินจากคุณหมอและยังจะต้องมีค่าดูแลรักษาต่อจากการฝากเลี้ยง แต่ทว่าคนไทยเราก็มีน้ำใจกันมากเลยช่วยกันคนละไม้ละมือจนเธอออกมาบอกว่าปิดรับยอดแล้ว เพราพอจะรักษาน้องแล้วและขอให้พี่ๆมีแต่ความสุขความเจริญ และขอบคุณทุกคนที่ช่วยเข้ามาไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็คือการช่วยชีวิตแมวตัวหนึ่งให้มีลมหายใจต่อ และถ้ายอดจากการรักษาน้องส้มเหลือแล้วก็จะมอบยอดที่เหลือให้กับแมวตัวอื่นต่อไป เพราะชีวิตของพวกเขาต้องเกิดมาไร้บ้านหรือไร้คนดูแลยามเจ็บปวดต้องทนแม้จะขาดใจ ที่มา สุนันฑา ศิริสุนทร.

สาวโพสต์ร่ำไห้หลังต้องเสียแมวสุดที่รักไป แม้อยู่ร่วมใกล้โตมาด้วยกันอายุห่างกันไม่กี่ปี

แม้สิ่งหนึ่งที่เราเองจะต้องมีพร้อมก่อนจะรับแม้ตัวรักมากเพียงไหนวันหนึ่งจำต้องจาก ต้องถูกพรากไปด้วยอายุขัยคนสูงอายุหรือพ่อแม่เราเลยไม่ค่อยอยากจะให้เอามาเลี้ยงไว้เพราะใจจะต้องสลายลงยามจากลาลับไปอยู่ดาวแมว แม้จะเคยให้คำมั่นหรือสัญญากับเขาต้องเสียเขาไปแล้วไม่กลับคืน เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Poppap Manirat Chumrit ได้โพสต์เรื่องราวทร มานหัวใจสุดๆเลยคะ เพราะตั้งแต่เคยเลี้ยงแมวมาเธอก็จะดูแลและรักษาน้องแมวมาดีตลอด จนอยู่กันเกือบแกเฒ่าทุกตัว แต่วันนี้ใจต้องสลายเมื่อน้องแมวมาเทเธอไป โดยได้สัญญากันแค่วันเดียว เพราะน้องแมวของเธอถูกสุนัขฟัดเข้าพอดีญาติเขาย้ายมาอยู่แถวบ้าน เค้าก็เอาหมามาเลี้ยงแต่เอาไว้ในกรง แล้ววันน้านเค้าก็ปล่อยหมา หมาเขาเลยเข้ามาฟัดน้องแมวเธอ แม้จะพาไปหาหมอแล้วหมอบอกว่าหน้าจะถูกเส้นเลยทำให้น้องไม่สามารถจะเดินได้ เธอก็เลยคิดว่าวันนี้จะพาน้องไปหาหมอและเอ็กซเรย์ แต่น้องก็มาจากไปก่อนแม้ตอนนี้เธอเองก็ยังร้องไห้ไม่หยุดเพราะความคิดถึงและทำใจไม่ลงว่าเขาต้องจากเธอไปแล้วตลอดกาล แม้แต่แค่เวลาเพียงเสี้ยววินาทีเองก็มีค่ากับหนึ่งชีวิตที่ไม่สามารถแลกกลับคืนมาได้เลย เราเลยบอกกับเพื่อนๆเสมอว่าให้เลี้ยงพวกเขาให้อยู่ในสายตาไม่ให้ออก เพราะชีวิตของพวกเขาก็เหมือนน้องเด็กอายุแค่สามขวบเวลาได้รับภัยขึ้นมาพวกเขาไม่สามารถจะช่วยเหลือตัวเองได้เลย แม้แต่การรีบพาไปหาหมอก็อย่าไปรอเวลาเลยพวกเขาจากไปแล้วมันไม่คุ้มเลยกับการที่เรามานั่งห่วงเรื่องของเงิน ที่มา Poppap Manirat Chumrit