เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : เกรียงไกร ซื่อตรง ได้เผยเรื่องราวของเจ้าเหมียวที่เขานั้นได้เลี้ยงเอาไว้ โดยเจ้าเหมียวของเขานั้นที่ได้เก็บมาเลี้ยง โดยตัวน้องอาศัยอยู่ในตึกที่ไร้ผู้คนและอยู่อย่างโดดเดี่ยวภายในร้านตัดขนที่ย้ายออกไปแล้วเพราะเจ้าของร้านไม่ยอมเอาไปด้วย จนเขานั้นตัดสินใจขับรถ 600 กิโลเพื่อไปรับน้องแต่แล้วก็…
.
โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า การรักษาแมวที่เป็นเชื้อรา! หลายปีก่อนมานี้ได้มีพี่ที่รู้จักกับผมได้ยินเสียงแมวร้องเสียงหลงอยู่ในตึกข้างๆติดกับอ๊อฟฟิตซึ่งมีคนย้ายออกไปหมดแล้ว และด้วยความสงสัยผมก็เลยให้ พี่รปภ.มาไขประตูตึกเพื่อเข้าไปดูสักหน่อย
เมื่อเข้าไปแล้วซึ่งข้าวในตึกเดิมคือร้านอาบน้ำแมวและได้หมดสัญญาไปเมื่อต้นเดือนและเจ้าของร้านเขาก็ได้ย้ายออกไปเกือบสัปดาห์แล้ว ภายในตึกนั้นมีลูกแมวสีขาวตัวเล็กๆมากๆตัวนึงซ่อนตัวในกล่องรองเท้า ใกล้ๆกันก็มีถ้วยใส่อาหารแต่อาหารเม็ดได้หมดลงแล้ว ใกล้ๆกันก็มีถ้วยใส่น้ำซึ่งน้ำมีสีดำซึ่งสกปรก
พี่คนดังกล่าวจึงเข้าไปคว้าลูกแมวเอาไว้และอุ้มออกจากตึกในทันที และหลังจากนั้นพี่เขาก็หาเบอร์โทรผู้เช่าที่เช่าและย้ายออกไปและโทรไปสอบถามถึงประวัติของลูกแมวตัวดังกล่าวจึงได้ทราบว่า เดิมทีลูกแมวตัวนี้มีนักศึกษาคนนึงได้เอามาฝากอาบน้ำเพราะเป็นเชื้อราหลายครั้ง
แต่ครั้งล่าสุดเจ้าของกลับไม่ยอมมารับแมวตัวนี้กลับไปด้วยและทางเจ้าของร้านติดต่อเจ้าของไม่ได้เลย เมื่อหมดสัญญาเช่าตึกนั้นเองทางร้านจึงได้ย้ายของออกไปโดยไม่ยอมเอาลูกแมวไปด้วย พี่คนดังกล่าวจึงโทรมาหาผมเพื่อขอให้รับลูกแมวตัวนี้ไปดูแลที ผมกับภรรยาจึงรีบขับรถยนต์จากจังหวัดระนองระยะทางเกือบ 600 กิโลเมตร
เพื่อมารับลูกแมวตัวนี้ และหลังจากใช้เวลาเกือบ 8 ชั่วโมงผมและภรรยาจึงมาถึงยังกรุงเทพและนัดรับลูกแมวตัวดังกล่าวบริเวณย่านบางนาในเวลาเที่ยงคืนกว่า และหลังจากรับตัวลูกแมวแล้วก็ขับรถกลับ จังหวัดระนองในทันที เวลาประมาณช่วงสายๆของอีกวันนั้นเองผมและภรรยาจึงกลับมาถึงที่บ้าน และนอนพักผ่อน
ส่วนลูกแมวก็ให้น้ำให้อาหารอีกห้องแยกจากแมวตัวอื่นๆไว้ที่บ้าน ช่วงเย็นผมจึงพาลูกแมวตัวนี้ไปพบกับคุณหมอเพื่อเช็คค่าต่างๆดูว่าเป็นโรคติดต่อหรือไม่อย่างไร และหลังจากผลออกมาก็มีข่าวดีว่าลูกแมวตัวนี้ปลอดโรคติดต่อต่างๆ แต่ข่าวร้ายคือลูกแมวตัวนี้เป็นเชื้อราทั้งตัวเลยจ้า!!
ซึ่งก่อนหน้านั้นแมวที่บ้านก็เคยเป็นเชื้อรามาก่อนเป็นทั้งตัวและรักษาหายมาหมดแล้วจึงไม่ค่อยกังวลมากนักนะครับ เมื่อผมกลับมาถึงที่บ้านภรรยาผมจึงต้องตัดขนของลูกแมวตัวนี้ให้สั้นเพื่อที่จะดูว่าบริเวณไหนที่เป็นเชื้อราบ้าง ซึ่งสภาพหลังจากโดนตัดขนของลูกแมวตัวนี้ค่อนข้างยับเยินมาก
และแน่นอนผมจึงตั้งชื่อลูกแมวตัวนี้ว่า”ยู่ยี่”จากนั้นก็ใช้ยาฟังก์จีน๊อกซ์พ่นบริเวณที่เป็นเชื้อราทั้งเช้าเย็นของทุกวัน เมื่อเวลาผ่านไปไม่กี่วันบริเวณที่เป็นเชื้อราก็จะแห้งและตกสะเก็ด จึงต้องอาบน้ำและขัดบริเวณที่ตกสะเก็ดด้วยแชมพูมาลาเซ็บจากนั้นก็เช็ดตัวให้แห้งสนิด
หลังจากทำซ้ำๆวนไปวนมาเกือบเดือนเชื้อราก็หายไปหมด ขนก็เริ่มขึ้นสวย จากนั้นผมจึงพายู่ยี่เข้าบ้านให้ได้รู้จักกับแมวตัวอื่นๆภายในบ้าน ซึ่งแน่นอนว่ายู่ยี่ย่อมเป็นที่ชื่นชอบของแมวหนุ่มๆ และแน่นอนแมวในบ้านที่ให้การต้อนรับน้องยู่ยี่เป็นอย่างดี…
ที่มา เกรียงไกร ซื่อตรง